คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : "วันสุดท้ายของความปกติ" (The Last Day of Normalcy)
แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านเงาตึกระฟ้าที่ปรักหักพัง ทอดยาวไปบนถนนที่เต็มไปด้วยเศษซากอาคารและยานพาหนะที่ถูกทิ้งร้าง ผู้คนต่างพากันเร่งรีบออกมาจากบ้านเรือนที่ผุพังเพื่อเดินทางไปทำงาน ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและความกังวล
ฮานะ สาวน้อยวัย 16 ปี กำลังวิ่งฝ่าฝูงชนไปตามทางเท้าที่แตกร้าว เธอสะพายกระเป๋าเป้ใบโตไว้ข้างหลัง ภายในบรรจุชุดหน้ากากกันแก๊สและเสบียงสำรองสำหรับเหตุฉุกเฉิน ทุกครั้งที่เธอวิ่งผ่านซากปรักหักพังของตึกที่ถูกถล่ม เธอจะชะลอฝีเท้าลงและมองด้วยสายตาหวาดระแวง เสมือนกลัวว่ามันจะถล่มลงมาอีกครั้ง
เสียงไซเรนดังขึ้นเป็นระยะ สลับกับเสียงระบบประกาศเตือนภัยทางอากาศ เป็นเสียงหญิงสาวแปลกหน้าที่เธอได้ยินจนชินหู
"การเตือนภัยระดับ 3 มีการตรวจพบวัตถุน่าสงสัยในบริเวณ F-7 ขอให้ทุกคนเข้าที่กำบังใกล้ที่สุด ทางการจะอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมในอีก 15 นาที การเตือนภัยระดับ 3..."
ผู้คนต่างพากันวิ่งหันหลังเข้าอาคารเก่าๆ ใกล้เคียงอย่างลวกๆ ส่วนบางส่วนมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟใต้ดินเพื่อใช้เป็นที่หลบภัย ฮานะได้แต่ถอนหายใจ เธอเพิ่งจะออกมาจากบ้านได้ไม่ทันไร แล้วก็ต้องเจอเตือนภัยแล้ว แต่นี่ก็เป็นเรื่องปกติในโตเกียวยุคใหม่ สงครามทำให้เมืองแห่งนี้กลายเป็นเพียงเงาของตัวเองในอดีต และนี่ยังถือว่าเป็นเมืองที่สงบที่สุดแล้วสำหรับยุคนี้
เมื่อเสียงไซเรนเงียบลง ผู้คนก็ทยอยกันออกมาจากที่หลบภัย หลายคนเม้มปากน้อยใจ ไม่พอใจที่ต้องเสียเวลาไปมากกับเรื่องแบบนี้ ฮานะกลับสวมหน้ากากกันแก๊สแล้วเดินฝ่าฝูงชนไปอย่างไม่ยี่หระ ตาจ้องมองไปยังป้ายรถเมล์ที่อยู่ลิบๆ พลางหวังว่าจะไปโรงเรียนทันก่อนที่จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นอีก
บนท้องฟ้า เครื่องบินขับไล่และขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานของกองทัพ Earth Alliance คอยตรวจตราและพิทักษ์ผืนฟ้าของโตเกียว เป็นภาพที่ทุกคนเห็นจนชินตา ฮานะเหลือบมองมันเพียงครู่ก่อนจะหันกลับมามองทางเดินตรงหน้า คว้าสายกระเป๋าเป้แน่นขึ้นแล้วเดินฝ่าฝูงชนต่อไป มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนที่อยู่ข้างหน้า ท่ามกลางเสียงครางของเครื่องจักรสงครามและความโกลาหลของผู้คน
เมื่อมาถึงโรงเรียน ฮานะก็รีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังห้องเรียนบนชั้นสาม ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป เธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นห้องเรียนที่ปกติจะคึกคักกลับเงียบเชียบ มีเพียงยูกิเพื่อนรักของเธอนั่งที่โต๊ะข้างหน้าต่างเพียงลำพัง
