ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {BTS} OS/SF KookJin. In a relationship.

    ลำดับตอนที่ #22 : SF : You Are My Sunshine. KookJin. EP 01 150%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.71K
      73
      26 ม.ค. 61











    เป็นไงบ้างเรา ไข้ลดลงแล้วนี่

     

    ร่างของคุณหมอโฮซอกทิ้งตัวลงบนเตียงพลางคลำไปที่หน้าผากคนป่วยเบาๆเพื่อวัดไข้ วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากลับมาที่บ้านหลังนี้เพื่อมาดูอาการของซอกจิน รอยยิ้มบางๆจากคนป่วยนั้นเป็นตัวบอกได้ดีว่าเจ้าตัวนั้นอาการดีขึ้นมาก ริมฝีปากและใบหน้าที่ก่อนหน้านี้ซีดเผือดไร้สีเลือดกลับเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อของเลือดฝาด รวมถึงอุณหภูมิร่างกายที่เย็นลงแล้วก็ช่วยให้เขาเบาใจไปได้บ้างว่าซอกจินคงจะหายดีในอีกไม่ช้า

     

     

    ข้อมือเป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม

     

     

    ใบหน้าหวานส่ายเบาๆเพื่อบอกว่าไม่เจ็บ โฮซอกยื่นมือไปลูบผมนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนจะหันไปหยิบหลอดยาเพื่อมาทาให้อีกรอบ แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าขนาดของหลอดยานั้นฟีบลง

     

    เกิดรอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปากของคุณหมอเมื่อรู้ว่าสาเหตุนั้นเกิดมาจากอะไร ปากบอกไม่รักไม่สนใจแต่ก็ตามมาดูแลทั้งคืนสิท่า คนป่วยของเขาถึงได้หายป่วยไวอย่างนี้

     

     

    ดูอาการเสร็จก็ออกมาได้แล้ว

     

    เสียงเข้มของเจ้าของบ้านเอ่ยบอกเพื่อนสนิทพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นท่าทางของคิมซอกจินที่แตกต่างจากตอนที่อยู่กับตัวเอง ทีอยู่กับเขาล่ะทำหน้ายุ่ง พออยู่กับคนอื่นไม่รู้จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรนักหนา

     

    น่ารำคาญ

     

     

     

    วันนี้อาโฮซอกพาเพื่อนมาด้วยนะ

     

     “ใคร

     

    ประโยคที่ตั้งใจจะคุยกันแค่สองคนนั้นดังไปถึงหูของบุคคลที่สามที่นั่งอยู่ในห้อง จองกุกลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่ สายตาคมจ้องไปที่เพื่อนสนิทอย่างต้องการคำตอบที่ตัวเองสงสัย

     

    เขาไม่เข้าใจว่าโฮซอกจะบอกซอกจินทำไมว่าตัวเองพาเพื่อนมาด้วย และเขาก็ไม่รู้ซักนิดว่าเพื่อนคนนั้นคือใคร แต่มาบอกอย่างนี้เหมือนต้องการให้ซอกจินรู้จักไปด้วยงั้นแหละ

     

     

    รุ่นน้องฉัน เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรค PTSD ที่ซอกจินเป็น

     

     

    เอามาทำไม ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่จำเป็นต้องรักษาหรือว่านายอยาก!”

     

     

    เสียงเข้มเอ่ยลั่นห้องพลางหันไปมองยังคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาดุๆ ปากอิ่มเม้มแน่นพลางก้มหน้าเพื่อหลบสายตาดุดันคู่นั้น อาจองกุกจะถามเขาทำไมล่ะ ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเคยตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยตัวเองเสียที่ไหน มีแต่ถูกบังคับกับถูกปฏิเสธเท่านั้นล่ะ

     

     

    ออกมาคุยกับฉันข้างนอก

     

    มือบางจับแขนเพื่อนสนิทแล้วออกแรงลากออกมาจนถึงหน้าประตูบ้านเพื่อที่จะคุยได้สะดวก แค่น้ำเสียงตะคอกของเพื่อนเขาเมื่อกี้ซอกจินก็กลัวจนก้มหน้างุด ถ้าขืนยืนคุยในห้องนั้นจองกุกคงจะโวยวายแล้วพูดประโยคเสียดแทงหัวใจจนซอกจินร้องไห้อีกแน่

     

     

    เอาหมอของนายกลับไปแล้วอย่าพามาที่นี่อีก

     

     

    นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย

     

     

    ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าไม่ต้องรักษา ซอกจินเป็นของฉัน ฉันจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ก็ได้

     

     

    นายแค่เลี้ยงมาแต่นายไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเขา ซอกจินจำเป็นต้องได้รับการรักษานะ

     

     

    แต่ฉันไม่อนุญาต!”

