ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อริรักซ่อนพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 4 ลงโทษคุณหนูปากเก่ง part 3 จบตอน

    • อัปเดตล่าสุด 5 ก.ค. 58


             

    เช้าวันต่อมา อชิระถูกนวลตองเรียกหาตั้งแต่เช้า บอกว่าฟ้าพร่างดาวต้องการเรียกเขาไปพบด่วน และดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ดีเท่าไร เพราะคุณหนูคนสวย ดูโกรธมาก และมีปากเสียงกับคุณหญิงวราภาเมื่อเช้านี้ด้วย เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการให้เขาย้ายออกจากบ้านไป

    ชายหนุ่มได้แต่ถอนใจและส่ายหน้ากับนิสัยที่ไม่รู้จักโตของผู้หญิงคนนั้น   โชคดีที่กิ่งจันทร์ยังคงหลับอยู่ เพราะไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สบายใจนักหากยายรู้เรื่องนี้ อชิระจึงกำชับนวลตองไว้ว่าห้ามบอกเรื่องนี้กับกิ่งจันทร์

    ภายในห้องรับแขกที่หรูหราโอ่อ่าของคฤหาสน์ บรรยากาศค่อนข้างตึงเครียดเป็นพิเศษ ฟ้าพร่างดาวนั่งทำหน้าตูมบูดบึ้งบอกบุญไม่รับอยู่เคียงข้างมารดา แล้วพอเห็นหน้าอชิระเดินเข้ามา เธอก็มองเขาด้วยสายตาผาดๆ พลางเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรเต็มที่ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเมื่อวานก็ทำให้หญิงสาวทั้งโกรธทั้งเจ็บใจมากขึ้นเป็นเท่าตัว เขาทำให้เธอเสียความมั่นใจและเสียการควบคุมตัวเอง เธอจะกำจัดเขาออกไปให้พ้นตัวโดยเร็วที่สุด หลังจากที่เขามาแตะเนื้อต้องตัวและจูบเธอ เธอได้แต่นั่งต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ ที่ดันบ้าจี้ใจเต้นระทึกทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่ริมสระว่ายน้ำ

    คุณฟ้าเรียกผมมาพบ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ

    อชิระถามเสียงเรียบพลางยืนด้วยท่าทีสงบเสงี่ยม แต่ดวงตานั้นยิ้มเป็นประกาย ขณะที่มองคุณหนูคนสวยของบ้าน

    นั่งก่อนสิดิน” วราภาบอกด้วยเสียงอ่อนโยน พร้อมกับผายมือไปที่เก้าอี้เบื้องหน้า แล้วหันไปมองทั้งคู่สลับกันไปมาด้วยความไม่สบายใจนัก เธอกลุ้มใจมาก เพราะเข้าใจว่าเป็นปัญหาของเด็กๆ ผ่านไปหลายปีมันก็ไม่จบเสียที

    ฟ้าพร่างดาวชักสีหน้าขึ้นมาทันที แล้วหันไปพูดกับมารดาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาเป็นหลานคนใช้นะคะคุณแม่ จะให้มานั่งชูคอเสนอหน้าอยู่ระดับเดียวกับเราได้ยังไง ไม่รู้จักเจียมตัวบ้างเลย” ท้ายประโยคหันมาเหน็บแนมชายหนุ่ม ทำให้อชิระรู้สึกเหมือนถูกอะไรกระแทกแรงๆ เข้าใส่ที่หน้า

    ผู้เป็นมารดาทำหน้างุนงง พลางมองลูกสาวด้วยสายตาที่แปลกไป เพราะปกติฟ้าพร่างดาวไม่ใช่คนแบบนี้เลย ถึงหญิงสาวจะเอาแต่ใจ มีวีนเหวี่ยงเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็ไม่เคยถือชนชั้น พอโตขึ้นก็รู้จักวางตัว และไม่เคยถือตัวกับคนใช้หรือคนงานในบ้าน บุตรสาวไม่เคยพูดจาทำนองดูถูกใครแบบนี้มาก่อน แต่ทำไมถึงกลายเป็นคน

