ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sevylria School:: โรงเรียนศาสตร์แห่งเวทมนตร์(ภาคนิยาย)

    ลำดับตอนที่ #2 : ความสามัคคี

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 52


    เรื่องของคนอีกกลุ่ม

    ชื่อเรื่อง:
    เรื่องเซวิลเรีย ฉบับ คนปกติ

    เรื่องราว::
    เพล้ง~
    เสียงแก้วแตกเอกลักษณ์นักเลงไทยดังขึ้นกลางบาร์เหล้าของเมืองอนาเทลีนเมืองศูนย์กลางการค้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปและยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเวทย์เซวิลเรียที่โด่งดังอีกด้วย
    “แกรู้ไหมว่าพวกข้าเป็นใคร” ชายหนุ่มร่างยักษ์ห้าคนถามกับหญิงสาวผมชมพูหน้าหวานที่เผชิญหน้าอยู่
    “กลับไปถามป๊ะป๋าไป๊ หรือจะไปถามตอนดูดนมมารดาก็ย่อมได้” หญิงสาวตอบทันทีในขณะที่นักเลงโตหันหลังออกไป (ดูท่ามันจะไปจริงๆ) “นี่ ยังไม่มีเรื่องกันเลย” หญิงสาวเรียก
    “แกกล้าด่าข้าเรอะตายซะ” ดาบเหล็กยักษ์เหวี่ยงออกจากมือคนเป็นหัวหน้าตามด้วยลูกน้องห้าคนที่เข้ามารุมตื้บ หญิงสาวเรียกธนูสีขาวออกมาปัดป้องอย่างรวดเร็ว
    “พวกแกไม่ละอายใจกันรึไงรังแกเด็กผู้หญิง (มันหันมาส่ายหน้า) ดี งั้นข้าคาเรน โมกาดอนจะลงทัณฑ์แกเอง” ดาบสลับคมชักออกจากฝักร่างสูงกระโดดเหยียบโต๊ะพุ่งเข้าหาอริศัตรู
    “รีบเฟ้ยไม่ไม่เกี่ยวหลีก” แอ๊ฟ~ เสียงกบโดนทับคาที่สมชื่อ ร่างสูงเหยียบไหล่นักเลงโตเป็นฐานแล้วก็วิ่งผ่านไป “มุงไรนักหนาคนกำลังรีบ” เหล่านักเลงหันไปมองในขณะที่หญิงสาวผมชมพูง้างสายธนู7ดอกขึ้นแล้วยิงไปที่เหล่าหมียักษ์ (?) สลบเหมือดทันทีส่วนอีก2ดอกดอกหนึ่งปักเฉียดหัวเถ้าแก่ร้านที่หลบได้หวุดหวิดส่วนอีกดอกปักกลางหัวคนที่จะเข้ามาช่วยแต่จมดินอีกแผล
    “ใครทำร้ายเพื่อนชั้น” รังสีอำมหื่นแผ่ซ่าน พร้อมกับการก้าวเข้ามาของหญิงสาวที่ดูไม่สาวผมยาวที่จ้องมายังหญิงสาวผมชมพูอย่างเอาเรื่อง ในขณะที่หญิงสาวชี้ไปทางพวกนักเลงเรียบร้อยแล้ว “อ้อ พวกนี้เองรึ” มีดสั้นสีเลือดสะบัดพลิ้วเลือดสาดจากร่างที่นอนกองอยู่แล้ว โดยมีหญิงสาวอีกคนมาช่วยแงะร่างที่จูบดินเล่นอย่างเมามัน
    “สวัสดีจ๊ะ ฉันซีเวียร์ เนไวน์ เรียกไวน์ก็ได้จ๊ะ กำลังจะมาสอบที่เซวิลเรียน่ะ” หญิงผมชมพูกล่าว
    “สวัสดีวินเมล คาย่าเป็นนักดาบเวทย์ยินดีที่ได้รู้จัก” หญิงสาวผมดำที่ช่วยแงะซากพูดบ้าง
    “สวัสดีฉันหรือซีนะ กำลังจะไปเซวิลเรียเหมือนกัน ส่วนที่นอนเล่นนั่นคาเรน โมกาดอน เขาไม่ค่อยเต็มน่ะ” เจ้าร่างรังสีอำมหื่นตอบด้วยรอยยิ้มแต่ขาขวากลับกระทืบหน้านักเลงเล่น
    “ว่าใครไม่เต็ม ยัยวิตามิน” คาเรนคนจูบพื้นนานแสนนานสบถยับเมื่อขึ้นมาได้”แล้วรอยรองเท้าบาทาเบอร์สามเก้าเนี่ยของใคร” คาเรนชี้รอยที่หัวอย่างเอาเรื่อง ตาใครมันจะบ้าไปรับ “แล้วฉันก็ไม่บ้าไปโรงเรียนเซๆนั่นด้วย”
    “ฉันมีของแลกเปลี่ยน ถ้านายสอบเข้าได้ฉันมีภาพลับฉบับพี่วินให้ด้วย” ซีส่ายภาพไปมา หัวคาเรนก็ส่ายตาม ซึ่งคำตอบคงพอเดาออก
    โรงเรียนเซวิลเรีย
    “อะแฮ่มๆ นี่คือโรงเรียนเซวิลเรียการสอบคัดเลือกเราจะเลือกผู้ที่เก่งที่สุดเข้ามา โดยการเข้าไปในประตูบานที่อยู่ข้างหลังผอ.แบบนี้”ผอ.เดินเข้าไปในประตูและ กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดด~
    ไปที่ชอบๆเถิด อาเมน
    “ท่าจะไม่เต็มแฮะ ผอ.นั่น” ชายหนุ่มร่างสูงผมดำแบบไทยแท้กล่าวขึ้นเนือยๆในขณะที่คนข้างๆยักหน้าอย่างเห็นด้วย
    “ฉันซีนะ ส่วนนั่นคาเรนนี่ ไวน์นี่ กับวินนี่จ๊ะ”
    “ให้คนอื่นแนะนำตัวเองสิ...อุ๊บ” คาเรนแย้งแต่ก็หุบปากเนื่องจากมีดเงินเล่มงามถูกชักออกมาแกว่งเล่น
    “เรเวน วอสเซลส์คนที่หล่อที่สุดในโรงเรียน” ชายผมดำแนะนำตัว ในขณะที่คนอื่นอ้วกอย่างอิจฉา
    “สวัสดีค่ะ ฉันเอลเด้ ดีดีทีเลขานะคะหากประกาศชื่อใครขอให้ออกมาบนเวทีแล้วเข้าประตูคัดเลือกนะคะ อ้อ ใครออกมาหลังพระอาทิตย์ตกดินเราไม่มีพากลับนะคะ” คนที่น่าเชื่อถือกว่าผอ.พูด ในขณะที่ผู้เข้าสอบทุกตนตั้งใจรออย่างจดจ่อ
     
