ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรักของผม-เด็กนักเรียนกางเกงน้ำตาล

    ลำดับตอนที่ #2 : 2nd คิด

    • อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 57


    2nd คิด

                หลังจากเมื่อวาน ผมรู้สึกว่าพวงห้องคิงวิทย์ไม่ค่อยชอบผมยังไงก็ไม่รู้ โดยเฉพาะกิต แต่ผมก็ไม่รู้ว่าผมผิดอะไร ขนาดก่อนเข้าแถววันนี้ ตอนที่เดินสวนกับผม มันยังเหมือนไม่อยากพูดกับผมเลย

               

                “คุณเกมครับ มึงนั่งคิดไรอยู่ เหม่อเป็นพระเอก MV เชียว” ไอ้กาย แซวผม

                “นั่นดิครับ ท่านประธาน คิดถึงสาวอ่ะดิ นี่บัตรคิวถึงไหนล่ะเนี่ย” ไอ้ตี๊ ก็ร่วมวงกับไอ้กายอีกคนครับ

                “เออคิดว่าจะทำไงให้พวกมึงเลิกปากหมาดี” ผมตอบแบบกวนๆ กลับ

                “อ่าวมึงนี่ เพื่อนที่แสนดีอย่างพวกกูก็อุตส่าห์เป็นห่วง” ไอ้กาย กลายร่างเป็นคนดีไปในทันทีครับ

                “เออไม่มีไรหรอก ว่าแต่มึงเตรียมเอกสารประชุมเย็นนี้ยังว่ะ” ไอ้กายกับไอตี๊เป็นสภานักเรียนด้วยครับ

                “เรียบร้อยล่ะ ว่าแต่กูได้ยินว่าไอ้กิตมันจะเอาไอ้นายมาช่วย มึงโอเคเหรอว่ะ” ไอ้ตี๊พูดถึงไอ้นายทำไม

     

                จริงครับ ผมลืมไปเลยว่างานนี้ไอ้กิตเอานายมาทำงานด้วย ผมรู้สึกว่านายมันเป็นคนหยิ่งๆ ไม่ค่อยคุยกับผม แต่ผมไม่รู้ว่ามันคิดยังไงนะครับ มันอาจจะไม่ชอบที่ผมไป AFS มาปีนึงแล้วก็ยังมาเป็นสภานักเรียนอีก แต่ผมไม่ได้เกลียดมันนะครับ

     

                ติ๊ง… Line ผมเด้งขึ้นมาครับ

                หลิน:      เกม หวัดดี ทำไรอยู่

                ผม:        หลิน เรากำลังรอเรียนคาบต่อไปนะ หลินมีไรเปล่า

                หลิน:      เราแวะมาจีบเกมแหละ ^^ ไปล่ะ

     

                หลินเป็นเด็กโรงเรียนหญิงล้วนครับ เรารู้จักกันตอนไปเรียนพิเศษ หลินให้เพื่อนหลินส่งขนมมาให้ผมตอนเรียนเคมีอาจารย์อุ๊ จนผมโดนพี่ที่คุมห้องดุเลยครับ 555+ หลินเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่น่ารักดีครับ ตาโตๆ ขาวๆ เสียงเล็กๆ แถมเรียนเก่งอีกต่างหาก แต่! ผมไม่ได้ชอบหลินครับ แค่รู้สึกว่าหลินเป็นเพื่อนที่น่ารักคนนึง

     

                “เหยดดดดด มีสาวมาติดหว่ะ” ไอ้ตี๊เจ้าเดิมครับ กวนตีนตลอด

                “ก็เหี้-ล่ะ หลินไง” ผมสวนกลับทันทีครับ

                “นี่เค้าก็จีบมึงตั้งแต่ ม.5 ล่ะนะ ไม่สนจริงๆ เหรอว่ะ” ไอ้ตี๊ยังไม่หยุดถามครับ

                “มึงนี่ก็ชอบเสือกเรื่องไอ้เกมมัน ว่าแต่ยังไงว่ะ 555+” ผมก็นึกว่าไอ้กายจะช่วยผมครับ ที่ไหนได้ พอๆ กับไอ้ตี๊เลย

                “กูเฉยๆ หว่ะ เป็นเพื่อนแหละดีแล้ว” ผมตอบปฏิเสธเรื่องหลินกับพวกมันเป็นรอบที่ร้อยกว่าล่ะครับ 555+

                “เห้ย กลางวันแดกก๋วยเตี๊ยวกัน” ไอ้ตี๊บอก ผมกับไอ้กายพยักหน้าด้วยท่าทีที่เห็นด้วยกับมัน

     

