❛G N O H N M I K {KIMNHONG}
ผู้เข้าชมรวม
2,323
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
G N O H N M I K
- 1 0 0 5-
เรียวขายาวก้าวออกจากรถบัสย่ำลงกลางแอ่งน้ำเฉอะแฉะบนถนนที่เพิ่งผ่านหยาดฝนในฤดูร้อนมาหมาดๆ ถึงแม้ร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางมานิดหน่อยแต่ทุกคนในทีมก็ต้องแข็งใจเดินเข้าสเตเดี้ยมอย่างเสียไม่ได้ จริงๆก็ไม่รู้ว่าจะโทษคนจัดไฟล์ทบินหรือว่าโทษประเทศเจ้าภาพดีที่จัดให้นักกีฬาต่างชาติแบบพวกเธอใช้สเตเดี้ยมซ้อมในวันแรกที่มาถึงแบบนี้
ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปในตัวอาคารดีก็ได้ยินเสียงของยางรองเท้าเสียดสีกับพื้นสนามที่คุ้นชิน มันดังนอกมาจากด้านใน นักกีฬาที่เพิ่งเข้ามาใหม่ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างแปลกใจ ก็ตามตารางที่อยู่ในมือของทุกคนมันบอกว่าคิวแรกของวันเป็นทีมชาติเกาหลีใต้ของพวกเธอนี่หน่าแล้วนักกีฬาที่เล่นอยู่ในสนามนี่คือ..
“ขอโทษนะครับ ผมเกรงว่าฝ่ายตอนรับที่ไปรับพวกคุณจากสนามบินมาที่นี่คงจะยังไม่ได้แจ้งว่าทางเราได้ปรับเปลี่ยนตารางการซ้อมเพื่อให้สะดวกแก่ทีมพวกคุณที่เพิ่งเดินทางมาถึง ยังไงรบกวนยึดตารางใหม่ด้วยนะครับ” ฝ่ายดูแลนักกีฬาของประเทศผู้จัดเดินเข้ามาอธิบายเรื่องราวกับโค้ชคิมอย่างสุภาพ ท่าทางที่สำนึกผิดและเสมือนกล่าวขอโทษในใจเป็นร้อยครั้งทำให้ทุกคนในทีมที่กำลังจะโวยวายเมื่อกี้กลับมองพนักงานคนนั้นอย่างเห็นใจ
“เอาหน่า คิดซะว่าเขาตั้งใจดีที่เห็นพวกเราเพิ่งมาถึงเลยย้ายตารางซ้อมเราออกไปแบบนี้” พี่สาวคนโตของทีมอย่างฮโยฮีพูดปลอบน้องๆหลังจากที่เห็นหน้าทุกคนเหมือนอยากจะทุ่มกระเป๋าลงพื้นกันซะเต็มแก่ โดยเฉพาะกัปตันคิมที่พร้อมจะเผาสัมภาระที่แบกมาทิ้งเพียงเพราะคิดว่าต้องแบกกลับที่พักไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็ทั้งเหนื่อยทั้งเพลียถ้ารู้ล่วงหน้าคงจะได้นอนพักสบายใจเฉิบไปแล้ว “ไปกันเถอะ”
“ออนนี ไปกันเถอะ!!” ฮีจินแอบสังเกตเห็นบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้นกับยอนคยองเลยลองเรียกย้ำอีกทีเผื่อว่าคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์อยู่จะรู้สึกตัว แต่เหมือนว่าคำพูดของฮโยฮีและฮีจินจะกลายเป็นอากาศธาตุ เพราะทุกความสนใจของคิมยอนคยองยืนอยู่กลางสนามนู้น
ยอนคยองไม่ได้สะทกสะท้านต่อคำพูดของเพื่อนร่วมทีมแม้แต่น้อย นัยน์ตาคมยังคงสนอกสนใจคนที่เล่นกับลูกบอลอยู่กลางสนามมากกว่า อย่าว่าแต่สนใจคำพูดของฮีจินเลยแค่กระพริบตาเจ้าตัวก็เกือบจะลืมไปเสียด้วยซ้ำ