     

     

    หวงงั้นสิ

     

     

    ประโยคล่าสุดจากเพื่อนสนิททำให้จองกุกนิ่งงันไปชั่วครู่

     

     

     

    นายไม่ยอมให้ซอกจินออกไปไหน ไม่ยอมให้รู้จักใคร ไม่แม้แต่จะให้ใครแตะต้อง

     

     

    ปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกับสร้างโลกจอมปลอมให้เขา โลกทั้งใบของคิมซอกจินที่มีแค่นาย

     

     

    ทั้งๆที่อาการของซอกจินสามารถรักษาให้หายได้แต่นายก็ไม่ทำ

     

     

    เหอะ… เพราะนายกลัวว่าถ้าหากซอกจินพูดได้เขาจะไปจากนายใช่ไหม

     

     

    นายกลัวว่าซอกจินจะไปจากนายเหมือนแม่ของเขาใช่ไหมล่ะ

     

     

    จองโฮซอกพูดอะไรเขาไม่เข้าใจซักนิด เขาไม่ได้เป็นอย่างที่โฮซอกพูดเสียหน่อย หวงงั้นเหรอ จะต้องหวงไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้รักเด็กนั่น ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ดูแลตามที่แม่ของซอกจินขอเอาไว้ต่างหาก ลำพังแค่งานที่ทำมันก้หนักพออยู่แล้วและเขาต้องมาดูแลเด็กป่วยนี่อีก ให้ที่หลับที่นอนพร้อมอาหาร ให้ทุกสิ่งทุกอย่างขนาดนี้ยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก

     

     

    ความรักงั้นเหรอ

     

     

    เขาไม่มีวันรักเด็กน่ารำคาญนี่หรอก!

     

     

    ไร้สาระสิ้นดี..

     

     

     

    หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วโฮซอก

     

     

    เอาเถอะ ฉันก็ไม่รู้นะจองกุกว่านายทำแบบนี้ลงไปเพื่ออะไร แต่ชีวิตของซอกจินจะมีแค่นายคนเดียวตลอดไปไม่ได้

     

     

    ทำไมจะไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตฉันเลี้ยงของฉันมาแบบนี้ก็ไม่เห็นว่าเด็กนั่นจะลำบากตรงไหน

     

     

    ฉันถามจริงๆเถอะ.. นายรักซอกจินบ้างหรือเปล่า

     

     

    ประโยคคำถามที่มาพร้อมกับสายตาคาดคั้นทำให้คนถูกถามต้องเสมองไปทางอื่น ทางด้านโฮซอกที่เห็นอาการของเพื่อนตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ เขาไม่เข้าใจว่าถ้าไม่รักแล้วยังจะหวงไว้กับตัวทำไม ปากบ่นว่าเป็นภาระว่าน่ารำคาญแต่พอเขาจะเอาไปตัวเองกลับไม่ยอมยกให้

     

    จริงอยู่ที่คิมซอกจินไม่ใช่สิ่งของที่ใครนึกอยากได้ก็จะมาขอกันง่ายๆ แต่ถ้าอยากมีเอาไว้ทำไมไม่ดูแลให้ดี

     

    ดูเหมือนว่าจองกุกจะไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย แล้วยังทำทีเดินหนีออกไปอีกทางเหมือนกับต้องการหนีคำถามที่ตัวเองไม่อยากตอบ

     

     

    แต่แล้วขายาวก็ต้องหยุดเมื่อเพื่อนตัวเล็กได้เอ่ยอะไรบางอย่างต่อมาอีก

     

     

    ถ้าไม่รัก..”

     

     

    ช่วยสงสารบ้างก็ยังดี

     

     

    เด็กคนนี้ไม่เหลือใครแล้วนายก็รู้

     

     

     

     

    23.48

     

    ตกดึกร่างสูงก็เดินมาที่เรือนหลังเล็กอีกครั้งเพื่อมาดูอาการของคนป่วย ตั้งแต่คุยกับโฮซอกเสร็จเขาก็ขึ้นไปหมกตัวอยู่บนห้องทำงานอยู่นานเลยไม่รู้ว่าอาการของซอกจินเป็นยังไงบ้าง และเหมือนโฮซอกจะโกรธเขาเรื่องซอกจินด้วยล่ะมั้งเลยไม่เดินขึ้นมาบอก

     

    ก็ไม่ได้เป็นห่วงหรอก ก็แค่กลัวว่าจะป่วยหนักกว่าเดิมแล้วจะเป็นภาระให้เขาต่างหากล่ะ

     

     

    ส่วนโฮซอกก็เหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะไปแคร์เด็กน่ารำคาญนี่ทำไมนักหนา

     

     

