ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรร้อยล้าน

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอน 13

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 196
      0
      21 มี.ค. 56

    ห้าโมงเย็นไม่ขาดไม่เกิน สุชนาหอบหนังสือสองเล่มหนากับกระดาษข้อสอบเด็กนักเรียนอีกปึกใหญ่ไว้แนบอกเดินกลับมาที่ลานจอดรถของโรงเรียน หล่อนวางกองหนังสือไว้บนกระโปรงหน้ารถเพื่อหยิบกุญแจรถจากกระเป๋าสะพายใบเขื่อง แต่แล้วกลับอดไม่ได้เสียเองที่จะหันไปมองประตูทางเข้าออกของโรงเรียน

    ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่ไม่รู้ทำไมสายตาถึงไปจับจ้องอยู่กับมุมที่มีใครบางคนยืนรอหล่อนอยู่เมื่อวันวาเลนไทน์เสียได้

    เย็นนี้ข้างกระถางใบบัวว่างเปล่า มีแต่เสียงลุงยามโหวกเหวกใส่รถขายลูกชิ้นปิ้งเรื่องทิ้งขยะไม่เป็นที่ หญิงสาวได้แต่อมยิ้มกับตัวเองพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย

    หล่อนต้องบ้าไปแล้วอย่างแน่นอนที่เผลอคิดไปว่าเขาจะมาอีก หลังจากที่พูดจาตรงไปตรงมากับเขาขนาดนั้นแล้ว

    แต่หล่อนคิดผิด... เย็นนี้มีคนมาหาจริงๆ ด้วย

    พี่ชนา นภาสิริร้องทักเสียงใส โบกมือให้พี่สาวด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่คุณครูสาวกลับหนักใจอย่างไรบอกไม่ถูก

    มาได้ไงสิรี หล่อนร้องถามทันทีที่เห็นน้องสาวเดินกึ่งวิ่งตรงมาหา

    ร้อยวันพันปีนภาสิริเคยมาเสียที่ไหน แล้วหนก่อนที่มา ก็ดึงหล่อนไปไหนต่อไหนเสียครึ่งค่อนคืน แล้ววันนี้เล่าจะต่างกันไหม...

    น้องสาวไม่ตอบ แต่กวาดสายตามองพี่ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก่อนจะเปิดฉากบ่นเป็นแม่แก่

    อะไรรวบผมซะเหมือนคุณครูเลย

    คุณครูมองน้องอย่างเหนื่อยใจ หล่อนแค่รวบผมไว้ที่ท้ายทอยง่ายๆ พอไม่ให้รำคาญเท่านั้น ไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่อะไรนักหนา แล้วคนพูดก็นึกขึ้นได้เสียเอง

    เออลืมไปว่าพี่ชนาเป็นครู เสียงบอกพัวเราะคิกคักไปด้วย สิรีหมายถึงรวบผมได้เชยมาก แล้วกระโปรงนี่ก็เช้ย เชย ยาวคลุมเข่าหนึ่งฝ่ามือ ตรงตามระเบียบกระทรวงศึกษารึไงเนี่ย

    คนสวมกระโปรงเชยได้แต่มองน้องพร้อมกับพูดเสียงเบื่อหน่าย

    ตกลงเธอมาหาพี่เพื่อจะวิจารณ์กระโปรงเท่านี้หรอ

    เปล่า สิรีมารับพี่ชนากลับบ้าน

    ทำไมต้องรับ หล่อนขมวดคิ้วถาม

    ไม่สิ นภาสิริว่ายิ้มๆ ก่อนจะขยายความ ไม่ใช่มารับ แต่สิรีจะมาขับรถพี่ชนากลับบ้าน เพราะว่าเย็นนี้พี่ชนามีหนุ่มมารับแล้ว

    ไม่ต้องรอให้พี่สาวทันได้ตอบหรือแม้แต่ตั้งข้อสงสัยถึงความไม่ชอบมาพากลใดๆ นภาสิรีก็ตรงเข้าไปฉวยกุญแจรถมาจากมือพี่สาวด้วยความรวดเร็ว