"อรุณสวัสดิ์ ยูกิจัง" ฮานะทักทายพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะ
"อรุณสวัสดิ์ ฮานะจัง" ยูกิหันมายิ้มให้เพื่อน แต่นั่นเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อย "วันนี้โรงเรียนประกาศปิดกะทันหันน่ะ เนื่องจากมีการปะทะกันรุนแรงระหว่างกองกำลังของเราและ Red Rebellion บริเวณดวงจันทร์น่ะ"
ฮานะหน้าเสีย นั่งลงข้างๆ เพื่อนแล้วถอนหายใจ "สงครามนี่มันจะไม่มีวันจบสิ้นเลยรึไง เมื่อไหร่ชีวิตเราจะได้กลับมาเป็นปกติเหมือนเก่าบ้างนะ"
ยูกิมองออกนอกหน้าต่าง สายตาเหม่อลอยไปไกล "ฉันก็หวังแบบนั้น ตั้งแต่พ่อแม่ของฉันจากไป ชีวิตก็เหมือนจะหยุดนิ่งไปตั้งแต่วันนั้น ความฝันที่เราเคยมีด้วยกันก็ดูจะไกลเกินเอื้อม"
"อย่าพูดแบบนั้นสิ เราต้องสู้ต่อไป เพื่อทุกคนที่จากเราไป เพื่ออนาคตที่สดใสกว่านี้" ฮานะจับไหล่เพื่อนแน่น ก่อนจะลุกขึ้นแล้วชวนว่า "ไปกันเถอะ เราไปหาอะไรสนุกๆ ทำดีกว่า อยู่ที่โรงเรียนก็ไม่มีใครอยู่แล้ว"
ยูกิมองหน้าเพื่อน ก่อนจะค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา "เธอช่างมองโลกในแง่ดีได้เสมอเลยนะ ฮานะจัง ถึงโลกจะแย่แค่ไหน เธอก็ยังหาเรื่องสนุกๆ ได้อยู่เรื่อย"
"ก็นั่นล่ะคือเสน่ห์ของฉันไง!" ฮานะหัวเราะ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วออกวิ่งนำไปที่ประตู "วันนี้เรามาสำรวจพื้นที่รอบโรงเรียนกัน ตั้งแต่มีสงครามก็ยังไม่เคยได้สำรวจซะที บางทีอาจจะเจออะไรเจ๋งๆ ก็ได้นะ"
ฮานะและยูกิเดินสำรวจโรงเรียนที่วันนี้แทบไม่มีผู้คน เนื่องจากประกาศปิดกะทันหันจากสถานการณ์ฉุกเฉิน ระหว่างเดินไปตามโถงทางเดิน ฮานะก็สะดุดสายตาไปเห็นประตูห้องแล็บวิทยาศาสตร์ที่ปิดสนิทอยู่
"เฮ้ ยูกิ รู้มั้ย ฉันว่าเราแอบเข้าไปดูในห้องแล็บกันเถอะ!" ฮานะชวนเพื่อนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ห๊ะ!? เข้าไปทำไมกัน ตอนนี้มันปิดแล้วนะ แถมห้ามเข้าไปด้วย เดี๋ยวเจออันตรายหรือโดนจับได้จะทำยังไง" ยูกิรีบทัก พยายามให้เหตุผลกับเพื่อนขี้ซน
"แหม ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อวันนี้โรงเรียนปิด ก็ไม่น่ามีใครอยู่แล้ว ไปดูเล่นแค่แป๊บเดียวเอง ใครจะรู้ เผื่อจะเจออะไรสนุกๆ" ฮานะไม่ฟังคำทัดทาน แล้วรีบวิ่งปรู๊ดไปที่หน้าห้องแล็บทันที โดยไม่ลืมกวักมือเรียกให้ยูกิตามมาด้วย
ฮานะและยูกิแอบเข้าไปในอาคารโรงเรียน ทั้งคู่เดินเลียบผ่านห้องเรียนที่ถูกปิดทึบไปหนึ่งห้องต่อหนึ่งห้อง แสงแดดยามเช้ากระทบกระจกหน้าต่างทำให้เงาของพวกเขายาวออกไปในทางเดินที่ว่างเปล่า ก่อนที่พวกเขาจะเดินถึงห้องแล็บวิทยาศาสตร์ที่ฮานะต้องการสำรวจ
