คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : SF : You Are My Sunshine. KookJin. EP 01 150%
“เป็นไงบ้างเรา ไข้ลดลงแล้วนี่”
ร่างของคุณหมอโฮซอกทิ้งตัวลงบนเตียงพลางคลำไปที่หน้าผากคนป่วยเบาๆเพื่อวัดไข้
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขากลับมาที่บ้านหลังนี้เพื่อมาดูอาการของซอกจิน
รอยยิ้มบางๆจากคนป่วยนั้นเป็นตัวบอกได้ดีว่าเจ้าตัวนั้นอาการดีขึ้นมาก
ริมฝีปากและใบหน้าที่ก่อนหน้านี้ซีดเผือดไร้สีเลือดกลับเริ่มขึ้นสีแดงเรื่อของเลือดฝาด
รวมถึงอุณหภูมิร่างกายที่เย็นลงแล้วก็ช่วยให้เขาเบาใจไปได้บ้างว่าซอกจินคงจะหายดีในอีกไม่ช้า
“ข้อมือเป็นไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”
ใบหน้าหวานส่ายเบาๆเพื่อบอกว่าไม่เจ็บ
โฮซอกยื่นมือไปลูบผมนุ่มเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนจะหันไปหยิบหลอดยาเพื่อมาทาให้อีกรอบ
แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าขนาดของหลอดยานั้นฟีบลง
เกิดรอยยิ้มบางๆที่ริมฝีปากของคุณหมอเมื่อรู้ว่าสาเหตุนั้นเกิดมาจากอะไร
ปากบอกไม่รักไม่สนใจแต่ก็ตามมาดูแลทั้งคืนสิท่า
คนป่วยของเขาถึงได้หายป่วยไวอย่างนี้
“ดูอาการเสร็จก็ออกมาได้แล้ว”
เสียงเข้มของเจ้าของบ้านเอ่ยบอกเพื่อนสนิทพลางขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่ชอบใจเมื่อเห็นท่าทางของคิมซอกจินที่แตกต่างจากตอนที่อยู่กับตัวเอง
ทีอยู่กับเขาล่ะทำหน้ายุ่ง พออยู่กับคนอื่นไม่รู้จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรนักหนา
น่ารำคาญ
“วันนี้อาโฮซอกพาเพื่อนมาด้วยนะ”
“ใคร”
ประโยคที่ตั้งใจจะคุยกันแค่สองคนนั้นดังไปถึงหูของบุคคลที่สามที่นั่งอยู่ในห้อง
จองกุกลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาหาคนทั้งคู่
สายตาคมจ้องไปที่เพื่อนสนิทอย่างต้องการคำตอบที่ตัวเองสงสัย
เขาไม่เข้าใจว่าโฮซอกจะบอกซอกจินทำไมว่าตัวเองพาเพื่อนมาด้วย
และเขาก็ไม่รู้ซักนิดว่าเพื่อนคนนั้นคือใคร
แต่มาบอกอย่างนี้เหมือนต้องการให้ซอกจินรู้จักไปด้วยงั้นแหละ
“รุ่นน้องฉัน
เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับโรค PTSD ที่ซอกจินเป็น”
“เอามาทำไม ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่จำเป็นต้องรักษา! หรือว่านายอยาก!”
เสียงเข้มเอ่ยลั่นห้องพลางหันไปมองยังคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาดุๆ
ปากอิ่มเม้มแน่นพลางก้มหน้าเพื่อหลบสายตาดุดันคู่นั้น อาจองกุกจะถามเขาทำไมล่ะ
ตั้งแต่เล็กจนโตเขาเคยตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยตัวเองเสียที่ไหน
มีแต่ถูกบังคับกับถูกปฏิเสธเท่านั้นล่ะ
“ออกมาคุยกับฉันข้างนอก”
มือบางจับแขนเพื่อนสนิทแล้วออกแรงลากออกมาจนถึงหน้าประตูบ้านเพื่อที่จะคุยได้สะดวก
แค่น้ำเสียงตะคอกของเพื่อนเขาเมื่อกี้ซอกจินก็กลัวจนก้มหน้างุด
ถ้าขืนยืนคุยในห้องนั้นจองกุกคงจะโวยวายแล้วพูดประโยคเสียดแทงหัวใจจนซอกจินร้องไห้อีกแน่
“เอาหมอของนายกลับไปแล้วอย่าพามาที่นี่อีก”
“นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย”
“ฉันเคยบอกไปแล้วไงว่าไม่ต้องรักษา
ซอกจินเป็นของฉัน ฉันจะทำยังไงกับเด็กคนนี้ก็ได้”
“นายแค่เลี้ยงมาแต่นายไม่ใช่เจ้าของชีวิตของเขา
ซอกจินจำเป็นต้องได้รับการรักษานะ”
“แต่ฉันไม่อนุญาต!”
