คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 พันธะวิวาห์ไร้รัก part 2
โสรดาบอกเธอเอาไว้เสมอว่าให้ยอมเตชินท์ ไม่ว่าเขาจะร้ายกาจมากแค่ไหน เพราะเขาคือคุณชายคนเดียวของบ้าน เพื่อที่คุณลุงจะได้อยู่อย่างสบายใจ และโสรดาไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายสักนิดเดียว น้าของเธอเห็นเตชินท์เป็นลูกชายมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้จงเกลียดจงชังนัก
“เธอเหมือนน้าเธอนั่นแหละ ชอบทำตัวแรดๆ!” เขาว่าอีกด้วยวาจาเผ็ดร้อน
“เรนกับน้าไม่เคยทำแบบนั้น!” เธอค้านเสียงขุ่น พลางมองเขาตาขวางกับวาจาร้ายกาจ ดวงหน้าสวยทั้งบึ้งตึงและแดงสลับซีดไม่หยุด
“อย่านึกนะ ว่าฉันดูไม่ออก ว่าเธอกับทนายความหน้าอ่อนนั่น ทำตัวระริกระรี้กันตลอดงานศพของพ่อฉัน พอหมดใบบุญของน้า เลยหวังจะจับผู้ชายหรือไง ทำไมเหรอ ไอ้แว่นนั่นมันบอกว่าจะให้เธอเท่าไหร่?”
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือบอบบางฟาดเต็มแรงไปบนแก้มของเตชินท์ ก่อนที่หญิงสาวจะตะเบ็งเสียงใส่หน้าเขาอย่างทนไม่ไหว “เรนกับพี่บอสไม่เคยมีอะไรกันทั้งนั้น เขาเป็นพี่ชายที่เรนเคารพรัก เราคบกันแบบบริสุทธิ์ใจ พี่เวียร์เลิกคิดสกปรกได้แล้ว เพราะพี่บอสเขาไม่ได้นิสัยเหมือนพี่เวียร์หรอก!”
เตชินท์หันกลับมาช้าๆ ดวงตาคมวาวโรจน์เหมือนมีเปลวเพลิงลุกโชน เพราะนอกจากบิดาของเขาแล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าเขามาก่อน คนถูกมองเสียววาบไปถึงสันหลัง แต่เธอยังฝืนเชิดหน้ามองเขาแบบท้าทาย เพราะความโกรธมากที่เขาดูถูกทั้งเธอ วายุ และโสรดา จึงทำให้รมิดาทนไม่ไหว
“เธอกล้าตบฉันเหรอเรน!” ชายหนุ่มกระชากร่างบางเข้ามาหาอย่างแรง ก่อนที่มือหนาจะบีบท่อนแขนเล็กจนเธอรู้สึกร้าวระบม มืออีกข้างก็เอื้อมมือมาบีบปลายคางมนอย่างไร้ความปรานี
“โอ๊ย! พี่เวียร์...เรนเจ็บ...”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงมาใกล้เรื่อยๆจนรมิดาเริ่มใจหวิวไปหมด เธอสบตาเขาด้วยแววตาสั่นไหว เมื่อลมหายใจอุ่นๆของเตชินท์เป่ารดข้างแก้ม ก่อนที่เขาจะกระซิบด้วยเสียงแข็งกร้าว
“อย่าคิดว่าฉันจะจูบเธอเหมือนในละครน้ำเน่า เพราะผู้หญิงอย่างเธอ ฉันไม่คิดอยากจะแตะต้องหรอก มันน่าขยะแขยง”
“พี่เวียร์…” เธอมองเขาตาโตแบบคาดไม่ถึง ก่อนจะบอกเสียงแข็ง “…เรนไม่เคยอยากจะจูบกับเวียร์เหมือนกันแหละ เพราะพี่เวียร์เป็นผู้ชายคนสุดท้ายที่เรนจะนึกถึง!”