เมื่อพวกเขามาถึงประตูห้องแล็บ ฮานะค้นกระเป๋าเป้ของเธอเพื่อหาบัตรเข้าห้องแล็บที่เธอหยิบยืมมาจากห้องสารสนเทศโรงเรียน ด้วยความระมัดระวัง เธอใช้บัตรปลดล็อคประตูแล้วผลักมันเปิดเข้าไป ทันทีที่ประตูเปิด แสงสลัวจากภายในห้องแล็บทำให้พวกเขาต้องชะงักไปชั่วครู่
ห้องแล็บวิทยาศาสตร์มีขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อน รวมถึงหลอดทดลองและจอแสดงผลต่างๆที่ดับสนิท แต่แสงไฟฉุกเฉินยังคงสว่างอยู่ เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้อง แสงไฟในห้องก็เริ่มกะพริบขึ้นอย่างกะทันหันและดับวูบลง เสียงระบบอากาศภายในห้องดังขึ้น ส่งเสียงดังคล้ายกับเสียงฝีเท้าของใครบางคนที่กำลังเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ฮานะและยูกิมองหน้ากันด้วยความตื่นตระหนก พวกเขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในห้องแล็บวิทยาศาสตร์นี้ ทันใดนั้น เสียงไซเรนจากระบบประกาศภายในห้องก็ดังขึ้น และเสียงประกาศที่เธอคุ้นเคยก็ดังออกมา: "การเตือนภัยระดับ 3 มีการตรวจพบวัตถุน่าสงสัยในบริเวณ F-7 ขอให้ทุกคนเข้าที่กำบังใกล้ที่สุด ทางการจะอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมในอีก 15 นาที การเตือนภัยระดับ 3..."
จู่ๆ ไฟในห้องก็กะพริบวูบวาบ ก่อนจะดับวูบลง เสียงฝีเท้าของใครบางคนกำลังเดินมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ตกใจเล็กน้อย ฮานะและยูกินิ่งค้างกับเสียงฝีเท้าที่ดังมาจากทางเดินนอกห้องแล็บ พวกเธอมองหน้ากัน ก่อนจะรีบวิ่งไปซ่อนตัวหลังตู้เก็บอุปกรณ์ทันที
เสียงฝีเท้าหยุดลงตรงหน้าประตู ตามด้วยเสียงกุญแจถูกไขและประตูถูกผลักเปิดออกอย่างแรง คนแปลกหน้าสองคนในชุดดำสนิทและหน้ากากปิดบังใบหน้าเดินเข้ามาในห้อง พวกเขากางเครื่องมือสแกนบางอย่างออกมา ไล่ส่องไปทั่วห้องราวกับกำลังหาของสำคัญ
"จะบอกว่าเครื่องส่งสัญญาณนำเรามาถูกแล้วเหรอ? เจ้าเด็กที่มียีนส์พิเศษที่พวกเราตามหาอยู่ในนี้จริงๆ น่ะนะ?" คนหนึ่งพูดเสียงเข้ม
"แน่นอน ข้อมูลจากแล็บหลักยืนยันชัดเจนว่าเด็กคนนี้มี DNA หายากที่จะช่วยให้เราปลดล็อคพลัง Titan ได้ และตอนนี้สัญญาณชี้มาที่นี่พอดี" อีกคนตอบ สายตาจับจ้องไปที่เครื่องมือในมือ
ฮานะกลั้นหายใจ หัวใจเต้นระทึก สมองเต็มไปด้วยคำถาม DNA? Titan? แล้วทำไมพวกนี้ถึงมาตามหาเธอด้วย? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
ยูกิจิกแขนเสื้อฮานะ มือสั่นเทา เธอพยายามทำปากเป็นคำว่า 'พวกนั้นเป็นใคร?' แต่ฮานะได้แต่ส่ายหน้า เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน
ชายชุดดำทั้งสองค่อยๆ เคลื่อนไปทีละจุด สแกนหาสัญญาณในตู้และชั้นวางต่างๆ อย่างละเอียด ในขณะที่สองสาวใจหายวาบและกลั้นหายใจไปตามๆ กัน ทำได้เพียงแต่ภาวนาว่าอย่าให้พวกนั้นมาพบเข้าเชียว ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงได้เจอดีแน่!
