ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรร้อยล้าน

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอน 3

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 750
      7
      16 ก.ย. 54

    เหลวไหลใหญ่แล้วนะสิรี โตป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็ก ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย มีอย่างที่ไหนไปเที่ยวเมาหัวราน้ำกลับมาจนไปทำงานไม่ไหว เสียงคุณทิวาบ่นตั้งแต่เช้ามืดทันทีที่ทราบความจากเด็กรับใช้ในบ้าน

    ปกติป้าทิวารักนภาสิริอย่างกับลูกในไส้ คงด้วยนางไม่ได้แต่งงาน พอมีหลานสาวก็เลยรักเหมือนลูก แต่ยังไม่แคล้วหลานสาวคนเล็กยังบ่นเคืองเสียได้

    ป้าทิวาก็พูดเกินไป สิรีไปสนุกกับเพื่อนๆ นิดหน่อยเอง พี่พุทธก็ไปด้วยไม่เห็นจะเป็นไร หญิงสาวเถียงทั้งที่ยังเมาค้าง เดินแทบไม่ตรงทาง

    คนบ่นถือกาแฟดำขมปี๋หอมกรุ่นมาส่งให้ถึงบนที่นอน หลานสาวส่งยิ้มประจบแต่ยังได้สายตาเคืองขุ่นตอบกลับมา

    ระวังตัวไว้บ้างก็ดีนะสิรี ถึงยังไงตาพุทธก็เป็นผู้ชาย ถึงจะเป็นคนรักกันก็เถอะ ถ้าเกิดอะไรไม่ดีไม่งามมันจะไม่เหมาะ

    โหย สิรีรู้หรอกค่ะว่าอะไรเป็นอะไร หล่อนว่าเสียงเบา ไม่ได้ขยายความหรอกว่า รู้อะไรสักแค่ไหนกัน ป้าไม่ต้องห่วงสิรีหรอกค่ะ ห่วงหลานสาวคนโปรดดีกว่า

    เอาอีกแล้วนะ ทำไมถึงคิดว่าป้ารักหลานไม่เท่ากันอยู่เรื่อยเลย ทิวาดุอย่างไม่จริงจังนัก จะชนาหรือสิรี ป้าก็รักเท่าๆ กันนั่นล่ะ ไม่มีเลือกที่รักมักที่ชังหรอก

    ก็นั่นล่ะค่ะ พี่ชนาน่าเป็นห่วงกว่าสิรีเยอะอีกไม่เท่าไหร่ก็จะสามสิบอยู่แล้ว ยังหาแฟนไม่ได้สักคน มิน่าคุณยายน้อยถึงได้กังวลนัก

    นภาสิริพูดคล่องปาก เหมือนได้ระบายสิ่งที่คิดออกมาตรงๆ แต่พอเห็นหน้าญาติผู้ใหญ่แล้วก็ถึงกับหน้าสลด

    สิรีขอโทษค่ะ สิรีไม่ได้ตั้งใจจะก้าวร้าวป้าทิวานะคะ

    ป้ารู้ นางตอบกลับมาพร้อมกับเสียงถอนหายใจ ป้าเองก็อยากให้ชนาแต่งงาน ที่จริง แค่ชนามีคนรักสักคนป้าก็พอใจแล้ว

    แหม พูดเหมือนคุณยายน้อยเลย

    ความสุขของคนเราก็มีเท่านี้แหละสิรี พอแก่ตัวแล้วก็อยากเห็นลูกหลานมีความสุข มีครอบครัวที่ดี

    ทิวาพูดอย่างใจเย็น สองตามองหน้าหลานสาวคนเล็ก ใจก็นึกวาภาพถึงอนาคตอยากเห็นรอยยิ้มของหลาน อยากอุ้มเจ้าตัวน้อยเร็วๆ เหมือนกับที่เคยอุ้มชูหลานสาวมา

    ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้อีกเล่า...