“หวงงั้นสิ”
ประโยคล่าสุดจากเพื่อนสนิททำให้จองกุกนิ่งงันไปชั่วครู่
“นายไม่ยอมให้ซอกจินออกไปไหน
ไม่ยอมให้รู้จักใคร ไม่แม้แต่จะให้ใครแตะต้อง”
“ปิดกั้นทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมกับสร้างโลกจอมปลอมให้เขา
โลกทั้งใบของคิมซอกจินที่มีแค่นาย”
“ทั้งๆที่อาการของซอกจินสามารถรักษาให้หายได้แต่นายก็ไม่ทำ”
“เหอะ… เพราะนายกลัวว่าถ้าหากซอกจินพูดได้เขาจะไปจากนายใช่ไหม”
“นายกลัวว่าซอกจินจะไปจากนายเหมือนแม่ของเขาใช่ไหมล่ะ”
จองโฮซอกพูดอะไรเขาไม่เข้าใจซักนิด
เขาไม่ได้เป็นอย่างที่โฮซอกพูดเสียหน่อย หวงงั้นเหรอ
จะต้องหวงไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้รักเด็กนั่น
ที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็ดูแลตามที่แม่ของซอกจินขอเอาไว้ต่างหาก
ลำพังแค่งานที่ทำมันก้หนักพออยู่แล้วและเขาต้องมาดูแลเด็กป่วยนี่อีก ให้ที่หลับที่นอนพร้อมอาหาร
ให้ทุกสิ่งทุกอย่างขนาดนี้ยังจะต้องการอะไรจากเขาอีก
ความรักงั้นเหรอ…
เขาไม่มีวันรักเด็กน่ารำคาญนี่หรอก!
ไร้สาระสิ้นดี..
“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้วโฮซอก”
“เอาเถอะ
ฉันก็ไม่รู้นะจองกุกว่านายทำแบบนี้ลงไปเพื่ออะไร แต่ชีวิตของซอกจินจะมีแค่นายคนเดียวตลอดไปไม่ได้”
“ทำไมจะไม่ได้
ตั้งแต่เล็กจนโตฉันเลี้ยงของฉันมาแบบนี้ก็ไม่เห็นว่าเด็กนั่นจะลำบากตรงไหน”
“ฉันถามจริงๆเถอะ.. นายรักซอกจินบ้างหรือเปล่า”
ประโยคคำถามที่มาพร้อมกับสายตาคาดคั้นทำให้คนถูกถามต้องเสมองไปทางอื่น
ทางด้านโฮซอกที่เห็นอาการของเพื่อนตัวเองก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจ
เขาไม่เข้าใจว่าถ้าไม่รักแล้วยังจะหวงไว้กับตัวทำไม
ปากบ่นว่าเป็นภาระว่าน่ารำคาญแต่พอเขาจะเอาไปตัวเองกลับไม่ยอมยกให้
จริงอยู่ที่คิมซอกจินไม่ใช่สิ่งของที่ใครนึกอยากได้ก็จะมาขอกันง่ายๆ
แต่ถ้าอยากมีเอาไว้ทำไมไม่ดูแลให้ดี
ดูเหมือนว่าจองกุกจะไม่ได้สนใจคำพูดของเขาเลย
แล้วยังทำทีเดินหนีออกไปอีกทางเหมือนกับต้องการหนีคำถามที่ตัวเองไม่อยากตอบ
แต่แล้วขายาวก็ต้องหยุดเมื่อเพื่อนตัวเล็กได้เอ่ยอะไรบางอย่างต่อมาอีก
“ถ้าไม่รัก..”
