คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 1 ตระกูลผู้ดีเก่า 1-2
‘พลอยน้ำเพชร’
เป็นหญิงสาวอายุยี่สิบปีเพิ่งเข้ามาเรียนใน
เมืองหลวงเป็นครั้งแรก
ตอนนี้เธอเรียนอยู่ชั้นปีสามและเป็นนักศึกษาทุนเรียนดีของมหาวิทยาลัยชื่อเสียงปานกลางแห่งหนึ่ง
ดังนั้นทุกเทอมเธอจำเป็นต้องรักษาเกรดเฉลี่ยและผลการเรียนให้คงที่
เพื่อไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไม่อย่างนั้นจะถูกตัดสิทธิ์
หลังจาก ‘จันทร์สุดา’
ผู้เป็นมารดาเสียชีวิตไป
คุณหญิงวราภาก็มีบุญคุณส่งเสียเธอมาตั้งแต่อยู่ชั้นประถม
เธอต้องตั้งใจเรียนเพราะไม่อยากให้ผู้อุปการะมาเดือดร้อนไปด้วย
ค่าเทอมระดับปริญญาตรีนั้นแพงกว่าสมัยก่อนมาก ถ้าเธอพอมีกำลังก็อยากหาทางช่วยเหลือตัวเองได้บ้างเพื่อจะได้แบ่งเบาภาระคนอื่น
พลอยน้ำเพชรเคยเป็นเด็กกำพร้าลูกชาวนาที่ต่างจังหวัด
และเคยอาศัยอยู่บ้านเช่าของผู้ใหญ่บ้านในอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่งกับมารดาแค่สองคน
ส่วนบิดาของเธอนั้นแม่ไม่เคยพูดถึงเลย
บางครั้งถ้าเธอถามท่านก็จะเปลี่ยนเรื่องพูดถึง
และด้วยความที่ยังเป็นเด็กพอโดนเบี่ยงเบนความสนใจก็จะลืมทุกครั้ง
แต่วันหนึ่งก็เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สุดในชีวิต
เมื่อมารดาเสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเพราะถูกรถไถนาทับ
จนเกิดมรสุมลูกแรกผ่านเข้ามาทำให้เธอร้องไห้แทบขาดใจ
ตอนนั้นเด็กวัยแปดขวบไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอยู่ด้วยตัวเอง เธอไม่คิดว่าเรื่องร้ายๆ
มรสุมต่างๆ จะพัดเข้ามาในชีวิตอย่างกับในละคร
เพราะทางผู้ใหญ่บ้านที่ให้เช่าบ้านอยู่เขาก็ไม่มีความต้องการที่จะเลี้ยงดูอุปการะเธอต่อ
เนื่องจากลูกหลานเขาเองก็เยอะมากไม่ต่างกัน
จากเด็กประถมที่เคยมีมารดาดูแลก็ต้องเตรียมตัวถูกส่งไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
พลอยน้ำเพชรคิดว่าความเลวร้ายที่เกิดในชีวิตจะหมดไป
แต่หลังจากนั้นเพียงเดือนเดียวเธอก็ถูกรถชนจนเกือบเดินไม่ได้
ทำให้เธออยากตายตามแม่ไปวันละหลายรอบ
แต่ในความเศร้าจากเรื่องร้ายๆ
ก็ยังมีเรื่องดีให้พอชื่นใจบ้าง เมื่อมหาเศรษฐีใจบุญมาขอรับอุปการะเลี้ยงดูเธอ
ทำให้ตั้งแต่วันนั้นมา
เธอก็มาอาศัยและเรียนอยู่ที่โรงเรียนประจำหญิงล้วนคนเดียวที่ตัวอำเภอ
โดยมีคุณหญิงวราภาคอยส่งเสียเงินให้
แต่พลอยน้ำเพชรมีโอกาสได้เจอหน้าหล่อนแค่ไม่กี่ครั้ง
เพราะทุกเดือนคุณหญิงจะให้คุณลุงชาติชายคนขับรถนำเงินมาให้เธอแทน
แต่พอหญิงสาวเริ่มใช้ธนาคารเป็น เธอก็ไม่ค่อยได้พบเจอคนจากทางนั้นอีกเลย
บางครั้งเธอเคยเสียใจที่ไม่มีใครพาไปอยู่ด้วยทำให้เธอตั้งใจจะเข้ามาเรียนต่อที่นี่ให้ได้
เพราะนอกจากอยากตอบแทนบุญคุณของคุณหญิง
เธอก็ยังอยากเจอพี่ชายแสนดีคนหนึ่งที่เคยดูแลเธอในช่วงที่บาดเจ็บ
จนเมื่อเดือนที่แล้ววราภาโทร.มาถามสารทุกข์สุกดิบกับหญิงสาว
ก่อนชักชวนให้มาช่วยงานที่บ้านเพื่อหารายได้พิเศษ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืน
บรรดาแขกเหรื่อเริ่มทยอยกลับ เพราะเจ้าภาพเข้าบ้านแล้ว
แต่วราภาก็ยังเปิดโอกาสให้หลายคนสนุกสนานกันให้เต็มที่เพราะมีอาหารเหลือเฟือ
โดยมีบอดี้การ์ดคอยรักษาความปลอดภัยให้จนกว่าจะเลิกงาน
พลอยน้ำเพชรกำลังดูแลความเรียบร้อยอยู่ในครัวคนเดียว
เพราะคนรับใช้คนอื่นรวมถึงพนักงานที่จ้างมาจากโรงแรมของลูกชายคุณหญิงออกไปสังสรรค์กันตามที่เจ้าภาพอนุญาต
เธอยืนทำความสะอาดห้องครัวเงียบๆ แต่อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ
จนมันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
“ยะ...อย่านะคะ ไม่เอาอย่าทำแบบนี้สิ อ๊ะ!”
