ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรร้อยล้าน

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอน 17

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 180
      0
      4 เม.ย. 56

    สุชนาแต่งตัวสวยตั้งแต่เช้าทั้งที่ภาษิตบอกว่าจะมาตอนบ่าย เพราะช่วงเช้าเขามีธุระต้องคุยกับพี่ชาย

    แม้จะไม่บอกว่าเป็นเรื่องอะไรแต่หญิงสาวก็พอจะเดาได้ไม่ยาก และแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าทุกอย่างจะรวดเร็วถึงเพียงนี้

    หล่อนต้องยอมทนให้น้องสาวล้ออยู่ถึงสามวันเต็มๆ กว่านภาสิริจะยอมเลิกราเพราะมีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่า

    ตอนแรกหล่อนใจหายไม่น้อยที่เผลอหลุดปากบอกความในใจกับเขาไป มิหนำซ้ำเขายังไม่มีทีท่าจะตอบรับมันเลยแม้แต่น้อย ทว่าในทีสุดเขากลับให้คำตอบหล่อนด้วยการขอแต่งงาน

    และหล่อนก็ตอบตกลงง่ายดาย...

    นึกถึงตรงนี้แล้วสุชนาก็ได้ยิ้มกว้างกับตัวเองราวคนบ้า เพียงแค่นึกถึงเขาความสุขก็หลั่งไหลท่วมหัวใจ

    นี่สินะ... ความรัก

    อะไรนะ เขาขอพี่ชนาแต่งงาน นภาสิริร้องลั่นบ้าน ไม่เกรงใครจะได้ยินทันทีที่ได้ฟังจากปากพี่สาว

    เสียงน้องดังซะจนคงจะได้ยินกันทั้งบ้าน แต่โชคยังดีที่เช้านี้ญาติผู้ใหญ่ทั้งสามกำลังง่วนกันอยู่ในครัว เพราะกลางวันนี้จะมีแขกถึงสองราย

    สองพี่น้องอยู่ในห้องนอนของนภาสิริ แต่ถ้าน้องยังเสียงดังอย่างนี้เห็นทีอีกไม่นานทุกคนคงได้รู้กันทั่ว

    บ้าจริง เขาขอพี่เมื่อไหร่ แล้วทำไมเพิ่งมาเล่า น้องต่อว่าเสียงงอนๆ ยกมือขึ้นตีแขนพี่สาวแถมให้อีกที ร้ายกาจนักนะพี่ชนา

    คนร้ายกาจมองน้องยิ้มๆ อดไม่ได้ที่ต้องเอ่ยปาก

    พี่ก็ไม่ได้คิดจะเก็บเป็นความลับอะไร

    แล้วทำไมเพิ่งเล่า

    ก็... ไม่รู้จะบอกยังไงนี่ หล่อนยอมรับตามตรง เพียงแค่พูดถึงเท่านี้สองแก้มก็เหมือนจะขึ้นสีง่ายดาย อีกอย่างนะ วันเสาร์นี้ก็คงจะได้รู้กันแน่ เพราะคุณภาษิตเขาจะพาญาติผู้ใหญ่มาพูดจาให้เป็นเรื่องเป็นราว

    นภาสิรียิ้มกว้าง คว้ามือพี่สาวมาจับไว้ด้วยสองมือตัวเองเขย่าแรงๆ ไปด้วย

    สิรีดีใจด้วยนะพี่ชนา ในที่สุดสิรีก็จะได้แต่งงานซะที เสียงน้องว่าขำๆ แต่ทั้งสองพี่น้องต่างก็หน้าบานไม่แพ้กัน

    ยัยบ๋องพี่สาวว่าพลางยกมือขึ้นตีแขนน้องแต่ช้าไปหน่อย น้องตัวดีหลบไวเหลือเกิน

    ดีใจจัง สิรีเพิ่งคุยกับพี่พุทธเองว่าจะไปหาฤกษ์หมั้นกัน แบบนี้คงต้องหาเผื่อพี่ชนาด้วยใช่ไหม น้องสาวถามเสียงใส

    หล่อนไม่ได้ตอบอะไรไป แต่นภาสิรีก็หาฤกษ์มาเผื่อให้สองคู่ได้ในเวลาอันรวดเร็วจนแม้แต่คนจะแต่งงานเองยังอดแปลกใจไม่ได้

    เธอรู้ได้ยังไงว่าคุณภาษิตเขาเกิดวันไหนยังไง

    จะไปยากอะไร สิรีก็โทรถามเขาสิ น้องตอบด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก นี่อย่าบอกนะว่าพี่ชนาไม่เคยโทรหาเขา

