ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อริรักซ่อนพิศวาส

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 ผู้ชายกลางคืน 100%

    • อัปเดตล่าสุด 27 มิ.ย. 58


    บทที่ 1

    ผู้ชายกลางคืน

     

    เหงาหัวใจ จนอาจจะหนาว ข้างกายรู้สึกปวดร้าว

    จนมันคิดล่องลอยออกไปแสนไกล พอเวลาเย็นๆ กลางคืนทีไร

    ใจที่มีแต่เงา ก็เหงามากมาย ถ้าเธอเคยรู้สึกแบบนี้ ก็โปรดตั้งใจฟัง[1]….”

     

              เสียงเพลงทำนองไพเราะนุ่มหูและการดีดกีตาร์แผ่วเบากับจังหวะดนตรีที่ขยับตัวโยกตามได้สบายๆ ดังมาจากบนเวทีขนาดเล็ก ของร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งในตัวเมืองจังหวัดเชียงใหม่ ชายหนุ่มนักร้องนำของวงมีหน้าตาหล่อเหลาและเสียงนุ่มไพเราะแสนเคลิบเคลิ้ม สะกดใจลูกค้าหลายคนที่เข้ามานั่งฟังเพลงเลยทีเดียว

    เขาคือ อชิระ’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดหน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม คิ้วเข้มตัดกับผิวสีแทนที่ถูกบ่มจากแสงแดด ส่งผลให้รูปหน้าดูโดดเด่น รวมทั้งความสูงร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตรทำให้ร่างดูสูงใหญ่ ผสมผสานกันทั้งหุ่นและมัดกล้ามเป็นมัดนั้นไม่แพ้ดาราเลยทีเดียว

              ร้านวิคตอเรียหรือร้านอาหารกึ่งผับที่อชิระกำลังร้องเพลงอยู่ในขณะนี้ ในยามดึกแน่นขนัดไปด้วยผู้หญิงมากมายที่มานั่งฟังเพลงของเขาทุกคืน งานร้องเพลงเล่นดนตรีมันเป็นงานที่เขาชอบ เพราะเขาเป็นนักร้องของมหาวิทยาลัยมาตั้งแต่ขึ้นปีสองจากนั้นก็สั่งสมประสบการณ์มาเรื่อยๆ จนเคยได้มีวงดนตรีเป็นของตัวเอง

              อชิระเคยถูกทาบทามจากค่ายเพลงและแมวมองให้ไปเป็นศิลปินออกอัลบั้มหรือแม้กระทั่งดารา แต่ด้วยความที่เขารักสงบชอบความสันโดษ และมีโลกส่วนตัวสูงทำให้เขาปฏิเสธแมวมองไปทุกราย

              หลังจากหมดเวลางานอชิระก็เดินลงมาจากเวทีพร้อมกับสะพายเป้สีเขียวคู่ใจเพื่อเตรียมกลับหอพัก วิชัย’ ผู้ช่วยผู้จัดการร้านก็รีบเดินมากระซิบด้วยสีหน้าเป็นกังวล

    คุณพริ้งมาอีกแล้ว อยากชวนดินไปนั่งดื่มที่โต๊ะ เธอบอกว่าถ้าวันนี้ไม่ได้คุยกับดินจะไม่ยอมกลับ”  

              อชิระขมวดคิ้วทันทีที่ได้ฟังพร้อมกับความหนักใจล้นพ้น สีหน้ามีความเหนื่อยหน่าย เพราะ สุภัทรตรา’ หรือพริ้ง เป็นสาวไฮโซภรรยาของนักธุรกิจชื่อดังในจังหวัด และมาหาเขาบ่อยหลายครั้ง เขารู้เพียงแค่ว่าเธอเป็นลูกค้าวีไอพีที่มีฐานะและรู้จักกับเจ้าของร้านถึงขั้นสนิทสนม ทำให้อชิระค่อนข้างเกรงใจ จึงไม่อยากทำให้ร้านเสียลูกค้า

    เวลามาเที่ยว หญิงสาวมักจะชอบให้ทิปเขาทีละหลายพัน แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการนั่งคุยกันภายในร้านเงียบๆ สองคน เมื่อร้านปิดก็ต่างคนต่างกลับ เพราะเขาถือกฎกับตัวเองเอาไว้ ว่างานของเขาคือร้องเพลงและเล่นดนตรีเท่านั้น ไม่ว่าลูกค้าจะชักชวนให้ไปไหนต่อ เขาจะไม่ไปเด็ดขาด