“ช่วยสงสารบ้างก็ยังดี”
“เด็กคนนี้ไม่เหลือใครแล้วนายก็รู้”
23.48
ตกดึกร่างสูงก็เดินมาที่เรือนหลังเล็กอีกครั้งเพื่อมาดูอาการของคนป่วย
ตั้งแต่คุยกับโฮซอกเสร็จเขาก็ขึ้นไปหมกตัวอยู่บนห้องทำงานอยู่นานเลยไม่รู้ว่าอาการของซอกจินเป็นยังไงบ้าง
และเหมือนโฮซอกจะโกรธเขาเรื่องซอกจินด้วยล่ะมั้งเลยไม่เดินขึ้นมาบอก
ก็ไม่ได้เป็นห่วงหรอก
ก็แค่กลัวว่าจะป่วยหนักกว่าเดิมแล้วจะเป็นภาระให้เขาต่างหากล่ะ
ส่วนโฮซอกก็เหมือนกัน
ไม่รู้ว่าจะไปแคร์เด็กน่ารำคาญนี่ทำไมนักหนา
ขายาวก้าวผ่านความมืดเข้ามาภายในห้องนอน
ไฟตรงระเบียงที่ส่องผ่านม่านเข้ามาช่วยทำให้การมองเห็นในความมืดนั้นง่ายขึ้น
กวาดสายตาไปทั่วห้องจนพบเข้ากับร่างที่นอนซุกผ้าห่มอยู่บนเตียง
จังหวะหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอเป็นตัวบอกได้ดีว่าคิมซอกจินหลับไปแล้ว
และหลับสนิทเสียด้วย…
สะโพกสอบทิ้งน้ำหนักลงบนเตียงแผ่วเบาเพราะกลัวว่าจะทำให้อีกคนตื่น
ร่างสูงโปร่งค่อยๆขยับตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอน เอนหลังพิงกับหัวเตียงทีละน้อย
ใช้หลังมือแตะอังไปที่หน้าผากของคนหลับเบาๆเพื่อเช็คอุณหภูมิไข้
ตัวก็ไม่ร้อนอะไรแถมผิวที่เคยขาวซีดนั้นก็เริ่มขึ้นเลือดฝาดชมพูระเรื่อจึงไม่มีอะไรน่าห่วง
ไล้นิ้วไปตามโครงหน้าหวานแผ่วเบาพลางจดจ้องทุกองค์ประกอบบนใบหน้าหวานด้วยสายตาที่สับสน
เปลือกตาสีอ่อนที่ปิดซ่อนแววตาหวาดกลัวเอาไว้
จมูกโด่งรั้นที่มักจะแดงทุกครั้งยามร้องไห้
ปากอิ่มสวยที่ชอบเม้มแน่นยามถูกเขาดุ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคิมซอกจินมันคือสิ่งน่ารำคาญ
ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาหรือเสียงสะอื้น รอยยิ้มหวานๆที่ถูกส่งให้คนอื่นที่ไม่ใช่เขา
การกระทำเงอะงะที่ชอบสร้างปัญหา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นคิมซอกจินมันคือสิ่งที่เขาเกลียดแสนเกลียด
เห็นไหม… ก็บอกแล้วว่าไม่ได้รัก
เมื่อคนหลับเปลี่ยนท่านอนเป็นการนอนตะแคงหันไปทางอื่นจองกุกจึงยื่นแขนไปเกี่ยวร่างเล็กให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด
ให้มานอนใกล้ๆกัน..
กลิ่นหอมอ่อนๆของร่างเล็กทำให้จมูกโด่งอดไม่ได้ที่จะก้มลงจรดริมฝีปากบนพวงแก้มนิ่มเบาๆ
“อยากหาหมอแบบที่โฮซอกบอกไหม”
กระซิบถามออกไปแผ่วพลางจดจ้องดวงหน้าสวยอย่างไม่ละสายตาไปไหน
เขารู้ว่าคิมซอกจินควรได้รับการรักษาตามที่โฮซอกบอกเพราะว่าร่างเล็กมีโอกาสสูงที่จะหายจากอาการเหล่านี้
แต่ก็นั่นล่ะ..
“ถ้านายพูดได้.. เสียงของนายจะเป็นแบบไหนนะ จะน่ารำคาญแบบเสียงร้องไห้หรือเปล่า”
“ฉันจะใจดีกับนายตามที่โฮซอกบอกก็ได้”
“แต่ถ้าหายดีเมื่อไหร่… นายอย่าไปจากฉันนะ”
ซอกจินรู้สึกตัวตื่นขึ้นในเช้าของอีกวันบนเตียงนอนในห้องตัวเอง
อาการไข้ที่สะสมมาหลายวันหายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้พัดผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นนั่งพลางบิดขี้เกียจเบาๆก่อนจะสะดุ้งตกใจเมื่อเห็นว่าจองกุกกำลังนั่งจ้องตัวเองอยู่ตรงหน้า
“ตกใจทำไม” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหงุดงิดเมื่อเห็นท่าทีของซอกจินที่แสดงออกมาว่าตกใจยามเห็นหน้าเขา
ร่างสูงนั่งลงข้างเตียงพลางเขยิบเข้าหาเด็กในปกครองช้าๆพร้อมกันนั้นที่ซอกจินก็ถดตัวหนีจนแผ่นหลังชิดไปกับหัวเตียง
“กลัวฉันเหรอ”
ใบหน้าหวานส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
ท่าทางที่ร่างเล็กแสดงออกมาก็ยิ่งทำให้จองกุกยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
ถ้าไม่กลัวจะหลบสายตาทำไม แล้วปากนั่นยังเม้มเข้าหากันจนแน่นอีก
เขามันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือไง
“รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปกินข้าว
วันนี้โฮซอกจะมาหานาย”
ตากลมเกิดประกายสดใสขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินชื่อของใครคนหนึ่ง
ปากอิ่มเผยยิ้มออกมาบางเบาพร้อมกับรีบตะกายลงจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ
ท่าทางสดใสร่าเริงเหล่านั้นพาให้คนมองอย่างจองกุกขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์
ทีอยู่กับเขาล่ะทำหน้ายุ่ง ทีอยู่กับคนอื่นล่ะยิ้มได้ยิ้มดี
น่ารำคาญ!
