คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 เขาคืออชิระ part 1
บทที่ 3
ตรงบริเวณด้านหลังคฤหาสน์ของตระกูลเชิดชูวงศ์ ถัดมามีบ้านหลังเล็กหลายหลัง ที่อยู่ภายในอาณาเขตอันกว้างใหญ่ของตระกูล ล้วนเป็นที่พักอาศัยของบรรดาเรือนคนใช้ที่คอยรับใช้ตระกูลนี้มานาน ประกอบด้วย แม่บ้าน แม่ครัว คนสวน และคนขับรถ หนึ่งในนั้นก็คือแม่บ้านสูงวัยนามว่ากิ่งจันทร์อายุเจ็ดสิบสี่ปี เธอเป็นแม่บ้านคนสนิทที่คอยรับใช้คุณหญิงวราภามานาน ตั้งแต่ที่วราภาเข้ามาเป็นสะใภ้ของท่านเจ้าสัวนพพล
“ค่อยๆ เดินนะครับยาย”
อชิระบอกเสียงนุ่มด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เดินประคองหญิงชราสูงวัยให้เดินมานั่งลงที่โซฟาหนานุ่มบุนวมอย่างดี ซึ่งเป็นหนึ่งในเฟอร์นิเจอร์อภินันทนาการจากวราภา ที่ได้มีเมตตามอบให้แม่บ้านคนสนิทเมื่อหลายปีก่อน
กิ่งจันทร์มองหลานชายด้วยความอบอุ่นใจ ความรู้สึกของคนแก่ที่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็ย่อมรู้สึกดีใจและมีความสุขที่มีหลานชายมาอยู่ด้วย ถ้าหลานชายไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอว่าอยากกลับมาอยู่กับเธอ ป่านนี้เธอก็คงไม่กล้าเอ่ยปากชวน เพราะเกรงใจคุณหญิงวราภาและคุณหนูฟ้าพร่างดาว
ตอนนี้อชิระโตเป็นหนุ่มแล้ว เขาได้ความคมคายมาจากมารดา ส่วนบิดาของ อชิระนั้นกิ่งจันทร์ก็ไม่เคยเห็น พอคิดแล้วก็เศร้าใจที่ไม่เคยเห็นหน้าผู้ชายคนนั้น สักครั้งเดียว จนกระทั่งอีกฝ่ายจากโลกนี้ไปเสียแล้ว หลังจากที่แพรวาคลอดอชิระออกมาได้ไม่นาน ตอนที่พักฟื้นที่โรงพยาบาลก็มีเพียงแหวนวงเดียวมาวางไว้ข้างเตียง พร้อมกับกระเช้าของบำรุงที่ฝากผ่านคนรู้จักมาเท่านั้น
“ยายไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย แค่ไข้หวัด แล้วก็ปวดเมื่อยตามประสาคนแก่ ทำไมต้องพาไปโรงพยาบาลด้วย ช่วงนี้มันฤดูฝน อากาศเปลี่ยนก็เจ็บป่วยเป็นปกติ”
กิ่งจันทร์เอ่ยปรามที่พอมาถึงเมื่อเช้าแล้วอชิระรู้ว่าเธอไม่สบาย เขาก็รีบพาไปโรงพยาบาลทันที แถมยังสั่งห้ามทำอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มจะทำให้เอง ราวกับต้องการดูแลชดเชยให้ผู้เป็นยายในช่วงเวลาหลายปีที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
อชิระฟังยายพูดแล้วเงียบไม่ได้ตอบอะไร เพราะกำลังนึกกังวลกับสิ่งที่แพทย์บอกเขาเมื่อตอนกลางวัน
‘ยายคุณมีแนวโน้มว่าจะเป็นโรคอัลไซเมอร์ขั้นต้น แต่ยังไม่ร้ายแรงมาก หมออยากนัดให้มาตรวจอีกที อีกอย่างคือเรื่องเนื้องอกครับ หมออยากให้มาตรวจอย่างละเอียดดูด้วยมันอาจจะแค่เริ่มต้น’
ชายหนุ่มมองรอยเหี่ยวย่นตามวัยบนผิวกายของผู้เป็นยาย เห็นแววตาที่ดูเหนื่อยอ่อนของคนไม่สบาย ก็รู้สึกสงสารพลางสะท้อนใจที่เขามัวแต่กลัวเรื่องของอดีตจนไม่กล้ากลับมาที่นี่ ชายหนุ่มรู้ดีว่าถ้าเขาไม่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอมาอยู่ด้วย ยายคงจะ
ไม่มีทางขอให้เขากลับมา
“ยายครับ…เราออกไปอยู่ที่อื่นกันไหม?”