    แม้มีหลายครั้งที่ผู้หญิงสวยๆ รวยๆ บางรายที่มีครอบครัวแล้วมาติดพันเขา  ถึงขนาดออกปากจะส่งเสียเลี้ยงดู แต่อชิระก็ปฏิเสธมาตลอด เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดวงตัวเองถึงถูกโฉลกกับผู้หญิงอายุมากกว่า เพราะตั้งแต่ที่เคยมีแฟนมา ก็อายุแก่กว่าเขาทั้งนั้น และเขาก็ชอบมองแต่ผู้หญิงที่อายุมากกว่าเสียด้วย

              บอกพี่พริ้งด้วยแล้วกัน ผมไม่ว่าง” ชายหนุ่มบอกเสียงรำคาญ แล้วทำท่าจะเดินผละจากไป แต่ผู้ช่วยผู้จัดการรีบรั้งแขนเอาไว้ก่อน แล้วเอ่ยอ้อนวอน ไปให้หน่อยน่าดิน...พี่ไม่อยากมีปัญหา

              ถ้าจะไล่ผมออกเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้ก็ตามใจ

    อชิระนิ่วหน้าไม่พอใจ แล้วสะบัดมือออกจากวิชัยอย่างไม่คิดสนใจ แต่ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเดินออกไปทางด้านหลังร้าน สาโรช’ ก็เข้ามาเสียก่อน อชิระมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าหนักใจ เพราะรู้ดีว่าจะได้ยินคำพูดอะไร สาโรชนั้นเป็นเจ้าของร้านและเป็นรุ่นพี่ของเขาที่ชักชวนให้เขามาทำงานที่ร้านวิคตอเรียนี้เพราะเห็นว่าเขาชอบร้องเพลง

              ผมจะไปกินข้าวต้มรอบดึกกับเพื่อน พวกมันรออยู่” อชิระบอกแล้วก้มมองนาฬิกาซึ่งเป็นเวลาตีหนึ่งสิบนาทีแล้ว 

              พี่ขอเหอะดิน ไปนั่งคุยกับคุณพริ้งหน่อยเถอะ พอร้านปิดค่อยกลับ” 

              อชิระมองหน้าสาโรชนิ่งๆ พลางถอนหายใจยาวเหยียด แต่ก็ยอมปลดเป้ลงจากหลังโดยดี แล้วเอากลับไปไว้ที่ตู้เก็บของ จากนั้นร่างสูงก็เดินออกไปทางหน้าร้าน

     

    สวัสดีครับพี่พริ้ง

    อชิระทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบเหมือนทุกครั้งพลางมองหญิงสาวอายุสามสิบห้าปีตรงหน้า เธออยู่ในชุดเกาะอกแนบเนื้อสีดำ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นไม่ต่างจากผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆ เส้นผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนจากการทำสีอย่างดี ถูกไดร์และจัดทรงมาอย่างประณีต ดวงหน้างดงามแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดี ริมฝีปากที่ทาลิปสติกสีแดงสดส่งผลให้เธอดูโดดเด่นกว่าเดิม ท่ามกลางความมืดสลัวที่มีเพียงไฟสีส้มในร้าน

    ปล่อยให้พี่รอนานเชียว

    สุภัทรตรายิ้มหวานยวนใจมาให้ พร้อมกับดึงร่างสูงให้มานั่งลงบนโซฟาสีแดงด้วยกัน แต่ชายหนุ่มยังคงทำหน้าเฉยชาไม่บอกอารมณ์ ความรู้สึกภายในสงบนิ่ง และไม่เคยคิดหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มหวานๆ นั้นเหมือนเคย

    พี่พริ้งมีธุระอะไรกับผมหรือครับ?”      

    แหม...ต้องมีธุระด้วยเหรอจ๊ะถึงจะคุยกับดินได้ ใจแข็งกับพี่ตลอดเลยนะ”  หญิงสาวค้อนขวับอย่างงอนๆ แบบน่ารัก ก่อนจะยกมือตีเบาๆ บนท่อนแขนกำยำของอีกฝ่าย แต่อชิระเงียบไม่ตอบอะไรสักอย่าง ทำเอา   สุภัทรตราถึงกับฉุนกึกอยู่ในใจ เพราะถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นมาถูกสาวสวยทำหมาหยอกไก่ เล่นหูเล่นตาใส่แบบนี้ คงพากันไปถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดที่ไหนสักแห่งแล้ว แต่นี่เธอตามติดเขามาสามเดือน แต่ว่าพ่อหนุ่มคนนี้กลับไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน เห็นหน้าตาหล่อๆ แบบนี้หวังว่าคงไม่ใช่เก้งกวางหรอกนะ