                หลังจากเลิกเรียนคาบก่อนพักกลางวัน พวกผม 3 คน ก็เดินไปโรงอาหารอย่างเร็วครับ ถ้าไปช้าขืนมีหวังโดนเด็ก ม.อื่นแย่งโต๊ะนั่ง ระหว่างที่กำลังลงตึก ไอ้ตี๊ก็พอดีมองไปเห็นพวกห้องคิงวิทย์ครับ ไอ้กิตไม่เห็นพวกผม แต่เหมือนไอ้นายจะเห็นผม แต่ก็นั่นแหละครับ มันก็เมินๆ ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าผมไปทำอะไรให้มัน เห้ออออออออออ…ให้ตายเถอะ

     

                “เห้ยไอ้นาย ไอ้นาย” เหมือนไอ้ตี๊จะอ่านใจผมออก มันตะโกนทักไอ้นาย ทำให้ไอ้นายต้องหันมาอีกรอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยครับ

                “เออว่าไงมึง แดกข้าวด้วยกันป่ะ” ไม่น่าเชื่อครับว่าไอ้นายจะชวนไอ้ตี๊กินข้าว แต่เอ๊ะ! มันไม่ได้ชวนผมกินข้าวนี่ครับ

                “เอาดิๆ แต่กูเอาไอ้กายกับเหี้-เกมไปด้วยนะ” ไอ้ตี๊ตอบกวนตีนไอ้นายครับ เพราะมันก็พอรู้ๆ อยู่ว่าไอ้กิตไม่ค่อยชอบหน้าผม แล้วไอ้นายก็เมินๆ ผมอีก

                “เออๆ แต่มึงก็ระวังไอ้กิตละกัน” ไม่น่าเชื่อครับว่าไอ้นายตอบตกลง แต่ก็มีรังสีอำมหิตจากไอ้กิตอยู่ข้างหลังครับ

     

                กลุ่มไอ้กิตเหมือนมันจะเป็นหัวหน้าแก็งค์ แต่จริงๆ แล้วผมว่าไอ้นายนี่แหละครับ เบื้องหลังตัวจริง มันคอยตัดสินใจทุกอย่าง แม้แต่ตอนที่ส่งไอ้กิตลงประธานนักเรียน ก็มันอีกแหละครับที่ช่วยไอ้กิตและคิดนโยบายทั้งหมด

                ทำไมผมรู้เหรอครับ เพราะผมติดตามชีวิตไอ้นายตั้งแต่ผมกลับจาก AFS ใหม่ๆ แล้วหล่ะครับ อย่างที่บอกคนอะไรแม่งโคตรหยิ่ง แต่เหมือนในตัวมันมีอะไรหลายๆ อย่างให้น่าค้นหา ผมเลยรู้สึกว่าอยากจะเป็นเพื่อนมันให้ได้

     

                “ขอบคุณมากนะมึง” ผมขอบคุณไอ้นายที่ชวนไปกินข้าวครับ แต่มันกลับหันมามองผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วเดินไปต่อ

     

                ที่จริงที่ไอ้ตี๊คุยกับไอ้นายได้ เพราะพวกมันเคยเรียนห้องเดียวกันมาตอนประถมกับ ม.ต้นครับ ไอ้ตี๊บอกว่าจริงๆ แล้วไอ้นายมันนิสัยดี แต่มันชอบทำตัวหยิ่งๆ เพราะอะไรก็ไม่รู้

                ระหว่างที่นั่งกินข้าวกัน 8 คน ที่ประกอบไปด้วยแก็งค์ไอ้กิต 5 และพวกผมอีก 3 บรรยากาศวังเวงมากครับ จะมีก็แต่ไอ้นายกับไอ้ตี๊ที่คุยกันเป็กปกติที่สุดในโต๊ะ ผมเลยอยากแจมกับพวกมันครับ

     

                “เห้ยนาย ก๋วยเตี๊ยวอร่อยป่ะว่ะ กูยังไม่เคยกินเลย” จริงครับ ผมเกลียดก๋วยเตี๊ยวมากสุดแล้วในบรรดาอาหารทั้งหมด

     

                ไอ้นายทำหน้าอึ้งๆ ไปเล็กน้อยครับ ที่ผมชวนมันคุย มันคงไม่คิดว่าคนอย่างผมจะชวนมันคุย

     

                “ก็พอได้นะ กูชอบกินก๋วยเตี๊ยวอยู่แล้ว” อาหารที่มันชอบกับอาหารที่ผมชอบโคตรจะตรงข้ามกันเลยครับ 555+