อชิระเอ่ยชวนอีกครั้งตามความตั้งใจแรก ว่าจะกลับมาชวนกิ่งจันทร์ไปอยู่ด้วยกันที่อื่น แต่ติดปัญหาตรงที่กิ่งจันทร์รักและเทิดทูนครอบครัวนี้ยิ่งกว่าอะไรจนไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น ถ้าเขาไม่กลับมา เขาแทบจินตนาการได้เลย ว่ายายของเขาจะต้องไม่ยอมไปพบหมอ และยอมให้คุณหญิงบ้านนั้นใช้งานราวกับตัวเองแข็งแรงเต็มร้อย
“ถ้าจะกลับมาพูดเรื่องนี้ดินกลับไปเถอะ ไม่เอาหรอก ยายจะอยู่กับคุณหญิงท่านต่อไป”
ชายหนุ่มถอนใจเมื่อได้ยินแบบนั้น มันเป็นไปตามที่เขาคาดเดา แต่วันนี้ยังไม่ไปก็ไม่เป็นไร วันหน้ายังมี เขาจะพยายามหาทางเกลี้ยกล่อมให้ยายไปอยู่กับเขาให้ได้ เพราะเขาไม่อยากจะอยู่ในบ้านหลังนี้นานเกินไป
“แพรวายังไม่กลับบ้านอีกหรือ โทร.ไปตามหรือยัง?”
กิ่งจันทร์เอ่ยถามขึ้นมาในดวงตาคู่นั้นมีร่องรอยที่สะท้อนความคิดถึงและความห่วงหาอาทร แต่คนฟังขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงง ก็ในเมื่อแพรวา...มารดาของเขา แต่งงานใหม่ไปอยู่ประเทศอเมริกานานแล้ว แต่ทำไมยายถึงมาถามแบบนี้ ความรู้สึกของชายหนุ่มเริ่มใจคอไม่ดี เป็นห่วงอาการของกิ่งจันทร์มากขึ้น เขาจะต้องพายายไปตรวจรักษาอาการโดยเร็ว
“เขาไปอยู่ต่างประเทศนานแล้วครับ”
“ไปอยู่ต่างประเทศแล้วเหรอ ได้ติดต่อแพรหรือเปล่า?”
พอถูกถามถึงมารดา อชิระก็มีสีหน้าหมองลงทันใด มันเหมือนกับถูกสะกิดบาดแผลในหัวใจ เป็นบาดแผลที่ตกสะเก็ดแล้วแต่เจ็บทุกครั้งที่แตะโดน ทั้งที่เขาพยายามทำใจแต่ก็ไม่เคยลืมเรื่องนี้ได้สักครั้ง คนที่บอกว่าลืมเรื่องที่เจ็บปวดได้มันคือคนที่หลอกตัวเองมากกว่า เพราะยังไงความเจ็บปวดในบางเรื่อง มันก็ยังฝังลึกอยู่ในซอกลึกของหัวใจของคนเราอยู่ดี
“ล่าสุดเมื่อสองเดือนที่แล้ว พี่แพรส่งข้อความมาอวยพรวันเกิดครับ” อชิระตอบแล้วก็ได้แต่หลบหน้ายาย ที่ผ่านมาเขารู้เรื่องราวของมารดาโดยผ่านทางเฟซบุ๊กมาตลอด ตอนนี้แพรวาอยู่ที่ประเทศอเมริกา หลังจากแต่งงานไปกับชาวต่างชาติสูงวัยราวกับคุณตา จนหลายปีที่ผ่านไป แพรวาแอบคบชู้กับชายหนุ่มผิวสีรายหนึ่ง ทำให้ถูกสามีใหม่ฟ้องร้องแล้วเกิดเรื่องขึ้นศาลกัน ไม่รู้ว่าป่านนี้คดีเรื่องนี้ไปถึงไหนแล้ว เพราะ อชิระไม่ได้ถาม ไม่ได้ตามข่าว เพราะความสนิทสนมระหว่างเขากับแพรวามันมีไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เขารู้ความ...แพรวาก็บังคับห้ามเขาเรียกเธอว่าแม่ เขาจะต้องเรียกเธอว่าพี่สาวเท่านั้น ทั้งที่ใจเขาอยากจะมีแม่ให้เรียกเหมือนคนอื่นๆ
“เดี๋ยวผมขอเอาเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางเข้าตู้ก่อนนะครับ แล้วจะออกมาทำกับข้าวให้กิน ยายจะได้กินยาแล้วนอนพัก”
ชายหนุ่มบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กิ่งจันทร์พยักหน้ารับรู้ด้วยรอยยิ้มบางๆ แล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ เพราะเห็นแววตาคู่คมมีร่องรอยของความหม่นเศร้าเลยได้แต่มองตามหลังร่างสูงไปด้วยความสงสารจับใจ ที่หลานชายไม่ได้มีครอบครัวที่อบอุ่น อยู่กันพร้อมหน้าพ่อแม่ลูกอย่างเช่นเด็กหนุ่มปกติตามวัย
