คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 2 วิวาห์ในกรงอสูร part 2 จบตอน
(ต่อจาก part ที่แล้ว)
“ถ้าฉันบอกว่ารักเธอ...เธอจะยอมจดทะเบียนสมรสกับฉันอย่างนั้นใช่ไหม?”
ชายหนุ่มย้อนถาม อีกฝ่ายเลยพยักหน้าอย่างยอมรับเบาๆด้วยท่าทางเขินๆ
เตชินท์แค่นยิ้มเยาะที่มุมปากอย่างสมเพช รมิดาก็แรดเงียบไม่ต่างอะไรกับป้าของเธอ เหมือนที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด พวกผู้หญิงใจง่าย หวังขุดทองจากผู้ชายมีเงิน และพยายามอ่อยเขามาตั้งแต่เด็ก ตอนเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมก็มาบอกรักเขาก่อนเสียแล้ว ไม่รู้จักเจียมตัวซะบ้างเลย อย่างเขาเหรอจะสนใจผู้หญิงจืดชืดแบบเธอจริงๆ
“ใช่ ฉันรักเธอ” เตชินท์บอกไปส่งเดช อย่างพยายามข่มความหงุดหงิดเอาไว้ เพราะตอนนี้เขาต้องการลายเซ็นของรมิดามาจดลงในทะเบียนสมรสยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าเธอขอให้เขาคุกเข่า เขาก็คงยอมทำเพื่อเอาทุกอย่างของตัวเองคืนมา แต่คนฟังนั้นไม่ได้รู้เลยว่าเป็นรักลวง เธออ่อนเปลี้ยไปทั้งใจ พลางมองเขาอย่างตกตะลึงอีกครั้ง ตื้นตันจนน้ำตาคลอ เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันไป
“ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“อย่าถามเซ้าซี้ได้ไหม ไหนเคยบอกว่ารักฉัน แค่ฟังแล้วทำตามพอ พรุ่งนี้เตรียมตัวไปสำนักงานเขตด้วย” เตชินท์บอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย พอหญิงสาวเงียบไปนานไม่รับคำ จึงทำให้เขาต้องถามซ้ำอีกครั้ง
“รู้แล้วใช่ไหม?”
“พี่เวียร์ออกจากบ้านไปตั้งแต่เรียนจบ แล้วเราไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี อยู่ๆทำไมมาขอเรนแต่งงานคะ เรนไม่เข้าใจ แล้วเมื่อวานพี่เวียร์ก็ยังไล่เรนออกจากบ้าน พี่เวียร์รักเรนตรงไหน” รมิดาถามด้วยความสงสัย ถึงเธอจะอยากเป็นภรรยาของเขาตามกฎหมายมากมายแค่ไหน แต่เขาก็ควรทำเป็นขั้นเป็นตอนไม่ใช่เหรอ เขาควรจะจีบเธอ บอกรักเธอ แล้วขอแต่งงาน แต่นี่เขาข้ามขั้นตอนเลย แถมยังทำท่าเหมือนข่มขู่อีกต่างหาก งานศพคุณลุงกับคุณน้าก็เพิ่งเสร็จไปได้ไม่นานนัก เธอคิดว่ามันไม่ควรจะมีงานมงคลอะไรตอนนี้
“จะสงสัยอะไรนักหนา!?” เขาถามเสียงรวนๆ
“เราควรทำให้มันเป็นพิธีรีตอง เรนว่ามันเร็วเกินไป”
เตชินท์เงียบไปนาน กัดฟันกรอด สมองคิดจนแทบระเบิด ก่อนจะหาข้ออ้าง “ฉันรักเธอมานานแล้ว เมื่อวานแค่หึงเธอกับทนายวายุเลยโมโหไปหน่อย”
“หา! จริงหรือคะ!?” รมิดาถามซ้ำ พลางทำตาโตเหมือนไม่อยากเชื่อ
ชายหนุ่มถอนใจยาว ชักเริ่มหัวเสียขึ้นมา มือหนายกขึ้นเสยผมอย่างลวกๆด้วยความเซ็ง เพราะไม่คิดว่าผู้หญิงอย่างรมิดาที่เขาเคยพูดคำไหนก็เออออตาม โตมาแล้วจะขี้สงสัยอะไรเอาตอนนี้
“เธอต้องการให้ฉันแสดงความรักกับเธอใช่ไหม?”