    แบบนี้ไปได้

    ทำไมพูดแบบนี้ล่ะฟ้า ดินเขาก็เป็นเหมือนน้องเราคนหนึ่ง โตมาด้วยกันแท้ๆ” วราภาทำเสียงตำหนิบุตรสาว ฟ้าพร่างดาวยิ่งหน้าแดงทั้งโกรธทั้งอายขึ้นไปอีก ที่ถูกมารดาตักเตือนต่อหน้าเขา ก่อนจะพูดออกมาเสียงดังกรุ่นโกรธ “ฟ้ามีน้องแค่สามคนเท่านั้น คุณแม่อย่ามายัดเหยียดคนอื่นมาเป็นน้องฟ้าเลยค่ะ ฟ้าไม่เคยมีน้องไร้มารยาท!”       

    ไม่เป็นไรครับคุณหญิง ผมยืนคุยได้ มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างตัดปัญหา พลางมองฟ้าพร่างดาวที่กำลังนั่งไขว่ห้างกอดอกหน้าตึงอยู่ด้วยแววตาเย็นชาขึ้น

    นี่คือห้องแถวฉันยกให้” ฟ้าพร่างดาวบอกอย่างเร็ว ก่อนจะวางกุญแจบ้าน และแผนที่ฉบับเล็กที่เขียนใส่กระดาษเอสี่เรียบร้อยส่งไปวางบนโต๊ะ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ราวกับต้องการคำอธิบาย

    ฉันต้องการให้นายออกไปจากบ้านนี้ซะ แล้วไปอยู่ที่นั่นแทน ฉันรู้ว่านายคงไม่มีที่ไปถึงได้กลับมา ถ้างั้นฉันยกห้องแถวนี้ให้” หญิงสาวบอกเสียงแข็งมันไม่ใช่ประโยคคำถามบอกเล่าหรือขอความเห็น แต่เป็นการออกคำสั่ง และเขาต้องทำตามเท่านั้น

    ห้องแถวที่มอบให้อชิระไป เป็นห้องเช่าเล็กๆ ของตระกูลเชิดชูวงศ์ ที่สร้างเอาไว้ให้คนงานของบริษัทเช่าอยู่ในราคาไม่แพง แต่ตอนนี้บริษัทสาขาย่อยปิดตัวลง ทำให้ห้องยังว่างอยู่

    พูดตรงๆ ก็คือต้องการไล่ผมออกจากบ้านอีกแล้วใช่ไหมครับ?”

    ใช่” ฟ้าพร่างดาวบอกตามตรง

    ผมไม่ไป และผมหวังว่าคุณหญิงคงจะไม่ลืมสัญญานะครับ” 

    ท้ายประโยคชายหนุ่มหันไปทวงสัญญากับวราภาที่กำลังนั่งเงียบอยู่ คราวนี้เขาจะไม่ยอมไปทั้งที่เขาไม่ผิดอะไรอีกแล้ว จนกว่าเขาจะพายายออกไปอยู่ด้วยกัน

    คุณแม่ไปสัญญาอะไรกับเขาไว้?” ฟ้าพร่างดาวหันขวับมาถามเสียงแหว     ผู้เป็นมารดาเลยขยับตัวเล็กน้อยอย่างอึดอัด ที่คราวนี้คงตามใจลูกสาวไม่ได้อีกแล้ว

    แม่สัญญากับดินไว้ว่าถ้าลูกจะไล่เขาออกจากบ้าน แม่จะจัดการให้ แล้วแม่ก็รับปากกิ่งจันทร์ไว้ แม่ไม่อยากผิดคำพูด ลืมเรื่องนั้นไปไม่ได้หรือฟ้า” วราภาบอกพลางถอนใจแล้วมองหญิงสาวด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย

    มันไม่ใช่แค่เรื่องนั้นนะคะ แต่ผู้ชายคนนี้...เขา...เขาเป็นตัวอันตรายมาก

    ฟ้าพร่างดาวบอกเสียงอึกอักพร้อมกับชี้นิ้วไปทางอชิระ ท้ายประโยคยิ่งเกิดเสียงติดขัดเล็กน้อย อย่างไม่รู้จะอธิบายให้มารดาทราบอย่างไร มีเพียงใบหน้าที่แดงซ่านออกมา

