คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : CHAP.11
Story: Beastly
Chapter:11
Status : Long fiction
Pairing : Khunwoo
Type : Drama
มือเล็กผลักหน้าต่างให้เปิดออก สายลมยามค่ำคืนพัดโชยมา กลิ่นดอกกุหลาบในสวนหลังบ้านลอยมาตามลมพาใจอูยองให้เศร้าหวนนึกถึงใครอีกคนที่อยู่แสนไกล บนฝากฟ้าที่เขาไม่มีสิทธิตามหาพบ ความตายเท่านั้นที่จะพาให้เราสองคนได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง อูยองหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อคลายความตึงเครียดที่อยู่ในใจ ยามเมื่อกลิ่นดอกกุหลาบพากันหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา เขารู้สึกอบอุ่นราวกับคนผู้นั้นได้โอบกอดเขาไว้ข้างกาย
“ทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบเลยนายน่ะ” อูยองหันไปตามต้นเสียง ปรากฎร่างเพื่อนรักยืนอยู่ด้านหลัง จุนโฮยืนกอดอกพลางส่งยิ้มอบอุ่นมาให้ จุนโฮรู้ดีว่าทำไมเพื่อนของเขาต้องนั่งทอดถอนใจใบหน้าเศร้าหมองได้ขนาดนี้
“จุนโฮ มาเงียบๆตกใจหมดเลย” อูยองผละจากหน้าต่างก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวเล็กที่อยู่ไม่ไกลนัก
“ได้ข่าวว่านายหุ้นส่วนนั่นจะรุกจีบนายเหรอ?”
“พี่จุนซูเล่าให้ฟังใช่ไหมเนี่ย สายสัมพันธ์ของพี่น้องนี่น่ากลัวจริงแหะ”
“นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยอูยอง อย่าเลี่ยง” จุนโฮดักทางเพื่อนอย่างรู้ทัน อูยองมีคนมาตามจีบมากมายตั้งแต่สมัยเรียนแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าอูยองจะสนใจใครเลยแถมยังบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกเขาซะด้วยจนต้องตามสืบเอง คราวนี้แหละจุนโฮผู้นี้จะต้องเค้นคำตอบให้ได้
“อืม เขาจะจีบฉัน แต่ฉันคงไม่สนใจเขาหรอก” ร่างเล็กพูดพลางหยิบไหมพรมขึ้นมาถัก
“ทำไมล่ะ เขาก็เอ่อ...หล่อดี” จุนโฮพูดหยั่งเชิงเมื่อเห็นว่าอูยองมีท่าทีแปลกๆไปเมื่อพูดถึงนายคนนั้น เหมือนที่พี่จุนซูบอกจริงๆแหะ
“ไม่ละจุนโฮ ฉันไม่อยากรักใครอีกแล้ว ไม่เอาอีกแล้ว”
“โธ่เอ๊ย อูยอง นายน่ะควรจะลืมแล้วเริ่มใหม่ได้แล้วนะ บางทีคนๆนี้อาจจะดีกว่าคนเดิมก็ได้”
“ไม่หรอก ฉัน...ไม่อยากทำให้ใครต้องมาตายเพราะฉันอีก”
“อูยองอ่า ถ้าการที่นายคิดว่าความรักของนายทำให้คนอื่นตายนายคิดผิดแล้วล่ะ “ อูยองเงยหน้ามองเพื่อนรักนิ่งก่อนน้ำตาจะพากันหลั่งไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย
“เห้ยยยยย ร้องไห้อีกแล้ว อูยองฉันว่าตลอดห้าปีที่ผ่านมาเนี่ยน้ำตาของนายเอาไปสร้างทะเลสาปได้เลยนะ” มือเล็กสาละวนเช็ดน้ำตาให้เพื่อนรักจุนโฮชินกับสภาพแบบนี้แล้วล่ะ อูยองมักจะร้องไห้อยู่เสมอเมื่อมีคนพูดอะไรสะกิดให้อูยองต้องหวนนึกถึงคนๆนั้นซึ่งไอ้คนที่พูดบ่อยๆก็ไม่ใช่ใคร อีจุนโฮเนี่ยแหละ
“เลิกร้องไห้เถอะอูยอง ต่อให้นายร้องจนไม่เหลือน้ำตา คนๆนั้นเขาก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก อีกอย่างนะถ้าเขาเห็นนายเป็นแบบนี้เขาจะไปสบายได้ยังไง”
“....”