    พี่เหงาจัง ช่วงนี้ไม่มีอะไรทำเลย โชคดีที่มีเพลงเพราะๆ ของดินช่วยคลายเหงา เมื่อก่อนร้านนี้เงียบมาก พอดินมาร้องเพลงได้ไม่นานคนแน่นร้านเชียว พี่ชักหวงแล้วสิ ว่าจะมีแมวขโมยที่ไหนมาฉกดินไป

    เสียงหวานพูดต่ออย่างออดอ้อนราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของตัวเขา ก่อนจะเริ่มออเซาะเอนศีรษะพิงไหล่กว้าง ฝ่ามือบางลูบไล้ไปตามลำแขนใหญ่ ทำให้อชิระตัวแข็งไปเล็กน้อย เมื่อรู้สึกได้ถึงทรวงอกอวบที่กำลังเสียดสีอยู่ตรงลำแขน

              “ผมว่าพี่พริ้งเริ่มเมาแล้วนะครับ

              “พี่ดื่มไปนิดเดียวเองยังไม่เมาหรอก ยังได้อีกหลายแก้วจ้า” 

    สุภัทรตราเอ่ยกลั้วหัวเราะคลี่ยิ้มสมใจที่ทำให้เขาตัวเกร็งได้ พลางมองเขาด้วยดวงตาหวานฉ่ำ สองมือบางยกขึ้นโอบรอบคอชายหนุ่ม เรียวเล็บสีแดงสะกิดเบาๆ ไปตามโครงหน้าหล่อเหลา เรื่อยลูบไปมาตามสันกรามแกร่งจนผ่านไรหนวดสากระคาย ก่อนจะค่อยๆ ดึงโน้มใบหน้าเขาลงมาใกล้ ลมหายใจอุ่นเป่ารดกันแต่ยังไม่ทันที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะประกบกัน เสียงห้าวทรงอำนาจก็ดังขึ้น

    พริ้ง!”

    สุภัทรตราสะดุ้งโหยงเบิกตาโพลงและตัวชาวาบไปทั่วร่าง เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูของสามีตามกฎหมายดังขึ้นลั่นร้าน เธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากอชิระอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองอีกฝ่ายที่มาใหม่ด้วยความหวาดหวั่นก็เห็นกิตติกำลังทำหน้าถมึงทึงมองมาทางนี้ด้วยท่าทางโกรธกริ้ว

    พี่กิตมาที่นี่ได้ยังไง?” เธอถามเสียงสั่น

    พี่ต้องถามพริ้งมากกว่า ว่ามานั่งระริกระรี้กอดกับผู้ชายในผับดึกดื่นแบบนี้ได้ยังไง แล้วไอ้หน้าอ่อนนั่นมันเป็นใครฮะ บอกมาเดี๋ยวนี้!?” ท้ายประโยคถามด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องสุดๆ ขณะมองตาขวางเลยไปยังอชิระ

    พริ้งแค่มาเที่ยว พี่กิตยังมาเที่ยวกลางคืนได้ ทำไมพริ้งจะมาบ้างไม่ได้” สุภัทรตราไม่ตอบคำถาม แต่แย้งเขากลับเสียงรวน ในเมื่อ กิตติ’ ยังออกมาระเริงราตรีกับเพื่อนได้ทุกวันทุกคืน แถมมีผู้หญิงอื่นสารพัด แต่ปล่อยให้เธอนอนเหงาอยู่บ้านแล้วทำไมเธอจะมาบ้างไม่ได้ เธอผิดตรงไหน ถ้าเขาอยากมีอีหนู เธอก็จะมีชู้เป็นชายหนุ่มรุ่นน้องบ้างเหมือนกัน

    ผู้คนในร้านเริ่มหันมามองทางนี้กันเป็นตาเดียว บางคนก็กวักมือเรียกเก็บเงินเพราะเห็นสถานการณ์ไม่ดี เด็กเสิร์ฟหลายคนพากันกระซิบกระซาบ พลางส่งสัญญาณมือให้กัน คล้ายกับว่ากำลังไปตามผู้จัดการ