    สุชนาไม่มีคำตอบให้น้องสาวอีกตามเคย หล่อนเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าไม่มีทางติดต่อเขาได้เลย หากว่าเกิดอยู่ๆ เขาจะหายหน้าไป หล่อนก็คงได้แต่คิดสงสัยเท่านั้น ไม่มีทางตามตัวเขาได้เลย เพราะทุกครั้งเขาเป็นฝ่ายมาหาเธอทั้งนั้น

    วินาทีหนึ่งหล่อนเริ่มหวาดหวั่น คำพูดสุดท้ายที่พูดกับเขาคือเงินหนึ่งร้อยล้านที่หล่อนเขียนเล่นบนสมุด และที่พูดถึงก็เพียงเพื่อจะล้อเขาเล่นเท่านั้น ให้เขาเห็นว่าหล่อนไม่ได้จริงจังอะไรกับคุณสมบัติเหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย

    เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะ... จริงจังกับมัน

    เพราะหลังจากวันนั้นเขาก็หายหน้าไปเลยสี่วันรวด ทั้งที่ก่อนหน้านี้หากวันไหนไม่ได้มาก็ยังอุตส่าห์โทรศัพท์มากวนประสาทหล่อนพอให้ได้โมโหบ้าง แต่นี่เขาเงียบหายไปเลย

    แล้วความชั่วแล่นก็มลายหายไปเพราะคำมั่นสัญญาที่เขาจะพาญาติผู้ใหญ่มาพบกับคุณยายน้อย ซึ่งหล่อนเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่ผิดคำพูด

    ยิ่งนึกสุชนาก็ได้แต่ตลกตัวเอง นี่หล่อนกลายเป็นคนขี้ระแวงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงเรื่องเล็กน้อยของเขากลับทำให้หล่อนร้อนรนได้มากถึงเพียงนี้เชียวหรือ...

    แล้วถ้ามันไม่ใช่แค่เรื่องเล็กน้อยล่ะ...

    หล่อนบอกรักเขา แต่ขอบตอบกลับมาเป็นคำขอแต่งงาน ไม่มีคำรักแม้สักคำ...

    สายไปไหมถ้าจะเปิดอกคุยกัน...

     

    บ้านวราทักษ์ตั้งแต่ติดถนนใหญ่ เนื้อที่ประเมินด้วยตาคร่าวๆ น่าจะราวครึ่งไร่ พื้นที่ส่วนหน้าเป็นสนามหญ้าเตี้ยๆ กับโรงจอดรถขนาดห้าคัน ตัวบ้านชั้นล่างเป็นตึก ชั้นบนเป็นไม้ รอบบ้านมีต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียงกันหลายต้นเลาะริมรั้ว

    สุชนาลงจากรถแท็กซี่ยืนชั่งใจเพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจกดกริ่งเรียกคนในบ้าน ถึงอย่างไรก็มาจนถึงที่แล้ว หล่อนจะไม่ถอยเป็นอันขาด

    หล่อนได้ที่อยู่ของเขามาจากน้องสาว ที่จริงมีครบหมดทั้งที่อยู่เบอร์โทรศัพท์บ้านและมือถือ แต่เลือกที่จะเดินทางมาด้วยตัวเองมากกว่า

    เพียงครู่เดียวหล่อนก็มานั่งรอที่ห้องรับแขกโดยมีพี่สะใภ้ของภาษิตหรือแม่ของเด็กชายเทพไทต้อนรับด้วยดี

    นารีจัดหาน้ำผลไม้พร้อมของว่างมารับแขก ก่อนจะเอ่ยปากขอตัวไปตามภาษิตให้ แต่พอลับหลังนารีหล่อนก็ได้เจอแม้กระทั่งคนที่ไม่คาดว่าจะเจอที่นี่

    คุณวรุณมาทำอะไรที่นี่คะ หล่อนร้องทักขึ้นก่อนทั้งที่เห็นกับตาว่าเขาเดินลงมาจากชั้นบนของตัวบ้าน

    เขายังคงดูดีไม่ต่างจากในคืนนั้น แม้จะเคยพบหน้าเขาหนเดียวเมื่อหลายเดือนก่อน แต่หล่อนกลับยังจดจำเขาได้เสมอ หรือจะเป็นเพราะเสื้อสูทเรียบแต่ดูหรูของเขายังคงมีมาดน่าเชื่อถือเหมือนกับวันนั้นเสียก็ไม่รู้ ที่แน่ๆ คือหล่อนดีใจไม่น้อยที่ได้พบเขา