    10นาทีต่อมา
    “Holy Light” แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายกลืนร่างผีดิบไปอย่างรวดเร็ว
    “เฮ้อ เหนื่อยจังพระขอฮิลหน่อย” คาเรนทรุดนั่งลงกับพื้นหลังจากซัดกับพวกผีดิบมานาน
    “ไม่มี” เรเวนหันมาตอบง่ายๆ
    “หมายความว่าไง” นักดาบหันมาถามอีกที
    “ไม่ได้ฝึกไงโง่จริง” ชายผมดำตอบ “นั่งรอเวทย์ไปซะ อย่าบ่น”
    10นาทีผ่านไป
    “ทำไมนานงี้ฟระ หลับในหรือไงหา” คาเรนกระชากคอเสื้อพระหนุ่มที่มองหน้ายิ้มๆขึ้น
    “ไม่มีSp recoveryนี่นา นั่งเล่นมันก็เพิ่มนี่ โมโหมากแก่ไวน้า” พระหนุ่มส่ายหน้าน้อยๆ
    “เหมือนโดนล้อมเลยแฮะ” นักดาบที่เริ่มหายโกรธมองไปรอบๆ ก็เห็นกลุ่มไม่ใช่คนล้อมอยู่
    “นักรบเกราะนี่นา หายาก ศิลปกรรมชิ้นเอกเลยนะเนี่ย” เรเวนสำรวจเกราะนักรบปีศาจอย่างสนใจแต่ก็โดนนักดาบหนุ่มหิ้วออกไปแล้ว
     
    “Jupiter Thunder” สายฟ้าผ่าระเบิดร่างนักรบเกราะตัวสุดท้ายทันที
    “เฮ้อ ถ้ามีพวกนักบวชมาด้วยคงจะดีไม่น้อยเลยนะ” นักเวทย์สาวนามวินเมลเอ่ย
    “นั่นสิคะแต่พวกเราเก่งกันขนาดนี้ รอดแน่นะคะ” นักธนูสาวผมชมพูกล่าว
    “ใช่ค่ะ คุณน้องขา”
    จึ๋งๆ~
    “อย่าดึงผ้าคลุมสิเสียมารยาทนะรู้ไหม” นักเวทย์สาวหันไปมองด้านหลัง ซอมบี้หื่นกามนับสิบมองพวกเธออย่างหื่นกระหาย
    เหอๆ ผู้หญิงขาวๆ อวบๆ~
    “กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด หนูไม่อยากสู้ตัวพวกนี้”
     
    “โดดเดี่ยวเดียวดายในท้องเล ลมพัดลมเพไปตามกระแส~” ซีกระชับพัดคู่ของตนแน่นขณะเดินอย่างระมัดระวัง “ระวังตัวด้วยที่แบบนี้มักมีกับ...”
    กริ๊ก~
    “ดัก” ร่างไม่บางร่วงลงไปในหลุมทันที จนกระแทกพื้นอย่างแรง “บอกแล้วว่าให้ระวังๆ” “แกแหละที่เหยียบอ่ะ” (คุยกับตัวเองได้) หญิงสาวลุกขึ้นสำรวจไปรอบๆช้าๆจนพบกับเสาต้นหนึ่ง
    “Light” แสงสว่างอาบไล้หัวคทาด้ามงามเสาที่จับปรากฏแก่สายตา มันคือร่างยักษ์สูง5เมตรเศษตัวเป็นกระดูก(บรรยาย บลาๆๆ)
    “เฮือก” ผลลัพธ์ก็รู้ๆกันอยู่ วิ่ง!
     