    อชิระมองผู้ชายรูปร่างสันทัดผิวสองสีที่กำลังยืนอาละวาดเสียงดังอยู่ตรงหน้า แล้วทำเสียงหงุดหงิดในลำคอด้วยความเซ็งสุดขั้ว มือหนายกขึ้นเสยผมแบบลวกๆ พลางถอนหายใจยาวเหยียด เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เดือนนี้สามครั้งแล้วที่มีผู้ชายของผู้หญิงสาวคนอื่นมาหึงหวงแฟนเพราะเขา

    ชายหนุ่มร่างใหญ่ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วตั้งใจจะผละตัวออกไปจากตรงนี้ เพราะไม่อยากจะมีปัญหากับใครทั้งนั้น เขามาร้องเพลงของเขาแต่ไม่ได้อยากมีเรื่อง ปัญหาของคนในครอบครัวเชิญจัดการกันเองเถอะ

    มึงจะไปไหนวะ มาคุยกับกูก่อน!” กิตติเรียกเสียงดัง พร้อมกับเดินปรี่เข้าไปกระชากแขนอชิระอย่างแรง ชายหนุ่มหันกลับมามองด้วยสายตาขวางๆ เพราะไม่พอใจเช่นกัน

              ปล่อย! ผมไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะผมกับพี่พริ้งเราไม่ได้มีอะไรกันอย่างที่คุณเข้าใจ!” เขาบอกเสียงแข็ง

    มึงไม่มีแต่กูมี! เมื่อกี้มึงกำลังจะจูบกับเมียกูแล้วเสือกบอกว่าไม่มีอะไร มึงเห็นกูควายหรือไงวะ!?” กิตติตวาดเสียงดังด้วยความหยาบคายเผ็ดร้อน ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นกระชากคอเสื้ออชิระที่ยืนนิ่งอยู่อย่างแรง

    อย่าหาเรื่องได้ไหม ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็ปล่อยซะ

    อชิระเริ่มขึ้นเสียงบ้าง

    แมงดาอย่างมึงคิดจะเกาะชายกระโปรงเมียกูอยู่แล้ว ทำไมกูจะไม่รู้

    พี่กิตหยุดนะ! อย่ามาทำตัวเป็นนักเลงแถวนี้ เห็นไหมคนมองกันใหญ่แล้ว ปล่อยดินเดี๋ยวนี้!” สุภัทรตรารีบเข้ามาขวางไว้ แต่นั่นราวกับเป็นการเติมฟืนลงในเชื้อไฟที่กำลังลุกโชน กิตติตวัดสายตากลับไปมองภรรยาคนสวยทันที สลับกับมองอชิระด้วยดวงตาวาวโรจน์โกรธเคือง และได้เห็นสีหน้าที่ดูเป็นห่วงเป็นใยจากหญิงสาวที่มีให้หมอนั่น

    รักกันมาก หวงกันมากนักใช่ไหม!?” เสียงห้าวแค่นถามลอดไรฟัน เส้นเลือดตามขมับแทบจะปูดขึ้นมา 

    ใช่! พริ้งรักดิน และพริ้งก็เบื่อพี่กิตเต็มทนแล้ว!” สิ้นเสียงบอกด้วยความเอาแต่ใจของสุภัทรตรา มือหนาหนักก็ฟาดพรวดอย่างหนักหน่วงเต็มแรงลงไปบนใบหน้าของหญิงสาว    

    เพี๊ยะ!

    ร่างบอบบางฟุบลงไปกับพื้นแบบหมดสติทันที ท่ามกลางเสียงฮือฮาของผู้คนในร้าน และไม่มีโอกาสได้ลุกขึ้นมาส่งเสียงเถียงฉอดๆ อีกแล้ว อชิระตกใจเบิกตาโต ก่อนรีบเข้าไปประคองหญิงสาว แล้วหันมาถามผู้ชายอกสามศอกอีกคน

    ทำบ้าอะไรของคุณ เธอเป็นผู้หญิงนะ!” 