                “พี่นาย กินไรอ่ะ น่าอร่อยจัง ผมขอลูกชิ้นลูกนึงดิพี่” บาส เด็ก ม.5 ชอบมาเกาะแกะไอ้นาย เอาจริงๆ ถ้าผมเป็นไอ้นายผมคงรำคาญมันจะแย่ แต่ผิดครับ ไอ้นายออกจะเอ็นดูเด็กคนนี้

                “มึงนี่ไม่ไปนั่งกินกับเพื่อนมึงว่ะ” ไอ้นนดุไอ้บาสที่ชอบมายุ่งกับไอ้นายครับ

                “เออๆ ไม่เป็นไรมึง ไอ้บาสมันก็แค่มากินนิดๆ หน่อยๆ ป่ะว่ะ” ไอ้นายตอบไอ้นน ทำให้ไอ้บาสหน้าระรื่นครับ ผมละหมั่นไส้มันจริงๆ อยากจะขโมยลูกชิ้นมากินซะเอง

                “ว่าแต่เย็นนี้พี่นายว่างป่ะ ไปส่งผมเรียนพิเศษหน่อยดิ” เอากับมันสิครับ ได้คืบยังไม่พอนี่จะเอาวาเลยครับ

                “ไม่ได้หว่ะ พี่มีประชุมกีฬาสีตอนเย็น ไว้คราวหลังนะ” พอไอ้นายตอบกลับ ไอ้บาสทำหน้าหงอยทันทีเลยครับ ผมแอบดีใจอยู่เล็กๆ

                “งั้นพี่ติดผมไว้ครั้งนึงนะ” ไอ้บาสอ้อนต่อครับ ไอ้นายก็พยักหน้ารับอีก ผมหล่ะสงสัยจริงๆ ว่ากับผมทำไมไมเป็นอย่างไอ้บาสบ้าง ทำไมมันเมินผม

     

                “เออนาย วันนี้ประชุมมึงอย่าเลทนะ เผื่อจะไปเรียนพิเศษทัน” ผมคุยกับไอ้นายต่อ ขัดจังหวะที่ไอ้บาสจะได้อ้อนไอ้นายครับ

                “อืม” อืมครับ! อืมคำเดียวกับใบหน้านิ่งๆ ของมัน ตอนนี้ผมชักอยากจะซัดหมัดใส่หน้าไอ้นายแทนหล่ะครับ แม่งคนอะไรว่ะ กวนตีนจริงๆ  

     

                หลังจากมื้อเที่ยงวันนั้น ผมหัวเสียนิดๆ คาบบ่ายทั้งบ่ายเลยเรียนไม่ค่อยจะรู้เรื่อง จนอาจารย์บางคนยังทักเลยครับ ว่าผมไม่ตั้งใจเรียน

                พอหมดคาบบ่าย ผมก็เดินไปที่ห้องสภาพร้อมไอ้ตี๊กับไอ้กาย จะได้ไปเตรียมเอกสารการประชุมกับโปรเจคเตอร์ให้เรียบร้อยครับ

     

                “เห้ยไอ้กิต ไอ้นาย มาไวนะมึง” ไอ้กายยกมือโบกทักไอ้กิตครับ

                “เออ กูว่างๆ เลยมาก่อน มีไรให้ช่วยเปล่า” ไอ้กิตตอบไอ้กาย พร้อมกับช่วยยกเอกสารที่ไอ้กายถืออยู่ครับ ถึงมันจะไม่ชอบขี้หน้าผม แต่มันก็ไม่ได้ไม่ชอบเพื่อนผมด้วย ผมก็รู้สึกว่ายังโอเคครับ

                “เออนาย มึงเป็นเลขางานนี้นี่หว่า มึงรู้ยังว่าต้องทำงานกับไอ้เกมนะ” เอาล่ะสิครับ ไอ้ตี๊เหมือนเตือนความจำผม ว่านายเป็นเลขางานนี้ แล้วผมเป็นประธานจัดงาน ผมต้องทำงานกับไอ้นายตลอด 2 เดือนนี้ มันจะยอมทำงานจนจบหรือมันจะเกลียดผมยิ่งกว่าเดิม

                “เออ กูพอรู้อยู่” เสียงเรียบเฉยของไอ้นาย ที่ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่า ความคิดของผมไม่น่าจะผิดนัก

     

                บรรยากาศอึมครึมในห้องสภาที่มีแค่ผม ไอ้ตี๊ ไอ้กาย ไอ้กิต แล้วก็ไอ้นายมันดูอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ครับ ผมไม่ชอบเลย แต่ดูหน้าไอ้นายก็ยังเฉยๆ ครับ มีคุยกับไอ้ตี๊บ้างเป็นระยะๆ