    ดินเนี่ยนะตัวอันตราย ลูกอคติมากไปแล้วฟ้า แม่ไม่เห็นด้วย” มารดาส่ายหน้าและถอนใจ

    คุณแม่เข้าข้างเขาหรือคะ” ฟ้าพร่างดาวโอดครวญหน้ามุ่ย

    อชิระที่มองเหตุการณ์อยู่เกือบจะหลุดขำออกมา แต่ต้องแสร้งทำหน้านิ่ง และพยายามข่มอาการไว้สุดกำลังเพื่อไม่ให้แสดงอาการใดๆ ออกมา อย่าบอกนะว่าที่เธออยากจะไล่เขาออกไปเพราะกำลังกลัวเขา

    ผมว่าคุณฟ้าไม่ต้องกลัวว่าผมจะทำอะไรคุณหรอกนะครับ เรื่องในอดีตมันก็คือเรื่องในอดีต” ชายหนุ่มบอกพลางคลี่ยิ้มยียวนกวนอารมณ์ส่งให้

    พูดดีๆ นะ...ใครว่าฉันกลัวนายฮะมีอะไรที่ต้องกลัวด้วย!?”

    ฟ้าพร่างดาวว่าเสียงดังอย่างโมโห คอแข็งขึ้นมา แทบเลือดขึ้นหน้า

    แล้วทำไมต้องให้ผมออกไปจากที่นี่ด้วยครับหรือคุณฟ้ากลัวอะไรผม ถามจริงๆ เถอะ?” ชายหนุ่มสบตาเธอแล้วยิ้มยั่วอีก เป็นหญิงสาวที่หลบตาเขาก่อน เพราะดวงตาคมกริบทรงเสน่ห์นั้นทำให้ใบหน้าเชิดของเธอร้อนผ่าวอย่างไร้สาเหตุ

    หึผู้ชายบ้า ไม่เจียมตัวเอาซะเลยกล้ามามองเธอแบบนั้น แถมต่อปากต่อคำเล่นลิ้นกวนประสาทอีก ทีเมื่อก่อนพอเห็นหน้าเธอก็กลัวจนหัวหดไปแล้ว เธอจะไม่ยอมให้เขามาปั่นหัวเธอเล่นหรอก

    ฉันไม่ได้กลัวแต่ที่ฉันให้นายไปอยู่ที่อื่น เพราะนายมาลามปามฉัน!”

    ฟ้าพร่างดาวพูดด้วยความโมโห

    เรื่องอะไรกันยัยฟ้า?” วราภาถาม พลางขมวดคิ้วมองบุตรสาวอย่างรอคอยคำตอบ หญิงสาวเลยทำหน้าลังเลแล้วบอกปัดมารดาด้วยท่าทางฮึดฮัด “เอ่อ...ช่างเถอะค่ะคุณแม่” เธอไม่กล้าพูดต่อว่าเขาได้ล่วงเกินเธอไปเมื่อวานนี้ จูบแบบดูดดื่มที่ไม่เคยมีกับใครต้องมาเสียให้เด็กเมื่อวานซืน ไม่รู้ทำไมตอนนี้ความมั่นใจที่เคยมีมันหายไปหมด เพราะอชิระคนเดียว!

     ถ้าอยากจะอยู่ก็อยู่ไป แต่ต้องทำงานรับใช้ให้คุ้มค่ากับที่ซุกหัวนอนหน่อยนะ ไม่ใช่มาอยู่ฟรีกินฟรี เพราะที่นี่ไม่ใช่สถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า” เธอหันไปบอกชายหนุ่มเสียงเข้ม

             คำพูดร้ายกาจและน้ำเสียงจงใจเหยียดหยามของฟ้าพร่างดาว ทำเอาคนฟังเจ็บลึก เหมือนถูกของแข็งสะกิดในใจเป็นริ้วแบบแรงๆ อชิระได้แต่ขบกรามแน่นอย่างพยายามข่มอารมณ์ เพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอโต้ตอบรุนแรงออกไปต่อหน้าวราภา เขาได้แต่โกรธเธออยู่เงียบๆ ในใจ