รมิดาทำปากเก่งบอกไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่หัวใจนั้นเจ็บช้ำร้าวลึก ที่เขาไม่เคยมองเธอในแง่ดีเลยสักครั้ง
“ก็ดี!” เตชินท์บอกด้วยเสียงเดือดดาล พร้อมกับสะบัดร่างของรมิดาออกไปให้พ้นตัว จนร่างบางเซกระเด็นล้มลงที่พื้นห้อง
หญิงสาวเงยหน้ามองเขา ด้วยแววตาตัดพ้อเสียใจ น้ำตาใสเอ่อคลอ จนชายหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา มันเหมือนมีอะไรมาสะกิด แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น จากนั้นเขาก็รีบเบือนหน้าหนีอย่างไม่สนใจไยดีอีก
“เลิกสำออยได้แล้ว พรุ่งนี้เช้าเตรียมตัวขนข้าวของออกไปจากบ้านหลังนี้ได้เลย”
“อะไรนะคะ?” หญิงสาวถามเสียงแผ่วอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง พลางมองเขาเหมือนเห็นตัวประหลาด เขากำลังไล่เธอออกจากบ้านด้วยท่าทางเย็นชาที่สุด บ้านที่เธออยู่มาตั้งแต่เรียนอยู่ชั้นประถม และมีความผูกพันมาตลอด...โดยเฉพาะกับผู้ชายตรงหน้า
“หูตึงหรือไง ฉันบอกว่าพรุ่งนี้ให้เธอออกไปจากบ้านฉันซะ!” ชายหนุ่มบอกเสียงเยียบเย็นอย่างไม่คิดจะสงสาร
“แล้วเรนจะไปอยู่ที่ไหน?” เธอถามเสียงสั่นเครือน้ำตาคลอ
“นั่นมันเรื่องของเธอ น้าเธอตายไปแล้วนี่ ไม่มีใครคุ้มกะลาหัวเธออีกต่อไป อย่านึกว่าฉันจะเมตตาเลี้ยงดูเธอแบบคุณพ่อ ค่าเรียนเธอตั้งแต่ชั้นประถมยันมหา’ลัยหมดไปตั้งเท่าไหร่ เลือดเนื้อเชื้อไขหรือก็ไม่ใช่ ถึงเวลาออกไปทำงานเองได้แล้วไป พรุ่งนี้ฉันหวังว่าจะไม่ต้องเห็นแม้แต่เงาของเธอ”
พูดจบร่างสูงก็เดินพรวดพราดหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวที่อยู่ติดกับห้องนอน เสียงประตูปิดลงดังสนั่น ตามแรงอารมณ์โมโหของเขา รมิดามองตามไปพลางปล่อยน้ำตาไหลออกมา พร้อมกับเสียงสะอื้นแผ่วเบา หญิงสาวเสียใจเหลือเกินที่ถูกผู้ชายที่ตัวเองแอบรักพูดจาร้ายกาจใส่ ตั้งแต่เด็กที่เขาเกลียดเธอ จนไม่อยากจะมองหน้ากันอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นแค่คนนอกสายตาของเขาเหมือนเดิม
รมิดามองไปรอบห้องของเตชินท์ราวกับจะซึมซับลงในความรู้สึก เพราะห้องนี้เธอรับอาสามาทำความสะอาดเองเป็นประจำ เพื่อเฝ้ารอวันที่เขากลับมาเมืองไทย แต่พรุ่งนี้คงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้อยู่ที่นี่ และคงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นหน้าเขา
วายุแอบยืนมองอยู่ตรงประตูหน้าห้องที่ปิดไม่สนิทอย่างเงียบๆ พลางก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความเสียใจล้ำลึกเอาไว้ มือหนากำหมัดแน่น เพราะกรุ่นโกรธกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่ เขาร่ำๆอยากจะกระโจนเข้าไปชกหน้าผู้ชายคนนั้น แต่อะไรบางอย่างมันบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์
คนนี้หรือคือผู้ชายที่ได้ครอบครองหัวใจของรมิดา เขาเคยหวังว่าผู้ชายที่หญิงสาวเฝ้ารอจะเป็นคนที่ดีกว่านี้ วูบหนึ่งเขาคิดที่จะไม่เปิดเผยเรื่องพินัยกรรม แล้วพาเธอหนีออกไปจากสถานที่โหดร้ายนี้ซะ แต่ด้วยหน้าที่และความถูกต้องเขาก็ไม่กล้าที่จะทำ และไม่กล้าเข้าไปแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ ถ้าเธอยอมเลือกผู้ชายคนนั้นเขาก็จะยอมถอย แต่จะอยู่เคียงข้างเพื่อดูแลเธอ
“ขอโทษนะครับที่ผมลงมาช้า”
เตชินท์บอกเสียงเรียบอย่างสุภาพ ขณะทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาในฝั่งตรงข้ามกับวายุ สีหน้าของวายุนั้นดูขรึมจัดเหมือนว่ามีอะไรไม่สบายใจนัก แววตาภายใต้กรอบแว่นสีทองดูเย็นชาจนน่าแปลกใจ
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าบริษัทมีปัญหา?” เตชินท์ถาม
