ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพบุตรร้อยล้าน

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 10

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 433
      4
      16 ก.ย. 54

     ภาษิตวางหูโทรศัพท์ลงด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย สายที่สามแล้วที่เขาไม่อยากจะรับและต้องยืนกรานปฏิเสธไปทุกสายเช่นเดียวกันหมด

    ผู้หญิงทำไมถึงน่าเบื่อเหมือนกันหมด... เขาได้แต่คิดอย่างเย้ยหยันในใจ

    แรกพบก็งดงามชวนมอง ทำอะไรก็น่ารักทั้งนั้น รู้จักได้ไม่เท่าไหร่นิสัยใจคอเริ่มออก อะไรที่เคยปิดบังไว้ก็เป็นอันว่าไม่อายที่จะเปิดเผย สิ่งเดียวที่เหมือนกันหมดคือชอบประกาศความเป็นเจ้าของ

    นึกถึงตรงนี้แล้วเขาได้แต่ยิ้มหยัน ในเมื่อเขารู้ดีว่าเขาไม่ใช่สมบัติของใคร ไม่มีใครออกคำสั่งกับเขาได้ แม้กระทั่งคุณมาลา แม่ผู้ให้กำเนิดและให้ชีวิตเขา

    แต่แม่กลับไม่เคยเข้าใจเหมือนที่เขาเข้าใจ

    เขายังจำคำพูดของแม่ได้ไม่มีวันเลือน

    แม่ไม่เคยห้ามไม่ให้ลูกติดต่อกับเขา แต่แม่ไม่เคยคิดเลยว่าสุดท้ายลูกจะกลายเป็นแบบเขา ภาษิต รู้ไหมว่าแม่เสียใจแค่ไหน

    เขาที่คุณมาลาพูดถึงย่อมหมายถึงอดีตสามีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ชื่อ คุณมาลายังไม่อยากจะเอ่ยถึง

    มันไม่ใช่ชื่อเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับพ่อ กลายเป็นสิ่งต้องห้ามในบ้านหลังนี้ทั้งสิ้น

    ผมก็เป็นผมเหมือนเดิม ไม่เห็นจะเปลี่ยนไปตรงไหน

    ไม่เปลี่ยนเหรอภาษิต ถ้างั้นลูกบอกแม่ได้ไหมว่าเมื่อไหร่ลูกจะเลิกควงผู้หญิงไม่เลือกหน้าซะที

    แม่คิดมากเกินแล้วครับ ผมไม่ใช่คนแบบนั้น

    ไม่ใช่หรอภาษิต แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร ผู้หญิงตั้งกี่คนแล้วที่ต้องน้ำตาตกเพราะลูก แค่แม่ต้องเจ็บปวดเสียใจกับการกระทำของผู้ชายคนนั้น ลูกยังไม่พอใจใช่ไหม ถึงได้ทำตัวแบบนี้

    แม่ครับ ผมไม่รู้ว่าแม่คิดว่าผมเป็นยังไง แต่สิ่งเดียวที่ผมจะบอกแม่ได้ก็คือ ผมไม่ใช่คนไร้ความรับผิดชอบ ผมไม่คิดจะทำให้ใครเสียใจเพราะการกระทำของผม

    แล้วที่ลูกทำอยู่ทุกวันนี้ล่ะภาษิต เมื่อไหร่จะเลิกเจ้าชู้เสียที

     ผมไม่ได้เจ้าชู้นะครับแม่ ผมยังไม่ได้แต่งงาน มันผิดนักหรอ ถ้าผมจะใช้ชีวิตโสดของผม อย่างน้อยผมก็ไม่เคยยุ่งกับผู้หญิงมีเจ้าของแล้ว ไม่เคยสัญญาอะไรที่ทำไม่ได้ และข้อสำคัญไม่ว่าแม่จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ถ้าผมแต่งงาน ผมก็ไม่คิดจะทำผิดซ้ำรอยใคร

    คุณมาลาไม่ค่อยสบายใจนักหรอกกับคำสัญญาของเขา เป็นทุกข์เป็นร้อนมาตลอดกับแค่เขายังไม่ยอมแต่งงานเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น

    เขาเคยคิดว่าเป็นเพราะความห่วงใยของบุพการีซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ แต่พอคุณมาลาจากไป เหลือทิ้งไว้แต่คำสั่งในพินัยกรรม เขาเริ่มคิดแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องปกติ...