    นภาสิริวางยกกาแฟดื่มรวดเดียวเสียหมดแก้ว พอวางแก้วลงบนหัวเตียงก็รีบเข้าไปกอดทิวาอย่างเอาใจ

    งั้นเราต้องช่วยกันนะคะ ช่วยให้พี่ชนามีแฟน สิรีจะได้แต่งงานกับพี่พุทธได้ซะที

    คนเป็นป้าเหลียวมองบุตรสาวที่ยังกอดประจบอยู่ไม่ห่างด้วยสายตาประเมิน ได้แต่ร้องถามด้วยน้ำเสียงงงๆ

    ช่วยอะไร ป้าไม่ชอบหรอกนะไอ้พวกเกมจับคู่อะไรทั้งหลาย คนเราถ้ามันมีคู่สักวันก็ต้องมีจนได้ล่ะน่า เราไปเร่งรัดอะไรไม่ได้หรอก

    หลานสาวเบ้ปากเล็กน้อยกับความคิดแสนจะโบราณของคนยุคก่อน ลำพังด้วยวัยของทิวานั้นไม่ได้มากมายอะไรนักหรอก แต่ทิศนคตินี่สิ ราวกับหลุดมาจากสมัยรัชกาลที่ห้าก็ไม่ปาน

    แหม สิรีก็ไม่ได้จะเอาพี่ชนาไปลงประกาศหาคู่ที่ไหนซะหน่อย แค่อยากพาพี่ชนาไปเปิดหูเปิดตารู้จักเพื่อนใหม่บ้าง ไม่แน่นะคะ อาจจะเจอคนที่ใช่สำหรับพี่ชนาก็ได้ ของแบบนี้ใครจะไปรู้

    ก็ดีเหมือนกันนะ นางว่าอย่างจนใจ

    งั้นป้าทิวาคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ ถ้าคืนนี้สิรีจะกลับดึกอีกคืน

     

    เสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียบดังไปตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน คุณครูประจำห้องประถมห้าทับสองยังไม่ลุกไปไหน ในมือถือปากกาแดงขีดๆ เขียนๆ ลงกระดาษข้อสอบแผ่นแล้วแผ่นเล่า สายตาก็เหลือบมองนาฬิกาอยู่เป็นระยะ

    ไม่รู้ว่าหล่อนกลัวอะไรมากกว่ากันระหว่างรอให้น้องสาวมารับอย่างที่นัดกันไว้ หรือลุ้นให้ตรวจข้อสอบให้เสร็จในค่ำนี้ไปเสีย

    น้องชนาช่วยพี่หน่อยได้ไหม เจ้าของเสียงโผล่หน้ามาหาด้วยรอยยิ้มและขนมถ้วยอีกหนึ่งกล่อง ไม่ต้องรอให้ร้องถามว่าช่วยอะไร เจ้าตัวก็เดินตรงมาวางกล่องขนมวางบนกระดาษข้อสอบของนักเรียนนั่นล่ะ

    พี่ซื้อขนมมาฝาก

    ขอบคุณค่ะพี่สุ หล่อนตอบสั้นๆ เพราะรู้ดีว่าโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี

    พี่สุหรือสุวิมลเป็นครูประจำชั้นอนุบาลสาม อายุแก่กว่าหล่อนเพียงปีเศษ แต่เจ้าตัวยืนกรานจะเรียกแทนตัวเองว่าพี่สุทุกครั้งไป สุชนาเลยปล่อยตามน้ำ

    แม่พี่ไม่สบาย โทรมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว พี่ต้องรีบกลับ น้องชนาช่วยเข้าเวรแทนพี่หน่อยได้ไหม

    เข้าเวรคือกิจกรรมหนึ่งที่ครูทุกคนต้องผลัดกันทำ มีทั้งเวรเช้า เวรเย็น ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าตรวจดูความเรียบร้อยของเด็กๆ ทั้งช่วงก่อนเข้าเรียน พักกลางวัน และช่วงเลิกเรียน แต่หนักสุดเห็นจะหนีไม่พ้นช่วงเย็นเพราะต้องดูจนแน่ใจว่าไม่มีเด็กคนไหนตกหล่นอยู่ที่โรงเรียนแล้วนั่นล่ะถึงจะสิ้นสุดภาระหน้าที

    พี่รู้ว่าน้องชนาเพิ่งเข้าเวรเย็นไปเมื่ออาทิตย์ก่อน แต่ขอร้องล่ะนะ พี่หาคนแทนไม่ได้เลย แล้วพี่ก็มีเรื่องด่วนจริงๆ ช่วยพี่สุหน่อยเถอะนะ

    แต่ชนานัดน้องสาวไว้ จะไปธุระกัน หล่อนตอบเสียงอ่อย เพิ่งรู้ซึ้งว่าการมีนัดเสียบ้างนี่ดีขนาดไหน

    ที่จริงหล่อนก็ไม่ได้รังเกียจอะไรที่จะช่วยเหลือสุวิมลหรอก แต่จะติดตรงที่สุวิมลมักจะมีธุระไม่คาดฝันโผล่มาขอความช่วยเหลือเสมอนี่สิ แล้วไหนจะข้อสอบอีกกองโตที่หล่อนยังตรวจไม่เสร็จนี่อีก ใครจะรับผิดชอบ