เสียงห้าวถามตรงๆ พร้อมกับร่างสูงเกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรจะเดินอ้อมโต๊ะมาอย่างอุกอาจ แล้วเข้าไปประชิดใกล้ๆตัวเธอ จนคนตัวเล็กตกใจ ก่อนจะรีบถอยกรูดไปทางด้านหลัง แต่สะโพกก็ติดโต๊ะทำงานของเขาและไปไหนไม่ได้
เพียงพริบตา มือหนาก็ยันแขนสองข้างไปกักกั้นตัวเธอเอาไว้ที่ขอบโต๊ะ ทำให้ รมิดาตกอยู่ในวงล้อมของเตชินท์ กลิ่นน้ำหอมของผู้ชายติดมาโชยที่ปลายจมูก ทำให้หญิงสาวตัวสั่นเทิ้มขึ้นกว่าเดิม หัวใจเต้นแรงผิดจังหวะไปหมด
“เอ่อ...เรนแค่อยากรู้ว่าพี่เวียร์รักเรนหรือเปล่า...พี่เวียร์กำลังจะทำอะไร”
เธอเอ่ยเสียงสั่นตะกุกตะกัก ก่อนจะยกมือขึ้นยันแผงอกกำยำที่เบียดเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และแทบไม่กล้าเงยหน้าสบตาเขาเลยตอนนี้ แต่คนตัวโตกลับยืนนิ่งเป็นตึกไม่ขยับ แล้วส่งมือมาเชยคางเธอ เพื่อโน้มใบหน้าลงมาใกล้
“พี่เวียร์...อื้อ” เสียงหวานถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากหยักสวยประทับลงมาบนกลีบปากนุ่มละมุน พลางบดคลึงช้าๆอย่างเรียกร้อง
รมิดาตัวชาวาบไปทั่วสรรพางค์ ร่างทั้งร่างสั่นระริก ตามด้วยคลื่นความร้อน ถาโถม เพราะนี่มันเป็นจูบแรกของเธอ ดวงตากลมโตเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม เมื่อถูกลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาพลางตวัดปลุกเร้ากระตุ้นอารมณ์ แต่ยังไม่ทันได้เคลิ้มไหวไปมากกว่านี้ มือใหญ่ก็ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวนอกของเธอไล่มาจนถึงช่วงอก จนหญิงสาวต้องดิ้นรนขัดขืนสุดขีด
“ไม่! ปล่อยเรนเดี๋ยวนี้นะ!” รมิดาสะบัดตัวออกจากเขา แล้วรีบติดกระดุมเสื้อตัวเองกลับคืนด้วยมือไม้สั่นๆ ถึงเธอจะชอบเขามากมายแค่ไหน แต่การที่เขามาทำแบบนี้มันเท่ากับดูถูกเธอชัดๆ
“จะทำสะดิ้งเล่นตัวอะไรให้มากมายฮะเรน เธอบอกให้ฉันแสดงความรัก ฉันก็ทำอยู่นี่ไง ผู้หญิงอย่างเธอแค่ฉันมาขอแต่งงานด้วยนี่ก็ดีแค่ไหนแล้ว!”
