ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Caculate สมการหัวใจ คำตอบสุดท้ายเท่ากับเธอ

    ลำดับตอนที่ #2 : Intro

    • อัปเดตล่าสุด 5 ส.ค. 56


    ทนำ

    คณิตศาสตร์ 

    บุคคลต่างๆ ทั้งในและนอกวงการคณิตศาสตร์ ได้นิยามคำว่า “คณิตศาสตร์” ไว้ต่างกัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดประสบ

    ความสำเร็จจนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป นั่นอาจเป็นเพราะคณิตศาสตร์มีเนื้อหาและขอบเขตที่กว้างมาก จึงเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายความหมายของคณิตศาสตร์ให้ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมดได้ 

     

    คาบภาษาต่างประเทศ ชั้นเรียนที่ 6 ห้อง B โรงเรียนมัธยมพรีเวทยส์

    “เอาละ เสียเวลามามากพอแล้วเรามาเริ่มเรียนกันดีกว่า วันนี้ครูจะสอนเรื่องPhrasal verbs อ่ามีใครรู้บ้าง

    ว่าเจ้าPhrasal verbs ที่เราจะเรียนกันวันนี้เนี่ยคืออะไร”สิ้นสำเนียงเสียงใสชวนฟังของอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษจบลง บรรดานักเรียนทั้งหญิงและชายต่างเงียบกันเป็นแถวๆ รวมถึงเธอ เพทาย หญิงสาวผู้ที่ 24 ชั่วโมงในวันหนึ่งของเธอแทบไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อย ใช้ชีวิตธรรมดาๆเรื่อยๆ เหมือนอย่างคนปรกติทั่วไป

    “ครูครับ”

    “จ๋า ว่าไง?”

    “ไอ้พายรู้ครับ”นักเรียนชายคนหนึ่งในห้องยกมือขึ้นเพื่อขออนุญาตแสดงความคิดเห็น แล้วใช้นิ้วเรียวชี้ไปทาง

    เพทาย

    “ว่าไงจ้ะพาย” อาจารย์สาวยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เพทาย

    “กริยาวลีค่ะ” เธอมองตาขวางไปทางเมตร สมาชิกในห้องที่เสนอชื่อเธอก่อนจะลุกขึ้นยืนตอบเสียงขุ่น คิดหรอว่า

    คนอย่างเพทายจะยอมเสียหน้าฟรีๆ

    “ตอบมือให้พายด้วยนะคะ”

    แปะ แปะ แปะ

     “เข้าเรื่องเลยดีกว่า Phrasal verbs ถ้าแปลตามตัวจะแปลว่ากริยาวลีอย่างที่พายตอบนะคะ แต่ถ้าเจาะ

    เข้าไปเนื้อในของมันเนี่ยPhrasal verbs ที่เราพูดถึงเมื่อกี้ คือการใช้คำกริยาปกติแล้วมันดันไปมีความหมายเป็นอีกอย่างหนึ่งซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดความหมายใหม่ขึ้นมาและอาจจะไม่มีเค้าความหมายของคำกริยาเดิมเลยก็ได้” อาจารย์สาวอธิบายคร่าวๆพอเป็นพิธีให้แก่นักเรียนในห้อง

    “ครูมีคำถามค่ะ ประเภทของPhrasal verbsมีกี่ประเภท” สิ้นสุดคำถาม นักเรียนทั้งห้องแทบจะยกมือตอบแข่ง

    กันเลยก็ว่าได้

    “มี 4 ประเภทครับ” แต่แล้วก็มีนักเรียนหัวดี ปากไวตอบตัดหน้าไปซ่ะก่อน เสียงโห่แทบดังลั่นห้อง เพราะทุกคนรู้ดี

    ว่าเวลาที่อาจารย์สอนภาษาอังกฤษมีคำถามทีไร มักจะมีขนมตอบแทนคำตอบเสมอ

    “เป็นคำตอบที่ถูกต้องนะคะ แล้ว 4 ประเภทที่เราพูดถึงกันได้แก่ Inseparable Verbs with no objects,