    เจ้าของรถได้แต่ทำเสียงร้องในลำคอด้วยความตกใจ แต่พอจะคว้าคืนมาก็ไม่ทันเสียแล้ว

    เล่นอะไรเป็นเด็กๆ นะเธอนี่

    เด็กยิ้มร่าชูพวงกุญแจขึ้นคล้ายอยากอวดผลงาน ก่อนจะรีบพูดต่อ

    ร้ายกาจเหมือนกันนะพี่ชนา มีหนุ่มตามเฝ้าถึงบ้านยังปากแข็งไม่บอกน้องสักคำ

    สุชนาแทบอ้าปากค้าง ไม่ทันได้ถามน้องว่ารู้ได้อย่างไร เจ้าตัวก็รีบรายงานผลราวกับอยากประกาศศักดา

    ดีนะสิรีไปพบพอดี รายนี้เข้าท่านะพี่ชนา ดูท่าจะรักจริงหวังแต่ง สิรีดูแล้วอนุมัติแล้วเลยพาเขามา

    คุณครูสาวฟังแล้วได้แต่มองน้องตาโตเท่าไขห่าน พูดไม่ออกบอกไม่ถูกขึ้นมาจริงๆ

    รู้อยู่หรอกว่านภาสิริชอบทำอะไรเป็นเล่นอยู่เรื่อย แต่ไม่คิดว่าจะลามปามมาถึงเรื่องของหล่อนเข้าสักวัน

    รักจริงหวังแต่งหรือ... นี่น้องหล่อนเอาอะไรมาพูด ผู้ชายเจ้าชู้ เจ้าเสน่ห์อย่างเขาน่ะหรือจะรักจริงหวังแต่ง

    ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ...

    แล้วมันเรื่องอะไรกันนะ น้องสาวถึงสามารถอนุมัติให้พี่สาวได้ นึกแล้วสุชนาก็ถึงกับปวดหัว อยากได้ยาแก้ปวดสักกระปุกขึ้นมา

    พาใครมา หล่อนร้องถามได้เท่านั้น คงเพราะมีคำถามมากมายเหลือเกินมารวมกันอยู่ที่ปลายลิ้นสุดท้ายเลยพูดออกมาได้แค่ไม่กี่พยางค์

    ใครก้าวออกมาราวกับรู้จังหวะ เดินยิ้มร่ามาแต่ไกล

    เย็นนี้เขายังคงอยู่ในเสื้อผ้ายิบเยินเหมือนกับเมื่อเช้า ผิดกันแค่หน้าตาที่ดูเจ้าเล่ห์อย่างไรบอกไม่ถูก

    งั้นสิรีไปก่อนนะ เจอกันที่บ้านนะพี่ นภาสิริก็เกิดจะรู้หน้าที่เข้าอีกคน อาศัยจังหวะที่พี่สาวยืนงงเป็นไก่ตาแตกนั่นล่ะรีบเผ่นไปเสียก่อน

    เจ้าของรถคว้าตัวน้องไว้ไม่ทัน เจ้าตัวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับได้ก็รีบล็อกประตูรถราวกับเกรงว่าพี่สาวจะเข้าไปหาเรื่อง

    มันน่าอยู่หรอก คิดอะไรแต่ละอย่างเข้าท่าเสียที่ไหน สุชนานึกอย่างหัวเสีย หากจะพอมีข้อดีอยู่บ้างก็ตรงแค่ติดเครื่องรถยนต์เท่านั้น ไม่ได้ขับออกไปเลย เพราะยังมีหนังสือกับซองกระดาษข้อสอบของคุณครูวางอยู่บนกระโปรงหน้ารถ

    ภาษิตไม่พูดจากับหล่อนสักคำ แต่เดินตรงไปหยิบกระดาษทั้งกองมาถือไว้ ราวกับหวังจะใช้เป็นหลักประกัน เป็นอันว่าหญิงสาวหมดหนทางจะโต้แย้งไปอีกข้อ

    พอกระโปรงรถว่างเปล่าคราวนี้น้องสาวก็ไม่รอช้าที่จะขับรถกลับไปก่อน หากยังไม่วายโบกมือให้พี่สาวพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง คนเป็นพี่ได้แต่เข่นเขี้ยวในใจ... ถึงบ้านเมื่อไหร่เรื่องใหญ่แน่สิรี...