ชายหนุ่มตะคอกเสียงดังอย่างโมโห ดวงตาคมวาวโรจน์ราวกับเหยี่ยวทะเลทรายยามโกรธ จนคนฟังสะดุ้งเฮือก ก่อนจะเริ่มมีน้ำตาคลอเล็กน้อย ทุกอย่างดูผิดคาดจากความฝันไปหมด
“เรายังไม่ได้แต่งงานกันเลย ความรักแบบที่เรนอยากได้มันไม่ใช่แบบนี้สักหน่อย”
เธอเอ่ยเสียงสั่นๆด้วยความกลัว
“เรื่องมาก หยุดเพ้อฝันอะไรลมๆแล้งๆสักที เลือกเอาแล้วกัน ว่าจะจดทะเบียนสมรสแล้วแต่งงานกับฉันดีๆ หรือจะกลับไปอยู่บ้านนอกทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะทำอะไร ในขณะที่ป้าเธอนอนเจ็บออดแอดอยู่ และต้องใช้เงินรักษาตัว คิดเอาแล้วกันนะว่าจะอยู่คนเดียวได้เหรอ ในชีวิตนี้เธอทำอะไรเป็นบ้าง สอบตกเอาตกเอา จนเกือบจะเรียนไม่จบ ที่ไหนเขาเห็นเกรดเธอเขาก็ส่ายหน้าไม่รับแล้ว”
เสียงห้าวพูดห้วนๆด้วยแววตากระด้าง เพราะเขารู้ดีว่ารมิดาเป็นแค่ผู้หญิงทึ่มๆไร้สมอง พอเขาขู่ให้กลัวเข้าหน่อยเดี๋ยวเธอก็เริ่มลังเลไปเอง
“พี่เวียร์จะไม่ช่วยป้าของเรนหรือคะ?” รมิดาทำหน้าตกใจ
“ไม่! ถ้าเธอจะให้ฉันช่วย เธอต้องแต่งงานกับฉันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ออกไปจากที่นี่ซะ!” เตชินท์แทรกขึ้นทันควัน เธอได้แต่มองเขาด้วยความเสียใจ
“แต่เรนอยากแต่งงานด้วยความรัก” รมิดาก้มหน้าลงอย่างซึมๆ
“ฉันบอกแล้วไงว่ารักเธอ”
เตชินท์กล่าวคำพูดจอมปลอมไปอีกครั้ง ก่อนเอ่ยต่อด้วยเสียงจริงจัง “ฉันหวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้เห็นเธอเตรียมตัวไปจดทะเบียนกับฉัน หรือไม่ก็ออกจากบ้านหลังนี้ไปซะ แล้วไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก นี่คือโอกาสสุดท้ายของเธอ”
สิ้นคำพูดร้ายกาจแบบไม่ไยดีของเตชินท์ เขาก็เดินลิ่วก้าวยาวออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้รมิดายืนอึ้งมองตามหลังเขาไปด้วยความงุนงงแบบไม่เข้าใจกับสิ่งที่เขาทำเมื่อครู่ มือบางยกขึ้นแตะริมฝีปากตัวเองด้วยความหวั่นไหว นั่นมันเป็นจูบแรกของเธอ โดนเขาขโมยไปแล้ว
หลายเดือนต่อมา
รมิดายืนมองรถสปอร์ตลัมโบร์กีนีคันสีดำ ที่แล่นเข้ามาจอดในอาณาเขตของบ้าน หญิงสาวในวัยยี่สิบสองปียิ้มบางๆด้วยความดีใจ แล้วรีบเดินออกไปต้อนรับผู้ชายร่างสูงคนนั้นที่เป็นสามีตามกฎหมายของเธอ นี่ก็ผ่านไปสามเดือนแล้วที่เธอแต่งงานกับเตชินท์แต่ทำไมเธอกลับไม่รู้สึกว่าเตชินท์รักเธอเลย คำพูดของเขากับการกระทำ มันช่างตรงข้ามกันสิ้นเชิง
รมิดากำลังจะอ้าปากทักทาย แต่ชะงักกึกเมื่อเห็นร่างอวบอัดในชุดสีแดงของผู้หญิงอีกคนที่ก้าวลงมาจากรถพร้อมกับเขา มันช่างสั่นคลอนหัวใจเธอให้ไหววูบเหมือนโดนคมมีดมากรีดจนเป็นริ้ว...ผู้หญิงคนใหม่ของเขาอีกแล้วสินะ
