คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แผลงศร ตอนที่ 1 คนข้างบ้าน
“หนูอินแน่ใจแล้วเหรอที่ย้ายมาวันนี้”ภัณฑิราถามเพื่อนสาวอย่างหวาด ๆ
“แน่ใจสิ หนูอินยิ่งกว่าแน่ใจอีก ถ้าไม่ย้ายวันนี้หนูอินอาจจะไม่ได้ย้ายไปอีกเลยก็ได้ วันนี้เป็นวันที่ฤกษ์ดีที่สุดแล้วพี่ธีไม่อยู่ไปกับพี่แพรว ไม่ต้องไปถามพระที่ไหนหนูอินก็รู้”สาวน้อยร่างเล็กยกของเขาไปในรถของเพื่อนสาวที่มาช่วยขนของย้ายบ้านขณะที่พี่ชายหรือ ม.ร.ว.ธีรเดชไม่อยู่
“ฉันละเสียวจริง ๆ”ภัณฑิลาบ่นออกมาเบา ๆ หลังจากที่ขับรถเลี้ยวออกมาจากบ้านหลังใหญ่ชานเมือง
บ้านที่สวยหรู เครื่องใช้ไม่สอยเพียบพร้อม มีคนคอยดูแลทุกยี่สิบสี่ชั่วโมง ม.ร.ว. หญิงอินทรา เป็นผู้หญิงที่เรียกได้ว่าโชคดีที่สุดคนหนึ่งด้วยรูปโฉมและทรัพย์ที่มีพร้อม แถมด้วยเกียรติที่ได้มาตั้งแต่เกิด แต่เจ้าของที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมนี้กลับดูเหมือนจะไม่รู้ตัวในความโชคดีของตัวเองเลยสักนิด
ความที่เป็นลูกสาวคนเดียวเป็นน้องสุดท้อง จึงถูกเลี้ยงดู เอาอกเอาใจ ยังกะไข่ในหิน ที่ตอนนี้ลูกนกพยายามจะออกมาจากไข่ที่แข็ง หลายครั้งที่หล่อนรู้สึกอิจฉาเพื่อนคนนี้แต่ หลายครั้งก็รู้สึกเห็นใจในบางอย่าง การที่มีคนคอยดูแล เอาอกเอาใจนั้นไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดเสมอไป บางครั้งคนเราก็ต้องการอิสระ ถึงแม้การกระทำเหล่านั้นจะเป็นด้วยความรักแต่สิ่งที่มีมากเกินไปมันก็ทำให้รู้สึกถึงความอึดอัดและดูเหมือนจะทำให้ความสามารถในด้านอื่น ๆ น้อยกว่าคนที่ไม่ได้รับการเอาอกเอาใจ ข้อนี้เป็นสิ่งที่ทำให้ ม.ร.ว.หญิงอินทรา ดื้อกับครอบครัวเป็นครั้งแรกด้วยกลัวอนาคตที่ไม่แน่นอนเมื่อไม่มีใคร และไม่ต้องการชายหนุ่มที่พ่อแม่เลือกให้เพื่อฝากดูแลหล่อนไปชั่วชีวิต ด้วยคำนึงและเห็นถึงคำว่ารักที่ทั้งพ่อ แม่ มีให้แก่กันและกัน พี่ชายมีให้กับคนรักของเขา การที่แต่งงานกับคนที่เรารักจึงจะดีกว่าเหมาะสมในความคิดของม.ร.ว อินทรา
“เอา ถึงแล้ว หนูอินนะหนูอิน ถ้าพี่ชายแกไม่แหกอกฉันล่ะก็ฉันจะมาตามหลอกหลอนหนูอิน คอยดู”ภัณฑิราชี้หน้าคาดโทษคนที่โทรมาหาหล่อนอย่างกระทันหันเพราะฤกษ์ที่พระไม่ต้องดู หนูอินดูเองในการย้ายบ้าน
“ไม่เข้าใจยัยพรเลย ทำไมต้องมาชวนให้หนูอินมาอยู่ห้องนี้ด้วยนะ”หลังจากช่วยยกข้าวของขึ้นมาในห้องแล้ว ภัณฑิราก็เดินสำรวจดูห้องที่หนูอินจะมาอยู่ และเป็นอดีตห้องของเพื่อนที่ชิงตัดหน้าหล่อนไปแต่งงานกับผู้ชายข้างห้อง ที่ตอนนี้กำลังไปฮันนีมูนแสนหวานอยู่ที่ใดที่หนึ่งในโลก