    With objects, Separable verbsและThree-Word Phrasal Verbs นะคะ วันนี้เราจะมาเรียนประเภทที่ 1 ก่อนเลย” อาจารย์สาวเอ่ยพร้อมกับมือที่ลากเส้นปากกาไวท์บอร์ดลงบนกระดานให้นักเรียนจดตาม

    Inseparable Verbs with no objects  คือ กริยาวลีที่ต้องติดกัน ไม่สามารถแยกจากกันได้ และไม่จำเป็นต้องมี

    กรรมมาร่วม เช่น  Set off, Speed up, Wake up, Stand up นั่นเอง ครูจะให้นักเรียนไปหาประโยคที่เป็นInseparable Verbs with no objects มาคนละ 1 ประโยคเป็นการบ้าน แล้วพรุ่งนี้ออกมารายงานหน้าห้องนะคะ”

    ติ้งงงงงง ต่องงงงงง ติ้งงงงงง ต่องงงงง

    “เสียงสวรรค์><!” เมตร กระซิบเบาๆกับเพื่อนข้างๆเขา

    “นั่นไงเวลาแห่งความสุขจบลงอีกแล้ว วันพรุ่งนี้เจอกันนะคะ” อาจารย์ก้มมองนาฬิกาข้อมือที่เธอใส่ติดมาด้วย

    น่าเสียดายที่คาบเรียนสุดท้ายหมดลงแล้ว เธอไม่น่าเผลอคุยกับเด็กๆครึ่งชั่วโมงแรกเลย เพราะเวลาที่เสียไปมันอาจทำให้เธอได้สอนพวกเขาอย่างเต็มที่

    Please stand up” 

    Thank  you

    ครืดดดดดดดดด

    เสียงเก้าอี้ที่ถูกเลื่อนเข้าหาโต๊ะดังแสบแก้วหู นักเรียนแทบครึ่งห้องถ้าประมาณด้วยสายตาล้วนแล้วแต่เดินตรงไป

    ทางประตูทางออกของห้องทันทีที่ทำความเคารพเสร็จเรียบร้อย

    “อ้าว พายไม่กลับบ้านหรอจ้ะ?” อาจารย์สาวเก็บหนังสือแล้วเดินมาหาเพทาย

    “คนมันเยอะน่ะค่ะ พายไม่ค่อยชอบเท่าไหร่” เธอตอบอาจารย์ยิ้มๆ

    “หืม” อาจารย์ขมวดคิ้วกับคำตอบที่เธอได้ เพราะปรกติวัยรุ่นส่วนใหญ่จะอยู่กันเป็นกลุ่มๆ ติดเพื่อน แถมยังใช้

    ชีวิตอย่างสนุกสนาน แต่ทำไมเพทายถึงบอกว่าไม่ค่อยชอบละ

    “มันอึดอัดแล้วก็วุ่นวายด้วยน่ะค่ะ” เธออธิบายเสียงใสให้กับผู้ที่ตั้งคำถาม

    “อ๋อ แล้วไม่อยู่กับแฟนหรอจ้ะ?” อาจารย์สาวเอ่ยถามพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งข้างๆเพทาย

    “ไม่มีต่างหาก” เพตายตอบแล้วเบ้ปาก

    “หืมสวยๆแบบนี้เนี้ยนะ โกหกครูหรือเปล่า?”

    “ไม่มีจริงๆคะ แล้วก็ไม่สวยด้วย สู้ครูปลายไม่ได้หรอก^^” เพทายปฏิเสธยิ้มๆ 

    “แหมครูเป็นพวกบ้ายออยู่ด้วย ฮ่าๆ ไม่คุยกับคนโสดแล้ว เอาเวลาไปหาหนุ่มๆดีกว่า ฮ่าๆ ครูไปก่อนนะ แล้ว

    เจอกันพรุ่งนี้จ้า^^” อาจารย์สาวลากเก้าอี้เข้าที่เดิม แล้วโบกมือให้เพทายสองสามครั้งก่อนจะเดินออกไป

     

    ห้องคณิตศาสตร์ 

    “วศิน” เสียงเข้มของอาจารย์ที่ขึ้นชื่อว่าดุที่สุดในหมวดคณิตศาสตร์ดังขึ้นจากลำคอเพื่อเรียกนักเรียนชายคนหนึ่ง

    “ครับ?” เขาที่ถูกเรียกเดินจ้ำเท้ามาหาอาจารย์อย่างรวดเร็ว

    “งานที่ครูให้ทำเสร็จหรือยัง?”