หญิงสาวกะพริบตาช้าๆ ขณะมองผู้หญิงคนนั้น หล่อนช่างสวยเจิดจ้ามั่นใจ ผิว สีน้ำผึ้งเนียนละเอียด ผมสีบรอนซ์ทองที่ผ่านการย้อมสีทำให้หล่อนดูมั่นใจมากขึ้น จนแทบจะทำให้รมิดาที่อยู่ในชุดแม่บ้านสีทึมๆกลายเป็นเศษผงธุลี เพราะเตชินท์บังคับให้เธอใส่แต่ชุดแม่บ้าน ในวันที่เขาจะพาแขกมาที่บ้าน ผู้หญิงคนนั้นหันไปยิ้มหวานให้สามีของเธอ แล้วทั้งคู่ก็เดินจูงมือเข้าบ้านมาพร้อมกัน โดยมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กติดมาด้วย
‘ชนิกานต์’ กวาดสายตาวาววับมองไปรอบบ้านหลังใหญ่อย่างพอใจ หรือที่นี่ควรเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า
เตชินท์เป็นเพื่อนชายนักธุรกิจหนุ่มโสดวัยสามสิบปี ที่รู้จักกับเธอมาตั้งแต่อยู่มหาวิทยาลัย ชายหนุ่มหล่อเหลาคมคายราวรูปสลัก และเป็นไฮโซหนุ่มไฟแรงที่สาวๆต่างหมายปอง แถมตอนนี้เขายังเป็นถึงประธานบริษัทที่มีกิจการบ้านจัดสรรรายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย เรียกว่าเนื้อหอมและสมบูรณ์แบบที่สุด
ชนิกานต์แอบชอบเขามาตั้งแต่เขาได้ตำแหน่งเป็นเดือนมหา’ลัย ทั้งหล่อเหลือร้าย มิหนำซ้ำยังรวยล้นฟ้า แถมตอนนี้พ่อสามีเสียแม่สามีไม่มี แบบนี้มันเข้าทางเธอชัดๆเลย ถึงแม้ข้อตกลงระหว่างเขากับเธอจะไม่มีพันธะใดๆต่อกัน และชนิกานต์จะต้องเลิกกับเขาเมื่อเขาต้องการ แต่คนอย่างเธอไม่มีทางยอมเสียหรอก
ขณะที่ชนิกานต์กำลังชื่นชมบ้านที่ใหญ่โตราวกับวัง สายตาก็มาสะดุดกึกกับใครบางคน เธอเลิกคิ้วประหลาดใจ แล้วมองไปยังผู้หญิงตรงหน้าที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าเรียบๆ เธอไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงวัยสาวหน้าเด็กและสวยขนาดนี้อยู่ในบ้านของเขา ทั้งหุ่นทั้งหน้าตาแม่นี่ก็ใช่ว่าจะด้อยกว่าเธอเสียที่ไหน เพราะผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ได้แต่งตัวดีเลิศ แต่ผิวพรรณและหน้าตาจัดว่างดงามจนน่าอิจฉา หากจับมาแต่งอีกหน่อยคงสวยเชียวล่ะ แต่ไม่ว่าผู้หญิงหน้าไหนที่อยู่ใกล้เขาก็ตาม เธอก็ไม่วางใจทั้งนั้น
ครอบครัวของชนิกานต์นั้นอยู่ในฐานะรวย แต่ไม่มากขั้นมหาเศรษฐี ที่บ้านของเธอทำธุรกิจเป็นนายหน้าค้ารถมือสองอยู่แถวชานเมือง แต่ตอนนี้บิดาก็เริ่มเจ็บป่วยออดแอดสุขภาพไม่ดี และเธอทำงานการอะไรไม่เป็น เรียนจบมาก็เกาะพ่อแม่กินมาตลอด ทำให้ตอนนี้ชนิกานต์เริ่มหมายตาเตชินท์เอาไว้ และหวังว่าจะจับเขาให้อยู่หมัด ส่วนบรรดาผู้หญิงในชีวิตเขาที่ช่วงนี้เริ่มหายไปกันทีละคน ก็เพราะเธอเนี่ยแหละที่ใช้ความร้ายกาจตัดฉับสัมพันธ์คนพวกนั้น ใครหน้าไหนกล้าเข้ามาแย่งเขาก็ลองดู!