    แม่อยากให้เขาแต่งงานทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่คิดจะรักใคร...

    ผู้หญิงมีให้แค่ความพอใจ พอความรู้สึกตรงนี้จบสิ้นลง ความรักก็เหือดแห้งตามไปด้วย ไม่เคยมีแม้สักครั้งที่เขาจะอาลัยอาวรณ์กับความสัมพันธ์ที่สิ้นสุด แล้วแม่จะให้เขาทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้

    แต่งงาน!

    แค่คิดว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้หญิงเพียงคนเดียวไปชั่วชีวิตก็สยองแล้ว แม่จะรู้บ้างไหมว่าบังคับให้เขาเดินลงเหวด้วยตัวเอง

     วันนี้ไม่ไปไหนรึไง ไอ้เสือ เสียงปทินทักทายขึ้น เขาเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาล สีหน้าเหนื่อยล้าไม่น้อย แต่ยังยิ้มยินดีที่เห็นน้องชายตัวแสบอยู่บ้าน ไม่ได้มีนัดกับสาวเหมือนทุกที

    รอพี่ ภาษิตตอบเสียงห้วนไม่น้อย ก่อนจะโยนกระดาษสามสี่แผ่นลงบนโต๊ะรับแขกต่อหน้าพี่ชาย ตามด้วยบัตรเครดิตอีกสามใบ

    อะไร พี่ชายถามทั้งที่พอจะรู้ความหมายเป็นอย่างดี

    หมายความว่ายังไง บัญชีผมถูกระงับ

    แทนที่ปทินจะเดือดร้อนกับเสียงห้าวๆ ที่พร้อมจะมีเรื่องทุกเมื่อ เขากลับหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีจัด

    นายก็รู้ว่ามันคืออะไร นายกลางเขาตอบทันทีที่เสียงหัวเราะจางลง ไม่ได้เกรงสีหน้าหาเรื่องของน้องชายเลยแม้แต่น้อย ถ้าเปิดพินัยกรรมแล้ว ก็เป็นอันว่าทุกอย่างต้องหยุดไว้หมด จนกว่านายจะแต่งงาน เงินเดือนของนายก็เหมือนกัน จะไม่มียักย้ายอะไรทั้งนั้น จนกว่า...

    ผมจะแต่งงาน เขาพูดต่อให้เสียเอง รู้แล้ว พูดจนซึมลึกเข้าดีเอ็นเอแล้ว

    แล้วมาถามพี่อีกทำไม

    พี่ก็รู้ว่าผมต้องใช้เงิน เขาบอกเสียงห้าวเจือด้วยอารมณ์โกรธ ผมเพิ่งออกจากงาน ยังไงก็ยังต้องใช้เงินกว่าจะได้งานใหม่

    ก็รีบหาเข้าสิ ปทินพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ที่นายตกงานก็เพราะไม่หางานทำเอง แล้วจะให้พี่ช่วยอะไรได้

    พี่ก็รู้ว่าพี่ช่วยผมได้ เงินจากกองมรดกตั้งเท่าไหร่ ทำไมพี่ไม่ไปพูดกับคุณทนายให้เขาช่วย คิดว่าผมไม่รู้รึไงว่าเขาก็ฟังพี่ไม่ต่างจากคุณแม่หรอก ผมไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าเงินเดือนเหมือนทุกที

    ปทินฟังแล้วอดไม่ได้ต้องส่ายหน้าออกมาอย่างระอา

    ไอ้เงินเดือนที่นายว่าน่ะ เดือนตั้งเท่าไหร่ ถึงจะแค่เศษเสี้ยวของเงินคุณแม่ แต่พี่ก็ขัดคำสั่งคุณแม่ไม่ได้หรอกกลาง คุณแม่ไว้ใจพี่ก็จริง แต่ถึงคุณแม่จะไม่อยู่แล้ว พี่ก็จะไม่ทำให้คุณแม่ต้องผิดหวังทีหลัง

    ภาษิตมองพี่ชายด้วยสายตาแค้นเคืองไม่น้อย เขาไม่แน่ใจนักหรอกว่าถึงกับเกลียดพี่ชายซึ่งไม่มีสายเลือดผูกพันกันบ้างไหม แต่ที่แน่ๆ ปทินกำลังสนุกกับการเห็นเขาจนตรอก

    และคนอย่างภาษิตจะต้องไม่มีวันนั้น...