    วรุณมองหน้าแขกอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะร้องอ๋อ อย่างคนจำได้

    คุณนี่เอง ไม่ได้เจอกันนานสบายดีนะครับ เขาถามด้วยน้ำเสียงสุภาพตามมารยาท แต่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าบ่งชัดว่าเขายินดีที่ได้พบหน้าเหลือเกิน

    ค่ะ แล้วคุณล่ะคะ หล่อนถามกลับงงๆ ชายหนุ่มเลยหัวเราะเสียงดัง

    ไม่ทราบว่ามาหาผมถึงที่นี่มีธุระอะไรรึเปล่าครับ ขอโทษนะครับที่ต้องถามตรงๆ แต่ถ้าวัดจากที่คุณยังโกรธผมอยู่เรื่องเบี้ยวนัดคืนนั้น ดูแล้วคุณก็ไม่น่าจะมาหาผมที่นี่

    สุชนางงไม่น้อยกับคำพูดของเขา แต่พอเรียบเรียงดีๆ ถึงได้รู้ว่าเขาเข้าใจผิดไม่น้อย

    ฉันไม่ได้โกรธอะไรคุณเลยนะคะ เพียงแค่หลังจากคืนนั้นคุณก็หายหน้าไปเลย

    ก็คุณไม่รับสายผมเลย เขาพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนจะน้อยใจหญิงสาวถึงได้นึกได้ว่าหล่อนไม่ได้รับสายเขาจริงๆ

    จะให้รับสายได้อย่างไรในเมื่อภาษิตบอกอยู่โต้งๆ ว่าเขามีเจ้าของแล้ว

    คือฉันคิดว่า...

    อะไรเหรอครับ

    เรื่องเก่าช่างมันเถอะค่ะ ว่าแต่คุณอยู่ที่นี่เหรอคะ

    เขามองหล่อนด้วยสีหน้างงจัด หญิงสาวเลยพูดเลย

    ฉันไม่ได้มาหาคุณหรอกค่ะ ฉันมาหาคุณภาษิต

    อ๋อ คราวนี้เขาลากเสียงยาวเหยียด ไอ้พี่ทรยศนี่เอง มิน่าคุณถึงไม่รับสายผมเลย

    วรุณพูดด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจปนกับแค้นเคืองกรุ่นอยู่แต่คนฟังกลับจับต้นชนปลายไม่ถูก

    คะ? หล่อนร้องถามด้วยความงงหนักไปกว่าเก่า ตกลงคุณเป็นพี่น้องกันเหรอคะ

    ถ้าภาษิตที่คุณพูดถึง คือผู้ชายหลักลอยงานการไม่ทำ วันๆ เอาแต่ซิ่งรถไปรับสาวเช้าเย็นแล้วก็มาไถเงินจากกองมรดกคุณแม่ละก็... ใช่ครับ พี่ชายผมเอง

    สุชนานิ่งงันไปทีเดียว หล่อนไม่รู้หรอกว่าจะใช่คนเดียวกับที่วรุณพูดถึงหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ภาษิตที่หล่อนรู้จักไม่ใช่คนหลักลอย จีบสาว ยิ่งเรื่องกองมรดกเขายิ่งไม่เคยพูดถึง

    แต่ผู้ชายชื่อภาษิตจะมีสักกี่คนกันเชียว...

    หญิงสาวรู้สึกเหมือนลมจะจับ หล่อนเซไปเล็กน้อยราวกับเพิ่งถูกน๊อกด้วยหมัดที่มองไม่เห็น ใจหนึ่งไม่อยากจะเชื่อคำพูดใครง่ายๆ แต่วรุณก็ไม่มีเหตุผลอะไรจะต้องโกหก

    เขาปราดเข้ามายืนใกล้พร้อมกับใช้สองมือประคองหล่อนไว้โดยไม่จำเป็นต้องร้องขอ เขาคงคิดว่าหล่อนจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ แต่หญิงสาวเข้มเข็งกว่านั้นมากนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ยังมีเรื่องค้างคาใจเช่นนี้

    ไหวไหมครับ อากาศร้อน คงจะหน้ามืด เดี๋ยวผมเปิดแอร์ให้ดีไหม เขาเสนอแนะพลางช่วยให้หล่อนนั่งลงบนเก้าอี้รับแขกตัวโตก่อนจะเดินไปเปิดเครื่องปรับอากาศให้ทันที