    ขายาวก้าวผ่านความมืดเข้ามาภายในห้องนอน ไฟตรงระเบียงที่ส่องผ่านม่านเข้ามาช่วยทำให้การมองเห็นในความมืดนั้นง่ายขึ้น กวาดสายตาไปทั่วห้องจนพบเข้ากับร่างที่นอนซุกผ้าห่มอยู่บนเตียง จังหวะหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอเป็นตัวบอกได้ดีว่าคิมซอกจินหลับไปแล้ว

     

     

    และหลับสนิทเสียด้วย

     

     

    สะโพกสอบทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนตื่น ร่างสูงโปร่งค่อยๆขยับตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน เอนหลังพิงกับหัวเตียงทีละน้อย

     

     

    ใช้หลังมือแตะอังไปที่หน้าผากของคนหลับเบาๆเพื่อเช็คอุณหภูมิไข้ ตัวก็ไม่ร้อนอะไรแถมผิวที่เคยขาวซีดนั้นก็เริ่มขึ้นเลือดฝาดชมพูระเรื่อจึงไม่มีอะไรน่าห่วง

     

     

    ไล้นิ้วไปตามโครงหน้าหวานแผ่วเบาพลางจดจ้องทุกองค์ประกอบบนใบหน้าหวานด้วยสายตาที่สับสน

     

     

    เปลือกตาสีอ่อนที่ปิดซ่อนแววตาหวาดกลัวเอาไว้

     

     

    จมูกโด่งรั้นที่มักจะแดงทุกครั้งยามร้องไห้

     

     

    ปากอิ่มสวยที่ชอบเม้มแน่นยามถูกเขาดุ

     

     

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคิมซอกจินมันคือสิ่งน่ารำคาญ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาหรือเสียงสะอื้น รอยยิ้มหวานๆที่ถูกส่งให้คนอื่นที่ไม่ใช่เขา การกระทำเงอะงะที่ชอบสร้างปัญหา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคิมซอกจินมันคือสิ่งที่เขาเกลียดแสนเกลียด

     

     

    เห็นไหม… ก็บอกแล้วว่าไม่ได้รัก

     

     

    เมื่อคนหลับเปลี่ยนท่านอนเป็นการนอนตะแคงหันไปทางอื่นจองกุกจึงยื่นแขนไปเกี่ยวร่างเล็กให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด ให้มานอนใกล้ๆกัน..

     

    กลิ่นหอมอ่อนๆของร่างเล็กทำให้จมูกโด่งอดไม่ได้ที่จะก้มลงจรดริมฝีปากบนพวงแก้มนิ่มเบาๆ

     

     

    อยากหาหมอแบบที่โฮซอกบอกไหม

     

    กระซิบถามออกไปแผ่วพลางจดจ้องดวงหน้าสวยอย่างไม่ละสายตาไปไหน

     

    เขารู้ว่าคิมซอกจินควรได้รับการรักษาตามที่โฮซอกบอกเพราะว่าร่างเล็กมีโอกาสสูงที่จะหายจากอาการเหล่านี้

     

     

    แต่ก็นั่นล่ะ..

     

     

    ถ้านายพูดได้.. เสียงของนายจะเป็นแบบไหนนะ จะน่ารำคาญแบบเสียงร้องไห้หรือเปล่า

     

     

     “ฉันจะใจดีกับนายตามที่โฮซอกบอกก็ได้

     

     

    แต่ถ้าหายดีเมื่อไหร่… นายอย่าไปจากฉันนะ

     

     

    ซอกจินรู้สึกตัวตื่นขึ้นในเช้าของอีกวันบนเตียงนอนในห้องตัวเอง อาการไข้ที่สะสมมาหลายวันหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้พัดผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจเบาๆก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นว่าจองกุกกำลังนั่งจ้องตัวเองอยู่ตรงหน้า

     

    ตกใจทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหงุดงิดเมื่อเห็นท่าทีของซอกจินที่แสดงออกมาว่าตกใจยามเห็นหน้าเขา ร่างสูงนั่งลงข้างเตียงพลางเขยิบเข้าหาเด็กในปกครองช้าๆพร้อมกันนั้นที่ซอกจินก็ถดตัวหนีจนแผ่นหลังชิดไปกับหัวเตียง

     

     

    กลัวฉันเหรอ

     

     

    ใบหน้าหวานส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ ท่าทางที่ร่างเล็กแสดงออกมาก็ยิ่งทำให้จองกุกยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ถ้าไม่กลัวจะหลบสายตาทำไม แล้วปากนั่นยังเม้มเข้าหากันจนแน่นอีก

     

     

    เขามันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง

     

     

    รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปกินข้าว วันนี้โฮซอกจะมาหานาย

     

    ตากลมเกิดประกายสดใสขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินชื่อของใครคนหนึ่ง ปากอิ่มเผยยิ้มออกมาบางเบาพร้อมกับรีบตะกายลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ ท่าทางสดใสร่าเริงเหล่านั้นพาให้คนมองอย่างจองกุกขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์ ทีอยู่กับเขาล่ะทำหน้ายุ่ง ทีอยู่กับคนอื่นล่ะยิ้มได้ยิ้มดี

     

     

    น่ารำคาญ!