กิ่งจันทร์ก็ได้แต่แอบหวังว่าสักวันหนึ่ง จะมีผู้หญิงดีๆ สักคน ที่มามอบความรักแท้จริง มามอบความสุข และความอบอุ่นให้กับอชิระ เพราะตอนนี้เธอก็อายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปได้อีกกี่สิบปี หากได้เห็นภาพความสุข กิ่งจันทร์คงนอนตายตาหลับ
ยี่สิบกว่าปีก่อน
เด็กหญิงแพรวากลับจากโรงเรียน หลังจากสอบไล่จบมัธยมศึกษาปีที่สามเสร็จแล้ว เด็กสาวมาขอร้องกิ่งจันทร์ผู้เป็นมารดา ว่าต้องการจะไปเที่ยวทะเลที่พัทยากับกลุ่มเพื่อนสนิทประมาณห้าวัน โดยมีลูกพี่ลูกน้องซึ่งเป็นญาติของเพื่อนในห้องเป็นคนขับรถพาไป
กิ่งจันทร์ปฏิเสธทันที เพราะเธอไม่มีเงินมากพอขนาดนั้น เงินเดือนของแม่บ้านในสมัยนั้นไม่ได้สูงมากมาย ข้าวก็ฟรีอยู่ก็ฟรี เธอต้องการเก็บเงินไว้ให้ลูกเรียนหนังสือ หลังจากสามีเป็นโรคตับแข็งเสียชีวิต ก็มีคุณหญิงวราภาที่คอยให้ที่ซุกหัวนอนให้เธอสามารถพึ่งใบบุญท่านได้ และการที่แพรวาได้เรียนในโรงเรียนรัฐบาลชื่อดัง กิ่งจันทร์ก็ไม่รู้จะขอบคุณคุณหญิงวราภาอย่างไร เธอได้แต่บอกกับตัวเอง ว่าจะอยู่ รับใช้ครอบครัวนี้ไปจนวันตาย
“ทำไมหนูต้องเกิดมาเป็นลูกคนใช้ด้วย หนูเกลียดแม่ แค่ขอไปทะเลก็ไม่ให้ไป แม่ใจร้าย!”
แพรวาประกาศกร้าวออกไปด้วยน้ำตานองหน้า และคำพูดที่เปล่งออกมาจากปากของลูกสาวนั้นทำเอาคนฟังจุกสะเทือนกลางอกด้วยความปวดร้าว นัยน์ตาของกิ่งจันทร์มีฝ้าน้ำจางๆ ผุดขึ้นมาทันใด
“แพรอยากไปทะเลมากหรือลูก คราวก่อนคุณหญิงก็พาไปแล้วนี่นา”
กิ่งจันทร์เอ่ยถาม ด้วยเสียงนุ่มนวลอย่างใจเย็น
“ไปเป็นขี้ข้าเขาเนี่ยนะ!? แพรต้องคอยรับใช้คุณหนูนั่น น่ารำคาญจะตาย เอาแต่ใจชะมัด ไม่ได้มีเวลามีความสุขของตัวเองเลย!” แพรบอกพลางยกมือปาดน้ำตา
“แต่แม่เป็นห่วง ญาติของเพื่อนแพรไว้ใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้ แล้วไหนจะค่าใช้จ่ายอีก” กิ่งจันทร์มีสีหน้ากลุ้มใจ
“แม่จะให้เป็นรางวัลที่แพรเรียนจบปีนี้ไม่ได้หรือไง เพื่อนแพรในกลุ่มปีหน้าเขาก็จะไปเรียนต่อไฮสคูลที่ต่างประเทศกันหมดแล้ว เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้”
“เฮ้อ!...ก็ได้ถ้าในเมื่อแพรอยากไปมากขนาดนี้ แม่ก็จะให้ไป” กิ่งจันทร์บอกเสียงเหนื่อยอย่างตัดใจ แพรวาเลยกระโดดโลดเต้นดีใจตัวลอย แล้วโผเข้ากอดมารดา จนลืมไปเสียสนิทว่าพูดรุนแรงและด่ามารดาไว้เมื่อกี้นี้
คล้อยหลังบุตรสาวเข้าห้องน้ำไป กิ่งจันทร์ก็เดินเข้ามาในห้องนอน แล้วเปิดลิ้นชักที่ใส่กุญแจเอาไว้ตรงหัวเตียง ก่อนจะหยิบกล่องพลาสติกสีแดงออกมา ข้างในบรรจุทองคำหนักหนึ่งบาทเอาไว้ เป็นทองบาทเดียวที่เธอมีติดตัว กิ่งจันทร์ตัดสินใจว่าจะเอาไปขาย เพื่อจะได้มีเงินให้ลูกสาวคนเดียวไปเที่ยวกับเพื่อน