“อะไรกันออนนี ยังชอบอะไรแบบเดิมๆอยู่อีกเหรอ” คำพูดทีเล่นทีจริงของฮีจินเรียกให้ยอนคยองตื่นจากภวังค์ได้แทบจะทันที ไม่ได้พูดดังอะไรเลยด้วยซ้ำฮีจินแค่พูดจี้ใจดำเท่านั้นเอง เพราะคำว่าชอบอะไรแบบเดิมๆของฮีจินนั้นไม่ได้ยากเกินกว่าจะหานิยามได้ ทุกอย่างตรงตัวราวกับมันไม่ใช่โค้ตลับอะไรด้วยซ้ำ
“อะไรเดิมๆบ้าบออะไรของแก ไปสิจะรีบกลับที่พักกันไม่ใช่หรือไง” คล้ายว่ากัปตันทีมเกาหลีใต้จะแพ้พ่ายต่อใครสักคนที่ยืนอยู่กลางสนามนั่นอย่างสิ้นเชิง นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นอาการขัดเขินของยอนคยองแบบนี้
ถึงฮีจินจะเพิ่งเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมของพวกเธาได้ไม่นาน แต่ก็เข้ามาทันที่จะเห็นอะไรๆที่เคยเป็นอยู่ แล้วก็ยังทันที่จะรู้ถึงอะไรๆที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย ก็ไอ่เรื่องราวระหว่างกัปตันคนก่อนหน้ากับกัปตันคนปัจจุบันของทีมมันเป็นความลับที่น้อยคนจะรู้ แต่หนึ่งในน้อยคนนั้นก็ยังมีฮีจินอีกคนที่ทราบเรื่อง ไม่แปลกที่ฮีจินจะพูดถึงเรื่องอะไรเดิมๆที่ว่า
คนที่ยอนคยองยืนจ้องอยู่นานสองนานนั้น ถ้าไม่นับทรงผมแล้วละก็มองรวมๆก็ดูไม่มีอะไรที่ต่างจากซานีออนนี กัปตันคนก่อนเท่าไหร่เลย ทั้งรอยยิ้มกว้างที่ถ้าลองได้ยิ้มเมื่อไหร่คงยกสองแก้มกลมให้เด่นขึ้นมาอีกเป็นเท่าตัว ทั้งนัยน์ตาสีนิลฉายแววซุกซนในทุกตอนที่สองมือสัมผัสลูกวอลเลย์ อีกอย่างที่ถ้าฮีจินไม่พูดถึงเห็นจะไม่ได้เลยคือเรียวขายาวที่มาพร้อมกับผิวขาวเนียน ก็อย่างที่บอกไปว่าผู้เล่นหมายเลขห้าของทีมที่กำลังลงสนามซ้อมนั้นมีส่วนคล้ายซานีออนนีมากจริงๆ
“ไหนๆก็มาแล้ว ทำไมถึงไม่ลองลงซ้อมด้วยกันดูละครับ” ภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งๆดังมาจากอีกฝั่งของม้านั่งสำรองเรียกให้ทีมเกาหลีใต้ทั้งทีมหันกลับไปมองยังต้นเสียง
“โค้ชเขาชวนอุ่นเครื่อง ทุกคนว่าไง?” ถึงจะอยู่ต่างประเทศแบบนี้แต่โค้ชคิมของพวกเราก็เลือกใช้ภาษาเกาหลีที่จะสื่อสารกับทุกคน
แล้วนักกีฬาอย่างเราๆก็ได้ยินคำว่าอุ่นเครื่องไม่ได้เสียด้วยซิ แต่มันก็ติดอยู่นิดเดียวแหละนิดเดียวจริงๆ สายตาหลายต่อหลายคู่จับจ้องไปที่กัปตันทีมร่างสูงที่ยืนมองสถานการณ์อยู่ห่างออกไปอย่างชั่งใจ ก็มีแต่คิมยอนคยองคนเดียวเท่านั้นแหละที่งอแงตั้งแต่ก่อนบินมาที่ญี่ปุ่นนี่แล้วด้วยซ้ำ เอาแต่บ่นว่าอยากพักๆเพราะเหนื่อยเรื้อรังจากการแข่งขันที่ตุรกีจบลง เธอก็ต้องรีบบินกลับมาเกาหลีเพื่อซ้อมกับทุกคนและบินยาวมาถึงญี่ปุ่นเพื่อร่วมการแข่งขันในรายการนี้กับทุกคนในทีม
