ตอนที่ 9 : ทั้งห้าต้องการลองของกลับเจอดี 1
เสียงสัตว์ป่าร้อง ระงมจนจับเสียงไม่ได้ว่าเป็นสัตว์ชนิดใด ขอเพียงอย่าเป็นกลุ่มหมาป่า หมาล่าเนื้อเป็นใช้ได้ เธอออกล่าตระเวณไล่จับคนร้ายเข้าทั้งป่าดงดิบปีนภูเขาบ่อยครั้ง จึงพอมีประสบการณ์และพอรู้ว่าสัตว์จำพวกไหนอันตราย
และอยากหัวเราะตัวเองนัก ทำไมถึงได้บ้าจี้ยอมออกล่าสัตว์ยามค่ำคืน ไม่ได้เป็นนายพรานที่มนต์คาถาเสียหน่อย!
เสือ สิงห์ กระทิง แรต หมูป่า พวกนี้หากินเดี่ยวๆยากที่จะรวมกลุ่ม และเธอมีกันหกคนคงไม่เท่าไร แต่หมาป่า หมาล่าเนื้อนี้สิที่หากินเป็นฝูงจะน่ากลัวที่สุด เธอคิดว่าเธอเอาตัวรอดได้เพราะมีอาวุธอันตรายที่สุดในยุคนี้ในมือ แต่คนทั้งห้าที่เดินนำหน้าพอจะมีความรู้ในเรื่องนี้หรือเปล่าและจะรับมือไหวหรือถ้าอยู่ในฝูงของมัน
"เงียบไปเลย เจ้ากลัวละสิฮ่ะๆๆ"
คนถือคบเพลิงเดินนำหน้า เริ่มพูดแดกดันเธอก่อน และตามด้วยคนที่สามถือคบเพลิงเช่นกันหัวหัวเราะร่วนตามคนข้างหน้าจนคบเพลิงที่ถือส่ายไหว ก่อนจะตามอีกสามเสียงที่ประสานกันหัวเราะ ดูท่าทางสบายๆ ทั้งห้าคนน่าจะทำหน้าที่เป็นไกด์พาเธอมาทัวร์ป่ายามค่ำคืนมากกว่าบอกว่ามาล่าสัตว์เป็นอาหารพรุ่งนี้
"ฮ่ะๆๆ"
"เปล่า ข้ากำลังฟังตั้งใจฟังว่า เสียงสัตว์ป่าที่ร้องมันคือตัวอะไร เท่านั้น" ตอบอย่างใจเย็น และยังสงสัยเพียงคบเพลิงแค่นี้จะส่องสัตว์ป่า และจะล่าสัตว์ป่าประเภทไหนได้ ถึงจะมีแสงของดวงจันทร์พอเห็นรางๆก็ตาม หาเรื่องออกมาล่อให้สัตว์ป่าจับกินเป็นอาหารล่ะไม่ว่า
"บรู๊รู๊รู๊"
คนทั้งห้าชงัก พลอยให้ลี่เซี่ยหยุดชงักการก้าวเดินไปด้วยเพราะเสียงร้องแบบหอนยาว รับกันเป็นทอดๆ ไม่พ้นเป็นหม่าป่า มีกี่กัน!!?
'โอ๊ยยย...อยากหัวเราะ ถามหาโจโฉ โจโฉก็มา' ลี่เซี่ยอยากจะหัวเราะออกมาเป็นจังหวะร๊อกจริงๆ แต่กลัวคนทั้งห้าจะผวาแตกตื่น
เธอตั้งสมาธิพร้อมรับมือ เตรียมอาวุธกระสุนใช้ไปแล้วหนึ่งที่เหลือเจ็ดนัดพอเอาชีวิตรอดได้เมื่อเธอวิ่งเร็วปานลมกรดอยู่แล้ว
คนเดินนำหน้าหันกลับมามองทุกคนพร้อมบอกแกมออกคำสั่งเสียงเครียด "เดี๋ยวทุกคนเงียบ หาที่กำบังเสียก่อนค่อยว่ากัน"
'จะเงียบยังไงมันก็ต้องรู้ ในเมื่อมีแสงไฟจากคบเพลิงและกลิ่นกายมนุษย์เตะตาเตะจมูกพวกมัน หึหึหึ อาหารชั้นเลิศเลยเชียวแหละ' ลี่เซี่ยนึกว่าให้ในใจแต่ก็ฟังเพราะคนพูดเป็นคนแคว้นเจียงเป็นเจ้าถิ่นอาจจะมีความรู้พอๆกับนายพรานก็เป็นได้
"นั่นเจ้าจะไปไหน"
ลี่เซี่ยที่เดินไปทางตรงกันข้ามถูกร้องถามแบบเสียงกรรโชก