“เริ่มต้นใหม่เถอะนะ พยายามลืมเถอะ ถ้าการจดจำคนๆนั้นทำให้นายเจ็บปวดก็ลืมเถอะ ลืมเหมือนว่าไม่เคยพบกันมาก่อน”
“ฉันจะทำได้ยังไงจุนโฮ จะทำได้ยังไงกัน”
พลันสายลมพัดผ่านเข้ามาในห้องอีกครั้ง กลิ่นกุหลาบยามค่ำคืนฟุ้งกระจายไปทั่วห้อง ปรากฎร่างนกพิราบสีขาวบินเข้ามา ก่อนจะลงมาเกาะที่ตักของอูยอง ดวงตาเล็กเบิกโพลงด้วยความตกใจ
“จะ...เจ้าสำลี” นกน้อยมองหน้าผู้เป็นนายราวกับดีใจที่ได้พบกันอีกครั้งก่อนจะซบลงที่ตักอีกครั้ง
“แกจริงๆด้วย” อูยองอุ้มนกน้อยมากอดไว้แนบอก ใช่เจ้าสำลีแน่ๆต้องใช่แน่ๆ
“อูยอง...นกตัวนี้ไม่ใช่...”
“ต้องใช่ จุนโฮ ฉันจำมันได้”
“อูยอง....นกพิราบตัวไหนก็เหมือนกันแหละ ฉันว่านายปล่อยมันไปเถอะ อุ้มไว้นานๆมันจะเฉามือนะ”
“ไม่จุนโฮ ฉันจะไม่ปล่อยมันไป”
อูยองกระชับอ้อมกอดให้แน่นมากขึ้น เขารู้สึกราวกับว่าได้โอบกอดคุนนี่ไว้อีกครั้ง ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งใจ
จะเป็นไปได้ไหม...ว่าคุนนี่จะยังไม่ตาย
.
.
.
.
.
นิชคุณนั่งมองขวดเปล่าที่ก่อนหน้านี้บรรจุบรั่นดีชั้นเยี่ยมไว้จนเต็ม น้ำตาเหือดแห้งไปแล้ว แต่บาดแผลในใจยังคงเหวอะหวะเช่นเก่า แม้จะเมามายจนไร้สติแค่ไหนก็ไม่อาจทำให้ลืมความเจ็บปวดที่มีอยู่ได้เลย
“พี่จะกินให้โรงกลั่นเหล้าเจ๊งใช่ไหมเนี่ย พอเถอะ” ชานซองฉวยเอาแก้วเหล้าในมือพี่ชายมาก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามจ้องหน้าพี่ชายนิ่ง
“นายไม่เป็นฉันนายไม่เข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง”
“ใช่ผมไม่เข้าใจหรอก แต่ที่พี่ทำอยู่มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ดีเลยนะ พี่ชายคนเก่งคนที่มีเหตุผลไปไหนซะล่ะ ตรงหน้าผมเนี่ยคือไอ้ขี้เมาคนนึงเท่านั้น” นิชคุณเงยหน้ามองน้องชายที่ตอนนี้แววตาของชานซองเต็มไปด้วยความผิดหวัง เขาไม่เคยเป็นแบบนี้เลย อูยองเปลี่ยนแปลงเขาเสมอ อูยองทำให้เขาสูญเสียความเป็นตัวเอง
“ถ้าเขาไม่รักพี่แล้ว พี่ก็หยุดเถอะ มีผู้หญิงมากมายให้ความสนใจพี่ พี่มีทุกอย่าง แล้วพี่จะไปแคร์เขาทำไม”
“ใช่...ชานซองพี่มีทุกอย่าง แต่ถ้าพี่ไม่มีอูยอง ทุกอย่างก็ไม่มีความหมาย ไม่มี...”