    ตบเมียจอมร่านไงล่ะ รายต่อไปก็ชู้อย่างมึง!” กิตติบอกด้วยเสียงกระด้าง พลางแสยะยิ้มเยาะมุมปาก แล้วพุ่งเข้ามาเสยหมัดใส่ใบหน้าหล่อเหลาของอชิระเข้าอีกคนแต่ชายหนุ่มรับหมัดเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะเกิดการต่อสู้กันอย่างชุลมุน โดยต่างคนต่างแลกหมัดกันแบบไม่มีใครยอมใครทั้งนั้น แต่ด้วยความเป็นต่อทางรูปร่างที่สูงใหญ่และหนุ่มกว่าของอชิระ ทำให้เขาจับร่างกิตติทุ่มลงบนโต๊ะของลูกค้ารายหนึ่งจนข้าวของบนโต๊ะและแก้วเครื่องดื่มหล่นแตกกระจายลงพื้น พร้อมกับโต๊ะกระจกแตกเป็นเสี่ยง ลูกค้าที่นั่งอยู่รีบวิ่งหนีกันหัวซุกหัวซุนด้วยความตกใจ ก่อนที่อชิระจะซัดหมัดหนักหน่วงลงไปเสยคางอีกทีเต็มแรง คนที่ถูกชกถ้าไม่ช้ำในก็คงเจ็บระบมไปหลายวันแน่

     “เกิดอะไรขึ้น!?” สาโรชที่เพิ่งจะโผล่มาถามเสียงตกใจ ขณะรีบเร่งฝีเท้าวิ่งเข้ามาพร้อมกับวิชัย ก่อนจะรีบเข้าไปแยกคนทั้งคู่ที่กำลังวางมวยออกจากกันทันที ส่วนพนักงานอีกสามคน ก็เข้ามาประคองร่างอ่อนปวกเปียกของสุภัทรตราให้ไปนั่งบนโซฟา

    ผมทำตามคำสั่งพี่แล้วไง มานั่งคุยกับพี่พริ้ง สามีเขาเข้ามาตามเลยมีเรื่องอย่างที่เห็น” อชิระตอบด้วยดวงตาขุ่น พลางยกมือปาดเลือดซึมที่มุมปาก สาโรชมองด้วยความรู้สึกผิดปนกังวล

    เฮ้ย! ปล่อยกูสิวะ มาจับไว้ทำไม!” กิตติที่เริ่มได้สติบอกเสียงดังแล้วดิ้นรนสะบัดแขนขาไปมา แม้จะรู้สึกเจ็บร้าวตามช่วงท้องกับใบหน้าและมุมปากแต่ก็ไม่ยอมสงบแต่โดยดี พลางส่งสายตามองอย่างแค้นเคืองมาทางอชิระ แต่ชายหนุ่มอีกคนไม่สนใจแล้วหันมาบอกสาโรช

    ผมกลับแล้วนะ และคืนนี้ผมขอทำงานคืนสุดท้าย

    ใจเย็นๆ ก่อนดิน เดี๋ยวตรงนี้พี่จัดการเอง สาโรชบอกแล้วยกมือตบไหล่เป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนที่ร่างสูงของอชิระจะเดินเลี่ยงออกมาทางหลังร้าน เขาได้ยินเสียงของกิตติตะโกนด่ามาตามหลัง

    หลังจากออกมาจากร้านวิคตอเรีย อชิระก็กดโทรศัพท์มือถือโทร.หาเพื่อนในกลุ่มที่เล่นดนตรีด้วยกัน ปรากฏว่าพวกนั้นได้หาอะไรกินกันหมดแล้ว และพากันกลับไปถึงบ้านนานแล้ว เพื่อนเขายังบอกอีกว่าให้เขาหาอะไรกินข้างนอกเข้ามาเลย เพราะทั้งบ้านนั้นเหลือแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไข่ไก่ และปลากระป๋อง

    ร่างสูงเดินช้าๆ อย่างกินลมชมวิวตามริมถนนไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความมืดสลัวยามราตรี แต่ยังคงมีแสงสีจากร้านอาหารบางร้านที่ยังไม่ปิด เขาชอบเวลากลางคืนเพราะมันรู้สึกสงบแต่บางทีเขาก็รู้สึกเหงาจับใจ เพลงที่ร้องไปคืนนี้มันตรงกับความรู้สึกเขาเหลือเกิน วูบหนึ่งอชิระเคยรู้สึกอยากมีใครสักคนมาอยู่ข้างกาย แต่ความคิดแบบนั้นก็หยุดลง เมื่อผู้หญิงที่ผ่านเข้ามารอบตัวเขา ไม่มีใครเคยทำให้หัวใจเขาอบอุ่นและสัมผัสได้ใกล้เคียงถึงความรักเลย...และอีกใจหนึ่งเขาก็กลัว กลัวว่าจะเจอผู้หญิงเหมือนมารดาของเขา