“เอาซิ! ก็ไม่เหนื่อยเท่าไหร่นี่” ใบหน้าคมแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มสดใสแทบจะทันที เมื่อสมองของเจ้าตัวประมวลผลเสร็จว่าถ้าปล่อยให้มินิแมตซ์อุ่นเครื่องนี่เกิดขึ้นเธอเองมีแต่ได้กับได้ อาจจะได้เสียเหงื่อ แต่ก็สนุก แล้วที่ต้องได้แน่เหมือนแช่แป้งเลยก็คือได้รู้จักพี่สาวคนนั้นแน่ๆ.. ก็คิมยอนคยองคนนี้เกิดมาเพื่อทำเรื่องไร้สาระและจริงจังไปพร้อมๆกันนี่หน่า
เกมการแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นโดยมีผู้ช่วยโค้ชของทั้งสองทีมเป็นผู้ตัดสิน ในเกมนี้นอกจากที่นักกีฬาจะได้อุ่นเครื่องแล้ว กับโค้ชหลักของทั้งสองทีมยังได้บริหารสมองตัวเองในการคุมทีมอีกด้วย วัดจากขนาดฝ่ามือแล้วทั้งสองทีมดูเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีเลยทีเดียว ทั้งบอลหัวเสา บอลเร็ว และอีกหลากหลายกลยุทธ์ถูกงัดขึ้นมาใช้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เพียงแค่จบเกมแรกก็เรียกเหงื่อให้ตัวหลักที่ยืนยาวตลอดเกมได้ไม่น้อย โค้ชทั้งสองทีมเลยเห็นตรงกันว่าควรให้รุ่นใหญ่ได้พักและส่งตัวสำรองให้ลงไปลองสนามดูบ้าง
“ไทยแลนด์! ไทยแลนด์!” เสียงเชียร์จากม้านั่งสำรองของอีกทีมดังขึ้นตอนที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดให้นักกีฬาทั้งสองทีมลงสนามเพื่อเริ่มเกมที่สองได้
ถึงเกมเมื่อครู่จะพาเอาอาการเจ็บขอเท้ากลับมาอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หน่องลดความซ่าลงไปแม้แต่น้อย เจ้าตัวแสบของทุกคนยังคงสนุกกับเกมแม้จะเจ็บแปลบที่ตรงข้อเท้าก็ตาม
“แค่สนุกๆไม่เห็นต้องจริงจังขนาดนั้นเลย” โค้ชอ๊อดเอ่ยเตือนกัปตันหน่องที่ออกเสียงเชียร์เกมที่กำลังดำเนินต่ออย่างสุดตัว
“ข้อตกลงของโค้ช นี่ก็คงแค่สนุกๆด้วยงั้นสินะคะ” หน่องนิ่วหน้าแทบจะทันที ที่โค้ชพ่นคำว่า แค่สนุกๆ ออกมาจากปาก ถ้ามันสนุกอย่างที่ว่าทำไมต้องกดดันด้วยการทำข้อตกลงบ้าบอนั่นด้วย
“วิ่งรอบสนามเท่ากับจำนวนแต้มที่เสียไป.. มันไม่สนุกหรอกเหรอกัปตัน” ข้อตกลงบ้าบอที่หน่องว่ามันตอบทุกคำถามที่ใครต่อใครชอบถามว่า โค้ชอ๊อดนี่โหดจริงไหม ได้แบบสบายๆเลย
“เหมือนโค้ชกำลังบอกให้เราวิ่งรอบสนาม 75 รอบอย่างไงอย่างงั้นเลย” ไม่ผิดคำที่หน่องพูดแม้แต่น้อย ถึงรูปเกมจะเป็นไปแบบสูสี แต่แต้มสุดท้ายของเกมที่สองก็เหมือนเกมแรกไม่ผิดเพี้ยน บนสกอร์บอร์ดบอกว่าคะแนนที่ 25 เป็นของทีมเกาหลีใต้อีกแล้ว
“พูดแบบนี้เหมือนคิดจะจอดแค่เกม 3 หรือไงหน่อง”
“ก็เขาเก่งนี่..”