“พี่ครับ...พี่ฟังผมนะ พี่อย่ายึดติดเลย อดีตมันก็แค่อดีตแค่ความทรงจำ พี่จดจำมันไว้ได้แต่อย่าเอามันมาทำลายปัจจุบัน ผมรู้ว่าพี่รักเขา
มาก และมันยากที่พี่จะเลิกรักเขา แต่ผมว่านะมันก็ไม่ยากที่พี่จะเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนหนึ่งคนที่รักพี่ด้วยหัวใจ”
“ไม่ได้หรอกชานซอง พี่จะรักใครได้อีกในเมื่อพี่รักเขา รักแต่เพียงเขา มีทำไม่ได้”
“โธ่เอ๊ย” ชานซองเอ่ยออกมา พี่ชายของเขารักคนๆนั้นมากขนาดนี้ได้อย่างไร ความรักจะมั่นคงอะไรได้ขนาดนั้น ดูคุณอูยองสิผ่านไปห้าปีเขาก็เริ่มต้นกับคนอื่นไปแล้ว ทำไมยังมีแต่พี่ชายของเขาที่ยังจมอยู่กับความรู้สึกของตัวเอง ปล่อยให้มันมาเหนี่ยวรั้งให้ยึดติดอยู่กับเรื่องเดิมๆอยู่ได้ เขาไม่เข้าใจหรอกเพราะเขาไม่เคยมีความรักแต่ถึงจะมีเขาคงไม่โง่งมกับมันขนาดนี้
“พี่ครับ...แต่คุณอูยองเขารักคนอื่นไปแล้วนะครับ”
“พี่จะแย่ง”
“ห่ะ?”
“ต่อให้ต้องทำอะไรพี่จะแย่งอูยองมา พี่จะทำให้อูยองกลับมารักพี่เหมือนเดิม ถ้าอูยองรังเกียจคนจนๆหน้าตาอัปลักษณ์คนนั้น พี่ก็จะทำให้อูยองรักในตัวของพี่ตอนนี้ ถ้าเขารักในเงินทองและรูปลักษณ์พี่ก็จะมอบให้เขา”
“แต่พี่...”
“พี่ตัดสินใจแล้วชานซอง พี่จะแย่งอูยองมา ไม่ว่าจะต้องทำยังไงพี่ก็จะทำ” ชานซองจนใจที่จะเอ่ยห้ามพี่ชายอีกแล้ว เขาจะปล่อยให้มันเป็นไปอย่างที่พี่ชายของเขาต้องการให้มันเป็น ให้พี่ชายเขารู้ด้วยตัวเองว่าสุดท้ายแล้วเรื่องนี้คนที่จะเจ็บที่สุดก็คือพี่ชายของเขาเอง
.
.
.
.
ร้านกาแฟยามบ่ายไม่คนค่อยมีผู้คนพลุกพล่านมากนัก อีจุนโฮชอบบรรยากาศของที่นี่ที่สุด การจิบกาแฟแก้วโปรดพร้อมกับอ่านหนังสือไปด้วยเป็นช่วงเวลาที่เขารู้สึกผ่อนคลาย งานสอนในมหาวิทยาลัยช่างเหน็ดเหนื่อยเกินกว่าตัวเขาจะรับไหวหากแต่คือสิ่งที่เขารัก การทำอาหารคือสิ่งที่อีจุนโฮใส่ความเป็นตัวเองลงไปมากที่สุด เขาจึงรู้สึกเป็นตัวเองมากที่สุดเมื่ออยู่ในครัวเพราะเมื่ออยู่ภายนอกเขาคือลูกชายของตระกูลอีที่ผู้คนต่างจับตามอง จึงไม่แปลกที่จุนโฮต้องทำท่าเหวี่ยงใส่คนรอบข้างอยู่เสมอทั้งๆที่ตัวเขาเองไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย
“มาคนเดียวเหรอครับ?” ฮวังชานซองยืนหน้ามาจนจุนโฮตกใจเผลอปล่อยหนังสือหลุดลงพื้น ร่างเล็กวางแก้วกาแฟลงก่อนจะถอนใจออกมา ช่วงเวลาแห่งความสุขได้ถูกทลายลงแล้ว
“นายมาที่นี่ได้ยังไง”
“ฉันไปหานายที่บ้าน พ่อบ้านของนายบอกว่านายออกมาที่นี่”ชานซองถือวิสาสะนั่งลงตรงข้ามจุนโฮโดยไม่สนใจสายตาที่มองเขาราวกับ
จะฆ่าให้ตาย
“นายรู้ไหมว่าการกระทำของนายมันเสียมารยาทมาก แถมนายยังมาทำลายบรรยากาศของฉัน”
“ฉันขอโทษอันที่จริงฉันแปลกใจนิดหน่อยที่เห็นว่าขานายหายดีแล้ว”
“ฉันไม่สำออยขนาดนั้น อีกอย่างงานของฉันหยุดไม่ได้ฉันมีเวลาป่วยไม่กี่วันหรอก”
“งาน? นายทำงานอะไร?”
“ฉันเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยใกล้ๆนี้ เอ๊ะ!!แล้วฉันจะมานั่งตอบคำถามนายทำไมกัน ไปไกลๆเลยฉันจะอ่านหนังสือต่อ”จุนโฮพูดพลางชูหนังสือในมือให้ชานซองดู
“ฉันจะมาคุยเรื่องคุณอูยอง” ชื่อในประโยคทำให้จุนโฮชะงัก มือเล็กวางหนังสือลงบนโต๊ะเช่นเคยก่อนจะท้าวคางฟังคนตรงหน้าอย่าง
ตั้งใจ
“นายมีอะไรกับเพื่อนฉันก็พูดมา อ้อ แต่ถ้าคิดจะจีบน่ะฝันไปเถอะ เพื่อนฉันไม่สนคนอย่างนายหรอก”
“ฉันไม่ได้จะจีบคุณอูยองนะ แค่จะมาเตือน”
“เตือนอะไร นอกจากเป็นหมอทั่วไปแล้วนายยังเป็นหมอดูอีกเหรอเนี่ย ถามจริงว่างเหรอ?”
“หึย จุนโฮฟังฉันก่อนเถอะอย่างเพิ่งเถียง ฉันจะพูดเรื่องพี่ชายฉันกับคุณอูยอง”
“อ่อ ก็ว่ามาสิ” จุนโฮนั่งกอดอกไขว่ห้างเตรียมฟังเต็มที่ ชานซองสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมด จุนโฮตาเบิกโพลงเมื่อได้ฟังเรื่องทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ นิชคุณคือคนๆเดียวกับที่อูยองเจอที่เมืองไทย นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เขางงไปหมดแล้ว
“พี่ชายฉันเสียใจมากเมื่อรู้ว่าคุณอูยองมีคนรักแล้ว คือครูสอนดนตรีคนนั้น”
“ครูสอนดนตรี? พี่จุนซูน่ะเหรอ?”
“นายรู้จัก?”
“ให้ตายสินอกจากพี่ชายนายจะงี่เง่าแล้วยังเชื่อคนง่ายซะด้วยนะ พี่จุนซูเป็นญาติของฉัน เป็นพี่ชายของฉัน”
“แล้วพี่ชายนายกับคุณอูยอง...”
“ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่าอูยองไม่ได้เป็นอะไรกับพี่จุนซู ฉันเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันเลย พี่จุนซูเป็นหลานของแม่ฉันเราโตมาด้วยกัน พี่จุนซูเอ็นดูอูยองแบบน้องชายเท่านั้น ฉันไม่รู้หรอกนะว่าพี่ชายนายเอาความคิดบ้าๆนั่นมาจากไหน”
“ก็นั่นแหละที่ฉันไม่รู้ เมื่อวันก่อนพี่กลับมาบ้านก็ร้องไห้ฟูมฟายฉันเองก็ไม่ได้ถามว่าใครเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง แต่ที่แน่คนๆนั้นไม่ได้หวังดีแน่นอน”
“คนๆนั้นไม่ได้หวังดีกับเพื่อนฉันต่างหาก นายคงไม่รู้สินะว่าความรักทำอะไรกับมนุษย์อย่างเราได้มากกว่าที่นายคิด ถ้าพี่ชายนายเสียใจจนขาดสติแล้วเอาปืนมายิงเพื่อนฉันตายขึ้นมาจะเป็นยังไงกันล่ะเนี่ย”
“นี่นายเห็นพี่ชายฉันเป็นฆาตกรโรคจิตหรือยังไง เขาไม่มีวันฆ่าคุณอูยอง เขารักคุณอูยองมากนะ”
“น้อยไปสิ นายเคยได้ยินไหม ยิ่งรักมากยิ่งเกลียดมาก “
“ไร้สาระน่า พี่ชายฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ เขาคงจะ...”
“แล้วผู้ใหญ่ที่ไหนคิดแบบพี่ชายนายกัน มีอย่างที่ไหนไม่ทันถามคนอื่นก็ทึกทักเอาเอง “ จุนโฮพูดอย่างหัวเสีย ก่อนจะพยายามสงบจิตใจของตัวเองลงเพื่อจะหาทางแก้ปัญหากับคนตรงหน้าต่อไป
“ว่าแต่...นายจะทำยังไงต่อไป”
“ก็ไม่รู้ไง ถึงได้มาปรึกษานายนี่แหละ หรือว่าเราควรบอกความจริงพี่ชายฉัน”
“ไม่มีประโยชน์อะไร พูดไปพี่ชายนายก็ไม่เชื่อหรอก อารมณ์หึงหวงขึ้นสมองซะขนาดนั้น”
“แล้วทำยังไงดีล่ะ นายมีความคิดอะไรดีๆไหม?”