    ขอโทษนะคะที่ไม่ได้รับสายของคุณ แต่คุณภาษิตบอกว่าคุณมีแฟนแล้วฉันก็เลยไม่กล้ารับ หล่อนบอกเขาด้วยน้ำเสียงเกรงใจ แต่สองตาเฝ้าสังเกตปฏิกิริยาของเขาแน่วแน่

    น่าแปลกที่วรุณดูจะตกใจในตอนแรก แต่วินาทีต่อมาเขาก็ยังคงยิ้มออก

    ผมเข้าใจครับ พี่กลางชอบอำเล่นแรงๆ บ่อยไป

    พี่กลางเหรอคะ

    เขาเดินกลับมานั่งลงบนเก้าอี้ยาวตัวเดียวกับหญิงสาว ทิ้งระยะห่างพอให้ไม่น่าเกลียด แต่สายตามองหญิงสาวแทบไม่วางตา

    นี่เขาไม่ได้บอกคุณเลยเหรอครับ เรามีกันสามคนพี่น้อง พี่คนโตก็พี่ใหญ่ พี่กลางก็ภาษิตส่วนผมเป็นน้องเล็กบ้านนี้

    ข้อมูลใหญ่เหนือความคาดหมายของหญิงสาวไปมากเหลือเกิน ภาษิตจะโกหกหรือไม่ยังตอบไม่ได้แต่ที่แน่ๆ เขาไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้หล่อนฟังเลย

    คนรักกันควรจะไว้ใจกันไม่ใช่หรือ...

    ช่วยเล่าเรื่องพี่กลางของคุณให้ฉันฟังบ้างจะได้ไหมคะ

    วรุณยังไม่ทันตอบเจ้าของชื่อก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดีพร้อมกับนารีซึ่งยังคงยิ้มสดใสไม่มีเปลี่ยน ทั้งที่ภาษิตเริ่มหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับ

    ภาษิตสบตาหญิงสาวเพียงครู่เดียวเขาก็หันไปทำหน้าบึ้งใส่น้องชายซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างจากหญิงสาวเท่าใดนัก

    แทบที่วรุณจะรับรู้ถึงความไม่พอใจครั้งนี้ เขากลับหันมายิ้มให้แขกพร้อมกับล่วงนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้

    ถ้าเผื่อมีอะไรก็โทรหาผมได้นะครับ

    สุชนารับนามบัตรที่ถูกยัดใส่มือมาไว้อย่างงงๆ แต่คนให้พูดเท่านั้นก็ลุกหนีไปเลยเหมือนจะรับรู้รังสีอมหิตของพี่ชาย จะมีก็แต่นารีเท่านั้นที่ยังคงอารมณ์ดีไม่แปรเปลี่ยน

    จะรีบไปไหนละเล็ก ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันก่อนหรอ จะได้คุยกัน

    เล็กส่ายหน้าตอบพี่สะใภ้เล็กน้อยพร้อมกับบอกสั้นๆ

    ผมมีประชุมตอนบ่าย ไปก่อนนะครับ

    ไม่มีใครคัดค้านวรุณไว้อีก นารีเดินมานั่งกับแขกตรงที่วรุณเพิ่งลุกไปเมื่อครู่ ส่วนภาษิตยังคงยืนพิงตู้หนังสือใช้สองมือกอดอกมองหล่อนไม่วางตา

    เมื่อกี้คุยอะไรกัน ทำไมต้องแจกนามบัตร เขาถามเสียงเครียดทีเดียว แต่นารีกลับผสมโรงด้วยโดยไม่รู้ตัว

    คุณกลางก็ถามแปลก ก็คุยกันตามประสา คนกำลังจะเป็นดองกันจริงไหมคะ ท้ายประโยคนารีหันมาถามแขก

    รอยยิ้มเปี่ยมไปด้วยมิตรภาพของนารีทำให้สุชนาทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบรับเท่านั้น

    ค่ะ ทักทายกันนิดหน่อย

    นารีแทบไม่สนใจด้วยซ้ำว่าสุชนาตอบอะไร หล่อนดึงมือแขกไปกุมไว้พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

    พี่ดีใจจัง ขอเรียกแทนตัวเองว่าพี่เถอะนะคะนารีพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นและไม่รอคำตอบก็พูดต่อทันที พี่ดีใจจริงๆ ในที่สุดก็จะได้จัดงานแต่งให้คุณกลางซะที คิดว่าชาตินี้คุณกลางจะไม่ยอมแต่งงานซะแล้ว