     

     

     

    พี่ชื่อปาร์คจีมินนะครับ

     

    ปากอิ่มส่งยิ้มบางเบาไปให้พี่ชายใจดีตรงหน้า อาโฮซอกบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นหมอที่จะมารักษาเขา ตอนแรกที่ได้รู้ก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะตลอดมาอาจองกุกกีดกันเรื่องนี้มาตลอด ไม่ยอมให้เขาเข้ารับการรักษาเพราะว่ามันไม่จำเป็นอะไร

     

     

     

    คนไร้ค่าอย่างนายถึงพูดได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก

     

     

     

    เขายังจำประโยคนั้นได้ดี ประโยคราบเรียบที่มาพร้อมกับสายตาเรียบนิ่ง ทว่ามันกลับกรีดลึกเข้าไปถึงหัวใจ

     

    อาจองกุกบอกว่าเขาเป็นตัวปัญหา เป็นเด็กไร้ค่าที่น่าสงสารก็เลยเลี้ยงเอาไว้ ไม่ได้รักแม้แต่นิดเดียว แต่ถึงอย่างนั้นซอกจินก็ไม่ได้โกรธหรือรู้สึกแย่อะไรกับคำพูดของอาจองกุกหรอก

     

     

    ก็เขารักอาจองกุกนี่นา

     

     

     

    ถ้าเราพูดได้เมื่อไหร่… ก็เรียกพี่ว่าพี่จีมินนะครับ

     

    หัวเล็กผงกขึ้นลงเป็นเชิงเข้าใจพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พี่ชายใจดีคนใหม่ ทางด้านคุณหมอหนุ่มก็ยื่นมือมาลูบผมนุ่มเบาๆอย่างนึกเอ็นดูปนสงสาร จริงอย่างที่รุ่นพี่โฮซอกบอก คิมซอกจินน่ะน่ารัก น่ารักมากเสียด้วย เขาได้รู้มาบ้างนิดหน่อยว่าชีวิตของเด็กคนนี้เป็นอย่างไรจากปากของโฮซอก ก็นึกโกรธจองกุกอยู่เหมือนกันในบางเรื่อง แต่คนนอกอย่างเขาคงทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากรักษา

     

     

     

    อ่าไม่สิ 

     

     

     

    เขาไม่ใช่คนนอกซักหน่อย

     

     

     

    สายตาเรียวคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยของคนไข้ของตัวเองพลางส่งยิ้มอบอุ่นไปให้

     

     

     

    ในที่สุด

     

     

     

    ในที่สุดเราก็ได้เจอกันซักที

     

     

     

     

    อะ แฮ่ม!

     

    เสียงทุ้มกระแอมไอขัดจังหวะบรรยากาศอบอุ่นเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นภายในบ้าน สายตาคมจ้องไปที่เด็กในปกครองอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรนักหนา เพิ่งรู้จักกันแท้ๆทำอย่างกับสนิทสนมกันมานานงั้นแหละ ทีกับเขาล่ะร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่เคยจะส่งยิ้มหวานๆให้หรอก

     

     

     

    ไม่มีหมอคนอื่นแล้วเหรอโฮซอก

     

    หลังจากลากเพื่อนออกมาในที่ลับตาคนได้จองกุกก็เอ่ยถามเสียงห้วน ทางด้านคนฟังที่ได้ยินคำถามนั้นก็หลุดขำออกมาเบาๆกับท่าทางขี้หวงคนเพื่อนที่กำลังแสดงออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันระวัง

     

    ก็ดูสิ ทั้งที่ยืนคุยกับเขาอยู่ตรงนี้ก็ยังไม่วายชะเง้อหน้าไปมองซอกจินที่กำลังนั่งหวีขนให้คุณนุ่มโดยมีจีมินเป็นคนช่วยอีกแรง

     

     

    มี แต่คนนี้เก่งสุด

     

     

    เก่งสุดก็ใช่ว่าจะรักษาให้หายได้นี่ เปลี่ยนคนรักษา ฉันไม่ชอบคนนี้

     

     

    โฮซอกแทบจะหลุดขำกับท่าทางเอาแต่ใจของเพื่อนตัวเอง ทั้งที่เป็นคนโทรไปบอกให้เขาพาหมอมารักษาซอกจินเองแท้ๆ แต่พอได้เจอหน้าจีมินจองกุกก็เหมือนจะเปลี่ยนใจไม่ให้ซอกจินเข้ารับการรักษาแถมยังส่งสายตาไม่พอใจไปให้รุ่นน้องของเขาอีก ดีที่จีมินเป็นคนไม่คิดอะไรบวกกับเขาเล่าให้จีมินฟังเอาไว้บ้างแล้วว่าจองกุกขี้หวงมากขนาดไหนจีมินก็คงจะระวังตัวเองอยู่บ้างแหละ

