คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 1:พี่ชายที่แสนน่ารำคาญ
พี่ชายที่แสนน่ารำคาญ
“แหะๆ ขอโทษนะคะ ‘ซิสเตอร์’ ”
ฉันกล่าวขอโทษเธอ หรือผู้หญิงที่ฉันเรียกว่า‘ซิสเตอร์’
ความจริงผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ชื่อซิสเตอร์หรอกค่ะ ชื่อจริงของเธอคือ‘ฮาชิโมโตะ ซาเอะ’
‘ซิสเตอร์’เป็นเพียงสรรพนามที่ฉันใช้เรียกเธอเท่านั้น เนื่องจากเธอดูเหมือนแม่ชีในโบสถ์ ซึ่งความจริงจะเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า ฉันก็ไม่รู้
แต่ว่าเธอใจดีมากเลยนะคะ ขนาดฉันพูดห้วนๆกับเธอเหมือนเป็นเพื่อนเล่น ทั้งที่เราอายุห่างกันมาก เธอก็ไม่เคยว่ากล่าวฉันซักคำ
ต่างจาก‘ใครบางคน’ลิบลับเลย
“มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ มิซากิจัง” ซิสเตอร์ถามฉันด้วยรอยยิ้ม
“ป-เปล่าค่ะ วันนี้ไม่มีที่ไป แล้วก็ไม่มีอะไรทำด้วย เลยคิดว่าจะมาฆ่าเวลาที่นี่...”
“ใครว่าไม่มีอะไรทำฮะ ยัยมิซากิ...!”
ขวับ! ฉันหันตัวพร้อมทอดสายตามองหาต้นเสียงเมื่อซักครู่
จนเจอกับต้นเสียง คือชายหนุ่มที่อายุแก่กว่าฉัน ผมสีน้ำตาลแก่ยาวถึงปลายคาง นัยน์ตาสีน้ำตาลโกโก้แบบเดียวกับฉัน กำลังจ้องเขม็งมาที่ฉัน ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อฉันให้ได้
“นึกว่าหายไปไหน ที่แท้ก็มาเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่เอง”
“ไม่ได้มาเตร็ดเตร่นะ!” ฉันตะคอกใส่เขา
“ถ้าไม่ได้มาเตร็ดเตร่ แล้วของที่สั่งให้ซื้ออยู่ไหนล่ะฮะ”
...อยากบอกว่า‘ลืม’
จริงด้วย เรากำลังอยู่ระหว่างเดินทางไปซื้อของที่ตลาดนี่นา แต่พอได้ยินเสียงระฆังของโบสถ์ เราก็ลืมทุกอย่างแล้วตรงดิ่งมาที่นี่เลย...
“ทำหน้าแบบนั้น ลืมใช่มั๊ย” รู้ทันอีก
“ถ้างั้นทำไมนายไม่ไปซื้อเองเลยล่ะ ‘มิซึกิ’!”
ฉันตะคอกใส่‘มิซึกิ’อีกครั้ง
‘มิซึกิ’ หรือ‘คิตาฮาระ มิซึกิ’ ฉันรู้จักเขาดีซะยิ่งกว่าอะไรอีกแล้ว
ก็เขาเป็น‘พี่ชาย’ของฉันเองนี่
แต่บอกไว้ก่อน ฉันไม่คิด และไม่เคยคิดที่จะนับถือเขาเป็นพี่ชายเลยซักครั้ง
ถ้าถามว่าทำไม...ก็เพราะว่าเขามันน่ารำคาญที่สุดเลยไง!
“ฉันก็มีงานทำในส่วนของฉัน เธอก็ต้องทำในส่วนของเธอด้วยสิ ยัยมิซากิ”
แบบนี้ไง เข้าใจรึยังว่าทำไมฉันถึงรำคาญเขา ก็เพราะเขามันขี้บ่นแบบนี้ไง! ไม่สิ...แค่ขี้บ่นยังไม่พอ ยังชอบก้าวก่ายชีวิตของฉันอีกด้วย!
“ทำหน้าแบบนั้นไม่พอใจอะไรงั้นเหรอ” ก็ไม่พอใจนายไงเล่า!
“ไม่รู้ล่ะ ฉันขอสั่งให้เธอไปซื้อของตอนนี้ และเดี๋ยวนี้เลยด้วย!”
มิซึกิตวาดใส่ฉัน พร้อมโยนถุงผ้าที่ใช้ใส่ของที่ซื้อมาจากตลาดมาให้ฉัน
“ถ้าไม่ซื้อ เย็นนี้ก็ไม่ต้องกินอะไรทั้งนั้น!”