    แปลว่าพี่จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น จนกว่าผมจะแต่งงาน

    ปทินหัวเราะหึๆ ในลำคอ ก้มลงหยิบบัตรเครดิตของน้องขึ้นมาดูก่อนจะโยนทิ้งอย่างไม่ใยดีเช่นเดิม

    ใช่ นายเข้าใจถูกต้องแล้ว

    ก็ได้ เขากระแทกเสียงบอกพี่ชาย อยากให้แต่งนัก ผมก็จะแต่ง มันจะยากเย็นอะไรนักหนากับแค่มีเมีย

    มีเมียมันไม่ยากหรอกกลาง นายก็รู้ แต่มันยากตรงที่จะแต่งกับใครต่างหากล่ะ

    ใครก็ได้ไม่ใช่รึไง ขอแค่ผมแต่งงาน

    ปทินเม้มปากเป็นเส้นตรง มองหน้าน้องชายอย่างประเมินก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหนักใจไม่น้อย

    รู้ไหม พี่เคยบอกคุณแม่แล้วว่าถ้าทำแบบนี้ นายอาจจะไปคว้าผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาแต่งด้วย แต่คุณแม่ว่ายังไงรู้ไหม

    ภาษิตนิ่ง ไม่ตอบ ได้แต่มองพี่ชายด้วยความสงสัย

    คุณแม่บอกว่านายไม่ใช่คนโง่ นายไม่มีทางที่จะ...

    พี่ชายพูดไม่ทันจบคนที่ไม่น่าจะโง่ก็รีบแทรกขึ้น

    มันก็ไม่แน่หรอกพี่นพ ถ้าบีบกันมากๆ เข้า ผมอาจจะนึกอยากประชดคุณแม่ ไปแต่งกับผู้หญิงชั้นต่ำที่ไหนก็ได้

    ใช่ ฉันก็คิดเหมือนนายนั่นล่ะ แต่คุณแม่ก็ยังเชื่อว่านายไม่ใช่คนแบบนั้น ปทินบอกด้วยน้ำเสียงชื่นชม เอาเถอะนายจะแต่งกับใครก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพี่ แต่บอกตามตรงนะนายกลาง พี่ไม่เชื่อว่านายจะไปคว้าผู้หญิงสั่วๆ มาเป็นเมียก็จริง แต่พี่ก็ยังไม่คิดว่านายจะหาผู้หญิงดีๆ มาแต่งงานด้วยได้เหมือนกัน

    คำสบประมาทกันซึ่งๆ หน้าของพี่ชายถึงกับทำให้ภาษิตจ้องหน้าพี่ด้วยสายตาไม่พอใจอย่างเปิดเผย

    เขาพอจะรู้อยู่หรอกว่าปทินมีชีวิตที่น่าชื่นชมมากแค่ไหน ถึงจะเป็นเด็กกำพร้า แต่ตอนนี้ก็ถือว่ามีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้า แถมยังได้ศรีภรรยาดีอย่างนารีด้วยแล้ว เขาอาจจะไม่เคยคิดอิจฉาแม้สักน้อยนิด แต่การพูดจาแบบนี้มันก็เกินไปหน่อย

    ผมน่ะหรอจะหาไม่ได้ เขาพูดด้วยเสียงเยาะขึ้นจมูก พี่ลืมไปรึเปล่าว่ากำลังคุยกับใคร ผมภาษิตนะพี่นพ ผู้ชายที่วันนี้เพิ่งปฏิเสธผู้หญิงไปแล้วสามคน ก่อนหน้านี้อีกนับไม่ถ้วน