“คนนี้ใครเหรอคะเวียร์...เฟิร์นไม่เคยเห็นหน้าเลย” ชนิกานต์หันไปถามเขาด้วยรอยยิ้มหวานบาดใจ
“อย่าไปสนใจเลย เป็นแม่บ้านใหม่ของผม มาจากประเทศเพื่อนบ้าน”
เตชินท์บอกด้วยน้ำเสียงติดจะเย้ยหยัน ไหล่กว้างผึ่งผายไหวน้อยๆ แต่หนึ่งในหญิงสาวคนฟังมีแววตาไหววูบสะเทือนใจ พลางขบริมฝีปากจนเจ็บ รมิดามองเขาอย่างตัดพ้อ
ส่วนชนิกานต์พยักหน้ารับรู้ด้วยความโล่งอก แบบไม่ติดใจเอาความอะไร แล้วหันไปพูดด้วยเสียงอ่อนหวานกับเขาอีก ขณะที่ในหัวกำลังจินตนาการว่าตัวเองจะกลายมาเป็นคุณผู้หญิงของที่นี่ “บ้านคุณยังเหมือนเดิมเลยนะคะเวียร์”
“คุณพ่อท่านไม่อยากเปลี่ยนอะไร และผมก็อยากเก็บไว้เป็นความทรงจำของท่าน” เตชินท์กล่าวเสียงแปร่งปร่าเล็กน้อย เมื่อเอ่ยถึงบิดาที่เพิ่งเสียไปไม่ถึงปีด้วยเหตุการณ์เครื่องบินตก เพราะเหตุการณ์นั้นทำให้เขาเจ็บปวดมาก
“พี่เวียร์จะทานอะไรไหมคะ? เรนจะทำให้” รมิดาเอ่ยถามเขาเหมือนเคย ทำให้ชนิกานต์ขมวดคิ้วแปลกใจกับสรรพนามเรียกขานที่ดูสนิทสนมนั้น
สายตาคมกริบเย็นชาของเตชินท์หันไปกราดมองร่างบางของผู้หญิงอีกคนที่ยืนนิ่งอยู่ พลันชักสีหน้าขึ้นมาอย่างหงุดหงิดอย่างไม่รู้จะไปลงที่ใคร ยิ่งวันนี้สาวใช้รายงานเขาว่าทนายความวายุโผล่มาเสนอหน้าที่นี่อีกแล้ว มันทำให้เขารู้สึกไม่พอใจหนักขึ้นเป็นสองเท่า
ไม่เข้าใจว่าเจ้าแว่นนั่นจะมาทำไมที่บ้านเขาบ่อยนักหนา โดยเฉพาะตอนที่เขาไม่อยู่บ้านตลอด และสายตาที่ผู้ชายคนนั้นมองมายังรมิดาแบบอ่อนหวานในทุกครั้ง มันเหมือนกับเห็นอะไรที่สวยงามน่าปรารถนา ทำเอาชายหนุ่มนึกอย่างเปลี่ยนทนายความประจำตระกูลให้รู้แล้วรู้รอด
“มัวยืนเซ่ออะไรอยู่ล่ะ มาเอากระเป๋าฉันไปเก็บสิ! แล้วก็กระเป๋าเสื้อผ้าของเฟิร์นด้วย วันนี้เฟิร์นจะมาค้างกับฉัน!” เตชินท์สั่งเสียงห้วนอย่างโหดร้าย พร้อมกับโยนของทั้งหมดส่งไปให้เธอเต็มแรง จนรมิดาเกือบจะซวนเซหงายไปทางด้านหลัง แต่ยังดีที่ทรงตัวเอาไว้ได้ทัน
“เดี๋ยวเรารีบขึ้นไปข้างบนดีไหมคะเวียร์ เฟิร์นอยากเห็นห้องนอนเวียร์จะแย่แล้ว” ชนิกานต์บอกด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อม พลางยิ้มยั่วเชิญชวนอย่างไม่ปิดบัง
“ได้สิครับเฟิร์น ผมก็รอแทบไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
ชายหนุ่มแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ผุดรอยยิ้มขึ้นที่มุมปากหยักสวย ก่อนเขาจะก้มตัวลงช้อนร่างของชนิกานต์เข้ามาไว้ในอ้อมแขน ขณะที่สบสายตากับรมิดา อย่างท้าทายสะใจ แต่เขาเห็นร่องรอยของความเสียใจในดวงตาคู่งามฉายชัด แม้วูบหนึ่งมันทำให้ชายหนุ่มหงุดหงิดใจ แต่จำต้องปัดความรู้สึกบ้าๆนั้นทิ้งไป