     

    แต่เขามารักษาซอกจิน ไม่ได้มารักษานาย นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าให้หาหมอเก่งๆมาให้ จีมินนี่ล่ะเก่งที่สุดแล้ว หรือนายไม่อยากให้ซอกจินหาย

     

     

    ก็ได้ งั้นฉันจะคอยดูว่าจะรักษาได้ดีแค่ไหน

     

     

    อ่า แล้วก็อีกอย่างนึง

     

     

    บอกเด็กของนายด้วยว่ามีหน้าที่รักษาก็รักษาไป และอย่าคิดทำอะไรที่มันเกินขอบเขต!”

     

    เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงห้วน ร่างสูงกระแทกเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านโดยไม่หันมามองต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองอารมณ์เสียแม้แต่น้อย

     

     

    ไม่มองหรอก..

     

     

    รำคาญสายตา!

     

     

     

     

    ตัวแค่นี้ทำอาหารเก่งจังเลยเรา

     

    ขายาวที่กำลังก้าวเดินชะงักหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากทางห้องครัว เรียวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อภาพตรงหน้าเป็นภาพของหมอหนุ่มคนเก่งของโฮซอกที่กำลังชิมอาหารฝีมือซอกจิน ตั้งแต่วันแรกที่มารักษาจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เห็นการรักษาที่เป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง วันๆเอาแต่เล่นแมวจนคุณนุ่มตัวช้ำ นั่งพูดนั่งคุยส่งยิ้มให้กันอยู่ได้ เป็นหมอมันว่างนักรึไง!

     

     

    อ้าว คุณจองกุกมาทำอะไรที่นี่คะ

     

     

    แอบมองอยู่ดีๆก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเสียงของสาวใช้นั้นเอ่ยทักมาจากทางด้านหลัง และแน่นอนว่าอีกสองชีวิตที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวก็ต้องได้ยินและหันมามอง ร่างสูงถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะตอบคำถามสาวใช้ออกไปเสียงเรียบ

     

     

    ฉันหิว

     

    งั้นรอซักเดี๋ยวนะคะ เดี๋ยวอิ่มตั้งโต๊ะให้

     

     

    เธอไม่ต้อง

     

     

    จองกุกเอ่ยเบรกได้ทันควันก่อนที่สาวใช้จะเดินไปจัดโต๊ะ ตาคมปรายมองไปยังร่างที่ยืนตาแป๋วอยู่ในครัวด้วยสายตาไม่สบอารมณ์พลางเอ่ยความต้องการของตัวเองออกไป

     

     

    ซอกจินรู้ว่าฉันชอบทานอะไร

     

     

    เพราะงั้น..”

     

     

    ให้ซอกจินทำแล้วเอาไปให้ฉันบนห้องทำงาน

     

     

    กล่าวจบขายาวก็ก้าวขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านและตรงเข้าไปรอที่ห้องทำงานทันที ทางด้านคนตัวเล็กก็ได้แต่ยืนทำหน้าแปลกใจอยู่อย่างนั้น เขารู้ว่าอาจองกุกชอบทานอะไร แต่อาจองกุกเคยทานอาหารฝีมือเขาที่ไหนล่ะ เคยทำไปให้ครั้งนึงแต่อาจองกุกก็บอกว่ามันสกปรกและไม่น่ากินเขาก็เลยไม่เขาก็เลยไม่ทำอีก

     

     

    แต่วันนี้มาขอให้ทำ

     

     

    แปลกแฮะ

     

     

     

     

     

    ก๊อกๆ

     

    เข้ามา

     

    มื้อกลางวันกลิ่นหอมฉุยถูกวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง ร่างเล็กมีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องอยู่ใกล้คนที่ชอบดุตัวเอง หลังจากวางอาหารเสร็จก็เตรีนมจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงดุๆของคนด้านหลัง

     

     

    เดี๋ยว

     

     

    รออยู่นี่ล่ะ ให้ฉันกินเสร็จแล้วนายค่อยไป จะได้เอาจานไปเก็บทีเดียว

     

     

    พยักหน้าเบาๆแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาภายในห้อง มือบางกำเข้าหากันแน่นอย่างเกร็งเมื่อระหว่างทานข้าวอาจองกุกก็จ้องเขาไม่หยุด แถมยังจ้องด้วยสายตาดุๆอีก

     

     

    หรือว่าอาหารที่เขาทำมันไม่ถูกปากก็เลยโกรธ

     

     

    แล้วจะดุอะไรเขารึเปล่านะ

     