“หมายถึงทีมเกาหลีใต้ หรือหมายถึงใครเฉพาะเจาะจงไหมที่ชมไปแบบนั้นน่ะ” นุสราที่นั่งฟังอยู่นานแอบแซวหน่องทันที ถ้าคุณสมบัติตาไวหูไวเป็นของนักวอลเลย์ นุสราคนนี้ก็พกมันมาแบบเต็มเปี่ยม สายตาของใครบางคนที่จับจ้องอยู่ที่หน่องอย่างไม่คาดสายตานุสก็รู้สึกได้ถึงมัน ทั้งๆที่เจ้าตัวอาจจะยังไม่รับรู้อะไรด้วยซ้ำ
“รวมๆแล้วเขาเข้าขากันดีนะ ออกจะประหลาดด้วยซ้ำที่ตัวหลักอย่างกัปตันเขาเล่นลีกต่างประเทศแต่กลายเป็นว่าคนที่ไม่ค่อยมีเวลาให้ทีมอย่างเขาเป็นตัวเชื่อมทุกคนในทีมได้ดีอะพี่นุส” นัยย์ตาคมยังคงจับจ้องอยู่กับเกมในสนาม ปากก็เอ่ยวิเคราะห์ทีมตรงข้ามให้พี่สาวคนสนิทฟัง
“ผมว่า เขาดูเป็นผู้เล่นที่พิเศษดีนะ คนที่มีลักษณะแบบนี้ทีมอันดับ 1 อย่างจีนยังไม่มีเลยมั้ง คนที่เป็นเหมือนโค้ชอีกคนในสนาม เขาไม่เหมือนคนเก่งทั่วไปนะที่แบบคอยแต่จะโชว์พาวไม่สนใจทีม แต่เขาเป็นคนเก่งที่คอยทำให้ดู เขาเหมือนสอนในน้องในทีมเห็นว่าต้องทำอย่างไง และทำให้ทุกคนเชื่อว่าฉันทำได้คุณก็ต้องทำได้.. หน้าตา ท่าทางเขาบอกแบบนั้น นุสกับหน่องลองสังเกตุดูสิ”
“เขาชื่ออะไรนะลุงอ๊อด” นุสหันไปหาคนที่พอจะไขข้อข้องใจนี้ด้วยที่ยืนห่างจากตัวเองไปไม่ไกล
“คิมยอนคยอง หรืออะไรเนี้ยะแหละ”
“โว๊ะ คนเกาหลีชื่อจำยากเหมือนกันทุกคนเลยไหมเนี้ยะ” ทันทีที่หน่องยังพูดไม่ทันจบประโนค ทั้งนุสราและโค้ชอ๊อดหัวเราะออกมาพร้อมกันราวกับนัดหมาย
“นี่.. ถ้าไม่คิดจะรู้จักเขาไปตลอดชีวิตก็ไม่ต้องไปจำชื่อเขาหรอก จริงไหม?” เสียงกระซิบของนุสรายังคงดังอยู่ข้างๆหู แม้เจ้าตัวจะเดินลงสนามไปพร้อมกับคนอื่นแล้ว ทิ้งให้หน่องตกอยู่ในห้วงความคิดของตนอยู่พักใหญ่
G N O H N M I K
“เกมกำลังสนุก ทำไมกัปทันทีมไทยถึงมายืนงงหน้าตู้กดน้ำแบบนี้ล่ะ” ภาษาอังกฤษสำเนียงฟังยากดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะปรากฏตัวเสียอีก
“ฉัน.. ไม่ค่อยเข้าใจภาษาญี่ปุ่น” สายตาเว้าวอนของหน่องจับจ้องไปที่เหล่ากระป๋องน้ำดื่มมากหน้าหลายตาภายในตู้ ราวกับว่าถ้าพูดแล้วเจ้าพวกกระป๋องนี้ฟังรู้เรื่อง ก็อยากจะเรียกหาน้ำดื่มที่ถูกใจสักกระป๋องเชียว
“แบบไหนที่คุณต้องการ?” ยอนคยองค่อยๆอธิบายให้หน่องฟังทีละกระป๋องๆ ถึงแม้เจ้าตัวจะพูดช้าและชัดที่สุดในชีวิตแล้ว แต่คิ้วเรียวของคนตรงหน้าขมวดจนแทบจะผูกเป็นปมอย่างไงอย่างงั้น สำเนียงอังกฤษของคนเกาหลีก็ยังเข้าใจยากอยู่ดีสำหรับคนต่างประเทศแบบเธอ