แต่แล้วจู่ๆ เครื่องสแกนก็ส่งเสียงดังขึ้นเป็นจังหวะ ชายทั้งสองชะงักมือ มองหน้ากันนิ่ง ก่อนจะหันสายตามาทางตู้ที่ฮานะและยูกิแอบซ่อนตัวกันพอดี!
ใจของทั้งสองสาวเต้นรัวราวกับกลองรบ พวกเขารู้แล้วหรือ? จะทำยังไงดี? ต่อให้หนีก็คงไปไม่รอด ไม่มีทางออกแล้วจริงๆ เหรอ?
ในจังหวะที่ชายทั้งสองกำลังเดินตรงมาทางตู้ ประตูห้องแล็บก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งอย่างกะทันหัน ร่างของสาวน้อยผมสีชมพู พุ่งตัวข้ามาทางหน้าต่าง สายตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นราวกับนักรบ
เธอชักปืนออกมาจากข้างหลังแล้วยิงไปที่ชายสองนายนั้นทันที!
ปัง! ปัง!
กระสุนพุ่งทะลุหน้ากากของพวกเขาอย่างแม่นยำ ทำให้ทั้งสองล้มลงกับพื้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว เลือดสาดกระจายไปทั่วห้อง
ฮานะและยูกิอ้าปากค้าง มองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
"อันตรายแล้ว เจ้าตัวเล็ก!"
สาวปริศนาร้องเตือน ก่อนจะโยนปืนให้ฮานะอย่างรวดเร็ว
"ใครเป็นใครกัน เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?" ฮานะร้องถามอย่างงุนงง แต่ก็คว้าปืนไว้แน่น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงทำแบบนั้น
"ไม่มีเวลาอธิบาย ตอนนี้พวกเธอ ถูกจับตาไว้แล้ว ต้องหนีไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ไม่งั้นคงได้ตายกันพอดี!"
“หนีไปไหนล่ะ? แล้วเธอเป็นใครกันแน่?” ยูกิถามอย่างรวดเร็ว พยายามหาความเข้าใจในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้
"พวกนั้นใกล้มาแล้ว! รีบไปกันเถอะ ถ้าไม่อยากตาย!"
มูสคว้ามือสองสาวแน่น ลากพวกเธอวิ่งหนีออกไปทันที
ฮานะและยูกิมองหน้ากันอย่างสับสน ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงตกลง ขืนอยู่ต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะเจออันตรายอะไรอีก ต่อให้ยังมีคำถามมากมาย แต่ตอนนี้พวกเธอคงต้องหนีตามหญิงสาวปริศนาผู้นี้ไปก่อน เพื่อเอาชีวิตรอด และเพื่อไขปริศนาว่ากันแน่ว่า เหตุใดกลุ่ม Red Rebellion ถึงต้องการตัวเธอ และ DNA ของเธอมันสำคัญอย่างไร?
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่ฮานะและยูกิจะรับมือทัน ชั่ววูบเดียวชีวิตธรรมดาๆ ของเธอก็ถูกพลิกผันไปตลอดกาล
ความคิดเห็น