     

    ว่าแต่ทำไมกินนานจัง.. หรือมันไม่อร่อยเลยต้องพยายามฝืนกินเข้าไปให้หมดๆ

     

     

    เสร็จแล้ว

     

    ร่างบางกระตุกตัวเฮือกอย่างตกใจเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น ค่อยๆเดินเข้าไปเก็บจานอาหารอย่างระมัดระวัง ยังไม่ทันที่มือจะแตะโดนจานอาหารเอวบางก็ถูกดึงลงไปนั่งบนตักของคนที่แก่กว่า

     

    ยิ่งจองกุกกระชับแขนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเกร็งมากเท่านั้น ระยะที่ใกล้เกินไปแบบนี้แม้แต่การหายใจยังลำบากเลย ใบหน้าหวานก้มงุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเม้มปากแน่นอย่างกังวล

     

     

    อาจองกุกต้องดุเขาเรื่องอาหารแน่ๆ

     

     

    ร้อนหรือไง

     

     

    มือหนาปาดเหงื่อที่ไหลอาบดวงหน้าหวานออกพร้อมกับเชยคางมนให้เงยขึ้นมาสบตาตัวเอง ยื่นมือไปดึงทิชชู่มาซับเหงื่อให้กับคนบนตักด้วยความอ่อนโยน แอร์ในห้องก็เย็นฉ่ำแต่ทำไมเหงื่อถึงได้แตกพลักแบบนี้กัน

     

     

    หมอของนายรักษาดีไหม

     

     

    เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ ทางด้านคนถูกถามก็เหมือนจะงงๆกับคำถามนั้นจึงชะงักนิ่งไปแต่ไม่นานร่างเล็กก็พยักหน้าตอบออกมาเบาๆ

     

     

    นายชอบเขารึเปล่า

     

     

    และแน่นอนว่าคำตอบของคิมซอกจินก็เป็นการพยักหน้าอีกเช่นเคย พี่จีมินนิสัยดี เขาชอบเล่นกับพี่จีมินที่สุด

     

    ร่างสูงเผลอถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแต่ก็ยังคงเก็บสีหน้าไม่พอใจเอาไว้อยู่ แขนแกร่งกระชับกอดที่เอวบางแน่นขึ้นจนร่างบางไหลเข้ามาชิดอก เชยคางมนให้เงยขึ้นมาสบตาตัวเองก่อนจะเอ่ยออกไปเสียงเข้ม

     

     

    ฉันไม่อนุญาตให้นายชอบเขา เข้าใจรึเปล่า

     

     

    คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างไม่เข้าใจกับคำสั่งที่ดูไร้เหตุผลของอาจองกุก นอกจากคุณนุ่มและพี่ๆในบ้านก็มีพี่จีมินอีกคนที่เขาชอบเล่นด้วย เขาจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มอาจองกุกก็ไม่อนุญาตงั้นเหรอ

     

     

    อาจองกุกใจร้าย

     

     

    เข้าใจไหมคิมซอกจิน

     

     

    ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงเป็นเชิงตอบ ถึงแม้อาจองกุกจะใจร้ายแต่เขาก็ไม่ดื้อกับอาจองกุกหรอก แม่บอกให้รักอาจองกุกมากๆ อย่าทำให้อาจองกุกเสียใจนี่นา

     

    เมื่อได้คำตอบที่พอใจจองกุกจึงยอมปล่อยให้คนบนตักเป็นอิสระ ร่างเล็กรีบผุดตัวลุกขึ้นอย่างไว เก็บจานอาหารแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันทีโดยไม่ได้สังเกตุเห็นว่าคนใจร้ายนั้นกำลังส่งยิ้มแบบไหนให้ตัวเองอยู่

     

     

     

     

    จีมินมองภาพวาดหลายสิบภาพในห้องวาดรูปของซอกจินอย่างอึ้งๆ พอรู้มาบ้างว่าซอกจินชอบวาดรูปเพราะพี่โฮซอกเล่าให้ฟังแต่ก็ไม่นึกว่าจะวาดได้สวยขนาดนี้ทั้งลายเส้น การลงสี การจัดวางองค์ประกอบภาพรวมถึงน้ำหนักมือ ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนเป็นฝีมือของจิตรกรเอก มันลงตัวและงดงามไปเสียหมดอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    และภาพทุกภาพล้วนเป็นภาพของคนๆเดียวในทุกอิริยาบถ แต่น่าแปลกที่สายตาของคนในภาพวาดนั้นเป็นสายตาอ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยเห็น คาดว่าซอกจินคงจินตนาการเอาล่ะมั้ง เพราะปกติเขาเห็นแต่สายตาดุดันจากคนๆนั้นอยู่ตลอด

     

     

    หรือว่าซอกจินเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นสายตาอ่อนโยนนั้นเขาก็ไม่แน่ใจ..