    ไปกันเลยดีไหมครับ เขาถามคล้ายจะปรึกษา แถมยังผายมือให้หล่อนเดินนำด้วยทีท่าดั่งสุภาพบุรุษ

    สุภาพบุรุษที่ไหนใช้วิธีการแบบนี้บ้างเล่า หล่อนอยากจะรู้นัก

    แล้วกันไปเลยของเขาคือไปไหน... คงไม่ใช่ดวงดาวดวงใดหรอกนะ...

    ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณใช้วิธีนี้ หล่อนพูดเหมือนบ่น แต่สุดท้ายก็จำใจยอมแพ้เดินผ่านประตูโรงเรียนออกไปพร้อมกับเขา

    น้องสาวคุณหวังดี เขาบอกสั้นๆ แล้วก็ได้สายตาเข้มดุจากพี่สาวตอบกลับมา

    รู้จักน้องฉันดีจัง หล่อนประชดเสียงแข็ง พลางบอกกับตัวเองในใจว่าไม่เป็นไรหรอก ก็แค่ให้เขาไปส่งบ้าน ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร

    และเย็นนี้ค่อยจัดการแม่สื่อตัวดี เท่านี้ก็หมดปัญหา

    เขาคงไม่มาวนเวียนวุ่นวายกับหล่อนอีกแล้ว..

    หึงเหรอครับ เขาถามกลับทันทีก่อนจะหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ต้องหึงหรอกคุณ ผมก็คุยกับน้องคุณเรื่องของคุณนั่นล่ะ

    คุณภาษิต หล่อนหันไปพูดกบเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    เรียกผมว่ากลาง เขารีบบอก และไม่รับรู้เอาเสียเลยว่าหญิงสาวเริ่มอารมณ์ไม่ดีเอาเสียเลยผมมีพี่น้องสามคนและเป็นคนกลางพอดี

    ขอเรียกคุณภาษิตเถอะค่ะ ถึงยังไงคุณก็ยังเป็นอาของลูกศิษย์ฉัน อีกอย่างฉันแน่ใจว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน หรือต่อให้เป็นเพื่อนมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะต้องมาทำตัวสนิทสนมกับฉันหรือว่าน้องสาวฉัน หรือต้องเสียสละเวลาอันมีค่าของคุณมารับส่งฉันอีก

    ภาษิตเดินมาถึงรถยุโรปของเขาพอดี เขาหยุดหัวเราะแล้วก็จริง แต่ไม่รู้ทำไม เห็นทีท่าฮึดฮัดของหญิงสาวแล้วถึงได้นึกอยากหัวเราะอีกสักรอบ

    เขาปลดล๊อครถก่อนจะโยนหนังสือของหล่อนไปไว้ที่เบาะหลัง แล้วเงยหน้าขึ้นมองราวกับจะลองใจว่าหล่อนจะยอมก้าวขึ้นรถไหม

    สุชนาไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรก็มาถึงขนาดนี้แล้ว เลยยอมไปนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถเขาง่ายดาย

    หล่อนคิดว่าเขาน่าจะพูดรู้เรื่องแล้ว เพราะไม่เห็นเขาตอบอะไรกลับมา แต่เปล่าเลย พอรถออกตัวไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เริ่มรู้ว่าตัวเองคิดผิด

    นี่ไม่ใช่ทางกลับบ้านฉันนี่ หล่อนโวยวายเสียงดัง คุณจะพาฉันไปไหน

    ภาษิตอมยิ้มกับคำถามออกไปทางแตกตื่นของหญิงสาว ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ผมหิว แวะหาอะไรทานกันก่อนนะ

    สุชนามองเขาด้วยหางตา ไม่ไว้วางใจเลยสักนิด

    ลูกไม้เก่า หล่อนวิจารณ์พลางเบ้ปาก ที่ฉันพูดเมื่อครู่คุณไม่ได้ฟังเลยใช่ไหม

    เขาละสายตาจากถนนซึ่งการจราจรคับคั่งไม่น้อยมามองหล่อน คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นคล้ายจะสื่อความหมาย... ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณพูดถึงอะไร

    คุณภาษิต หล่อนเรียกชื่อเขาขุ่น

    ไอ้ที่คุณบอกว่าเราไม่ใช่เพื่อนกันน่ะหรอ ได้ยินแล้ว

    สุชนาเริ่มอยากจะนับหนึ่งถึงร้อยในใจ แต่ก็ว้าวุ่นเกินกว่าจะทำได้ จึงได้แต่ถามกลับไป

    ได้ยินแล้วเข้าใจไหม

    เข้าใจ

    เข้าใจแล้วทำไมยังจะพาฉันไปทานข้าวอีก

    ก็ผมหิว

    คำตอบตีรวนของเขายิ่งมีแต่จะทำให้คุณครูสาวโมโหหนักกว่าเดิม ปราบเด็กนักเรียนเฮี้ยวๆ มาก็มาก ทำไมไม่มีรายไหนน่าหนักใจเท่านี้มาก่อนเลย...

