ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรักในห้วงนิทรา (Love in the Nightmare)

    ลำดับตอนที่ #1 : ทางเข้าสู่ความมืด

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 67


    สัมผัสแรกที่ฉันรับรู้ได้เมื่อลืมตาตื่นคือความเย็นเฉียบที่แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย อากาศรอบตัวหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก ปอดของฉันสูดอากาศที่เย็นยะเยือกเข้าไปจนรู้สึกแสบร้อน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตื่นตระหนกที่สุดคือความมืดสนิทที่ปกคลุมทุกสิ่งรอบตัว

    ฉันมองไปรอบๆ ด้วยความสับสน ราวกับดวงตาทั้งสองข้างถูกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำหนาทึบ ฉันกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง หวังว่าภาพตรงหน้าจะเปลี่ยนแปลงไป แต่มีเพียงความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดที่ยังคงเผชิญหน้ากับฉันอยู่

    สถานที่แห่งนี้คือที่ไหนกัน ทำไมฉันจึงมาอยู่ที่นี่? 

    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน? 

    คำถามนับร้อยวิ่งวนอยู่ในหัวของฉัน แต่ไม่มีคำตอบใดๆ ให้ฉันได้คว้าไว้ ราวกับว่าความทรงจำของฉันก็ถูกความมืดอมหิตครอบงำเช่นกัน

     ร่างกายฉันเจ็บปวดไปหมด การขยับตัวแต่ละครั้งเหมือนเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกิน แต่ฉันไม่ยอมแพ้ ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดเป็นแรงผลักดันให้ฉันต้องสู้ต่อไป ฉันพยายามดิ้นรนจนสามารถลุกขึ้นได้ แล้วเริ่มคลานสำรวจไปตามผนัง เผื่อจะเจอทางหนีทีไล่

    เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แต่ยังไม่มีทางออกให้เห็น ความสิ้นหวังเริ่มครอบงำ ทว่าฉันยังคอยกระตุ้นตัวเองไม่ให้ล้มเลิก ฉันลุกขึ้นเดินต่อไปอย่างระมัดระวัง พลางคิดทบทวนคำสอนของแม่สมัยเด็กๆ ที่บอกว่าความมืดไม่น่ากลัว มันอาจซ่อนความจริงบางอย่างเอาไว้ที่รอให้ค้นพบ

    ในที่สุดฉันก็สงสัยว่า บางทีฉันอาจกำลังฝันอยู่ก็ได้ ความคิดนี้วาบเข้ามาในหัว ทำให้ใจหายวูบ แต่ฉันก็ไม่หยุดย่างก้าว ถ้านี่เป็นความฝัน ฉันก็ต้องหาทางตื่นให้ได้ คำถามและข้อสงสัยผุดขึ้นมามากมาย แต่ฉันรู้ว่าไม่มีเวลามานั่งคิดฟุ้งซ่าน ตอนนี้ต้องเดินต่อไป

    ฉันยังต้องเดินต่อไป ยังต้องสู้กับความกลัวและความสิ้นหวังในใจตัวเอง แต่ฉันจะไม่ยอมให้มันครอบงำ จะใช้มันเป็นเชื้อไฟผลักดันให้ก้าวต่อไป จนกว่าจะหนีออกจากนรกฝันร้ายนี้ไปได้สำเร็จ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไรก็ยอม การได้อิสรภาพและกลับสู่แสงสว่างอีกครั้งคือสิ่งที่ฉันปรารถนามากที่สุด

    เพ่งมองสุดตาก็มีแต่ความมืดไร้ขอบเขตทอดยาวไปจนสุดปลายทาง ทำให้แยกไม่ออกเลยว่าอะไรคือความจริง อะไรคือภาพหลอน

    ช่วงเวลาแต่ละอึดใจผ่านไปอย่างเชื่องช้า ชวนให้อึดอัดจนแทบทนไม่ไหว แม้ฉันจะรีบเดินไปข้างหน้าเพียงใด ก็ไม่รู้สึกว่าได้เข้าใกล้ปลายทางเลยแม้แต่น้อย เหมือนเวลาหยุดนิ่งไปหมด

    ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงก้องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน เสียงเหมือนเหล็กกระทบกันดังอยู่ไกลๆ ฉันหยุดนิ่งเพื่อฟังอย่างตั้งใจ เสียงนั้นเริ่มชัดเจนขึ้นทีละน้อย ฉันรู้สึกถึงความหวังริบหรี่ที่กลับมาอีกครั้ง มันอาจเป็นสัญญาณของชีวิตอื่น หรืออย่างน้อยก็สิ่งที่สามารถพาฉันออกไปจากที่นี่ได้

    ฉันตัดสินใจเดินตามเสียงนั้นไป แม้ใจหนึ่งจะกลัวแต่ฉันรู้ว่าต้องเสี่ยง เพราะอยู่เฉยๆ คงไม่ใช่ทางออก เมื่อยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เสียงก็ดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด ฉันก็พบกับประตูเหล็กบานใหญ่ที่ปิดสนิท มันดูหนักและแข็งแรงเกินกว่าที่ฉันจะเปิดได้เอง

    ฉันจึงใช้แรงที่มีทั้งหมดทุบเคาะเรียกอย่างสิ้นหวัง เสียงสะท้อนก้องไปในความมืดรอบตัว ฉันยังคงตะโกนเรียก หวังว่าเสียงของฉันจะไปถึงใครสักคนที่สามารถช่วยฉันได้

    รอคอยอย่างใจจดใจจ่อ จนกระทั่งได้ยินเสียงขยับของบานประตูจากอีกด้านหนึ่ง ฉันแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน 

    ฉันยังคงตะโกนเรียก "ช่วยด้วย! มีใครอยู่ไหม?"

    เสียงขยับของบานประตูหยุดชั่วครู่ แล้วประตูก็เปิดออก แต่แสงสว่างที่ฉันคาดหวังไม่ได้เข้ามา มีเพียงเงาร่างหนึ่งที่ปรากฏขึ้นในความมืด ฉันพยายามมองฝ่าความมืดไปยังเงานั้น หวังว่าเขาจะเป็นความหวังที่ฉันรอคอย

    "เธอเป็นใคร? มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?" เสียงจากเงาร่างนั้นดังขึ้นด้วยความสงสัย

    ฉันตอบกลับด้วยเสียงแหบพร่า "ฉันไม่รู้... แต่ช่วยพาฉันออกไปจากที่นี่ที!"

    เงาร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ ยื่นมือมาหาฉัน ฉันจับมือเขาแน่น ความรู้สึกของการถูกช่วยเหลือทำให้ฉันมีแรงกำลังขึ้นมาอีกครั้ง

    "ไม่ต้องห่วง เราจะพาเธอออกไปจากที่นี่" เสียงนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

    แม้จะยังคงอยู่ในวงกตมืดมิด ฉันรู้แล้วว่ามีความหวังและทางออกอยู่ข้างหน้า และฉันจะไม่หยุดที่จะก้าวต่อไป ไม่ว่าจะต้องผ่านความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม

     

     

     

     



     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×