“เปล่าหรอกครับ แต่วันนี้ผมจะมาเปิดพินัยกรรม และคุณก็เป็นลูกชายคนเดียว คุณพ่อของคุณไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ให้ใครอีกแล้วนอกจากคุณ” วายุบอกพร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลส่งไปให้
เตชินท์หยิบมาเปิดออก แล้วอ่านหนังสือพินัยกรรมคร่าวๆ ก็เห็นว่าเป็นรายละเอียดของทรัพย์สินทั้งหมด ทั้งสังหาริมทรัพย์ และอสังหาริมทรัพย์มากมายหลายแห่ง รวมทั้งหุ้นของบริษัท หุ้นต่างประเทศที่บิดาได้ซื้อเอาไว้ และยังมีเงินสดจำนวนมากในธนาคาร รวมหมดทุกอย่างแล้วมีมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท ชายหนุ่มนั้นไม่ได้ตื่นเต้นอะไรนักหนา เพราะเขาพอจะทราบดีอยู่แล้วว่าตัวเองคือผู้สืบทอดมรดกตามกฎหมาย
“คุณจะได้ทุกอย่างของคุณพ่อคุณ แต่มีเงื่อนไขอยู่ประการหนึ่ง ซึ่งคุณต้องทำตาม ถึงจะสามารถสืบกิจการต่อจากคุณตรัยคุณและรับมรดกทั้งหมดได้ ไม่อย่างนั้นคุณตรัยคุณจะมอบให้คุณรมิดาทั้งหมด”
“หมายความว่าไง?” เตชินท์ถามเสียงเข้มขึ้นด้วยความงุนงง พลางจ้องหน้าทนายความอย่างต้องการคำอธิบาย อีกฝ่ายก็มีสีหน้าดูหนักใจเช่นกัน ก่อนจะหยิบเอกสารอีกซองส่งให้เขา
“คุณจะต้องแต่งงานกับรมิดา โดยห้ามหย่ากับเธอก่อนหนึ่งปี ถึงแม้จะหย่ากันไป แล้วถ้าเธอไม่ได้แต่งงานมีครอบครัวใหม่ คุณก็ต้องเลี้ยงดูส่งเสียเธอไปตลอดชีวิตโดยไม่มีเงื่อนไข” วายุกล่าวจบด้วยเสียงราบเรียบ พร้อมกับเตชินท์ที่อ่านเอกสารทางพินัยกรรมนั้นจบพอดี สีหน้าชายหนุ่มดูอึ้งและตะลึงงันมาก เหมือนกับคนถูกสั่งให้กินยาขมไปทุกวันนับจากนี้
นี่มันเรื่องบ้าบอคอแตกอะไร! บิดาของเขาจะให้เขาแต่งงานกับรมิดาทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่ชอบเธอ เขาไม่ยอมเด็ดขาด โสรดากับรมิดาต้องรวมหัวกันเป่าหูท่านเขาแน่ๆ
“ทำไมผมต้องแต่งงานกับเรน? เรื่องนี้มันต้องมีอะไรที่เข้าใจผิดกันแน่ๆ พ่อผมไม่มีทางทำเรื่องไร้สาระแบบนี้หรอก” เขาระเบิดเสียงดังด้วยความโมโห
“คุณลองดูลายเซ็นของคุณพ่อคุณแล้วกันนะครับ ตอนนั้นทั้งผมแล้วก็คุณพ่อของผม อยู่ด้วยตอนที่ท่านสั่ง ท่านบอกว่าหากคุณและเรนยังไม่ได้แต่งงานกับใครให้ผมเปิดพินัยกรรมฉบับนี้”
“แล้วถ้าผมไม่ยอม?”
“ทุกอย่างที่เป็นของคุณก็จะตกเป็นของเรนทั้งหมด” วายุบอกเสียงเรียบ สีหน้าของทนายความนั้นมีอะไรบางอย่างที่เตชินท์ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า เหมือนว่าวายุไม่ต้องการให้เขาแต่งงานกับรมิดา แต่เตชินท์ก็ไม่มีเวลามามัววิเคราะห์เรื่องไม่เป็นเรื่องนี่ เพราะเขาต้องหาทางทำอย่างไรก็ตามให้รมิดาออกไปจากชีวิตเขาให้ได้...ผู้หญิงที่เขาไม่เคยคิดจะรัก
“ผมต้องแต่งเมื่อไหร่?” เตชินท์ถามด้วยสีหน้าเซ็งจับจิต
“เร็วที่สุดครับ เพราะบริษัทมีหลายอย่างต้องรีบดำเนินการ กิจการโครงการที่คุณพ่อคุณสร้างไว้ก็หยุดชะงักลงเมื่อท่านเสีย เลขาที่บริษัทโทร.มาหาผมเมื่อวาน ว่าลูกค้าเริ่มเร่งมาบ้างแล้ว”
“งั้นช่วยจัดการเรื่องงานแต่งงานให้ผมด้วยแล้วกัน เอาแบบด่วนที่สุด”
เตชินท์ตัดสินใจแบบไม่ต้องคิดมาก เพราะเขาไม่ยอมยกมรดกให้รมิดาแน่นอน มาดูแล้วกันว่าใครจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวก่อน
สิ่งที่ได้ยินทำให้วายุนิ่งไปนานทีเดียว วูบหนึ่งทนายความหนุ่มมีสีหน้าผิดหวังก่อนจะกลับมาเป็นปกติแล้วเอ่ยถาม “เอาโรงแรมไหนดีครับ? คุณอยากจัดงานรูปแบบไหน? เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะให้เจ้าหน้าที่ของเวดดิ้งสตูดิโอมาช่วยดู”
“ไม่ต้องหรอก แต่งในบ้าน เชิญแขกอย่าเกินร้อยคน ห้ามให้นักข่าวรู้...และปิดข่าวให้เงียบที่สุด”
***รูปแบบ E-book***
***มีวางจำหน่ายที่ร้าน se-ed ทุกสาขา***
(หาไม่เจอสอบถาม)
สั่งได้ที่นี่ 3 ช่องทาง
1. แฟนเพจ ดอกโบตั๋นสีขาว นักเขียน
2. เมล์ funny_angel1995@hotmail.com
3. http://writerbabybow.lnwshop.com/
กด ADD แฟนเพจ
ความคิดเห็น