    อ้อ... คงเพราะเขาไม่ใช่เด็กนักเรียนน่ะสิ แต่เป็นผู้ชายตัวโตช่างตื้อไม่เลิก

    ฉันรู้ว่าสติปัญญาระดับกัปตันขับเครื่องบินอย่างคุณคงจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดได้ไม่ยาก แต่ที่ฉันไม่เข้าใจคือ ทำไมคุณถึงพูดไม่รู้เรื่องฉันว่าฉันพูดชัดแล้วนะว่า...

    หล่อนพูดไม่ทันเขาก็เอ่ยต่อให้เสียเอง

    เราไม่ใช่เพื่อนกัน

    ดวงตาสีน้ำตาลตวัดมองเขาอย่างระอา อีกเดี๋ยวเถอะ เขาก็คงจะวนตอบหล่อนแบบเดิมอีกรอบอยู่ดี

    แต่เปล่าเลย บทจะพูดรู้เรื่องขึ้นมา เขาก็เป็นฝ่ายออกปากเสียเอง

    ผมรู้แล้วว่าเราไม่ใช่เพื่อนกัน ผมก็ไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับคุณซะหน่อย

    นี่คุณ หล่อนทำเสียงสูงขึ้นจมูก เหนื่อยใจจนไม่รู้จะสรรหาถ้อยคำอะไรมาพูดได้อีกแล้ว

    เงียบกันเป็นชั่วครู่ หล่อนกลับได้ยินเสียงเหมือนภาษิตกำลังหัวเราะหึๆ อยู่ในลำคอ นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวหัวเสียไม่น้อย

    ฉันไม่เข้าใจเลย คุณจะมาอะไรกับฉันนักหนา

    ผมก็ไม่เข้าใจเลย แค่ผมจีบคุณมันแปลกตรงไหนนักหนา เขาย้อนคำหล่อนหน้าตาเฉย คุณถึงเอาแต่จะขับไล่ไสส่งผม ทำเหมือนโกรธแค้นกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน

    เขาย้อนด้วยน้ำเสียงคล้ายจะน้อยใจ แถมยังตีหน้าสลดใส่อีก แต่หญิงสาวไม่หลงกล

    ฉันก็บอกแล้วไงคะ คนอย่างคุณไม่น่าที่จะมาชอบฉันหรอก

    งั้นผมก็บอกคุณแล้วเหมือนกันว่าผมชอบคุณ เขายืนกรานเสียงหนักแน่น แต่นัยน์ตาพราวทีเดียวราวกับกำลังถกเถียงกับหล่อนในเรื่องไร้สาระอะไรสักอย่างอยู่

    ได้ยินเข้าเต็มสองหูสุชนากลับปั้นหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไรดี จะให้ยืนกรานปฏิเสธเขาน่ะหรือ คงจะฟังหรอก...

    แล้วคุณจะรู้ว่าเราเหมาะสมกันมากกว่าที่คุณคิด เขาว่าด้วยน้ำเสียงโอ่ๆ ไม่แน่นะสักวันคุณอาจจะหลงรักผมหัวปักหัวปำก็ได้

    หล่อนเบ้ปากใส่เขาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ยอมรับอยู่หรอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์ไม่น้อย แต่อะไรบางอย่างในการกระทำ ในน้ำเสียง หรืออะไรก็ยากจะรู้ได้ บางอย่างซึ่งเล็กน้อยเหลือเกินในนั้นกลับเตือนหล่อนว่าเขาไม่น่าไว้ใจ...

    และหล่อนควรจะเชื่อสัญชาตญาณตัวเองไม่ใช่หรือ...