จากนั้นก็พาชนิกานต์เดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์หลังโต เพื่อไปหาความสุขในค่ำคืนอันเร่าร้อนบนห้อง
หลังจากขนของให้เตชินท์ กับผู้หญิงของเขาเสร็จแล้ว รมิดาก็มานั่งซึมเศร้าอยู่บนเตียงในห้องนอนของตัวเองเหมือนเดิม เวลานี้คือเวลาที่เธอห้ามออกจากห้องไปให้เขาเห็นหน้า แต่ในหัวเธอกลับคิดถึงแต่คนที่อยู่ห้องข้างๆ เพราะไม่รู้ว่าป่านนี้เตชินท์จะทำอะไรอยู่กับผู้หญิงคนนั้นบ้าง
ทั้งที่ชายหนุ่มทำร้ายจิตใจเธอสารพัด แต่เธอก็ยังหลงรักเขามาตลอดหลายปีตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาที่นี่ แม้ไม่เจอหน้าเขามานาน และอยู่กันคนละซีกโลก เธอก็ยังคิดถึงเขา และเธอผิดเองที่ไปรักเขาอย่างหัวปักหัวปำจนถอนตัวไม่ขึ้น
หญิงสาวรู้ดีว่าเตชินท์ไม่เคยคิดอยากจะผูกชีวิตไว้กับผู้หญิงอย่างเธอ มีเพียงเธอคนเดียวที่โง่งมงาย ดีใจจนแทบจะตัวลอยเมื่อเขามาขอจดทะเบียนสมรสด้วย แต่แล้วความฝันก็สลาย เมื่อการแต่งงานครั้งนี้เป็นเพียงแค่ทางนิตินัย และเป็นการแต่งงานเล็กๆ ที่มีญาติพี่น้องและคนรู้จักนิดหน่อยไม่ถึงร้อยคนมาร่วมงาน
คนนอกคงไม่รู้ว่าหลังจากที่แต่งงานกัน รมิดาถูกลดสถานะไปเป็นแค่แม่บ้าน และเตชินท์ใจร้ายถึงขนาดสั่งห้ามแม่บ้านทุกคนมาช่วยงานเธอ จนตอนนี้หญิงสาวก็ยังหาคำตอบไม่ได้ ว่าเขามาขอเธอจดทะเบียนสมรสและแต่งงานด้วยทำไม ในเมื่อไม่คิดจะใส่ใจไยดีกันเลย
ผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในห้องนอนเขา ก็เป็นคนที่เตชินท์พากลับบ้านมาเป็นคนที่เท่าไรแล้วเธอก็จำไม่ได้ ตลอดสามเดือนตั้งแต่จดทะเบียนสมรสกันมา เธอได้แต่เฝ้าถามตัวเอง ว่าจะทนทุกข์ทรมานแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน แล้วคำตอบจากผู้หญิงโง่ๆก็บอกว่าจนกว่าเขาจะไล่เธอออกจากบ้าน
ตอนเด็กๆเธอไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาของเธอ เพราะเธอไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอเจ็บปวดกับการกระทำของเขา จึงแอบมาร้องไห้เงียบๆคนเดียวอยู่ตลอด แต่สิ่งที่เขาได้ทำในตอนนี้ มันทำให้เธอไม่อาจทนไหวได้อีกต่อไปแล้ว
***รูปแบบ E-book***
***มีวางจำหน่ายที่ร้าน <span style="font-size: 22pt;" roman";color:red"="" new="" "times="" browallia="">se-ed ทุกสาขา*** (หาไม่เจอสอบถาม)
สั่งได้ที่นี่ 3 ช่องทาง
1. แฟนเพจ ดอกโบตั๋นสีขาว นักเขียน
2. เมล์ funny_angel1995@hotmail.com
3. http://writerbabybow.lnwshop.com/
กด ADD แฟนเพจ
ฝากนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดปี 2559 ด้วยค่ะ
ความคิดเห็น