                5 นาทีก่อนเริ่มประชุม ประธานแต่ละสีกับตัวแทนแต่ละ ม. แล้วก็หัวหน้าวงโย หัวหน้าชมรมกีฬา ก็ทยอยเข้ามาจนครบครับ เราเริ่มประชุมกันตั้งแต่ 16.30 น. หว่าจะเสร็จก็ปาไปตั้งเกือบหกโมง แน่นอนครับว่าไม่มีใครไปทันเรียนพิเศษรอบเย็น ก็ต้องไปชดเชยรอบอื่นกันตามระเบียบครับ

     

                “เห้ยปนะชุมเสร็จแล้ว ไปหาไรกินกัน” ไอ้ตี๊ชวนผมกับไอ้กายไปหาไรกินเพิ่มพลัง ที่ถูกดูดจากการประชุมครับ

                “แต่กูจะชวนไอ้กิตกับไอ้นายด้วยนะ” ไอ้ตี๊พูดต่อครับ ทำเอาผมอึ้งไปสักพักใหญ่ๆ แต่ก็พยักหน้ารับ

                “ไอ้กิต ไอ้นาย ไปหาไรกินกัน ไปเลยๆ ห้ามปฏิเสธ” หน้าไอ้กิตบอกว่าไม่อยากไปแต่ก็ขัดไอ้ตี๊ไม่ได้ครับ แต่หน้าไอ้นายเหรอครับ สีหน้าเรียบเฉย ตามปกติของมัน

                “แม่ วันนี้นายกลับค่ำๆ หน่อยนะ ไม่ต้องมารับ เดี๋ยวให้เพื่อนไปส่ง” ไอ้นายโทรรายงานแม่ก่อนที่พวกเราจะออกไปหาไรกินครับ ช่างเป็นลูกที่ดีจริงๆ

     

                หลังจากซัดข้าวกันไปจนอิ่ม ต่อด้วยไอติมอีกคนละโคน พวกเรากำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้านครับ

     

                “ไอ้เกมกูฝากมึงไปส่งไอ้นายด้วย วันนี้กูจะไปบ้านไอ้กายก่อนกลับ” เอาแล้วไงครับไอ้ตี๊ หาเรื่องมาให้ผมอีกแล้ว แล้วทำไมไอ้กิตไม่ไปส่งไอ้นายหล่ะครับ

                ที่จริงก็ไม่น่าถามครับ ไอ้กิตเป็นประเภทเลิกเรียนแล้วต้องกลับบ้านเลย ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน มันเลยไม่ไปส่งไอ้นายครับ ผมก้เลยต้องไปส่งตามระเบียบ

                แล้วหน้าไอ้นายผู้ที่ผมจะต้องไปส่งเป็นยังไงเหรอครับ เรียบเฉยอีกแล้วครับ เห้อออออออออออ

     

                “ถ้ามึงลำบากก็ไม่เป็นไรนะ กูกลับเองได้” ไอ้นายพูดกับผมขณะที่กำลังเดินออกจากร้านไอติม โดยที่มันไม่ได้มองหน้าผมแม่แต่นิดเดียวเลยครับ

                “ไม่เป็นไร กูไม่ลำบาก ไอ้ตี๊ฝากมากูก็ต้องไปส่งมึงถึงบ้านดิ” พอไอ้นายได้ยินผมตอบกลับ มันหันมามองหน้าผมพร้อมกับรอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนบนหน้าของมัน แม้จะเป็นการยิ้มแบบยิ้มเล็กๆ มุมปากก็เถอะครับ

                “เออ ขอบใจ”

     

                ทำไมหัวใจผมรู้สึกพองโตอย่างบอกไม่ถูก กับแค่คำว่า “ขอบใจ” หรืออาจจะเป็นเพราะรอยยิ้มของมัน ทั้งๆ ที่มันเป็นรอยยิ้มเล็กๆ แต่ผมรู้สึกว่ามันทำให้ความรู้สึกเซ็งๆ เมื่อกลางวัน และความหมั่นไส้ที่อยากตะเตะมันสักทีสองทีหายไป ตอนนี้เหมือนในท้องผมกำลังมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินวนอยู่ในท้องเลยครับ

     

                “มึงยิ้มไรนักหนาว่ะ ยังกับคนบ้า” เสียงไอ้นายปลุกผมจากภวังค์ที่ผมสร้างขึ้นครับ แล้วก็พบว่าตอนนี้ผมกับมันยืนอยู่หน้าบ้านมันแล้ว

                “กูไปล่ะ บาย” สีหน้าเรียบเฉยกับมือที่ยกขึ้นมาโบกบ้ายบาย ทำให้ผมรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปไวจริงๆ  
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×