คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 เขาคืออชิระ part 2 จบตอน
เช้าวันต่อมา ที่บ้านของกิ่งจันทร์นั้นคึกคักเป็นพิเศษ อชิระเป็นพ่อครัวทำกับข้าวให้ยายเหมือนเคย โดยมีนวลตองมาช่วยเป็นลูกมืออยู่ไม่ห่าง อาหารก็มักจะเป็นกับข้าวง่ายๆ เช่น ไข่เจียว ข้าวผัด ต้มจืด แบบที่เขามักจะทำกินเอง
เมื่อรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อย อชิระก็คอยกำชับให้กิ่งจันทร์ทานยาที่หมอสั่งมาไม่ขาด ผู้เป็นยายก็ยอมฟังแต่โดยดี เพราะหลานชายคะยั้นคะยอ ไม่ยอมหยุด พอตอนช่วงสายๆ กิ่งจันทร์ก็บอกให้หลานชายไปไหว้วราภาตามมารยาท
“กิ่งจันทร์อาการเป็นไงบ้าง?” วราภาถามถึงแม่บ้านคนสนิทด้วยความเป็นห่วง เพราะตั้งแต่เมื่อวานก็ยังไม่เห็นเลย
“ทานยาแล้วนอนพักอยู่ครับ หมอแนะนำให้มาเช็กอาการอีกที”
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า” วราภามีสีหน้าวิตก
“หมอบอกว่ายายผมอาจจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ขั้นต้นครับ และให้ตรวจเนื้องอกด้วย และผมก็ว่าน่าจะใช่ เพราะเมื่อวานยายถามถึงแม่ เอ่อ...พี่แพรน่ะครับ ยายจำไม่ได้ว่าพี่แพรไปต่างประเทศแล้ว”
“โรคอัลไซเมอร์กับเนื้องอกเลยเหรอ?” วราภาทำหน้าตกใจกว่าเดิม
“ครับคุณหญิง แต่ผมยังไม่ได้บอกยายเพราะกลัวยายตกใจ แต่ที่ผมบอกคุณหญิงก็เพราะเกรงว่าต่อไปยายอาจไม่สามารถรับใช้คุณหญิงได้เต็มที่มากนัก แต่ช่วงนี้ถ้ามีอะไรผมจะขอทำแทนนะครับ” อชิระบอกด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน ในเวลานี้ระหว่างที่พยายามหาทางหว่านล้อมให้ยายออกไปจากที่นี่ เขาคงจำเป็นต้องทำงานให้คนบ้านนี้ไปพลางๆ ก่อน
“ได้ ต่อไปฉันจะเรียกใช้แต่นวลตอง ให้กิ่งจันทร์พักผ่อนเถอะ ถ้ามีอะไรขาดเหลือเรื่องค่ารักษาบอกฉันได้นะ ถึงว่าสิพักหลังกิ่งจันทร์ ชักหลงลืม” เธอเอ่ยพึมพำด้วยสีหน้ากังวล
“ผมไม่กล้ารบกวนหรอกครับคุณหญิง แค่นี้คุณหญิงก็กรุณาผมกับยายมากแล้ว” ชายหนุ่มบอกด้วยความเกรงใจและซาบซึ้ง แม้ในอดีตจะรู้สึกไม่ดีกับวราภาเพราะบุตรสาวของเธอก็เถอะ แต่เขาก็สัมผัสได้ว่าวราภาเมตตาต่อกิ่งจันทร์ยายของเขามากจริงๆ และคอยดูแลท่านมาโดยตลอด
“กิ่งจันทร์ก็เหมือนคนในครอบครัวของฉัน ดินก็ด้วย อยู่กันมาตั้งนาน มีปัญหาอะไรไม่ต้องเกรงใจ” วราภาย้ำเสียงหนักแน่นอีกครั้ง