หน่องรับกระป๋องน้ำผลไม้จากมือยอนคยองอย่างนอบน้อม เธอไม่อาจคาดเดาอายุของคนตรงหน้าได้เลย ก็ในเมื่อกัปตันทีมเกาหลีใต้ทั้งสูงและดูเป็นผู้ใหญ่กว่าตนตั้งเป็นกอง
“คุณอ่านอะไรยากๆนั่นได้อย่างไง”
“หลายปีที่แล้วฉันถูกแลกเปลี่ยนตัวมาเล่นให้สโมสรที่ญี่ปุ่นน่ะ”
“งั้นเหรอ”
“ภาษาญี่ปุ่นมันไม่อยากหรอก การที่ถูกแลกเปลี่ยนมาที่นี่ก็ไม่ยากเท่าเหตุการณ์หลังจากนี้หรอก”
“นี่! เกมกำลังสนุกไม่ใช่หรือไง กัปทันทีมก็ควรอยู่ข้างสนามไม่ใช่หรือ” หลังจากที่ทั้คู่จมอยู่ในความเงียบตั้งนานสองนาน เธอเอ่ยปากชักชวนยอนคยองให้ตามเข้าไปในสเตเดี้ยม คำพูดตัดบทเลยเป็นทางเลือกแรกที่หน่องตั้งใจจะฉุดยอนคยองให้ขึ้นมาจากหลุมความรู้สึกแย่ของตัวเองให้ได้
หน่องไม่เคยรู้จักและไม่เคยรู้ภูมิหลังของยอนคยองเลยแม้แต่เรื่องเดียว แต่ความรู้สึกกระอักกระอ่วนตอนที่ฟังยอนคยองพูดถึงเรื่องราวที่ดูเหมือนจะสร้างความเจ็บปวดให้กับเธอมัน ถือเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับหน่องเลยทีเดียว ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงคิมยอนคยองเผยให้รู้ว่าทุกเรื่องที่ผ่านมามันไม่น่าจะเรื่องน่าชื่นชมเท่าที่ควร
สายตาของกัปทันทีมทั้งสองกำลังจับจ้องอยู่กับเกมการแข่งขันที่ดำเนินมาจนถึงเกมที่ 3 แล้ว ทั้งคู่มองดูนักกีฬาทั้งสนามที่สนุกกับรูปเกม น้อยครั้งที่ทุกคนจะเล่นแบบไร้ความกังวล และไม่เอาแต้มของแต่ละเกมมากดดันตัวเอง เลยเรียกได้ว่านักกีฬาทั้งสองทีมได้เล่นแบบผ่อนคลายสุดๆไปเลยในแมตซ์นี้
ยอนคยองยังคงสนใจเกมในสนามอยู่ โดยที่ไม่รู้สึกถึงสายตาของใครอีกคนที่กำลังจ้องมองตัวเองอยู่ คนตัวเล็กกว่าลอบมองร่างสูงข้างๆอย่างตั้งใจ สายตายอนคยองเวลาทำหน้านิ่งๆจะดูเย็นชา คล้ายว่ามีอารมณ์ปฏิเสธอยู่ในแววตา เหมือนเธอกำลังเอ่ยว่าห้ามเข้ามา แต่ก็นั่นแหล่ะ มันกลับยิ่งดึงดูดให้หน่องอยากเข้าหา อย่างอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
“นี่… ชอบวอลเลย์บอลเหรอ” ยอนคยองที่นิ่งไปนานเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบโดยรอบ มันอาจจะไม่ใช่คำถามที่ดีที่สุด แต่เป็นคำถามแรกที่ยอนคยองคอยถามนักกีฬาวอลเลย์ทุกคนที่เธอรู้จัก
“ชอบสิไม่ชอบจะเล่นมาเป็นสิบๆปีเหรอ”
“นั่นสินะ…” แววตาที่อธิบายยากของยอนคยองทอดยาวไปจนคนข้างๆไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจุดโฟกัสของดวงตาคู่นั้นอยู่ตรงที่จุดไหน ราวกับว่ายอนคยองพยายามอธิบายบางอย่างให้หน่องเข้าใจผ่านเความเงียบงันที่หน่องได้รับรู้อยู่ในตอนนี้
“แล้วคุณล่ะชอบเหรอ?”