“ฉันว่านะ...บางทีเรื่องนี้อาจจะเกินกำลังเราสองคนไปแล้วก็ได้ เรื่องของคนสองคนถ้ามีคนที่สามที่สี่เข้ามาเรื่องจะไปกันใหญ่เสมอ ฉันว่าหน้าที่ของเราก็คือคอยสังเกตการณ์กันก่อนว่าพี่ชายนายจะทำอะไรต่อไป แล้วเราค่อยมาคิดหาวิธีการต่อไป”
“ก็ได้ งั้นเรามาร่วมมือกัน ฉันก็จับตาดูพี่ชายของฉันส่วนนายก็จับตาดูคุณอูยอง ตกลงไหม?”ชานซองพูดพลางยื่นมือไปข้างหน้าก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้อีดฝ่าย
“ตกลง” จุนโฮจับมือของชานซองก่อนทั้งคู่จะส่งยิ้มให้กันไปมา นี่เป็นสัญญาสงบศึกระหว่างคนทั้งคู่ใช่หรือไม่? แต่ที่แน่ๆภายในใจของทั้งสองกำลังมีบางสิ่งก่อตัวขึ้นมาอย่างเงียบๆ โดยไม่รู้ตัว...
.
.
.
.
.
เป็นอีกวันที่อูยองเอาแต่ขลุกอยู่ในโรงเรือนกุหลาบ ร่างเล็กมักจะมาที่นี่เสมอเมื่อใจหวนนึกถึงใครบางคน การที่อูยองอยู่ใกล้ดอกกุหลาบเหล่านี้ก็เหมือนกับการที่อูยองได้อยู่ใกล้ชิดๆกับคนๆนั้น หัวใจที่แห้งเหี่ยวได้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง ร่างเล็กง่วนอยู่กับการดุแลเหล่าดอกกุหลาบหลากสีจนไม่ทันสังเกตว่ามีคนเข้ามา
“คุณหนูค่ะมีคนมาขอเข้าพบ”
“บอกเขาไปว่าฉันไม่ว่าง ไม่อยากพบใคร” อูยองพูดโดยไม่เงยหน้าจากกระถางดอกไม้
“ใจร้ายจังนะครับ” เสียงที่เปลี่ยนไปทำให้อูยองต้องเงยหน้าขึ้นมาจากกระถางอย่างเสียไม่ได้
“คุณนิชคุณ”
“สวัสดีครับ ไม่ได้พบกันตั้งหลายวัน”
“เหรอครับ? แต่ก็ดีแล้วนะครับที่เราไม่ได้พบกัน คุณมีธุระอะไรกับผมเหรอ”
“ผมจะมาชวนคุณอูยองไปทานอาหารเย็น”
“เกรงว่าจะไม่ได้ ผมมีนัดแล้ว”
“มีนัดแล้ว? กับใครครับ ครูสอนดนตรี?”
“แล้วแต่คุณจะคิด” อูยองพูดก่อนจะหันไปตัดกิ่งกุหลาบเช่นเดิม มือหนาคว้าข้อมือเล็กไว้อูยองหันมาประจันหน้ากับนิชคุณก่อนจะพยายามแกะมือที่เกาะกุมข้อมือของตนออกแต่ก็ไม่ได้ผล
“ปล่อย คุณไม่มีสิทธิอะไรมาแตะต้องตัวผม”
“ทำไม? กลัวคิมจุนซูมาเห็นหรือไง?”