    ปทินมองหน้าน้องคล้ายจะถาม... แล้วไงล่ะ... คนคุยถึงต้องรีบพูดต่อ

    คนอย่างผม อยากมีเมื่อไหร่ก็มีได้ ผู้หญิงตั้งมากมายรอบตัวผม แต่ผมไม่อยากมีเอง พี่เข้าใจไหม อยู่คนเดียวก็ดีอยู่แล้ว ไม่รู้จะมีห่วงคล้องคอไปทำไม

    คนเสน่ห์แรงพูดได้ไม่กระดากปากทั้งที่เขาไม่มีนิสัยที่จะพูดจาดูถูกผู้หญิงแบบนี้ แต่คนเป็นพี่ฟังแล้วกลับหัวเราะขำ

    ไอ้บรรดาผู้หญิงมากมายที่นายว่านี่ มีผู้หญิงดีๆ รวมอยู่ในนั้นบ้างไหมนายกลาง ปทินย้อนด้วยน้ำเสียงเหมือนจะหารือ ซ่อนรอยยิ้มไว้เสียสนิทแต่น้องชายไม่หลงกล

    ทำไมจะไม่มี

    น้ำเสียงตอบกลับออกจะคุยไวหน่อยๆ คนถามเลยอดไม่ได้ต้องรีบย้อน

    งั้นก็พิสูจน์สิกลาง ทำให้พี่เห็นหน่อยเถอะว่าคนอย่างนายจะหาเมียดีๆ ได้อย่างปากว่าจริงๆ

    ภาษิตนิ่งไปเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนประเภทที่จะตกปากรับคำทำอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ และเขาก็มั่นคงพอที่จะรักษาสัญญา

    โธ่เอ๊ย พี่ก็แค่ยั่วโมโหผมเท่านั้นล่ะน่า คิดว่าผมไม่รู้รึไง

    เปล่าเลยกลาง นี่มันชีวิตของนาย นายจะทำยังไงกับมันก็ได้ พี่ไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยว โตกันป่านนี้แล้ว แต่พี่ก็พูดไปตามที่เห็น ผู้หญิงของนายที่พี่เคยเจอ พี่ยังไม่เห็นใครสักคนที่เข้าข่ายผู้หญิงดีๆ ก็เลยชักสงสัยว่านายจะมีปัญญาหาได้แน่หรอ

    หากเปลี่ยนคำพูดของพี่ชายเป็นอาวุธได้ ป่านนี้ภาษิตคงโดนเสียน่วมปางตายไปแล้วอย่างแน่นอน ในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่แน่ใจนักหรอกว่าในบรรดาสาวๆ เหล่านั้นมีใครบ้างไหมที่เป็น ผู้หญิงดีๆ

    เรื่องเงินเดือนจากกองมรดกพี่คงช่วยนายไม่ได้ คุณแม่สั่งไว้ว่ายังไงก็ต้องให้เป็นไปตามนั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องผู้หญิง ถ้านายอยากรู้จักผู้หญิงดีๆ สักคนเอาไว้พี่ช่วยดูให้ก็ได้นะ ที่โรงพยาบาลมีแพทย์หญิงหลายที่ยังโสดอยู่ นางพยาบาล เภสัชอีก รึถ้านายไม่ชอบเอาไว้จะให้นารีติดต่อเพื่อนๆ ให้ดีไหม

    ข้อเสนอของปทินคล้ายจะหวังดี แต่คนที่เชื่อมั่นจนหมดใจว่าไม่มีปัญหาเรื่องการหาผู้หญิงอย่างภาษิตแล้ว มันเหมือนการดูหมิ่นกันชัดๆ

    ปทินพูดคล้ายจะปรึกษาแต่สาวตาที่มองน้องกลับฉายแววขบขัน

    เขาไม่ได้ตกอับขนาดนั้น ในเมื่อคุณแม่อยากให้เขาแต่งงานกับใครสักคน เขาก็จะแต่ง และเมียเขาต้องดีกว่าใครด้วยโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพี่ชาย