“พี่ชื่อปาร์คจีมินนะครับ”
ปากอิ่มส่งยิ้มบางเบาไปให้พี่ชายใจดีตรงหน้า
อาโฮซอกบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นหมอที่จะมารักษาเขา
ตอนแรกที่ได้รู้ก็แปลกใจนิดหน่อยเพราะตลอดมาอาจองกุกกีดกันเรื่องนี้มาตลอด
ไม่ยอมให้เขาเข้ารับการรักษาเพราะว่ามันไม่จำเป็นอะไร
‘คนไร้ค่าอย่างนายถึงพูดได้ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก’
เขายังจำประโยคนั้นได้ดี
ประโยคราบเรียบที่มาพร้อมกับสายตาเรียบนิ่ง ทว่ามันกลับกรีดลึกเข้าไปถึงหัวใจ
อาจองกุกบอกว่าเขาเป็นตัวปัญหา
เป็นเด็กไร้ค่าที่น่าสงสารก็เลยเลี้ยงเอาไว้ ไม่ได้รักแม้แต่นิดเดียว
แต่ถึงอย่างนั้นซอกจินก็ไม่ได้โกรธหรือรู้สึกแย่อะไรกับคำพูดของอาจองกุกหรอก
ก็เขารักอาจองกุกนี่นา…
“ถ้าเราพูดได้เมื่อไหร่… ก็เรียกพี่ว่าพี่จีมินนะครับ”
หัวเล็กผงกขึ้นลงเป็นเชิงเข้าใจพร้อมกับส่งยิ้มไปให้พี่ชายใจดีคนใหม่
ทางด้านคุณหมอหนุ่มก็ยื่นมือมาลูบผมนุ่มเบาๆอย่างนึกเอ็นดูปนสงสาร จริงอย่างที่รุ่นพี่โฮซอกบอก
คิมซอกจินน่ะน่ารัก น่ารักมากเสียด้วย
เขาได้รู้มาบ้างนิดหน่อยว่าชีวิตของเด็กคนนี้เป็นอย่างไรจากปากของโฮซอก
ก็นึกโกรธจองกุกอยู่เหมือนกันในบางเรื่อง
แต่คนนอกอย่างเขาคงทำอะไรไม่ได้หรอกนอกจากรักษา
อ่า…ไม่สิ
เขาไม่ใช่คนนอกซักหน่อย
สายตาเรียวคมจ้องมองไปที่ใบหน้าสวยของคนไข้ของตัวเองพลางส่งยิ้มอบอุ่นไปให้
ในที่สุด…
ในที่สุดเราก็ได้เจอกันซักที
อะ แฮ่ม!
เสียงทุ้มกระแอมไอขัดจังหวะบรรยากาศอบอุ่นเล็กๆที่ก่อตัวขึ้นภายในบ้าน
สายตาคมจ้องไปที่เด็กในปกครองอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรนักหนา
เพิ่งรู้จักกันแท้ๆทำอย่างกับสนิทสนมกันมานานงั้นแหละ
ทีกับเขาล่ะร้องไห้สะอึกสะอื้น ไม่เคยจะส่งยิ้มหวานๆให้หรอก
“ไม่มีหมอคนอื่นแล้วเหรอโฮซอก”
หลังจากลากเพื่อนออกมาในที่ลับตาคนได้จองกุกก็เอ่ยถามเสียงห้วน
ทางด้านคนฟังที่ได้ยินคำถามนั้นก็หลุดขำออกมาเบาๆกับท่าทางขี้หวงคนเพื่อนที่กำลังแสดงออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่ทันระวัง
ก็ดูสิ
ทั้งที่ยืนคุยกับเขาอยู่ตรงนี้ก็ยังไม่วายชะเง้อหน้าไปมองซอกจินที่กำลังนั่งหวีขนให้คุณนุ่มโดยมีจีมินเป็นคนช่วยอีกแรง
“มี แต่คนนี้เก่งสุด”
“เก่งสุดก็ใช่ว่าจะรักษาให้หายได้นี่
เปลี่ยนคนรักษา ฉันไม่ชอบคนนี้”
โฮซอกแทบจะหลุดขำกับท่าทางเอาแต่ใจของเพื่อนตัวเอง
ทั้งที่เป็นคนโทรไปบอกให้เขาพาหมอมารักษาซอกจินเองแท้ๆ แต่พอได้เจอหน้าจีมินจองกุกก็เหมือนจะเปลี่ยนใจไม่ให้ซอกจินเข้ารับการรักษาแถมยังส่งสายตาไม่พอใจไปให้รุ่นน้องของเขาอีก
ดีที่จีมินเป็นคนไม่คิดอะไรบวกกับเขาเล่าให้จีมินฟังเอาไว้บ้างแล้วว่าจองกุกขี้หวงมากขนาดไหนจีมินก็คงจะระวังตัวเองอยู่บ้างแหละ
“แต่เขามารักษาซอกจิน ไม่ได้มารักษานาย
นายเป็นคนบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าให้หาหมอเก่งๆมาให้ จีมินนี่ล่ะเก่งที่สุดแล้ว
หรือนายไม่อยากให้ซอกจินหาย”
“ก็ได้
งั้นฉันจะคอยดูว่าจะรักษาได้ดีแค่ไหน”
“อ่า แล้วก็อีกอย่างนึง”
“บอกเด็กของนายด้วยว่ามีหน้าที่รักษาก็รักษาไป
และอย่าคิดทำอะไรที่มันเกินขอบเขต!”