“มันเรื่องของผม ปล่อยผมนะ” อูยองพยายามต่อสู้กับคนตรงหน้าอย่างสุดกำลังแต่ดูเหมือนว่าพละกำลังของอูยองจะไม่พอต่อกรกับ
คนๆนี้ได้เลย
“รักคิมจุนซูมากขนาดนั้นเลยเหรอ” นิชคุณน้ำตาคลอเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กมีท่าทีรังเกียจตนเองเพียงใด
“ใช่ผมรักพี่จุนซู รู้อย่างนี้ก็ปล่อยได้แล้ว” นิชคุณรวบคนตัวเล็กเข้ามากอด ถ้าอูยองบอกให้เขาปล่อยเขาก็จะไม่ปล่อย ถ้าอูยองพยายาม
จะจากเขาไปเขาก็ตามกลับมา และถ้าอูยองคิดจะมอบหัวใจให้ใครเขาก็จะเอามันกลับมา
“”ปล่อยผมนะ”อูยองดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง มือเล็กทุบหน้าอกของร่างสูงเต็มแรงโดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือไม่
“รังเกียจฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ใช่คุณมันน่ารังเกียจ ผมเกลียดคุณ”
“งั้นเหรอ รังเกียจฉันใช่ไหม” ร่างสูงจับท้ายทอยของร่างเล็กก่อนจะประทับริมฝีปากลงอย่างรุนแรงด้วยโทสะจนได้รสเลือด อูยองพยายามดิ้นจนหมดแรง ทำไมกันนะ?ทำไมเขาไม่ผลักคนๆนี้ออกไปทำไมเขาถึงยอมให้คนๆนี้สัมผัสตัวเขาอูยองไม่เข้าใจตัวเอง เมื่อเห็นอูยองไม่ดิ้นนิชคุณก็ยิ่งได้ใจรสจูบเปลี่ยนเร่าร้อนมาเป็นอ่อนหวานนนุ่มนวลริมฝีปากหนาค่อยๆละเลียดชิมความหวานจากริ้มฝีปากบางอย่างทนุถนอมก่อนจะค่อยๆผละออก
“อูยองอ่า...” เอ่ยเรียกอีกฝ่ายเมื่อเห็นว่าอูยองนิ่งสนิทไป
“....”
“อูยอง...” นิชคุณใจไม่ดีเมื่อเห็นว่าอูยองกำลังร้องไห้
“ทำได้แค่นี้เหรอ คุณทำกับคนที่คุณบอกว่ารักแบบนี้เหรอ? “ อูยองพูดทั้งน้ำตา
“....”
“ใครที่รักคุณคงจะเป็นคนที่โชคร้ายมากเลยนะ แม้แต่ความรักของตัวเองคุณก็ดูถูกมัน”
“....”
“ผมจะบอกอะไรให้นะ ผมไม่มีวันรักคุณลงหรอก ไม่มีวัน” อูยองปาดน้ำตาก่อนจะเดินผ่านนิชคุณไป
“ฉันก็ทำอย่างนี้กับทุกคนไม่ใช่แค่นาย” ประโยคนี้ของนิชคุณทำให้ฝีเท้าของอูยองหยุดชะงักลง แต่ก็ไม่ได้หันหน้ามามองอีกฝ่ายแต่อย่างใด
“งั้นเหรอ งั้นคำว่ารักของคุณก็คงมอบให้ใครง่ายๆเหมือนกันสินะ” อูยองพูดออกไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“ใช่ ฉันก็แค่พูดไปอย่างนั้น มันเป็นเรื่องของธุรกิจน่ะ”
“งั้นเหรอ ความรักของคุณคือการได้มาซึ่งเงินตรางั้นสินะ คนแบบคุณก็เหมือนกันหมด เงินคือพระเจ้า”
“นายเองก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ คุณหนูเล็กของตระกูลอ๊ก เกิดมาบนกองเงินกองทองสบายมาตลอด ก็คงรักเงินเหมือนกันนั่นแหละ”
“คุณไม่รู้อะไรอย่ามาพูดดีกว่า ผมไม่ใช่คนประเภทเดียวกับคุณผมขอตัว”พูดจบอูยองก็เดินจากไป นิชคุณก้มลงมองกระถางดอกกุหลาบที่ตั้งอยู่ใกล้ ดอกกุหลาบสีแดงชูช่อสวยงามก่อนมือหนาจะปัดกระถางหล่นแตกไม่มีชิ้นดี ร่างสูงทรุดตัวลงนั่งก่อนจะร้องไห้ออกมา
หัวใจของเขาแหลกสลายไม่มีชิ้นดี
TBC
กลับมาแล้วค่ะทุกคนนนนนนนนนนน วันหยุดยาวนี้ของมอบฟิคให้ทุกคนนะคะ(เกี่ยว?)
หายไปนานกลับมาพร้อมกับดราม่าเล็กๆ(เล็กเหรอ?)พอหอมปากหอมขอ
เรื่องราวก็เดินมาถึงจุดแตกหักแล้วค่ะ เพราะนางคนเดียว แต่เอาจริงๆนะคะ
จะโทษแต่เจสก็ไม่ถูก พี่คุณเองต่างหากที่ไม่เชื่อใจอูยอง
ตอนต่อไปอาจจะไม่นานเกินรอนะคะ ขอยคุณทุกคนที่ยังติดตามฟิดเรื่องนี้อยู่
แม้ว่าอิคนแต่งจะหายต๋อมไปนาน ขอบคุณจากใจค่ะ
ความคิดเห็น