“ขอบคุณครับ” อชิระเอ่ยพึมพำแต่ไม่ได้คิดจะรบกวนเงินทองจากบ้านนี้สักนิด สิ่งที่เขายังคงกังวลใจคือเรื่องคุณหนูผู้สูงศักดิ์ของตระกูลนี้มากกว่า ไม่รู้ว่าพอรู้ว่าเขากลับมาอยู่จะเป็นอย่างไรบ้าง พอคิดแล้วก็ชักอยากเจอ แต่หญิงสาวคงไม่ได้อยากเจอเขาเหมือนที่เขารู้สึกกับเธอ
“ผมกลับมาแบบนี้...คุณฟ้าจะไม่พอใจหรือเปล่าครับ”
“โอ๊ย! เรื่องเด็กๆ ตั้งแต่สมัยไหนแล้ว เมื่อวานฟ้าเขาก็รู้แล้วล่ะว่าดินจะกลับมา” หญิงสูงวัยหัวเราะ ที่ชายหนุ่มยังคงไม่ลืม และเกรงกลัวบุตรสาวของเธอเหมือนเดิม
“ผมคงไม่ขอรบกวนไปตลอดหรอกครับ” อชิระบอกเพื่อความสบายใจของตัวเอง และเขาเชื่อว่าวราภาก็คงลำบากใจไม่น้อยเหมือนกัน หากฟ้าพร่างดาวยังยืนยัน ว่าจะขับไล่เขาออกจากบ้านของเธอ เขาก็คงต้องหาทางอยู่ที่อื่นไปก่อน
“อยู่กันเสียที่นี่ต่อไปนั่นแหละ เรื่องนั้นค่อยว่ากันไม่ต้องคิดมาก มันเป็นเรื่องของอนาคต ฉันสัญญาว่าถ้ายัยฟ้าจะไล่ออกอีกฉันจะจัดการให้” วราภาบอกก่อนจะเปลี่ยนเรื่องชวนคุยเพื่อไม่ให้เสียบรรยากาศต่อกัน และเธอเองก็จะพลอยรู้สึกผิดไปกับเรื่องนั้นไปด้วย “ที่ผ่านมาทำงานทำการอะไรหรือดิน?”
“ผมร้องเพลงอยู่ในผับครับ” วราภาพยักหน้ารับรู้ พลางพิจารณาดูโครงหน้าของเด็กหนุ่มในอดีต แต่วันนี้เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกแล้ว อชิระเป็นชายหนุ่มเต็มตัว รูปร่างสูงใหญ่หน้าตาหล่อเหลาคมคายผิดหูผิดตา คิ้วเข้มโดดเด่น และมีนัยน์ตาคมเจิดจ้าส่องประกาย แถมดูท่าทางกตัญญูรู้คุณนอบน้อม น่าปลื้มใจแทนกิ่งจันทร์ยิ่งนัก
“อายุเท่าไหร่แล้วน่ะเรา”
“ยี่สิบเจ็ดครับ”
“จะมาอยู่ถาวรหรือนานแค่ไหนเหรอ”
“ยังไม่ทราบเลยครับ แต่ผมคงไม่รบกวนนาน”
“ที่ถามเนี่ย เพราะถ้าอยู่เมืองไทยและยังไม่มีอะไรทำ ลองมาทำงานโรงแรมของจิรายุทธดีไหม?”
“โห บริษัทใหญ่โตขนาดนั้น ไม่เหมาะกับผมมั้งครับ ตอนนี้ผมรับร้องเพลงแค่นี้พอแล้วครับ” อชิระมีสีหน้าเกรงใจ
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งปฏิเสธเลย เดี๋ยวฉันช่วยถามตาเจมส์ให้”
“เกรงใจคุณหญิงกับเจมส์จังเลยครับ อย่าดีกว่า” ชายหนุ่มปฏิเสธอีกครั้ง
“แล้วอีกสักสองอาทิตย์ว่างไหม?” วราภาถามขึ้นมา หลังจากที่ลอบพิจารณาชายหนุ่ม แล้วนึกออกว่าใครจะมาแสดงบทพระเอกในเรื่องไททานิกถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มรูปหล่อตรงหน้า
“ว่างครับ”
“ฉันไม่รบกวนเวลางานของดินมากหรอก แค่อยากให้ไปช่วยเป็นพระเอกละครเวทีให้หน่อย” วราภาบอกเสียงเรียบๆ แต่ทำให้คนฟังตาโตตกใจเลยทีเดียว
“พระเอกละครเวที?”