เสียงทุ้มเอ่ยบอกเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงห้วน
ร่างสูงกระแทกเท้าเดินขึ้นไปยังชั้นบนของบ้านโดยไม่หันมามองต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองอารมณ์เสียแม้แต่น้อย
ไม่มองหรอก..
รำคาญสายตา!
“ตัวแค่นี้ทำอาหารเก่งจังเลยเรา”
ขายาวที่กำลังก้าวเดินชะงักหยุดอยู่กับที่เมื่อได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากทางห้องครัว
เรียวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อภาพตรงหน้าเป็นภาพของหมอหนุ่มคนเก่งของโฮซอกที่กำลังชิมอาหารฝีมือซอกจิน
ตั้งแต่วันแรกที่มารักษาจนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เห็นการรักษาที่เป็นชิ้นเป็นอันซักอย่าง
วันๆเอาแต่เล่นแมวจนคุณนุ่มตัวช้ำ นั่งพูดนั่งคุยส่งยิ้มให้กันอยู่ได้
เป็นหมอมันว่างนักรึไง!
“อ้าว คุณจองกุกมาทำอะไรที่นี่คะ”
แอบมองอยู่ดีๆก็ต้องสะดุ้งตกใจเมื่อเสียงของสาวใช้นั้นเอ่ยทักมาจากทางด้านหลัง
และแน่นอนว่าอีกสองชีวิตที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวก็ต้องได้ยินและหันมามอง
ร่างสูงถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะตอบคำถามสาวใช้ออกไปเสียงเรียบ
“ฉันหิว”
“งั้นรอซักเดี๋ยวนะคะ
เดี๋ยวอิ่มตั้งโต๊ะให้”
“เธอไม่ต้อง”
จองกุกเอ่ยเบรกได้ทันควันก่อนที่สาวใช้จะเดินไปจัดโต๊ะ
ตาคมปรายมองไปยังร่างที่ยืนตาแป๋วอยู่ในครัวด้วยสายตาไม่สบอารมณ์พลางเอ่ยความต้องการของตัวเองออกไป
“ซอกจินรู้ว่าฉันชอบทานอะไร”
“เพราะงั้น..”
“ให้ซอกจินทำแล้วเอาไปให้ฉันบนห้องทำงาน”
กล่าวจบขายาวก็ก้าวขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านและตรงเข้าไปรอที่ห้องทำงานทันที
ทางด้านคนตัวเล็กก็ได้แต่ยืนทำหน้าแปลกใจอยู่อย่างนั้น
เขารู้ว่าอาจองกุกชอบทานอะไร แต่อาจองกุกเคยทานอาหารฝีมือเขาที่ไหนล่ะ
เคยทำไปให้ครั้งนึงแต่อาจองกุกก็บอกว่ามันสกปรกและไม่น่ากินเขาก็เลยไม่เขาก็เลยไม่ทำอีก
แต่วันนี้มาขอให้ทำ
แปลกแฮะ
ก๊อกๆ
“เข้ามา”
มื้อกลางวันกลิ่นหอมฉุยถูกวางลงบนโต๊ะอย่างระมัดระวัง
ร่างเล็กมีอาการเกร็งอย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องอยู่ใกล้คนที่ชอบดุตัวเอง
หลังจากวางอาหารเสร็จก็เตรีนมจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยเสียงดุๆของคนด้านหลัง
“เดี๋ยว”
“รออยู่นี่ล่ะ ให้ฉันกินเสร็จแล้วนายค่อยไป
จะได้เอาจานไปเก็บทีเดียว”
พยักหน้าเบาๆแล้วเดินไปนั่งรอที่โซฟาภายในห้อง
มือบางกำเข้าหากันแน่นอย่างเกร็งเมื่อระหว่างทานข้าวอาจองกุกก็จ้องเขาไม่หยุด
แถมยังจ้องด้วยสายตาดุๆอีก
หรือว่าอาหารที่เขาทำมันไม่ถูกปากก็เลยโกรธ
แล้วจะดุอะไรเขารึเปล่านะ
ว่าแต่ทำไมกินนานจัง.. หรือมันไม่อร่อยเลยต้องพยายามฝืนกินเข้าไปให้หมดๆ
“เสร็จแล้ว”
ร่างบางกระตุกตัวเฮือกอย่างตกใจเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