    ทำไมละคะ หล่อนถามเพราะไม่เข้าใจจริงๆ แต่ คุณกลางกลับทำท่าเหมือนจะกระแอมใส่มือตัวเอง

    นารีมองน้องสามีเหมือนจะค้อนใส่ก่อนจะหันกลับมามองแขกอีกครั้ง

    ก็เมื่อก่อนคุณกลางเคยประกาศเองเลยค่ะว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน ไม่ว่ากับใครทั้งนั้น อยากจะครองตัวเป็นโสด

    ว่าแล้วสองสาวก็หันไปมองหน้าคนอยากเป็นโสดไปตลอดพร้อมกัน เจ้าตัวเลยมีหน้าปั้นยากเต็มที เขาน่าจะรู้นะว่าถ้าลองสาวๆ พบกัน คงไม่แคล้วกลายเป็นเป้าหมายของหัวข้อสนทนา

    ว่าแต่ตัดสินใจรึยังคะว่าแต่งงานแล้วจะไปอยู่ที่ไหนกันเอ๋ย อยู่ที่นี่รึว่าอยุธยาดีคะ

    อยุธยาเหรอคะ สุชนาถามด้วยสีหน้าแปลกใจ เพราะไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน และไม่คิดอีกเช่นกันว่าจะได้ยินชื่อจังหวัดนี้ขึ้นมา

    ผมว่าพี่นารีรีบไปรับเทพไทดีไหมครับ เดี๋ยวรอนานเกเรอีก เขาเสนอแนะด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุด ให้ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติ แต่มีหรือสองสาวจะไม่รู้

    นารียิ้มร่าใส่น้องสามี แต่ก็ยอมล่าถอยแต่โดยดี

    เออนั่นสิ พี่ลืมไปเลย เดี๋ยวได้เกเรกันทั้งพ่อทั้งลูก งั้นพี่ไปก่อนนะคะ เอาไว้วันไหนว่างๆ มาทานข้าวกันนะคะ เราจะได้คุยกัน คราวนี้นารีหันมาบอกสุชนาด้วยน้ำเสียงยินดี

    ได้ค่ะ

    นารีบีบมือแขกราวกับเป็นการทำสัญญากันระหว่างสองสาว ก่อนจะยอมผละไปง่ายดาย ทิ้งให้หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง

    สุชนามองหน้าชายหนุ่มที่ตั้งใจมาหาแล้วกลับเป็นฝ่ายพูดไม่ออกเสียเอง

    ก่อนหน้านี้เพียงไม่ถึงสิบนาทีดี หล่อนยังฮึดฮัดอยากจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับเสียงหายขึ้นมาเสียอย่างนั้น...

    บ้านคุณน่าอยู่ดีนะคะ

    ทำไมคุณไม่ถามมาเลยล่ะ

    ถามอะไรคะ

    อะไรที่อยู่ในใจคุณ เขาตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ เช่นเดียวกับสองตาที่สบตาหล่อนนิ่งงัน คุณมาหาผมเพราะจะมาจับผิดผมไม่ใช่รึไง

    ฉันไม่ได้จะ... หล่อนเถียงไม่เต็มเสียง

    ที่เขาพูดมามันก็ใช่ แต่จะให้หล่อนยอมรับออกมาตามตรงได้อย่างไรกันเล่า

    หึงผมก็ยอมรับมาตามตรงน่า เขาว่าด้วยน้ำเสียงโอ่หน่อยๆ จะแอบมาดูใช่ไหมว่าผมหายหน้าไปนี่แอบไปนัดผู้หญิงที่ไหนรึเปล่า

    แหม ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผลขนาดนั้นหรอกค่ะ

    หล่อนตอบเสียงใสและสบตาเขาโดยไม่คิดจะหลบตาเหมือนเมื่อก่อน

    ฉันอยากรู้ว่าช่วงนี้คุณไม่ทำงานหรอคะ รึว่าลาพักยาว

    ภาษิตเม้มปากเป็นเส้นตรงราวกับเกรงว่าจะหลุดปากพูดอะไรออกมา แต่หล่อนก็พูดต่อไม่คิดจะรอฟังคำตอบของเขา

    เล่าเรื่องของคุณให้ฉันฟังบ้างสิคะ

    ทำไมถึงอยากรู้ขึ้นมา เขาถามงงๆ

    ฉันก็เพิ่งนึกได้ เราจะแต่งงานกันอยู่แล้ว แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนยังไม่รู้จักคุณเลย