อชิระทวนคำด้วยสีหน้าเหลอหลาไปชั่วครู่ นึกว่าตัวเองหูฝาด
“ใช่จ้ะ เรื่องไททานิก แจ๊คกับโรสไง เดี๋ยวฉันนัดวันอีกที ถ้าแคสติ้งบทผ่านจะได้ไปฝึกซ้อมกัน ละครการกุศลเชียว เอาเป็นว่าตกลงนะ” วราภาบอกพลางยิ้มแย้มหน้าบานอย่างตัดสินใจเองเออเอง อชิระเลยได้แต่ยิ้มแหยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเพราะถูกมัดมือชกปฏิเสธไม่ได้ ถ้าไม่เพราะวราภาเป็นเจ้านายของยายเขา เขาคงปฏิเสธแบบไม่ต้องคิดรักษาน้ำใจ
อชิระเดินออกมาจากห้องสมุดส่วนตัวของวราภา ด้วยความมึนงงเล็กน้อย ที่จู่ๆ ตัวเองก็กำลังจะกลายเป็นว่าที่พระเอกละครเวทีการกุศล เขาไม่คิดว่าตัวเองจะไปทำอะไรทำนองนั้นได้ พลันหวั่นใจขึ้นมาลึกๆ ว่าจะไปทำงานของคนอื่นเขาพัง
ชายหนุ่มเดินลงมาถึงชั้นล่าง แล้วกำลังจะเดินหมุนตัวออกไปทางประตูใหญ่ ก็หันไปเห็นนวลตองเดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หน้าตาบ่งบอกว่าเคร่งเครียดเหมือนคนกำลังปวดท้อง อชิระกำลังจะอ้าปากถามว่าเป็นอะไร แต่พอนวลตองเห็นหน้าเขาก็ยิ้มร่าเริงแล้วสั่งการทันที
“ดิน เดี๋ยวเอาน้ำส้มคั้นที่แช่เย็นในครัว ไปให้คุณฟ้าที่สระว่ายน้ำหน่อยสิ เร็วๆ นะเดี๋ยวเธออารมณ์เสีย” พูดจบเธอก็ทำท่าจะผละจากไป แต่เขารีบถามเสียก่อน เพราะชื่อของคนที่นวลตองบอกเมื่อครู่ ทำให้ความรู้สึกเขาแปร่งปร่าและใจเต้นรัวอีกครั้ง ตอนนี้เขายังไม่อยากจะเจอผู้หญิงคนนั้นให้ตัวเองเจ็บปวด
“แล้วพี่นวลจะไปไหน เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“โอ๊ย! อย่ามัวแต่ถามเลยปวดท้องจะราดอยู่แล้วจ้า สงสัยยำมะม่วงของนังไก่มันเล่นงาน ช่วยหน่อยเถอะนะแค่เอาน้ำส้มไปวาง เร็วๆ ด้วยเดี๋ยวพี่โดนด่า” นวลตองบอกด้วยท่าทางเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเล็กน้อย เมื่อเอ่ยถึงลูกมือแม่ครัวที่ชวนเธอกินมะม่วงเมื่อตอนสาย ก่อนที่ร่างท้วมจะวิ่งอย่างรวดเร็วตรงดิ่งไปทางห้องน้ำหลังบ้าน
อชิระมีสีหน้าปั้นยากจนเกือบจะขำออกมา ก่อนที่ร่างสูงจะเดินตรงไปที่ห้องครัวแล้วหยิบแก้วน้ำส้มคั้นในตู้เย็นออกมาถือ เขารวบรวมความกล้าเดินถือตรงไปทางสระว่ายน้ำ สายตาคมมองไปรอบคฤหาสน์ แล้วพบว่าที่นี่ยังคงใหม่และสะอาดเหมือนเดิมไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย เขาจากที่นี่ไปนานและจากไปพร้อมกับความทรงจำที่ไม่น่าประทับใจนัก
ชายหนุ่มมองบรรยากาศรอบด้านไปเรื่อยด้วยความตื่นเต้น และพอจำได้เลือนรางแต่ไม่เคยลืม ว่าที่สระว่ายน้ำแห่งนี้เมื่อครั้งอดีต ว่ามีคนเคยทำเขาเกือบจากโลกนี้ไปแล้วเหมือนกัน
***สั่งซื้อได้3ช่องทาง
1.) http://
2.) funny_angel1995@hotmail.co
3.) ทางข้อความแฟนเพจ ดอกโบตั๋นสีขาว นักเขียน
ความคิดเห็น