    โธ่น้องชนา อย่าปฏิเสธเลยนะ พี่ไม่รู้จะพึ่งใครแล้วจริงๆ สุวิมลเสียงเริ่มสั่น แทบจะเข้ามาเกาะแขนข้อร้องเสียด้วยซ้ำ จะให้พี่ชดเชยยังไงก็ได้นะน้องชนา พี่เป็นห่วงแม่เหลือเกิน

    สุชนานิ่งไปเล็กน้อย สุดท้ายหล่อนก็ต้องพยักหน้ารับเนือยๆ พยายามมองโลกในแง่ดีว่าอย่างน้อยถ้านภาสิริมารับหล่อนก็มีเหตุผลมากพอที่จะไม่ไป หาคู่ละนะ

     

    โรงเรียนเลิกร่วมสองชั่วโมงแล้ว นักเรียนส่วนมากทยอยเดินทางกลับบ้านกันไปหมด มีทั้งผู้ปกครองมารับและกลับเอง ส่วนมากเด็กโตจะเดินกลับบ้านกันไปเองเป็นกลุ่มๆ ถ้าบ้านไม่ไกลจากโรงเรียนเท่าใดนัก

    สุชนาเดินตรวจดูความเรียบร้อยเสียอีกรอบตอนใกล้ห้าโมงเย็น ทั้งโรงอาหาร ห้องน้ำชายหญิงของนักเรียน จนแน่ใจว่าไม่มีเด็กคนใดยังไม่กลับบ้านก็ค่อยโล่งใจ อย่างน้อยเย็นนี้ก็ไม่เลวนักหรอก นอกจากนภาสิริจะไม่มาแล้วหล่อนยังพอมีเวลาได้กลับบ้านเร็วบ้าง น่าจะพอขนข้อสอบกลับไปตรวจต่อที่บ้านได้

    แต่ที่สนามเด็กเล่นกลับไม่ได้ว่างเปล่าอย่างที่คิด

    ม้าหมุนทำจากเหล็กกล้าทาสีแสบสันมีผู้ชายตัวโตนั่งหันหลังให้อยู่ หน้าตาท่าทางเขาก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคนสติไม่ดีข้างๆ โรงเรียนนักหรอก หญิงสาวเลยตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหา

    คุณคะ ตรงนี้ห้ามผู้ใหญ่นั่งนะคะ เธอเอ่ยขึ้นก่อน

    เขาสวมเสื้อยืดคอวีสีขาวพิมพ์ลายธงนานาชาติกับกางเกงยีนส์สีซีดเก่า ในมือเขาถือโทรศัพท์มือถือสีดำรุ่นเครื่องเล็กอยู่

    อ้าวหรอครับ ขอโทษที

    เขาบอกพลางลุกขึ้นยืนและทำหน้าเหวอใส่ หล่อนเลยได้เห็นใบหน้าเขาเต็มตา

    หล่อนสบตากับดวงตาที่มีขนตางอนเป็นแผง ดวงตารีเรียวนับตาดำขลับจ้องตอบกลับมา จนแม้แต่ผู้หญิงที่ไม่ค่อยสนใจการแต่งตัวเท่าใดนักอย่างสุชนาก็ยังอดอิจฉาไมได้

    ไม่ใช่แค่ดวงตาหรอกที่ชวนมองจนไม่อยากละสายตาหนีไปไหน ทั้งคิ้วคาง ริมฝีปาก โครงหน้าของเขาคงต้องขอยืมคำที่นภาสิริชอบพูดบ่อยๆ ว่า หล่อนจนชวนตะลึงนั่นล่ะ ถึงจะเหมาะสม

    มารอใครอยู่รึเปล่าคะ หล่อนชวนคุยก่อน ไม่สิ ก็แค่ถามตามที่ควรจะเป็น เขาจะมารอใครได้เล่าในเมื่อทั้งโรงเรียนเหลือแค่หล่อนคนเดียว กับพี่ยามหน้าป้อมนั่งงีบอยู่อีกคนเท่านั้น

    เด็กชายเทพไทครับ ปอห้าทับสอง เขาพูดเหมือนท่อง แต่สองตายังสบตาหล่อนนิ่งงัน

    หญิงสาวหลบตาเขา เสมองไปรอบกายประหนึ่งสำรวจว่ายังมีเด็กนักเรียนหลงเหลืออยู่ตรงส่วนไหนของโรงเรียนได้อีกรึเปล่า