     

     

    รักคุณจองกุกมากเลยเหรอ

     

     

    ใบหน้าหวานพยักเบาๆเป็นเชิงตอบพลางหันมามองภาพวาดฝีมือตัวเองด้วยรอยยิ้มภูมิใจ ก็ทั้งชีวิตเขามีแค่อาจองกุก เขารักอาจองกุกแค่คนเดียวนี่นา

     

    แม่บอกให้รักอาจองกุกให้มากๆ อย่าดื้อกับอาจองกุก ซอกจินเป็นเด็กดีจึงเชื่อฟังแม่ทุกอย่างและทำตามเป็นอย่างดี ถึงแม้อาจองกุกจะเกลียดเขาก็เถอะ แต่ซักวันอาจองกุกคงจะรักเขาแบบที่ทุกคนรัก

     

     

    ซอกจินเชื่ออย่างนั้น

     

     

    และอีกอย่างนึง ซอกจินชอบภาพวาดพวกนี้ที่สุดเลยนะ เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ดีและได้รับคำชมจากอาจองกุก

     

     

    อาจองกุกบอกว่าเขาวาดรูปสวย

     

     

    วาดสวยจัง วาดให้พี่หมอจีมินบ้างได้ไหม

     

    ซอกจินหันมามองหน้าจีมินอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ นอกจากอาจองกุกเขาก็ชอบพี่จีมินเหมือนกัน ถ้าเขาวาดรูปสวยๆให้พี่หมอจีมินซักรูปอาจองกุกคงไม่ว่าหรอกมั้ง

     

     

     

    นั่นอะไร

     

    จองกุกมองสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังร่างเล็กก่อนจะเงยหน้ามองซอกจินที่มีสีหน้าซีดเผือดเหมือนกับกลัวความผิดอะไรบางอย่าง มือหน้ายื่นไปด้านหน้าเป็นเชิงบอกให้ร่างเล็กส่งสิ่งที่ซ่อนเอาไว้มาให้ ตากลมหลุบมองพื้นอย่างไม่กล้าสู้สายตาพร้อมกับถดตัวหนีช้าๆอย่างหวาดกลัว

     

    วันนี้พี่จีมินจะมาบ้าน เขาต้องเอาภาพวาดไปให้พี่จีมิน แต่ก็ไม่นึกว่าอาจองกุกจะเดินเข้ามาในห้องวาดภาพและเห็นตอนที่เขากำลังม้วนเก็บภาพนั้นลงกระบอก ถ้าอาจองกุกรู้ว่าเขาวาดรูปพี่จีมินจะต้องโกรธแน่ๆ

     

     

    เพราะงั้น

     

     

    ให้รู้ไม่ได้หรอก

     

     

    ร่างเล็กถอยหนีช้าๆพลางเม้มปากแน่น หัวสมองขบคิดวิธีหนีไปจากสถานการณ์อึดอัดในตอนนี้แต่ก็คิดไม่ออกเพราะมันว้าวุ่นจนเกินไป อาจองกุกทำให้เขากดดันไปหมด

     

     

    อย่าดื้อกับฉัน!”

     

     

    ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม เพราะทนแรงกดดันไม่ไหวสุดท้ายจึงต้องยอมยื่นภาพวาดในมือส่งไปให้ จองกุกมองรูปในมือก่อนจะเงยหน้ามองซอกจินที่ยืนตัวเกร็งอยู่ตรงหน้า

     

     

    แควก!

     

    ภาพวาดถูกฉีกออกต่อหน้าต่อตาด้วยมือหนาและปาลงพื้นอย่างไม่ใยดี

     

     

    ไร้สาระ ฉันให้นายรักษาตัว ไม่ได้ให้ไปอ่อยหมอ!”

     

     

    ใบหน้าหวานส่ายหน้าปฏิเสธในสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้ เขาแค่วาดภาพให้พี่จีมิน ไม่ได้ทำสิ่งที่อาจองกุกเข้าใจซักหน่อย และทำไมต้องใจร้ายฉีกภาพที่เขาตั้งใจวาดด้วย

     

    ร่างเล็กย่อตัวลงหยิบเศษภาพวาดทั้งน้ำตา การกระทำที่ดูอาลัยอาวรณ์นั้นก็ยิ่งเรียกอารมณ์เดือดดาลให้พุ่งสูงยิ่งกว่าเก่า มือหนากระชากเศษกระดาษออกจากมือร่างเล็กแล้วปาลงพื้นอย่างสะใจโดยไม่สนใจว่าคนถูกกระทำนั้นร้องไห้หนักขนาดไหน

     

     

    เขาเสียใจ อาจองกุกใจร้าย

     

     

    ใจร้ายที่สุด

     

     

    แล้วร้องไห้ทำไมฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบน้ำตาของนาย!” 