    อ้อ เขาทำเสียงในลำก่อนจะหันมามอง ทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ขึ้นมาได้ ผมเรียนจบที่อังกฤษ พูดได้สี่ภาษา เล่นกีตาร์เป็น แล้วก็เปลี่ยนหลอดไฟเป็นด้วย เขาพูดเหมือนท่องมา

    หญิงสาวมองหน้าเขางงๆ ไม่คิดว่าเขาจะเปลี่ยนเรื่องพูดหน้าตาเฉยแต่เขายังคงพูดต่อ

    ผมสัญญาว่าถ้าเราแต่งงานกัน ผมจะไม่แย่งรีโมทโทรทัศน์กับคุณ อ้อ ผมมีบัตรเครดิตแพลตตินั้มสามใบวงเงินหกหลัก ถ้าสั่งอาหารทะเลผมยินดีแกะกุ้งให้คุณทาน แต่ปูนี่ผมไม่ถนัดจริงๆ

    ว่าไงนะคะหล่อนงงเป็นไก่ตาแตก

    ผมไม่ชอบถอดเสื้อเวลานอน ถ้าคุณอยากเลี้ยงหมาหรือแมวผมก็ไม่เกี่ยง อ้อ เส้นลายมือผมไม่ขาดนะ พี่สะใภ้ผมชอบดูดวง เคยดูให้บอกว่าลายมือผมนี่ดวงดี อายุยืนไม่ต้องห่วง

    คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ หล่อนถามทั้งที่กลัวคำตอบเหลือเกิน

    อยู่ๆ เขาก็พูดเรื่องไร้สาระทั้งนั้น ข้อสำคัญ มันเป็นเรื่องที่แสนจะไม่มีประโยชน์เรื่องเดียวกันนี่ล่ะที่หล่อนเคยนั่งคิดหัวแทบแตก...

    อ้าว ก็เงื่อนไขหนึ่งร้อยข้อของคุณไง น้องคุณให้ผมทำข้อสอบเรียบร้อยแล้ว

    สุชนารู้สึกเหมือนอยากเอาศีรษะโขกคอนโซลรถให้ดับอนาถตรงนั้นไปเสียให้ได้ แต่ปากกลับบอกไปอีกทาง

    ไม่ถึงร้อยข้อซะหน่อย

    คุณไม่อยากรู้เหรอว่าผมได้กี่คะแนนเขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ

     

    แพรพิมลวางหูโทรศัพท์ลงอย่างเบามือทั้งที่ในใจร้อนรนดั่งไฟ แต่หล่อนยังห่วงอนาคตเกินกว่าจะระบายอารมณ์ใส่โทรศัพท์แขวนผนังกิ๊กก๊อกเครื่องละไม่กี่ร้อย คำพูดของเขายังสะท้อนก้องเต็มสองหู

    ผมไม่ว่าง

    ไม่ใช่แค่สามพยางค์นี่หรอกที่ทำให้หล่อนเริ่มนั่งไม่ติด ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงผู้หญิงแว่วเข้ามาด้วย

    หล่อนรู้แต่แรกแล้วว่าผู้ชายอย่างภาษิตมีผู้หญิงเข้ามาวุ่นวายมากมายขนาดไหน แต่หล่อนฉลาดพอที่จะเหนี่ยวรั้งเขาไว้แต่พอประมาณ ไม่ขยับเข้าไปลำเส้นที่เขาตั้งไว้ และมันก็ทำให้หล่อนกลายเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่รู้จักสนิทสนมเขานานกว่าใคร

    นอกนั้นน่ะหรือ ไม่เท่าไหร่ก็กระเด็นไปคนละทิศละทาง... หล่อนได้แต่ยิ้มย่อง อีกไม่นานนักหรอก ทุกสิ่งที่วาดฝันไว้ย่อมไม่ไกลเกินจริง

    แต่วันนี้ความมั่นใจที่เคยมีมาเสมอกลับสั่นคลอนได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ทันทีที่ได้ยินเสียงผู้หญิงคนนั้น

    เสียงนุ่มหวานแต่ก็พูดจาแบบสุภาพและจริงจังนี่ต่างหากล่ะที่ทำให้หล่อนเป็นกังวลไม่น้อย ปกติผู้หญิงที่เข้ามาเกาะแกะภาษิตจะคล้ายกันหมด พยายามออดอ้อนเอาใจเขาจนเขารำคาญ และไม่นานพวกนั้นก็จะกลายเป็นอดีต ไม่มีใครรู้ความจริงข้อนี้ดีเท่าหล่อน