    “อ๊ะนั่น คาเรนนี่มีพระด้วยเรารอดแล้ว” ไวน์พูดขณะวิ่งอย่างดีใจ
    “ไวน์กับวินนี่เรารอดแล้ว” นักดาบหนุ่มพูดอย่างดีใจ
    “ทางนั้นก็ด้วยเรอะ!” สอดประสานเสียงซิมโฟนี่เมื่อเห็นเหล่าปีศาจที่ตามมา “สลับกันชน!” 2หนุ่มหันไปปะทะกับผีหื่นกาม ส่วน2สาวไปสู้กับนักรบเกราะแทน อีกร่างหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาทั้ง4อย่างเร็วชนิดหมายังตามไม่ทัน
    “คาเรนลากรถเข็นนี่เร็ว” ซีหยิบรถเข็นจากไหนไม่รู้ส่งให้คาเรนที่ทำท่าไม่รับแต่ซีขึ้นรถเอาไม้ผูกเชือกกับภาพลับใส่ถุงล่อไว้หน้ารถ คาเรนวิ่งเข้ามาลากทันที
    “วิ่งให้ไวอย่าได้เหลียวหลัง” คนอื่นๆหันไปมองพร้อมกัน
    “ราชานักรบทมิฬนี่เพิ่งเห็นตัวเป็นๆ” พระหนุ่มพูดลอยๆขณะที่โดนอุ้มอยู่ ส่วนคนอื่นรึ วิ่งไปแล้ว
    “ข้างหน้าทางขาดทำไงดี” สารถีรถเข็นบอกมือกำรูปพี่วินเก็บทันที
    “คาเรนมานี่ วินร่ายเวทย์ปราการน้ำแข็งเร็วเข้า ไวน์ยื้อพวกมันไว้” ซีสั่งหลังลงจากรถ
    “จะทำไรก็ทำ Ice max” เวทย์น้ำแข็งถูกร่ายซีกับคาเรนฟันกำแพงน้ำแข็งจนแตกพาดไปฝั่งตรงข้าม ร่างทั้ง4วิ่งข้ามสะพานน้ำแข็งไป
    “คาเรนเร็วเข้า จะยื้อไม่ไหวแล้วนะ” ไวน์หันมาเร่งคาเรนที่ลากรถอยู่จนข้ามมาได้
    “ทำไมรถมันหนักๆฟระ” คาเรนหันไปทางรถ เรเวนที่นั่งอยู่หันมายิ้มให้ “แกจะขึ้นมานั่งทำไมฟระ”
    “ไม่เมื่อยดี” พระหนุ่มตอบยิ้มๆ
    “แกตาย” นักดาบหนุ่มพูดพลางวิ่งไล่ไปรอบๆ
    ซีหันมามองอย่างระอาก่อนจะเดินไปที่ประตูไม้ผุๆด้านหน้า “แล้วเจอกันที่เซวิลเรีย” แล้วร่างก็โปร่งแสงหายไปตามด้วยร่างของคนทั้ง4
     
    “เอาล่ะ นักเรียนที่รักยินดีที่สอบผ่านกันมาได้นะคะ การทดสอบประตูใจเมื่อครู่คงสอนให้ทุกท่านรู้แล้วว่าการประเมินสถานการณ์เป็นสิ่งสำคัญพอๆกับกำลัง บัดนี้ทุกคนได้เป็นนักเรียนแห่งเซวิลเรียแล้ว” ผอ.สาวที่ไม่รู้กลับมาได้ยังไงเอ่ย ก่อนลงจากเวทีไปปล่อยให้คนอื่นมาพูดต่อ (มีบทแค่นี้)
    “เรามารวมกลุ่มกันไหม” ซีเนียเสนอ
    “ภาพมือพี่วินนี่มันลับตรงหนายยยยย~”เสียงปีศาจโหยหวนช่างมันเถิด
    “ชื่อกลุ่มว่าอะไรดีล่ะ” เรเวนถาม
    “Fyryes ดีไหม?” วินเมลตอบ
    “แปลว่าอะไร?”
    “ไม่รู้สิ”
    เสียงหัวเราะสะท้านก้องห้องโถงสู่จุดเริ่มต้นแห่งFyryes
     
    บทเรียนของเรื่องนี้ :: แสดงให้รู้ถึงความสามัคคีของหมู่พ้องเพื่อน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×