ในที่สุดแพรวาก็ได้มาเที่ยวทะเลสมใจอยาก คนนำทีมพาเที่ยวคือ ‘สถาพร’ หรือเสือ พี่ชายของ ‘สิริน’ เพื่อนในกลุ่มของเธอ เขาเพิ่งจบจากโรงเรียนนานาชาติและ ปีหน้ากำลังจะไปเรียนต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา การมาเที่ยวครั้งนี้ของพวกเขาก็เหมือนเป็นการสั่งลาประเทศไทยไปด้วย
เด็กสาวตื่นตาตื่นใจมาก เมื่อพบว่านอกจากจะมีพี่ชายของเพื่อนสาวในกลุ่ม ยังมีบรรดาหนุ่มหล่อคนอื่นอีกด้วยที่มาเที่ยว คนที่แพรวาสนใจและเตะตาต้องใจก็คงจะเป็น ‘เจนภพ’ เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา ที่มีรอยยิ้มเจ้าชู้อยู่เต็มใบหน้า เธอแอบสังเกตว่า เขาชอบมองเธออยู่บ่อยๆ เหมือนกัน หัวใจสาววัยแรกแย้มเต้นตึกตักและหวั่นไหว
สามวันหลังจากมาเที่ยวกัน และเริ่มสนิทสนมกันมากขึ้น ในเย็นวันนั้นหลังจากที่เล่นน้ำทะเลกันอย่างสนุกสนาน เจนภพแอบมากระซิบกับแพรวา แล้วนัดให้เธอออกไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
พอเพื่อนๆ เข้านอนกันหมดแล้ว แพรวาก็รีบตามออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความเต็มใจ เด็กหนุ่มแอบไปเปิดห้องพักไว้ที่โรงแรมอีกห้องหนึ่ง และในฤดูร้อนครั้งนั้น แพรวาก็ตกเป็นของเด็กหนุ่มแปลกหน้า โดยที่เธอได้รู้จักกับเขาเพียงแค่ชื่อ
สามเดือนต่อมา แพรวาขึ้นชั้นมัธยมปลาย เธอโตเป็นสาวสวยสะพรั่งมากขึ้นอายุสิบห้าย่างสิบหก ผมยาวขึ้นเพราะไม่ต้องไว้ผมสั้นเสมอติ่งหูเหมือนตอนมัธยมต้น เด็กสาวกำลังจะมีอนาคตที่สดใส และเป็นดาวเด่นของโรงเรียน แต่แล้วความฝันก็สลายเมื่อแพรวาพบว่าประจำเดือนของตนขาดหายไป เด็กสาวไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งแพรวาเป็นลมที่โรงเรียน และคุณครูได้พาไปโรงพยาบาล....แพทย์ตรวจพบว่าเธอท้อง
กิ่งจันทร์บอกให้แพรวาติดต่อไปยังคนที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อของเด็ก แต่ปรากฏว่าเจนภพได้ไปเรียนต่อที่อเมริกาหนึ่งเดือนแล้ว พอรู้เรื่องนี้เข้า ฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมรับ และพยายามตัดขาดการติดต่อกับแพรวาทุกทาง หลังจากเด็กชายคลอดออกมา...กิ่งจันทร์ก็ตั้งชื่อเด็กชายว่า ‘ดิน อชิระ’ ทางฝ่ายชายมีเพียงเงินจำนวนหนึ่งและกระเช้าของบำรุงกับแหวนประจำตระกูลของอีกฝ่าย ที่ฝากสถาพรมาเยี่ยมเท่านั้น
ส่วนกิ่งจันทร์ก็เป็นแค่คนใช้จนๆ ที่ขี้กลัว ก็ไม่สามารถไปเรียกร้องสิทธิ์อะไรให้ลูกสาวได้ จึงต้องปล่อยทุกอย่างให้เลยตามเลย
***สั่งซื้อได้3ช่องทาง
1.) http://
2.) funny_angel1995@hotmail.co
3.) ทางข้อความแฟนเพจ ดอกโบตั๋นสีขาว นักเขียน
<span style="font-size: 14pt;" minor-bidi"="" cordia="" mso-hansi-theme-font:minor-bidi;mso-bidi-font-family:"cordia="" new","sans-serif";mso-ascii-theme-font:minor-bidi;="">http://www.ebooks.in.th/ebook/27132/%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%8B%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%A8%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA
ความคิดเห็น