     

    ไหล่บางถูกบีบแน่นจนร่างบางนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมสวยก็มีแต่สายตาตัดพ้อระคนเสียใจอยู่เต็มไปหมดจนพาให้ใจวูบไหว ภาพของซอกจินที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจทำให้สติที่หลุดไปเมื่อครู่นั้นกลับมาอีกครั้ง

     

    กำลังจะยื่นมือไปปาดน้ำตาออกให้แต่กลับถูกปัดออกอย่างไม่ใยดี ร่างเล็กสะบัดตัวออกพร้อมกับวิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตาโดยไม่ฟังเสียงดุของคนด้านหลังที่เอ่ยเรียกเอาไว้

     

     

    ซอกจิน!”

     

    จองกุกกำหมัดแน่นอย่างกรุ่นโกรธ นั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กนั่นเดินหนีเขา ซอกจินไม่เคยดื้อกับเขาอย่างนี้มาก่อน แต่พอมีคนที่ชื่อปาร์คจีมินเข้ามาซอกจินก็เริ่มดื้อกับเขา

     

     

    เพราะมัน

     

     

    เป็นเพราะมัน!

     

     

     

     

    เพียะ!

     

    โฮซอกยกมือขึ้นตบจองกุกอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ เขามาถึงที่นี่ก็เห็นซอกจินวิ่งร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร และต้นเหตุคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากเพื่อนของเขา

     

     “ชอบรึไงที่เห็นซอกจินร้องไห้น่ะ!”

     

    โฮซอกเอ่ยถามอย่างโมโห เขาไม่เข้าใจอารมณ์จองกุกซักนิด กับอีแค่ซอกจินวาดรูปคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองจะต้องโมโหและฉีกทิ้งขนาดนี้เลยหรือไงกัน

     

     

    เด็กนี่เป็นของฉัน ฉันจะทำยังไงก็ได้

     

     

    ถ้ายังทำตัวแบบนี้ก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเถอะจองกุก เพราะนอกจากนายแล้วยังมีคนที่พร้อมดูแลซอกจินเสมอ คนที่ดีกว่านายร้อยเท่าพันเท่า

     

     

    อย่าเพ้อเจ้อได้ไหม เด็กอย่างนั้นจะมีใครอยากได้

     

     

    คนที่รักซอกจินไม่ว่าซอกจินจะเป็นแบบไหนยังไงล่ะ และถ้านายยังทำตัวแบบนี้ก็เตรียมตัวเสียเขาไปได้เลยจองกุก

     

     

     “นายขู่ฉันเหรอโฮซอก!”

     

     

    จะลองดูก็ได้

     

    โฮซอกกระตุกยิ้มเยาะออกมาเมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวายใจของจองกุก หลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ให้เพื่อนเสร็จก็เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันไปมองซักนิดว่าเพื่อนตัวเองมีท่าทีกระวนกระวายใจแค่ไหน

     

    มือหนากำเข้าหากันแน่นอย่างโมโหกับประโยคบอกเล่าแกมขู่ที่เพื่อนทิ้งเอาไว้ให้ จะไม่มีใครมาเอาเด็กนี่ไปจากเขาได้ทั้งนั้น!

     

     

    ซอกจินเป็นของเขา

     

     

    ต้องอยู่กับเขา

     

     

    ต้องรักแค่เขา

     

     

    มีเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!







    #shotbts






    มาเกินด้วยค่ะรอบนี้ ย้ำอีกครั้งค่ะว่าเรื่องนี้เคะท้องได้ กรั่กๆ




    **โรค PTSD (Post – Traumatric Stress Disorder ) คือโรคที่มีอาการเครียดและเจ็บป่วยหลังจากเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรงอันได้แก่ การฆาตกรรม การก่อการร้าย การลักพาตัว ข่มขู่  การถูกข่มขืน การถูกทำร้ายทารุณอย่างรุนแรง สงคราม  การสูญเสียคนที่รักจากเหตุการณ์สะเทือนใจหรือเหตุการณ์อื่นๆที่เลวร้าย ซึ่งอาการของโรคนี้ก็อย่างเช่นการปิดกั้นการรับรู้ต่างๆ อาจมีอาการทางจิต อาการวิตกกังวล หวาดกลัว ซึมเศร้า หรือบางรายอาจพูดไม่ได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด วิธีการรักษาก็คือการพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการบำบัด ในบางคนก็บำบัดด้วยสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมว อะไรเทือกนี้ค่ะ

    **มาบอกเป็นความรู้ค่ะ เผื่อใครอยากเอาโรคนี้ไปเขียนฟิคบ้าง กรั่กๆ



    เล่นแท็กได้นะคะ ขอบคุณค่ะ



    B
    E
    R
    L
    I
    N
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×