    “ยังเลยครับ ผมไม่เข้าใจบางอย่างน่ะครับ” เขาตอบเต็มเสียง

    “อ๋องั้นไม่เป็นไร ครูไม่รีบไว้ทำเสร็จเมื่อไหร่เอามาส่งทันทีเลยนะ” อาจารย์ออกคำสั่งเสียงแข็งและเต็มไปด้วย

    ความหนักแน่น

    “ครับ ได้ครับ” เขาพยักหน้าเบาๆสองสามครั้ง พร้อมคำตอบ

    “วันนี้พอก่อน ไปได้แล้ว”

    “ครับ” เขายกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะเดินออกมาจากห้องคณิตศาสตร์

    “เฮ้ยแกๆ ดูพี่ซีสิ น่ารักที่สุดเลย >//<” กลุ่มนักเรียนที่นั่งอยู่บนระเบียงข้างบันไดที่เขากำลังเดินลง เขย่าแขนกัน

    แถมยังบิดไปบิดมาพร้อมกับพูดเรื่องของเขาแล้วส่งเสียงดังๆ เขาไม่ได้หันกลับไปมองหรอก เพียงแต่ไม่ชอบพฤติกรรมแบบนั้น ซีนอน เป็นคนรักสงบ ชอบอยู่คนเดียวมากกว่าการคบเพื่อนเป็นกลุ่มเขาเดินทางตรงลงมาจากข้างบน ขณะที่เขากำลังเดินลงบันได ไม่รู้ว่าอะไรที่อยู่ดีๆก็มาดลใจ ให้เขาหยุด และ

    ….”ซีนอนมองผู้หญิงคนหนึ่งที่ตอนนี้อยู่บันไดชั้นล่าง เขามองเธอได้ไม่นานนัก เธอก็หันกลับมามองเขาทันที 

    ทั้งสองสบตากัน ซีนอนและเพทาย ซีนอน เพทาย ซีนอน เพทาย ซีนอน เพทาย

    ซีนอนเป็นฝ่ายหลบตาก่อน เขาเปลี่ยนเส้นทางจากที่จะลง กลับกลายเป็นขึ้นแทน ซีนอนก้าวเท้าขึ้นบันไดอย่าง

    รวดเร็ว ระหว่างที่เท้ากำลังขยับไปมาในใจก็คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาไม่นาน ทำไม? ทำไมเขาต้องมองเธอด้วย? ทำไมเขาต้องหลบตาเธอ? แล้วทำไมเขาต้องเดินหนีเธอด้วยละ? ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจตัวเอง ปรกติเขาเองก็ไม่ใช่คนแบบนี้ เรียกได้ว่าไม่สนใจพวกผู้หญิงเลยด้วยซ้ำ เว้นแต่

    เพทายที่ยืนมองซีนอนอยู่ข้างล่างก็ได้แต่งงๆ เธอไม่ค่อยเข้าใจในเหตุการณ์เมื่อกี้เท่าไหร่นัก จะว่าไปผู้ชายที่เธอ

    เห็นก็ไม่ได้หน้าตาแย่เท่าไหร่นัก ต้องบอกว่าหล่อด้วยซ้ำไป นัยน์ตาสีฟ้าคราม แทนที่จะทำให้ดูลึกลับ น่าค้นหา แต่แปลกที่มันกลับดูเย็นชา และดูแข็งกระด้างมากกว่า ตัดกับผมสีคาราเมลธรรมชาติ มันทำให้ดูไม่จืดเลย เขาจัดว่าเป็นพวกหน้าตาดีอันดับต้นๆของโรงเรียนด้วยซ้ำ แต่มันขาดอะไรบางอย่างไป แค่บางอย่างเท่านั้น 
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×