ค่อยๆเดินเข้าไปเก็บจานอาหารอย่างระมัดระวัง
ยังไม่ทันที่มือจะแตะโดนจานอาหารเอวบางก็ถูกดึงลงไปนั่งบนตักของคนที่แก่กว่า
ยิ่งจองกุกกระชับแขนมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเกร็งมากเท่านั้น
ระยะที่ใกล้เกินไปแบบนี้แม้แต่การหายใจยังลำบากเลย
ใบหน้าหวานก้มงุดไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับเม้มปากแน่นอย่างกังวล
อาจองกุกต้องดุเขาเรื่องอาหารแน่ๆ
“ร้อนหรือไง”
มือหนาปาดเหงื่อที่ไหลอาบดวงหน้าหวานออกพร้อมกับเชยคางมนให้เงยขึ้นมาสบตาตัวเอง
ยื่นมือไปดึงทิชชู่มาซับเหงื่อให้กับคนบนตักด้วยความอ่อนโยน
แอร์ในห้องก็เย็นฉ่ำแต่ทำไมเหงื่อถึงได้แตกพลักแบบนี้กัน
“หมอของนายรักษาดีไหม”
เอ่ยถามออกไปเสียงเรียบ ทางด้านคนถูกถามก็เหมือนจะงงๆกับคำถามนั้นจึงชะงักนิ่งไปแต่ไม่นานร่างเล็กก็พยักหน้าตอบออกมาเบาๆ
“นายชอบเขารึเปล่า”
และแน่นอนว่าคำตอบของคิมซอกจินก็เป็นการพยักหน้าอีกเช่นเคย
พี่จีมินนิสัยดี เขาชอบเล่นกับพี่จีมินที่สุด
ร่างสูงเผลอถอนหายใจออกมาแผ่วเบาแต่ก็ยังคงเก็บสีหน้าไม่พอใจเอาไว้อยู่
แขนแกร่งกระชับกอดที่เอวบางแน่นขึ้นจนร่างบางไหลเข้ามาชิดอก
เชยคางมนให้เงยขึ้นมาสบตาตัวเองก่อนจะเอ่ยออกไปเสียงเข้ม
“ฉันไม่อนุญาตให้นายชอบเขา
เข้าใจรึเปล่า”
คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเป็นปมอย่างไม่เข้าใจกับคำสั่งที่ดูไร้เหตุผลของอาจองกุก
นอกจากคุณนุ่มและพี่ๆในบ้านก็มีพี่จีมินอีกคนที่เขาชอบเล่นด้วย
เขาจะมีเพื่อนเล่นเพิ่มอาจองกุกก็ไม่อนุญาตงั้นเหรอ
อาจองกุกใจร้าย…
“เข้าใจไหมคิมซอกจิน”
ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงเป็นเชิงตอบ
ถึงแม้อาจองกุกจะใจร้ายแต่เขาก็ไม่ดื้อกับอาจองกุกหรอก แม่บอกให้รักอาจองกุกมากๆ
อย่าทำให้อาจองกุกเสียใจนี่นา
เมื่อได้คำตอบที่พอใจจองกุกจึงยอมปล่อยให้คนบนตักเป็นอิสระ
ร่างเล็กรีบผุดตัวลุกขึ้นอย่างไว เก็บจานอาหารแล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันทีโดยไม่ได้สังเกตุเห็นว่าคนใจร้ายนั้นกำลังส่งยิ้มแบบไหนให้ตัวเองอยู่
จีมินมองภาพวาดหลายสิบภาพในห้องวาดรูปของซอกจินอย่างอึ้งๆ
พอรู้มาบ้างว่าซอกจินชอบวาดรูปเพราะพี่โฮซอกเล่าให้ฟังแต่ก็ไม่นึกว่าจะวาดได้สวยขนาดนี้ทั้งลายเส้น
การลงสี การจัดวางองค์ประกอบภาพรวมถึงน้ำหนักมือ
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเหมือนเป็นฝีมือของจิตรกรเอก
มันลงตัวและงดงามไปเสียหมดอย่างไม่น่าเชื่อ
และภาพทุกภาพล้วนเป็นภาพของคนๆเดียวในทุกอิริยาบถ
แต่น่าแปลกที่สายตาของคนในภาพวาดนั้นเป็นสายตาอ่อนโยนแบบที่เขาไม่เคยเห็น
คาดว่าซอกจินคงจินตนาการเอาล่ะมั้ง
เพราะปกติเขาเห็นแต่สายตาดุดันจากคนๆนั้นอยู่ตลอด
หรือว่าซอกจินเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นสายตาอ่อนโยนนั้นเขาก็ไม่แน่ใจ..