“ก็ไม่ได้ชอบมากหรอก แค่ตอนนี้ยังไม่มีอะไรที่ชอบมากกว่านี้เท่านั้นเอง”
“หื๊อ? คุณหมายถึงวอลเลย์วอลน่ะเหรอ” ราวกับเครื่องหมายคำถามตั้งอยู่ตรงกลางหัวของหน่องเลยก็ว่าได้ในตอนที่เธอได้ยินว่ากัปตันทีมแสนทุ่มเทคนนี้กำลังบอกว่าเธอไม่ได้ชอบวอลเลย์บอลเท่าที่ควร
“เปล่า.. หมายถึงคุณ” ใบหน้าคมถูกระบายด้วยรอยยิ้มเล็กๆ ราวกับว่าเจ้าตัวบรรจงตั้งใจให้คนที่เห็นมันรับรู้ถึงความจริงใจที่เธอกำลังมอบให้
สมองทุกส่วนของหน่องกำลังทำงานหนักหน่วง เธอคิดถึงประโยคเมื่อครู่ของคู่สนทนาวนลูปกลับไปกลับมา ความหมายที่ยอนคยองตั้งใจจะอธิบายให้เธอฟังนั้นมันไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่จะให้เข้าใจและยอมรับมันต่างที่ว่ายาก ตั้งแต่เกิดมาจนอายุเข้าเลขสามนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ลูกสาวคนกลางของครอบครัวถินขาวเขินหนักได้เท่าวันนี้
“อ๊าว!! ทั้งคุณคิมทั้งยัยหน่องจะคุยกันอีกนานไหม” นุสราที่แอบมองเหตุการณ์อยู่นานตะโกนขึ้นทำลายความเงียบระหว่างคนทั้งคู่
“ค๊าาา.. ไม่คุยแล้วจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” อาการเปิ่นๆในตอนที่หน่องรีบร้อนวิ่งไปหานุสราจนลืมความเจ็บที่ข้อเท้าตัวเองนั่นอยู่ในสายตาของยอนคยองตลอดเวลา กัปตันหน่องที่โก๊ะกังคนนี้ใช่คนที่พาทีมวอลเลย์บอลไทยลุยมาแล้วหลายสิบสนามแน่หรือเปล่ายอนคยองก็ไม่แน่ใจ
“นี่..อย่าฝืนเล่นอะไรหนักๆอีกนะ ดูแลตัวเองแทนฉันด้วยซิ” ทุกคำที่ยอนคยองเอ่ย เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้แก้มกลมของกัปตันหน่องเจือสีแดงระเรื่อ อาการขัดเขินชุดใหญ่สร้างรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของยอนคยองอย่างเสียไม่ได้
หลังจากนี้อาจจะมีเรื่องราวมากมายรอให้กัปตันทั้งสองต้องเผชิญ วันข้างหน้าอาจจะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ทั้งโอเพ่นโซนและดาร์กไซด์ที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็อาจจะรับมือไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ แต่เชื่ออย่างสุดใจว่าทั้งคู่จะผ่านมันไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี..
.
.
.
.
.
.
.
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ P a i L i n* ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ P a i L i n*
ความคิดเห็น