             พูดอะไรแบบนั้นยัยฟ้า ไม่น่ารักเลยนะลูก คนรับใช้บ้านเราก็เยอะแยะอยู่แล้ว ดินเขาก็มีงานของเขา จะไปใช้เขาทำไมกัน มารดาเอ่ยปรามพลางนิ่วหน้า

             มันจริงไหมล่ะคะคุณแม่ อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ตัวเองมาอยู่ฟรีๆ ก็ควรหัดทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้าง” เธอปรายตามองเขา

             “ผมจะทำงานให้เต็มที่ เมื่อวานผมก็ช่วยลุงชัยคนสวนปลูกต้นไม้ ไม่ได้อยู่เฉยอย่างที่คุณฟ้าเข้าใจ แต่ถ้าคุณฟ้าอยากใช้อะไรผมเป็นการส่วนตัวก็ว่ามาเลย

             เขาบอกอย่างตัดปัญหา

             “ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ช่วยมาเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ฉันหน่อยแล้วกัน

             ฟ้าพร่างดาวบอกพลางยิ้มเยาะมุมปาก หลังจากมอบหมายตำแหน่งให้เขา เธอจะใช้งานอชิระให้หนักจนเขาอยู่บ้านนี้ไม่ได้เลยคอยดู

             คนขับรถ?”

             ทำไม มีปัญหาอะไร?” น้ำเสียงเธอชวนหาเรื่องได้ใจจริงๆ

             เปล่าครับ

             “คนขับรถบ้านเราก็มีลุงเชิดแล้วนี่ลูก ไปรบกวนดินทำไมกัน” วราภากล่าว พลางมองชายหนุ่มด้วยความเห็นใจ

             รบกวนอะไรกันคะคุณแม่ ฟ้าแค่ต้องการให้เขาทำงานให้เราบ้าง ไม่ใช่แค่มาอยู่ฟรีกินฟรี” หญิงสาวบอกหน้างอ พร้อมกับหันไปชักสีหน้าพรืดใส่อชิระแบบเคืองๆ

             แต่เดี๋ยวต่อไป ดินเขาจะมาแคสติ้งบทพระเอกละครเวที ถ้าบทผ่านก็ต้องมารับเล่นให้แม่เดี๋ยวจะไม่ว่างเอา ถ้าเป็นวันที่ดินว่างได้ไหมฟ้า วันไหนเขาว่างก็ให้ดินมาขับรถให้ฟ้า” วราภาพยายามช่วยไกล่เกลี่ย ทำให้คนฟังหูผึ่งตาโตด้วยสีหน้าตกตะลึง เมื่อได้ยินที่มารดาบอก

             คุณแม่ว่าไงนะคะ จะให้เขาเป็นพระเอกละครเวที นายดินเนี่ยนะคะ!?”

             หญิงสาวถามตาโต พลางปรายตาไปทางเขาด้วยสีหน้าบ่งบอกว่าไม่เห็นด้วย

    อืม...แม่นัดกับดินไว้แล้ว เดี๋ยวว่าจะหาวันอีกที แต่ต้องคุยกับผู้กำกับก่อน เพราะตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการวางตัวอยู่เลย เราเพิ่งจะได้แค่นางเอก และคนเขียนบทก็ยังเขียนไม่เสร็จ

    คุณแม่ไม่ให้เจมส์มาแสดงให้ล่ะคะ หรือไม่ก็น่าจะเอาพระเอกโฆษณาที่มีชื่อเสียงสักคนแทน นี่มันอะไรกัน เขาไม่มีชื่อเสียงและไม่มีเครดิตอะไรเลยในวงสังคม แต่จะให้ไปเล่นละครเวทีระดับนั้น คิดอะไรอยู่คะ ฟ้าพร่างดาวแย้งอีกครั้ง

