นานมาแล้ว.. ผมได้ขึ้นรถเมลล์คันหนึ่งเพื่อเดินทางกลับหอพัก  ผมนั่งอยู่เบาะรองสุดท้าย  กระเป๋ารถเมลล์หนุ่มกำลังเก็บตังค์กับผู้สารคนอื่นอยู่  ไล่เก็บมาเรื่อย จากหัวรถ สู่ท้ายรถ  จนมาถึผม
 
    กระเป๋าหนุ่มมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่ง(เค้าคงกำลังคิดอยู่ว่า “ไอ้นี่จ่ายตังค์ยังวะ”)  ตอนแรกผมก็มองหน้าเค้า  สักพักผมก็หลบสายตา ทำเฉย  ด้วยความหวังในใจว่าจะได้นั้งรถฟรี
  แล้วผมก็ได้นั่งรถฟรีจริง ๆ !!  เค้าคงจำไม่ได้ว่าว่าเก็บตังค์ผมรึยัง  (ซึ่งผมก็มีหน้าตาที่ควรค่าแก่การจดจำเหลือเกิน)  นี่เป็นครั้งในชีวิตที่ได้นั่งรถเมลล์ฟรี
    หลาย ๆ ๆ วันต่อมา  ผมได้ขึ้นรถเมลล์คันหนึ่งเพื่อเดินทางกลับหอพัก  คราวนี้ได้ยืนแฮะ  กระเป๋ารถเมลล์หนุ่มน้อยก็ยืนอยู่แถวนั้น  เขากำลังเก็บค่าโดยสารกับคนอื่นอยู่  สักครู่เขาก็มาเก็บกับผม  ผมก็จ่ายไป  รถเมลล์ก็แล่นไปตามทางของมัน
  ผมยืนจับราวโลหะอยู่นาน
(ไม่ถึงซะที)  จู่ ๆ  ก็มีเรื่องเกิดขึ้น!!!
    ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง  หุ่นล่ำ ผิวคล้ำ  หน้าตาดุ ๆ เหี้ยม ๆ ใส่กางเกงขายาวเก่า ๆ เสื้อยืดสีหมอง สะพายกระเป้โทรม ๆ รูปร่างท่าคล้ายคนงานก่อสร้าง  ขอเรียกแกว่า “น้า” แล้วกัน  เดินตรงเข้าไปหากระเป๋ารถเมลล์หนุ่มน้อยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม  แล้วตะโกนว่า
    “น้อง!”  เพื่อเรียกกระเป๋ารถเมลล์
    พอกระเป๋ารถเมลล์หนุ่มน้อยเห็นหน้าน้า  ก็ยืนขาแข็ง...
    “ค้าบบ..”  กระเป๋ารถเมลล์ขานรับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
   
..
    จากนั้น..น้าแกก็ควัก!! 
    เหรียญห้าบาท
    ให้กระเป๋าหนุ่มน้อย กระเป๋าหนุ่มยืนนิ่งอยู่ 1.3 วินาที จึงรับเหรียญและฉีกตั๋วให้น้า  น้ารับไว้ แล้วกดกริ่ง..  ลงรถไป
    ความรู้สึกของผมในตอนนั้นคือ “อึ้ง ทึ่ง เสียว ซึ้ง”
  อึ้ง+เสียว คือ กลัวว่าน้าจะทำอะไรไม่ดีไม่งาม เพราะท่าทางแกน่ากลัวพอดู
ทึ่ง+ซึ้ง คือซาบซึ้งในการทำสิ่งที่ถูกที่ควรอย่างน่าประหลาดใจของน้า
ฅนอย่างนี้นีแหละหนาที่สมควรเรียกว่า “ลูกผู้ชายตัวจริง”
    แล้วเมื่อไม่นานนี้เอง  ผมได้ขึ้นรถเมลล์เพื่อจะเดินทางกลับอาพาร์ทเม้นต์(อยู่อาพาร์ทเม้นต์แล้วโว้ยย..)  ผมนั่งเบาะสุดท้าย  ควักเหรียญห้าจากกระเป๋าแล้วกำไว้ในมือเพื่อรอจ่าย  กระเป๋ารถเมลล์รุ่นคุณป้ากำลังเก็บตังค์กับผู้โดยสารคนอื่นอยู่  ไล่เก็บมาเรื่อยจากหัวรถจนมาถึงผม
  กระเป๋ารถรุ่นป้ามองหน้าผมครู่หนึ่ง  แล้วแกก็เดินจากไป
 
    “กูได้นั่งฟรีอีกแล้ว!!”  ผมนึกในใจ  ผมรู้สึกดีใจ  สะใจที่ได้นั่งรถฟรีอีกครั้ง  แต่แล้วอะไรก็ไม่รู้  ดลใจให้ผมคิดถึงน้าหน้าเถื่อนคนนั้นขึ้นมา
    คิดถึงตอนแรกก็เฉย ๆ  แต่พอคิดไปสักพัก
ความละอายใจก็เกิดขึ้น!!
    “อาชีพกระเป๋ารถเมลล์ก็ไม่ได้มีรายได้ดีอะไร  ต้องอดทนทำงานหนัก สู้ชีวิต  ขนาดน้าหน้าเถื่อนคนนั้นยังจ่าย แล้วทำไมคนอย่างกูจะไม่จ่ายว่ะ!  เออ..อีกอย่าง เหรียญห้าก็กำอยู่ในมือแล้วแท้ ๆ\"  ผมพูดกับตัวเอง
    สักพัก  เมื่อใกล้จะถึงที่หมาย  ผมค่อยเดินไปหาป้า  หยุดยืนข้างป้า แล้วกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู..  เอ้ย! ไม่ใช่  แล้วบอกป้าว่า
    “ป้าครับ.. ผมยังไม่จ่าย”  พร้อมกับวางเหรียญห้าลงบนฝ่ามือป้า  ป้ามองหน้า แล้วฉีกตั๋วรถมาให้  ผมกดกริ่ง  ลงรถ  แล้วจากไป  ส่วนรถเมลล์ก็แล่นไปตามทางของมัน
    ผมยังรู้สึกชื่นชมน้าหน้าเถื่อนอยู่เสมอ.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น