    เอ๊ะ คลาดกันรึเปล่าคะ เทพไทน่าจะกลับไปนานแล้ว ดิฉันเป็นครูประจำชั้นห้องห้าทับสองเองค่ะ

    อ้าว คุณครูของเทพไทนี่เอง เขาร้องเสียงตื่นเต้น แถมยังส่งยิ้มเก๋แถมให้อีก เขาเล่าเรื่องของคุณไว้เยอะเลยครับ จนผมฟังแล้วยังอยากเจอเลย ไม่คิดว่ามาวันนี้ก็ได้พบเลย

    หวังว่าจะเป็นเรื่องดีนะคะ หล่อนบอกยิ้มๆ

    เด็กนักเรียนส่วนมากจะเล่าให้ผู้ปกครองฟังเกี่ยวกับครูนั้นมักจะเอนไปได้แค่สองทางคือดีมากกับแย่มาก คงเพราะโลกของเด็กยังมีแค่สีขาวกับสีดำ ไม่มีอะไรที่อยู่ตรงกลาง คุณครูของเทพไทเลยได้แต่ยิ้มเก้อๆ

    ดิฉันเพิ่งเดินดูรอบๆ เทพไทน่าจะกลับไปแล้วนะคะ ที่นี่ไม่มีใครเลยนอกจาก...

    หล่อนพูดไม่ทันจบเขาก็ต่อให้

    คุณกับผม

    เธอหันไปสบตาเขาได้เพียงสองวินาทีแล้วก็ต้องหลบตาไปมองต้นไม้ใบหญ้าแทน ก่อนที่จะทำตัวเองหน้าแดงต่อหน้าผู้ปกครองนักเรียน

    รึว่าอาจจะอยู่ชั้นบน ดิฉันยังไม่ได้เดินไปดูเลย

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่รีบ

    เธอมองหน้าเขางงๆ มันหมายความว่ายังไงกัน ก็ในเมื่อเขามารับลูกชายกลับบ้านช้าถึงสองชั่วโมงแต่ปากยังบอกว่าไม่รีบ

    เขาคงสังเกตเห็นสีหน้าแปลกๆ ของคุณครูสาวเลยรีบออกปาก

    ผมโทรหาเทพไทแล้วครับ เขาแวะไปยืมสมุดการบ้านของเมื่อวานที่บ้านเพื่อนครับ อยู่ใกล้ๆ โรงเรียนนี่เอง เดี๋ยวคงกลับมาแล้วล่ะ ผมเลยนั่งรอที่นี่ ไม่ทราบจริงๆ ว่าห้ามผู้ใหญ่นั่งด้วย

    อ้อ ดิฉันลืมไปเลยว่าเมื่อวานเทพไทขาดเรียนไปวัน

    ที่จริงผมน่าจะปล่อยให้คุณขึ้นไปเดินหาเทพไทที่ชั้นสองนะ ไม่น่ารีบบอกคุณเลย

    หล่อนมองหน้าเขาด้วยสีหน้าประหนึ่งมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่กลางหน้าผาก

    อ้าว คุณจะได้พาผมเดินชมโรงเรียนไงครับ เขาพูดไปหัวเราะไป จะว่าไปโรงเรียนตอนไม่มีคนนี่ก็น่ากลัวเหมือนกันนะครับ วังเวงพิกล

    คุณไม่ชินก็อย่างนี้ล่ะค่ะ นี่เป็นเขตโรงเรียนจะมีอะไรน่ากลัวได้ยังไง หล่อนบอกเสียงเบา พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่คิดว่าพ่อของนักเรียนกำลังขายขนมจีบใส่

    เก่งจัง เขาชมเสียงเบาพอกัน น่าเสียดายแถวนี้ไม่มีกาแฟขาย ไม่งั้นผมคงต้องขอเลี้ยงคุณสักแก้วแล้ว

    หญิงสาวตวัดสายตามองเขา ถึงเขาจะสูงกว่าเธอร่วมฝ่ามือและเป็นผู้ปกครองเด็กนักเรียน แต่เธอคงยอมให้เขาหยามศักดิ์ศรีความเป็นครูไม่ได้เป็นอันขาด

    เขาพูดจาล้อเล่นด้วย และเริ่มลามปามไปถึงเลี้ยงกาแฟ ทั้งที่เขามารับลูกชายเพื่อกลับไปหาภรรยาตัวเอง มันไม่เกินไปหน่อยรึไง