    ผมว่าให้คนอื่นเล่นก็น่าจะดีนะครับคุณหญิง เพราะผมคงไม่เหมาะจริงๆ

    อชิระบอกอย่างต้องการตัดปัญหาอีกครั้ง พลางถอนหายใจด้วยความเซ็ง เพราะเขาเบื่อที่จะเป็นเป้านิ่งให้แม่ลูกเถียงกันเต็มทน แล้วยังต้องมาถูกฟ้าพร่างดาวดูหมิ่นคอยพูดจาเหน็บแนมอยู่แบบนี้ ในความรู้สึกเขาผู้หญิงคนนี้ มีดีเพียงแค่ความสวยเท่านั้นที่เป็นจุดแข็งของเธอ....แต่ทำไมเขายังชอบเธออยู่ก็ไม่รู้

    ฟ้าพร่างดาวหันไปสบตากับชายหนุ่มครู่หนึ่ง เห็นดวงตาคมเข้มกำลังทอดมองมาด้วยประกายตาบางอย่างที่เป็นประกายล้ำลึกอ่อนหวาน มันเหมือนกับว่าเธอเป็นอะไรที่สวยงามน่าหลงใหล ทำเอาคนถูกมองเกิดอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาว และใจเต้นแรงอย่างช่วยไม่ได้

    บ้าชะมัด!

    หญิงสาวเอ็ดตัวเองด้วยความโมโหอยู่ในใจ ก่อนจะรีบทำเสียงเข้มใส่เขา เพื่อกลบเกลื่อนอาการบางอย่างที่ผิดแปลกของตัวเอง “มองหน้าฉัน มีปัญหาอะไรยะ!”

    แสดงว่าคุณฟ้าก็มองผมเหมือนกัน ถึงรู้ว่าผมมอง” เขาย้อนหน้าตาเฉย

    นายดิน!”

    พอแล้วจะเถียงกันทำไม แม่นั่งอยู่นี่ทั้งคนนะ” วราภาเอ่ยปรามอีกครั้ง ก่อนจะยืนกรานอย่างไม่คิดเปลี่ยนใจ

             “ลองดูเถอะดิน แสดงละครเวทีไม่เสียหายหรอก

             “คือผม...

    เอาเป็นว่าตกลงแม่ให้ดินอยู่ที่นี่ต่อ แล้วถ้าวันไหนว่างจากการมาเป็นพระเอกให้แม่ ลูกอยากใช้เขาไปทำอะไรก็ตามใจ” วราภาบอกสรุปเองเออเอง

    ขอบคุณคุณหญิงมากครับ” อชิระบอกพร้อมกับพนมมือขึ้นไหว้ แม้จะแอบเซ็งอยู่ในใจที่ถูกมัดมือชกเรื่องแสดงละครเวที และจากหางตาเขาเห็นหญิงสาวทำหน้าบึ้งแต่เขาไม่คิดจะเหลือบแลสายตาไปทางฟ้าพร่างดาวอีกเลย หลังจากที่ถูกตวาดไปเมื่อสักครู่

    ฟ้าพร่างดาวฮึดฮัดพลางขบริมฝีปากเข้าหากันเป็นเส้นตรง ด้วยความไม่พอใจ กับการตัดสินใจทั้งหมดของมารดา ใบหน้าสวยขมวดคิ้วมุ่น เธอไม่รู้ว่ามารดาไปเห็นดีเห็นงามอะไรในตัวอชิระขนาดนั้น เอาแต่ชวนอชิระคุยต่อ เกี่ยวกับเรื่องละครเวทีการกุศล ดูเหมือนมารดาอยากจะได้เขามาเป็นพระเอกจนออกนอกหน้า

    ร่างบางเลยลุกขึ้นพรวดเต็มความสูงร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แล้วหันไปมอง อชิระด้วยสายตาขวางๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะกระแทกเท้าพรวดๆ ออกไปจากตรงนั้น

     

    พร้อมโหลดในรูปแบบE-book กดไปในรูปหรือตาม linkเลยค่ะมีสองเว็บ meb กับ e-book.in.th

     หรือสั่งซื้อแบบรูปเล่มหนังสือได้ทางแฟนเพจ

    http://writerbabybow.lnwshop.com/

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×