    เขาคลี่ยิ้มดูอบอุ่นไม่น้อยพลางเดินเข้ามาหาและนั่งข้างหล่อน

    คุณรู้จักผมตั้งมากแล้ว ผ่านนี่ไง

    เขาหันไปเปิดลิ้นชักตู้หนังสือที่อยู่ใกล้ๆ หยิบมันออกมาส่งให้หญิงสาว

    นี่ของเขาคือสมุดเล่มบางที่สุชนาเคยเขียนประชดน้องไปหลายหน้ากระดาษ วันนี้สมุดยังคงใหม่เอี่ยมเหมือนเดิม แต่พอเปิดดูด้านในถึงได้เห็นว่าหลายข้อในนั้นมีรอยดินสอขีดฆ่า หรือไม่ก็เขียนหมายเหตุกำกับไว้ให้เลอะเทอะเต็มไปหมด

    หล่อนปรายตามองเขาอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าลงดูหน้ากระดาษอย่างตั้งใจ

    น่าแปลกนักที่เรื่องไร้สาระหลายสิบข้อในนั้นมีเครื่องหมายถูกขีดกำกับไว้หน้าข้อ บางข้อมีคำเขียนเพิ่มเติมเหมือนพวกหลงตัวเองแถมให้อีก

    หล่อตั้งแต่เกิด หล่อนอ่านออกเสียงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนเขียนเติมด้วยรอยยิ้มขัน ไม่ค่อยเข้าข้างตัวเองเลยนะคะ

    คนหล่อหัวเราะเสียงใส แต่พอสุชนายิ่งได้กลับไปอ่านมากขึ้นเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งใจคอไม่ดีมากเท่านั้น

    นี่คุณจริงจังกับมันมากถึงขนาดนี้เชียวหรอคะ หล่อนถามเสียงเบา พยายามบังคับไม่ให้น้ำเสียงสั่นแต่ก็ยากเหลือเกิน

    ว่ากันว่าคนเรามักจะทำอะไรไร้สาระเพื่อความรักได้เสมอ แต่หล่อนก็ไม่คิดว่าจะได้เจอกับตัวเอง

    เขารักเธอจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูดเพียงลมปากเหมือนที่เธอเคยเข้าใจและคาดหวังว่าเขาจะพูดออกมา

    นี่เขาไม่เคยพูดแต่เธอกลับรับรู้ได้ถึงความรักของเขา...

    ฉันขอโทษ หล่อนพึมพำเสียงเบา ฉันเขียนอะไรไร้สาระ ฉันไม่คิดเลยว่าจะพลอยทำให้คุณต้องลำบากไปด้วย

    ทำไมถึงพูดอย่างนั้น เหลวไหลน่า เขาดุอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะอดใจไม่ไหว ดึงร่างบางเข้ามากอด

    สุชนาซุกหน้าลงกับช่วงไหล่กว้างของเขาอย่างไม่คิดจะอิดออด ราวกับนี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่หล่อนต้องทุ่มเทจนหมดใจ

    ความสุขไหลอาบหัวใจจนหญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเบาล่องลอยอยู่ในความฝัน

    ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรมากไปกว่านี้ แค่มีคนที่เรารักและรักเราก็พอแล้วไม่ใช่หรือ...

    เขารักเธอและเธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

    เรื่องสินสอดร้อยล้าน คุณคงไม่คิดจะจริงจังกับมันใช่ไหมคะ หล่อนกระซิบถามทั้งที่ยังแนบศีรษะอยู่กับอกกว้างของเขา

    แต่ผม...

    ไม่ค่ะ คุณไม่ต้องทำอะไรเพื่อฉันอีกแล้ว หล่อนค้านทันทีพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นเพื่อแตะปลายนิ้วชี้ลงกับริมฝีปากของเขาเป็นเชิงปราม เพราะตอนนี้ฉันรู้แล้ววาคุณเป็นพ่อเทพบุตรตัวจริงของฉัน

    สุชนาพูดจบก็ยิ้มเขินเสียเองเพราะไม่คิดว่าชีวิตนี้จะพูดอะไรเลี่ยนๆ แบบนั้นออกไปได้ แต่หล่อนกลับไม่เสียใจสักนิดที่บอกเขา

    ขอแค่คุณรักฉันคนเดียวก็พอ หล่อนพึมพำเสียงเบาในอ้อมกอดของเขา

    และไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลบมาอีกตามเคย...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×