    แต่เสียงที่พูดจาจริงจังกับเขา จับใจความได้ทำนองว่าไม่สนใจเขาสักนิดนี่เล่า หล่อนไม่เคยเจอ และก็เชื่อหมดใจว่าภาษิตก็ไม่เคยเจอเช่นกัน

    ปัญหาก็คือ เขาคงไม่หวั่นไหวไปกับแม่นั่นหรอกนะ

    แพทมีเรื่องอยากปรึกษาคุณนะคะ ธุระสำคัญหล่อนพยายามจะลืมเสียงผู้หญิงคนนั้นที่แทรกเข้ามาและพูดอะไรให้มันเข้าที่เข้าทาง แต่สิ่งที่ตอบกลับมานี่สิ

    เอาไว้ก่อนนะแพท ผมไม่ว่าง เขายืนยันคำเดิมแถมยังเป็นฝ่ายตัดสายเสียอีก

    แล้วจะให้หล่อนใจเย็นอยู่ได้อย่างไร

    หลังจากเพียรบอกตัวเองว่าอย่าตื่นตระหนกอยู่นับสิบรอบ แพรพิมลก็คว้าหูโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ต่อสายไปหาผู้ชายอีกคน

    พี่พุทธอยู่ไหน หล่อนกรอกเสียงปึ่งชาลงไป แต่ปลายสายกลับหัวเราะ

    อะไรนักหนา ถามอย่างกับเมีย แกเป็นน้องฉันนะ

    บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าอยู่ที่ไหน

    แถวพระรามเก้า ทำไม มีอะไร

    รีบกลับบ้านได้ไหมมีเรื่องอยากปรึกษา

    อะไรอีก รอหน่อยไม่ได้รึไง พี่นัดสิรีไว้ ไว้กลับบ้านค่อยคุยกัน

    ไม่ได้ แพรพิมลยืนกรานเสียงแข็งแต่กลับเปลี่ยนใจเสียเอง เออ ไว้ค่อยคุยกันก็ได้ แต่แพทขออะไรอย่างได้ไหม

    อะไร

    ช่วยแต่งงานกับแฟนพี่เร็วๆ หน่อยได้ไหม แพทอยากกินขนมงานพี่จะแย่แล้ว แพทไปคุยไว้ทั่ว นี่หน้าแตกจนไม่รู้จะแหกยังไงแล้ว

    แทนที่พี่ชายจะเดือดร้อนตามไปกับน้องด้วย หล่อนกลับได้ยินเสียงหัวเราะดังจากโทรศัพท์ ประหนึ่งขันเสียเต็มประดา

    ตกลงอยากให้พี่แต่งเมียรึอยากอวดงานแต่งพี่กันแน่

    เออ มันก็เหมือนกันนั่นละ หล่อนบอกด้วยเสียงขุ่นยังอารมณ์เสียไม่หาย แพทจะได้ควงคุณกลางออกงานด้วย แม่รีแม่แรดทั้งหลายจะได้รู้ซะทีว่าเขามีเจ้าของแล้ว

    ปลายสายทำเสียงเหมือนจะถอนหายใจใส่โทรศัพท์ก่อนจะถามเสียงยานคาง

    ตกลงมีธุระเท่านี้ใช่ไหม

    แพทซีเรียสนะพี่พุทธ รีบแต่งหน่อยได้ไหม แพทสังหรณ์ใจยังไงไม่รู้

    ไม่รู้ว่าปลายสายจะเข้าใจไหม เขาตอบกลับมาแค่สั้นๆ

    เออ

    แพรพิมลวางสายอีกครั้งด้วยใจที่เบากว่าเดิมเล็กน้อย บอกกับตัวเองว่าดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ถ้าพุทธจะแต่งงานเร็วๆ นี้ หล่อนก็พอมีแผนจะดึงภาษิตเข้ามาวนเวียนได้ไม่ยาก อย่างน้อยในฐานะเพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุดมีหรือเขาจะปฏิเสธคำขอร้องของหล่อนได้

    ที่นอกเหนือไปกว่านั้นแผนการบางที่แพรพิมลคิดไว้เนิ่นนานจะได้งัดออกมาใช้ก็งานนี้เอง...

    คิดว่าจะทิ้งแพทได้หรอคุณกลาง ไม่มีทาง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×