    ผมไม่ต้องการความช่วยเหลือจากใคร ถ้าผมจะมีเมีย ผมหาเองได้

    ปทินหัวเราะอีกแล้ว ราวกับตลกกับความคิดของน้องชายเต็มที

    เออ ถ้าอายก็ไม่ว่ากัน ว่างๆ ลองปรึกษานายเล็กเป็นไง รายนั้นก็ช่างเลือกไม่เบา

    ดูเหมือนว่าปทินจะหัวเราะจนหนำใจแล้ว พูดจบเขาก็ทำท่าจะเดินหนีไปเสียดื้อๆ แต่ภาษิตกลับมาขวางทางไว้

    ถ้าผมหาผู้หญิงดีๆ มาเป็นเจ้าสาวได้ พี่จะว่ายังไง

    ปทินมองหน้าน้องชายงงๆ อยู่ชั่วครู่ก่อนจะคลี่ยิ้ม

    ฉันก็ดีใจกับนายด้วย

    แค่นั้น ภาษิตถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท เขายักคิ้วใส่พี่ชายด้วย ที่จริงผมจะแต่งกับใครพี่ก็ต้องดีใจอยู่แล้วไม่ใช่หรอ

    แล้วนายจะเอายังไง

    ก็ไม่ไง แค่ขาดแรงจูงใจ ภาษิตยักไหล่ใส่พี่ชายไปด้วย แล้วผมก็ไม่ค่อยสนด้วยว่าพี่จะคิดยังไง บางทีผมอาจจะรักชีวิตโสดซะจนชาตินี้ไม่ยอมแต่งงานเลยก็ได้

    งั้นนายก็ได้อดตายก่อนแน่ ปทินว่าด้วยน้ำเสียงจริงจัง อย่าให้ถึงขนาดเลยกลาง พี่รู้ว่านายเองก็ร้อนเงินไม่น้อย

    ผมอยู่ได้ ไม่เห็นเป็นไร

    งั้นก็ตามใจ ปทินบอกอย่างปลงตก ไม่อยากจะหาเรื่องหรอกนะ แต่ตอนนี้นายมีทางเลือกแค่สองทาง ระหว่างไปหางานทำหาเงินเลี้ยงตัวเองซะ ก่อนจะอดตาย หรือไม่ก็แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ สักคน

    ภาษิตทำเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอ พ่นลมออกจมูกอย่างหงุดหงิด

    พี่ไม่อยากบอกหรอกนะ แต่ในเมื่อนายทำเหมือนจะไม่แต่งงานตามที่คุณแม่ต้องการ พรุ่งนี้คุณทนายคงต้องมายึดรถนายแล้วล่ะ

    เจ้าของรถหันขวับไปมองพี่ชายด้วยหางตา อยากจะร้องถามเสียงดังเหมือนเมื่อตอนเปิดพินัยกรรม แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็เปลี่ยนใจไม่ได้พูดอะไรออกมา

    คงไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าทุกอย่างที่เป็นของกองมรดก นายไม่มีสิทธิ์แตะต้องทั้งนั้นจนกว่า... ปทินพูดค้างไว้เท่านั้น สองตาก็มองน้องชายด้วยความเห็นใจแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง

    พี่ไม่อยากทำแบบนี้ แต่พี่ไม่มีทางเลือก คุณแม่เขียนไว้ชัดเจน

    พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม ภาษิตถามเสียงเบา

    ปทินพยักหน้ารับเล็กน้อยและพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    พี่พยายามพูดกับคุณแม่ แต่ท่านไม่ฟังเลย

    ผมเข้าใจ

    ขอบใจ ปทินว่าพลางยกมือขึ้นตบหลังน้องชายสองหน ไม่ได้แรงอะไร ก่อนจะพูดต่อ พี่ไม่อยากให้นายประชดชีวิตด้วยการคว้าผู้หญิงสั่วๆ มาเป็นเมีย แล้วนายจะเสียใจทีหลัง

    ผมยังไม่ได้บอกสักคำว่าผมจะแต่งงาน

    ปทินเงียบไป ราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ก็ตัดสินใจพูดออกมาในทีสุด