“รักคุณจองกุกมากเลยเหรอ”
ใบหน้าหวานพยักเบาๆเป็นเชิงตอบพลางหันมามองภาพวาดฝีมือตัวเองด้วยรอยยิ้มภูมิใจ
ก็ทั้งชีวิตเขามีแค่อาจองกุก เขารักอาจองกุกแค่คนเดียวนี่นา
แม่บอกให้รักอาจองกุกให้มากๆ
อย่าดื้อกับอาจองกุก ซอกจินเป็นเด็กดีจึงเชื่อฟังแม่ทุกอย่างและทำตามเป็นอย่างดี
ถึงแม้อาจองกุกจะเกลียดเขาก็เถอะ แต่ซักวันอาจองกุกคงจะรักเขาแบบที่ทุกคนรัก
ซอกจินเชื่ออย่างนั้น…
และอีกอย่างนึง
ซอกจินชอบภาพวาดพวกนี้ที่สุดเลยนะ
เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาทำได้ดีและได้รับคำชมจากอาจองกุก
อาจองกุกบอกว่าเขาวาดรูปสวย…
“วาดสวยจัง
วาดให้พี่หมอจีมินบ้างได้ไหม”
ซอกจินหันมามองหน้าจีมินอย่างชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับ
นอกจากอาจองกุกเขาก็ชอบพี่จีมินเหมือนกัน
ถ้าเขาวาดรูปสวยๆให้พี่หมอจีมินซักรูปอาจองกุกคงไม่ว่าหรอกมั้ง
“นั่นอะไร”
จองกุกมองสิ่งที่ซ่อนอยู่ด้านหลังร่างเล็กก่อนจะเงยหน้ามองซอกจินที่มีสีหน้าซีดเผือดเหมือนกับกลัวความผิดอะไรบางอย่าง
มือหน้ายื่นไปด้านหน้าเป็นเชิงบอกให้ร่างเล็กส่งสิ่งที่ซ่อนเอาไว้มาให้
ตากลมหลุบมองพื้นอย่างไม่กล้าสู้สายตาพร้อมกับถดตัวหนีช้าๆอย่างหวาดกลัว
วันนี้พี่จีมินจะมาบ้าน
เขาต้องเอาภาพวาดไปให้พี่จีมิน แต่ก็ไม่นึกว่าอาจองกุกจะเดินเข้ามาในห้องวาดภาพและเห็นตอนที่เขากำลังม้วนเก็บภาพนั้นลงกระบอก
ถ้าอาจองกุกรู้ว่าเขาวาดรูปพี่จีมินจะต้องโกรธแน่ๆ
เพราะงั้น…
ให้รู้ไม่ได้หรอก
ร่างเล็กถอยหนีช้าๆพลางเม้มปากแน่น
หัวสมองขบคิดวิธีหนีไปจากสถานการณ์อึดอัดในตอนนี้แต่ก็คิดไม่ออกเพราะมันว้าวุ่นจนเกินไป
อาจองกุกทำให้เขากดดันไปหมด
“อย่าดื้อกับฉัน!”
ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อร่างสูงเอ่ยเสียงเข้ม
เพราะทนแรงกดดันไม่ไหวสุดท้ายจึงต้องยอมยื่นภาพวาดในมือส่งไปให้
จองกุกมองรูปในมือก่อนจะเงยหน้ามองซอกจินที่ยืนตัวเกร็งอยู่ตรงหน้า
แควก!
ภาพวาดถูกฉีกออกต่อหน้าต่อตาด้วยมือหนาและปาลงพื้นอย่างไม่ใยดี
“ไร้สาระ ฉันให้นายรักษาตัว
ไม่ได้ให้ไปอ่อยหมอ!”
ใบหน้าหวานส่ายหน้าปฏิเสธในสิ่งที่ถูกยัดเยียดให้
เขาแค่วาดภาพให้พี่จีมิน ไม่ได้ทำสิ่งที่อาจองกุกเข้าใจซักหน่อย
และทำไมต้องใจร้ายฉีกภาพที่เขาตั้งใจวาดด้วย
ร่างเล็กย่อตัวลงหยิบเศษภาพวาดทั้งน้ำตา
การกระทำที่ดูอาลัยอาวรณ์นั้นก็ยิ่งเรียกอารมณ์เดือดดาลให้พุ่งสูงยิ่งกว่าเก่า
มือหนากระชากเศษกระดาษออกจากมือร่างเล็กแล้วปาลงพื้นอย่างสะใจโดยไม่สนใจว่าคนถูกกระทำนั้นร้องไห้หนักขนาดไหน
เขาเสียใจ อาจองกุกใจร้าย
ใจร้ายที่สุด…
“แล้วร้องไห้ทำไม! ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบน้ำตาของนาย!”