    อชิระเดินเข้าไปยังร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เพื่อตั้งใจจะหาข้าวกล่องสำเร็จรูปกับซาลาเปามากินตามประสาคนกินง่ายอยู่ง่าย และเมื่อเข้ามาในร้านเขาก็เดินไปหยุดดูตรงมุมหนังสือพิมพ์ข่าวกีฬาเป็นอันดับแรกเหมือนเช่นทุกครั้ง เพื่อเปิดดูรายละเอียดแมตช์สำคัญนัดชิงของทีมฟุตบอลทีมโปรด ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่านพลิกไปพลิกมาชั่วครู่และวางลงที่เดิม แล้วก็หาอะไรอย่างอื่นอ่านเล่นแทน จากนั้นสายตาคมกริบก็ไปหยุดอยู่ที่หน้าปกหนังสือแฟชั่นบนแผงนิตยสาร ‘She’s Charming’  

    บนหน้าปกเป็นรูปของผู้หญิงคนหนึ่ง ใบหน้าสวยคม แต่ดวงตาสีนิลนั้นหวานหยดย้อย เธอสวมชุดว่ายน้ำบิกินี่สีแดงสด ตัดกับผิวขาวผ่องทั่วเรือนร่าง รับกับทรวงอกอวบอิ่มที่ใหญ่เกินตัว ริมฝีปากสีชมพูแวววาวยิ้มแย้มอย่างร่าเริงดูมีความสุข เธอดู เริงร่าอยู่ท่ามกลางแสงแดดธรรมชาติที่ริมทะเลรับซัมเมอร์ ของเดือนเมษายนที่แสนร้อนอบอ้าว เขายอมรับว่าชอบรอยยิ้มเธอ และชอบความสวยที่ตราตรึงสายตารวมถึงทุกสัดส่วนกับใบหน้างดงาม

    อชิระเอาแต่มองนิ่งอยู่แบบนั้นอย่างอ้อยอิ่งเนิ่นนาน แต่ไม่กล้าคิดจะเอื้อมมือไปหยิบมาเปิดดู ความรู้สึกเขาชาวาบเจ็บปวดล้ำลึกพร้อมกับหัวใจเต้นรัวแรงปะปนกันเมื่อได้เห็น แม้ผ่านมานานมากแล้วหลายปีแต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไป ผู้หญิงที่ทำให้เขาหัวใจแกว่งได้ทุกครั้งที่เห็นหน้าเธอ ทั้งที่เขาควรจะเกลียดเธอ เพราะเธอทำให้เขาเกือบจากโลกนี้ไปจนไม่มีโอกาสได้มายืนอยู่ตรงนี้ แต่หัวใจไม่รักดีมันกลับโหยหา และสั่งให้สมองคอยติดตามเรื่องราวของเธอ และดีใจทุกครั้งที่เธอยังไม่มีผู้ชายคนไหน นับจากเลิกกับแฟนหนุ่มตอนสมัยเรียนมานานหลายปี ชายหนุ่มส่ายหน้าแรงๆ พลันตกใจกับความคิดของตัวเอง เพราะถึงผู้หญิงคนนั้นจะไม่มีใคร...แต่เธอก็ไม่มีทางชายตามาแลเศษดินที่ไร้ค่าอย่างเขา

    ผู้หญิงที่เป็นรักแรกของเขา แต่อยู่ไกลเกินเอื้อมมือ ตั้งแต่เขาจำความได้ รักข้างเดียวที่ทำยังไงก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป เขาได้แต่มองเธอจากที่ห่างไกล แต่ไม่เคยคิดจะเข้าไปเฉียดใกล้กับผู้หญิงคนนั้น

    ฟ้าพร่างดาว เชิดชูวงศ์’ ผู้หญิงร่ำรวยในตระกูลผู้ดีแต่จิตใจนั้นสวนทางอย่างชัดเจน คงไม่มีใครได้ลิ้มรสและสัมผัสความร้ายกาจดั่งแม่มดร้ายของเธอนอกจากเขา เมื่อคิดดังนั้นอชิระก็เบนสายตากลับไปทางอื่น เขาไม่ควรจะรู้สึกอะไรกับเธอ แต่พอคิดว่าทำไม่เคยได้ ร่างสูงจะหมุนตัวเดินออกจากร้านไปด้วยความหงุดหงิด เขาลืมความหิวแทบหมดสิ้นทันที

     

     

     

     

     

     

     

     

     



    [1] อเวนิว (Avenue) : ศิลปิน วัชราวลี

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×