    นายจำบ้านริมน้ำที่อยุธยาได้ไหม

    ภาษิตมองหน้าพี่ชายด้วยความแปลกใจ ทำไมเขาจะจำไม่ได้กันล่ะ ในเมื่อบ้านหลังนั้นเป็นบ้านเขาเกิดและเติบโตมาพร้อมกับทั้งพ่อแม่ พี่ชายและน้องชาย

    ทุกความทรงจำในวัยเด็กยังอยู่ที่นั่น น่าเสียดายที่มันไม่มีวันจะหวนคืนมาอีกแล้ว และทางที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือการไม่เอ่ยถึงมันเลยจะดีเสียกว่า

    ถามทำไม

    คุณแม่ยกบ้านหลังนั้นให้พี่

    คำตอบเรียบง่ายของพี่ชายเป็นเหมือนมีดกรีดลงกลางใจเขา นอกจากแม่จะบังคับให้เขาแต่งงานทางอ้อมแล้ว แม่ยังไร้ความยุติธรรมมากพอที่จะยกสมบัติชิ้นเดียวเขารักมากที่สุดให้ปทิน

    แล้วจะไม่ให้เขาเกลียดได้อย่างไร...

    มันยังไม่เป็นของพี่หรอกจนกว่าเงื่อนไขในพินัยกรรมจะสมบูรณ์

    แล้วพี่มาบอกผมทำไมภาษิตถามเสียงกร้าว

    พี่แค่จะบอกว่า ถ้านายยอมถอยสักก้าวนึง พี่ก็จะยอมถอยเหมือนกัน

    ภาษิตมองพี่ชายด้วยสีหน้างงๆ เขาเกลียดนักเวลาปทินชอบทำตัวเหมือนอมความลับของจักรวาลไว้ โดยมีเขาเป็นไอ้หน้าโง่ตามไม่เคยทันแบบนี้

    ถ้านายยอมแต่งงานตามที่คุณแม่ต้องการ และแต่งกับผู้หญิงดีๆ ที่พี่เห็นด้วย พี่จะยอมยกบ้านริมน้ำให้นายเป็นของขวัญแต่งงาน

    เขาฟังแล้วได้แต่อ้าปากค้าง มองหน้าพี่ชายด้วยความแปลกใจเหลือประมาณ

    จริงอยู่เขารักบ้านริมน้ำมาก แต่มันก็มีความหมายกับปทินไม่น้อยไปกว่าเขา เหตุผลเดียวที่คุณมาลายกบ้านริมน้ำให้ลูกชายคนโตก็คงเพราะปทินแต่งงานมีครอบครัวแล้วพร้อมหน้าทั้งลูกเมีย ในขณะที่ภาษิตไม่คิดจะแต่งเสียมากกว่าอย่างอื่น

    แต่เขาก็ยังอดริษยาไม่ได้อยู่ดี

    พี่จะยอมยกให้ผมง่ายๆ เขาถามเหมือนไม่แน่ใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินเอาเสียเลย

    ใช่

    แค่ผมแต่งงาน

    กับผู้หญิงดีๆ ที่พี่เห็นด้วย

    ผมจะรู้ได้ยังไงว่าพี่ไม่ได้แกล้งผม

    ฉันเป็นคนแบบนั้นรึไงนายกลาง นายก็เห็นอยู่ว่าฉันเข้าข้างนายยิ่งกว่าใคร

    แล้วพี่คิดจะยกบ้านริมน้ำให้ผมทำไม

    พี่แค่อยากให้คุณแม่มีความสุข อีกอย่างลูกเมียพี่ก็ชินกับกรุงเทพฯ แล้วจะให้ย้ายกลับไปอยู่อยุธยาคงไม่เข้าท่า ปทินตอบด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย มันจะค่ากับแกมากกว่าพี่

    ภาษิตสบตาพี่ชายนิ่งอยู่ชั่วอึดใจก่อนที่จะยื่นมือขวาออกมาหา

    ห้ามคืนคำ

    ปทินยิ้มที่มุมปากก่อนจะยกมือขวาขึ้นมาจับมือน้องชายไว้

    ตกลง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×