ไหล่บางถูกบีบแน่นจนร่างบางนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
ตาคมมองลึกเข้าไปในดวงตากลมสวยก็มีแต่สายตาตัดพ้อระคนเสียใจอยู่เต็มไปหมดจนพาให้ใจวูบไหว
ภาพของซอกจินที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นปานจะขาดใจทำให้สติที่หลุดไปเมื่อครู่นั้นกลับมาอีกครั้ง
กำลังจะยื่นมือไปปาดน้ำตาออกให้แต่กลับถูกปัดออกอย่างไม่ใยดี
ร่างเล็กสะบัดตัวออกพร้อมกับวิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตาโดยไม่ฟังเสียงดุของคนด้านหลังที่เอ่ยเรียกเอาไว้
“ซอกจิน!”
จองกุกกำหมัดแน่นอย่างกรุ่นโกรธ
นั่นเป็นครั้งแรกที่เด็กนั่นเดินหนีเขา ซอกจินไม่เคยดื้อกับเขาอย่างนี้มาก่อน
แต่พอมีคนที่ชื่อปาร์คจีมินเข้ามาซอกจินก็เริ่มดื้อกับเขา
เพราะมัน
เป็นเพราะมัน!
เพียะ!
โฮซอกยกมือขึ้นตบจองกุกอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ
เขามาถึงที่นี่ก็เห็นซอกจินวิ่งร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร
และต้นเหตุคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจากเพื่อนของเขา
“ชอบรึไงที่เห็นซอกจินร้องไห้น่ะ!”
โฮซอกเอ่ยถามอย่างโมโห
เขาไม่เข้าใจอารมณ์จองกุกซักนิด
กับอีแค่ซอกจินวาดรูปคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองจะต้องโมโหและฉีกทิ้งขนาดนี้เลยหรือไงกัน
“เด็กนี่เป็นของฉัน
ฉันจะทำยังไงก็ได้”
“ถ้ายังทำตัวแบบนี้ก็เตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเถอะจองกุก
เพราะนอกจากนายแล้วยังมีคนที่พร้อมดูแลซอกจินเสมอ คนที่ดีกว่านายร้อยเท่าพันเท่า”
“อย่าเพ้อเจ้อได้ไหม
เด็กอย่างนั้นจะมีใครอยากได้”
“คนที่รักซอกจินไม่ว่าซอกจินจะเป็นแบบไหนยังไงล่ะ
และถ้านายยังทำตัวแบบนี้ก็เตรียมตัวเสียเขาไปได้เลยจองกุก”
“นายขู่ฉันเหรอโฮซอก!”
“จะลองดูก็ได้”
โฮซอกกระตุกยิ้มเยาะออกมาเมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวายใจของจองกุก
หลังจากทิ้งระเบิดลูกใหญ่เอาไว้ให้เพื่อนเสร็จก็เดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่หันไปมองซักนิดว่าเพื่อนตัวเองมีท่าทีกระวนกระวายใจแค่ไหน
มือหนากำเข้าหากันแน่นอย่างโมโหกับประโยคบอกเล่าแกมขู่ที่เพื่อนทิ้งเอาไว้ให้
จะไม่มีใครมาเอาเด็กนี่ไปจากเขาได้ทั้งนั้น!
ซอกจินเป็นของเขา
ต้องอยู่กับเขา
ต้องรักแค่เขา
มีเขาแค่คนเดียวเท่านั้น!
#shotbts
**โรค PTSD
(Post – Traumatric Stress Disorder ) คือโรคที่มีอาการเครียดและเจ็บป่วยหลังจากเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรงอันได้แก่
การฆาตกรรม การก่อการร้าย การลักพาตัว ข่มขู่ การถูกข่มขืน การถูกทำร้ายทารุณอย่างรุนแรง สงคราม
การสูญเสียคนที่รักจากเหตุการณ์สะเทือนใจหรือเหตุการณ์อื่นๆที่เลวร้าย
ซึ่งอาการของโรคนี้ก็อย่างเช่นการปิดกั้นการรับรู้ต่างๆ อาจมีอาการทางจิต
อาการวิตกกังวล หวาดกลัว ซึมเศร้า หรือบางรายอาจพูดไม่ได้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะพูด
วิธีการรักษาก็คือการพบจิตแพทย์เพื่อเข้ารับการบำบัด
ในบางคนก็บำบัดด้วยสัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมว อะไรเทือกนี้ค่ะ
**มาบอกเป็นความรู้ค่ะ เผื่อใครอยากเอาโรคนี้ไปเขียนฟิคบ้าง กรั่กๆ
เล่นแท็กได้นะคะ ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น