    ดิฉันว่าคุณไปรอด้านหน้าดีไหมคะ ตรงป้อมยาม เทพไทจะได้ไม่ต้องเดินกลับเข้ามาอีก เสียเวลาเปล่าๆ

    ผมบอกแล้วว่าผมไม่รีบ

    แต่คุณมารับแกช้ามากนะคะ

    ผมขอโทษ เขาบอกทันที ที่พลอยทำให้คุณต้องอยู่เย็นไปด้วย

    มันเป็นหน้าที่ค่ะ หล่อนบอกเสียงเข้ม สายตาเหลือบไปเห็นเด็กชายวัยสิบขวบเดินผ่านประตูรั้วเข้ามาพอดี เทพไทมาโน้นแล้ว

    ไม่ใช่แค่เด็กชายเทพไท แต่นภาสิริไม่ได้ผิดนัด เดินตามหลังเด็กชายห่างมาไม่กี่ก้าว อารมณ์ดีเสียด้วยโบกมือใส่พี่สาวมาแต่ไกล

    ขอตัวก่อนนะคะ

    เขาคงไม่ได้สนใจฟังคำลาของหล่อนเช่นกันเพราะมัวแต่กลับหลังหันไปหาเด็กชายที่วิ่งตรงมาหา

    อาษิตมาแล้ว เทพไทวิ่งเข้ามาหาพร้อมกับตะโกนเสียงดัง

    คุณครูสุชนาได้แต่มองเขาตาโต แน่ล่ะว่าเขาไม่เห็นเพราะหันหลังให้เธอ พอเขาใช้มือยีหัวหลานชายจนเป็นที่พอใจแล้วก็หันหน้ามาลาเสียงนุ่ม

    ไว้เจอกันนะครับ

    เขาไม่รอคำตอบเพราะเด็กชายแทบจะกระโดดกอดคอเขาหากยังไม่วายต่อว่า

    อาษิตมาช้าจัง แบบนี้ต้องเลี้ยงไอติมถ้วยโต

    คุณครูสาวอดไม่ได้ที่จะยิ้มให้กับความคิดของเด็กชาย อยากจะส่ายหน้าน้อยๆ แถมให้ด้วย แต่นภาสิริมาเห็นเข้าพอดี

    ใครหรอพี่ชนา หล่อจนชวนตะลึงเลย เสียงถามมาพร้อมกับชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ สองตามองพี่สาวเหมือนอยากจับผิด

    ว่าแล้วเธอจะต้องพูดคำนี้

    ก็แล้วใครกันล่ะ สารภาพมาซะดีๆ

    ไม่มีอะไรซะหน่อย ก็ผู้ปกครองเด็กน่ะเธอก็เห็น

    เขามาจีบพี่ใช่ไหม

    จะบ้าหรอสิรี พี่เพิ่งพบเขาเมื่อกี้เองนะ

    งั้นพี่ชอบเขารึเปล่า

    บ้า หล่อนว่าพลางยกมือขึ้นตีแขนน้องสาว เพี้ยนใหญ่แล้วนะเธอ

    ก็แหม เขาหล่อดีออก แล้วดูดีจะตายไป

    อะไรเห็นเขาแค่ไม่ถึงนาทีก็ว่าดูดีแล้ว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะอยากขายพี่ขนาดนี้

    แหม ถ้าพี่พุทธหล่อบาดใจอย่างนี้บ้างก็ดีสินภาสิริพูดด้วยน้ำเสียงชวนฝันทั้งที่ความจริงแล้วพุทธก็ใช่ว่าขี้ริ้วขี้เหร่ เพียงแค่ไม่ถึงกับ ชวนตะลึงเท่านั้น

    ทำเป็นพูดดีไป เดี๋ยวพุทธมาได้ยินเข้าก็เสียใจหรอก

    ก็อย่าให้เขารู้สิ น้องสาวตอบด้วยน้ำเสียงราวกับช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลย ว่าแต่แน่ใจนะว่าเมื่อกี้มันไม่มีอะไร

    สุชนาส่ายหน้าน้อยๆ กับความคิดของน้องสาว ยอมโกหกตาใสก็งานนี้

    มีก็บ้าแล้ว

    งั้นเราก็รีบไปกันได้แล้ว เดี๋ยวหนุ่มๆ จะรอนาน นภาสิริว่าพลางคว้าข้อมือพี่สาวให้ก้าวไปด้วยกัน แต่คนเป็นพี่ยังขืนตัวไว้

    หนุ่มๆ อะไร

    เอาน่าเดี๋ยวถึงแล้วก็รู้เองล่ะ

    

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×