"ข้าจะไปอยู่เหนือลมอย่างน้อยพอลบเลือนกลิ่นมนุษย์เช่นข้าได้บ้าง ส่วนที่พวกท่านหลบอยู่คือใต้ลม สัตว์จะได้กลิ่น" บอกแล้วเดินต่อไปยังใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ห่างนักแล้วเงยหน้าขึ้นมอง คงพอปีนป่ายไหวหากจำเป็นต้องหนีขึ้นที่สูง
"เจ้าไม่ต้องกลัว รองหัวหน้าองครักษ์ระดับปราณขั้นแปด ส่วนพวกข้าขั้นห้าขั้นหกปกป้องเจ้าได้ ฮ่ะๆๆ"
'หึ! หมั่นไส้จริงๆ เสียงหัวเราะแบบนี้ 'ปราณ' คงเหมือนละครจีนในทีวีที่มีลมปราณ วรยุทธ์ วิชาตัวเบา โอ้...นี้เธอจะได้เห็นตัวเป็นๆกับตาหรือเนี่ย'
"ขอบคุณท่านมาก ข้าดูแลตัวเองได้ท่านไม่ต้องห่วงข้าหรอก"
"เหอะ!!! ทำเป็นอวดดีอวดเก่ง ถือว่าข้าเตือนเจ้าแล้วนะ เกิดอันใดขึ้นอย่ามากล่าวหาข้าที่หลัง"
"ใช่ ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าไม่มีทั้งลมปราณ ไม่มีทั้งวรยุทธ์ เจ้าจะอวดเก่งเกินไปหรือไม่ และข้ายังข้องใจว่าเจ้าจะช่วยองค์ชายแปดรอดมือจากกลุ่มนักล่าแคว้นซ่งได้ยังไง"
คนที่เดินไปชวนเธอพูดกล่าวหาและหาเรื่อง ประมาณเข้าทำนองที่ว่า 'พูดชวนทะเลาะ' แต่เธอไม่ปริปากตอบโต้เดี๋ยวจะถูกชั่งน้ำหน้าเข้าไปอีก ได้แต่นิ่งเงียบและตั้งใจฟังว่าเสียงร้องอยู่ใกล้ไกลแค่ไหน และมืดแบบสลัวๆแบบนี้คนทั้งห้าคงมองหรือดูไม่ออกว่าเธอถืออะไรในมือเพราะทั้งห้าคนไม่รู้จักแน่นอน
อยากจะยกปืนสั้นให้ดูนัก และตระโกนบอกว่า 'ก็ด้วยไอ้นี้งัย ที่ช่วยองค์ชายแปด'
"บรู๊รูรูรูรูรู...."
"เสียงมันใกล้เข้ามาแล้ว คงเกินสิบตัวแน่ๆ"
"ท่านได้ยินเหมือนข้าหรือไม่ มันยังมีเสียง เหมือนเสียงพึมพำคล้ายเสียงสวดมนต์คาถา แล้วจะตามด้วยเสียงหอนรับยาว"
" " ทุกคนเงียบรวมทั้งลี่เซี่ยรอฟังอย่างที่มีคนในกลุ่มบอก
"คนพรรคมาร!!! ใช่ ต้องใช้แน่ๆ นี้มันถึงกับใช้สัตว์เดรฉาจ สัตร์อสูรคิดเล่นงานออกล่าตามหาองค์ชายแปดเชียวหรือ"
"มันก็รู้ว่าแคว้นเจียงมีเทพเซียน และยันต์ของท่านป้องกันภัย ไยมันยังอาจหาญคิดเล่นงาน"
"หึ! มันคงรู้ว่าท่านเทพเศียรอยู่ระหว่างจำศีลภาวนา จะไม่ยุ่งเกี่ยวทางโลก"
'พรรคมาร' ลี่เซี่ยยิ้มมุมปาก เหมือนเธอเข้ามาอยู่หรือเป็นตัวประกอบในละครทีวี หรือในนิยายจีน มีครบสูตร ลมปราณ วรยุทธ์ สัตว์อสูร เทพเซียน พรรคมาร
"เจ้ามิกลัว รึ พรรคมารมันเคยไว้ชีวิตผู้ใดหากมันคิดจะลงมือ"
ลี่เซี่ยสะดุ้งเมื่อมีคนเหาะมายืนตรงหน้าพร้อมตระคอกเสียงดังใส่จนแก้วหูแทบแตก
'นี้คือวิชาตัวเบาใช่หรือเปล่านะ'
"ยังเงียบอยู่อีก ไม่ได้ยินที่ข้าถามเจ้าเลยรึ"