“รู้แล้วน่า! ไม่ต้องย้ำนักย้ำหนาหรอกน่า!”
หลังจากที่โดนมิซึกิเทศนามามากมายหลายต่อ ฉันก็ก้าวเท้าเดินออกจากโบสถ์นี้ด้วยความเจ็บใจ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่ข้าวเย็น ฉันกระโดดสกายคิกใส่หน้ามันไปเรียบร้อยแล้ว ฮึ่ย!
‘ยัยบ้าเอ๊ย!’
ผมคิดด่า‘คิตาฮาระ มิซากิ’ น้องสาวของผมในใจ
ยัยมิซากิก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ผมทำอะไรไม่ถูกใจเธอนิดหน่อยก็ด่าผมแล้ว ด่าว่าชอบก้าวก่ายชีวิตของเธอบ้างก็มี เอาเรื่องของผมไปเล่าให้คนอื่น จนทำให้ผมเสียหายบ้างนี่ก็ประจำ
สงสัยจริงๆว่าทำไมผมถึงทนนิสัยนี้ของเธอมาได้เป็นปีๆ
“มิซากิจังยังเหมือนเดิมเลยนะ”
“เป็นยัยหัวดื้อเหมือนเดิมสิไม่ว่า”
ผมตอบ‘ซิสเตอร์’ ที่ตอนนี้ยังคมยิ้มร่าเหมือนทุกครั้ง
“ทะเลาะกันอีกแล้วงั้นเหรอ มิซึกิคุง” เธอถามต่อ
“เหมือนทุกครั้งนั่นแหละครับ”
“ถ้าไม่รังเกียจ จะช่วยเล่าให้ฉันฟังได้มั๊ยจ๊ะ”
“ซิสเตอร์ไม่ต้องเสียเวลามาฟังเรื่องไร้สาระพรรค์นี้ก็ได้นะครับ”
“อย่าพูดเหมือนเป็นคนอื่นคนไกลแบบนี้สิจ๊ะ”
“เฮ้อ ก็ได้ครับ...”
สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายยอมแพ้ซิสเตอร์เหมือนทุกครั้ง
ผมเล่าให้เธอฟังว่า วันนี้ผมวานมิซากิไปซื้อของที่ตลาด ซึ่งปกติผมจะเป็นคนรับผิดชอบหน้าที่นี้เอง แต่วันนี้ผมต้องไปช่วยงานคุณลุงข้างบ้าน เพราะคุณลุงแกเพิ่งออกจากโรงพยาบาล อยู่ในช่วงพักฟื้น คุณลุงจึงทำงานหนักไม่ได้
มิซากิเองก่อนไปก็ทำท่าทางค้อนใส่ผม แต่ก็ยอมไป
กว่าผมจะกลับมาบ้านก็กินเวลาไปตั้งเยอะ แต่เธอก็ยังไม่กลับมาซักที
นึกแล้วเชียวว่าต้องมาอยู่ที่นี่
“มิซึกิคุงเองก็พูดกับมิซากิจังดีๆก็ได้นี่”
“ถึงพูดดีไปเธอก็ไม่ยอมทำตามอยู่ดีแหละครับ เธอยิ่งไม่ชอบหน้าผมอยู่ด้วย”
“ก็เพราะมิซึกิคุงไปพูดกับมิซากิจังไม่ดีแบบนี้ไง เธอเลยไม่ค่อยอยากจะเชื่อฟังมิซึกิคุงซักเท่าไหร่”
“เราเป็นพี่ต้องมีความอดทนนะจ๊ะ”
“เพราะผมเป็นพี่ ผมถึงผิดทุกอย่าง...ที่จริงตั้งใจจะพูดแบบนั้นใช่มั๊ยครับ ซิสเตอร์”
ใช่สิ เพราะว่าเกิดเป็นพี่ เวลาทำผิดก็โดนว่าอยู่ฝ่ายเดียว ทุกคนก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่เป็นน้อง มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไม่ใช่นะ แล้วนั่นจะไปไหนน่ะจ๊ะ”
“ยัยมิซากิถือของหนักขนาดนั้น กว่าจะกลับคงช้า กว่าจะกินข้าวเย็นสงสัยจะทุ่มครึ่ง แบบนั้นได้เป็นโรคกระเพาะตายกันพอดี” ผมพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะเดินออกจากโบสถ์
ถ้าฉันเป็นโรคกระเพาะตาย ฉันจะมาหลอกหลอนเธอคนแรกแน่ ยัยมิซากิ!
-----------------------
ความคิดเห็น