เสียงหวานร้องครวญครางดังออกมาจากบริเวณพุ่มไม้นอกบ้าน
ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังครัวเท่าไร และตรงนี้ก็ค่อนข้างเงียบไร้ผู้คน
เพราะส่วนใหญ่แขกและคนอื่นๆ ไปนั่งฟังเพลงจากวงดนตรีสดที่จ้างมาบรรเลงให้ตรงหน้าบ้านมากกว่า
“อย่าร้องเสียงดังไปน่า ขอผมเถอะ”
เสียงห้าวปนกระเส่าครวญคราง
หัวเราะครึกครื้นราวกับเจอเรื่องสนุก
แต่มันก็แฝงความทรมานราวกับสุขสมรัญจวนเหมือนกับทนอะไรต่อไปไม่ไหวแล้ว
“ตรงนี้จริงๆ เหรอคะ”
“ไม่มีใครมาสนใจเราหรอกน่า ให้ผมเถอะ วันนี้ผมเจอแต่เรื่องเครียดๆ”
“แหม กิ๊บก็อายเป็นเหมือนกัน ยังมีคนอยู่ในงานนะคะ”
“ถอดเถอะนะ
มันอึดอัดอยากเข้าไปจะแย่” ชายหนุ่มเริ่มขึ้นเสียง
“คนทะลึ่ง เดี๋ยวมีใครได้ยินหรอก ขึ้นไปข้างบนไม่ได้เหรอ”
“ไม่รอแล้ว อ่า....ผมจะตายอยู่แล้ว”
พลอยน้ำเพชรยืนตัวแข็งด้วยสีหน้าซีดเผือดตกใจ พลางทำผ้าเช็ดโต๊ะหลุดจากมือ
เลือดในกายสาวเย็นเฉียบเมื่อได้ยินเสียงประหลาดลอยมา
มันโหยหวนทรมานครวญครางจนทำเอาเธอขนลุกชันด้วยความกลัว
เพราะตอนนี้ดึกมากแล้วไม่เข้าใจว่าจะมีใครมาทำอะไรแปลกๆ กันในที่ลับตาคนแบบนี้ แต่อีกใจเธอก็สะดุ้งวาบเมื่อฉุกคิดได้ว่าอาจเป็นคนร้ายหรือโจร
ในเมื่อบ้านเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาร่วมสังสรรค์
อาจมีคนประสงค์ร้ายเข้ามาทำร้ายแขกในงาน
หญิงสาวพยายามรวบรวมสติ
ขจัดความหวาดกลัวทิ้งไป ก่อนเดินไปหยิบด้ามไม้กวาดมาถือเอาไว้ในมือแน่น
เพราะเธอยังใจไม่กล้าพอที่จะหยิบมีดทำร้ายใคร จากนั้นค่อยๆ
เดินย่องไปยังต้นเสียงที่ไม่อาจเดาได้ว่าคือคน
หรือสิ่งไม่มีชีวิตที่เธอนึกกลัวในตอนแรก
ร่างอรชรเดินเข้าไป
จนเริ่มเข้าใกล้เสียงที่เปล่งแหบครวญครางดังกว่าเดิม
ลำคอเธอแห้งผากด้วยความหวาดหวั่น มือบางจับไม้กวาดในมืออย่างเตรียมพร้อม
เพราะแน่ใจว่าเป็นคนและมีมากกว่าหนึ่งคน
เนื่องจากเห็นเงาหลบอยู่ที่หลังพุ่มไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่
“กรี๊ด! อย่านะ ปล่อยเถอะค่ะ” เสียงหวานกรีดร้องของบางคนทำเอาพลอยน้ำเพชรตกใจจนเกือบเสียหลักสะดุดล้ม
เธอพยายามย่ำเท้าลงบนพื้นหญ้าให้เงียบเชียบที่สุดเพราะกลัวว่าคนตรงนั้นจะได้ยิน
ความคิดเห็น