"อ้อ เปล่าๆ ข้ากำลังคิดว่า พรรคมารก็คนเหมือนกันเช่นท่านไม่ใช่หรือ ในเมื่อท่านทุกคนก็เป็นถึงองครักษ์หลวง มีวรยุทธ์ ลมปราณ แล้วจะกลัวอะไรกับพรรคมารกัน" บอกและจ้องตาคนถามเสียงดังฝ่าความมืด
"นี้ เจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนมา ถึงไม่รู้ว่าพรรคมารมันเลี้ยงภูติผีปีศาจและสัตว์อสูรไว้ใช้เล่นงานศัตรู ถึงจะเก่งวรยุทธ์ มีลมปราณขั้นเทพ ก็ยากจะรับมือ"
"อ้าว งั้นเรอ" ลี่เซี่ยตกใจเลยเผลอพูดภาษาโลกอนาคต จึงรีบกลบเกลื่อน และแถมด้วยการยกยอปอปั้น "เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าทำเช่นใด ในเมื่อท่าทางของท่านจะเก่งกว่าทุกคน และข้าคงต้องพึ่งท่าน"
"หึ! นี้ยันต์ไว้คุ้มครอง อย่างน้อยพอเอาชีวิตรอดได้" ยื่นยันต์สีแดงผับทรงสามเหลี่ยมมีด้ายสีเหลืองผูกทับ
"ท่านรองเฉา ข้าว่าโชคดีที่เรามาพบเห็นเสียก่อน และเป็นด่านแรกที่พวกมันจะไปถึงที่ประทับแรม" เดินเข้ามาหาและบอกกล่าวเมื่อคิดขึ้นมาได้
"ใช่ ข้าชะล่าใจเกินไป คิดว่ามันจะไม่กล้าเข้ามายังดินแดนต้องห้ามสำหรับพวกมันตามที่ท่านเทพเซียนเคยประกาศิตไว้ นับว่าพวกมันเหิมเกริมนัก"
"ให้ใครไปส่งข่าวที่ประทับแรมก่อนดีหรือไม่"
"เจ้าลืมแล้วรึ ว่ารอบนอกที่ประทับแรม ยังมีทหารจากในค่ายมาดูแลอารักขาอยู่เป็นร้อยนาย ไม่ต้องกังวลไป และอีกอย่างส่งใครไปแจ้งคงไม่รอดมือมันแน่ ต้องเกาะกลุ่มกันไว้"
"จริงสิ แล้ว" ชี้ไปทางลี่เซี่ยที่กำลังให้ความสนใจยันต์ป้องกันภัยของท่านเทพเซียนที่ให้ทหารทุกนายไว้ประจำตัว "ท่านให้ยันต์แก่นางแล้วท่านเล่า ท่านรองเฉา"
"ไม่เป็นไร กระบี่ลงอักขระของท่านเทพเซียนพระอาจารย์ขององค์ฮ่องเต้ ไม่ต้องตกใจ รับรองว่ารับมือพวกมันได้"
"เช่นนั้นข้าก็เบาใจ เอ๊ะ...!"
ร้องเมื่อเหมือนจะเห็นแสงวูบๆหนึ่งที่ข้างเอวของลี่เซี่ย
"มีอะไร" ท่านรองเฉาถามเสียงเร็วเมื่ออยู่ๆลูกน้องตนเกิดร้องตกใจขึ้นมา
"เปล่าๆ สงสัยตาของข้าจะมองเห็นอะไรผิดไป"
"เมื่อไม่มีอันใด จงไปเตรียมตัว และบอกทุกคนให้มารวมกลุ่มที่เหนือลม
"บรู๊รูรูรูรูรู....เจ้าไปเรียนนายท่านว่า ข้าเจอคนกลุ่มหนึ่งแล้ว แต่กลิ่นที่ข้าสัมผัสไม่ใช้คนที่นายท่านต้องการ"
"ขอรับเจ้านาย"
"เดี๋ยวก่อน" ร้องให้ลูกสมุนหยุดฟังความเพื่อไปรายงานอีก
"ขอรับ"
"เรียนนายท่านด้วยว่า ข้าสัมผัสถึงกลิ่นไอของยมโลก ซึ่งมันแปลกนัก ให้นายท่านตรวจสอบพร้อมระวังด้วยเล่า และเรียนนายท่านว่าข้าจะลองเข้าไปดู พร้อมภูติอีกสามตน"
"ขอรับเจ้านาย"
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พับ พับกระดาษ พับผ้า