“โธ่ พัน หนูอินว่าหนูอินหลุดจากเสียงบ่นของพี่ธีได้แล้วนะ ยังมาเจอพันบ่นแทนอีก”เสียงตัดพ้อมาจากสาวร่างเล็กที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดของเข้าห้อง
“ก็มันน่าบ่นไหมล่ะ หนูอินทำอะไรเป็นซะที่ไหน อาบน้ำเองเป็นก็ดีถมถืดไปแล้ว”ภัณฑิราว่าต่อด้วยไม่อยากให้เพื่อนต้องมาอยู่ในห้องที่เล็กกว่าบ้านเดิมมากมายนัก
“หนูอินฝึกได้ ถ้าพันไม่ช่วยก็ไม่ต้องพูดกันเลย”ม.ร.ว. หญิงสะบัดหน้างอน ๆ หันไปทางอื่น
ภัณฑิราได้แต่ส่ายหน้าอย่างขำขำ ในอาการเหมือนเด็กของคนที่ประกาศป่าว ๆ ว่าโตแล้ว
“จ๊ะ ๆ ฉันไม่พูดเรื่องนี้แล้วพอใจรึยัง”ยอมแพ้กับความดื้อของเพื่อนที่รู้ว่ามันก็พอจะมีเหตุสมควรที่ต้องทำอย่างนี้ แต่ถ้า พ่อ แม่ โดยเฉพาะพี่ชายของ หนูอินรู้ว่าเหตุสำคัญที่หนูอินขอย้ายออกจากบ้านคืออะไร คงจะต้องโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงมาพากลับทันทีแน่
ครั้งหนึ่งก่อนที่จะหาบ้านพักได้นั้นหล่อนเคยถามม.ร.ว.หญิงด้วยความสงสัยในความคิดที่จะย้ายออกจากบ้านของหล่อน “หนูอิน พันถามหน่อยได้ไหม”
“ได้ซิ พันอยากถามอะไรเหรอ”
“ทำไมถึงคิดจะย้ายออกล่ะ”
“หนูอินก็บอกไปแล้วไง”ม.รว.หญิงทำหน้ายู่ยี่ เมื่อเจอคำถามที่ตอบไปแล้วเป็นร้อยรอบของวันด้วยผู้เป็นพี่ชาย
“ก็เราคิดว่ามันต้องมีมากกว่านั้น”ครั้งนั้นไม่รู้ว่าสิ่งใดทำให้หล่อนคิดหรือสะกิดใจในตัวเพื่อนสาวจึงได้ถามออกไป
ม.ร.ว.หญิงหันซ้านหันขวาสักพักก่อนที่จะเขยิบเข้ามาใกล้หล่อนพูดเบาเหมือนกระซิบ “เมี่อเดือนก่อนหนูอินฝัน”หยุดไปแค่นั้นด้วยความไม่แน่ใจ จนคนอยากรู้ต้องกระตุ้นเตือน “ฝันว่าอะไร”
“เห็นงู แก่ ๆ เลื้อยเขามาพันรูปปั้นกามเทพแล้วมันก็เลื้อยไปที่ศรของกามเทพ โดยที่ศรมันชี้มาที่หนูอิน จากนั้นหนูอินก็ฝันแบบนี้มาเรื่อย ๆ หนูอินว่าอีกไม่นานหนูอินจะต้องได้เจอคู่แท้เหมือนในหนังแน่เลย พันว่าไหม”
คนถูกถามได้แต่ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดีกับความคิดของเพื่อน และตอนนี้ภัณฑิรามองไปรอบ ๆ ห้องอีกครั้ง ก่อนที่จะออกเดินไปข้างนอกห้องมองผ่านเลยไปเผื่อจะได้พบเพื่อนบ้านของหนูอินจะได้ฝากฝังเอาไว้ ถึงแม้อายุจะเท่ากัน แต่การเป็นอยู่และความเก่งที่จะออกมาต่อสู้ในโลกภายนอกภัณฑิราเชื่อว่าหล่อนจะมีมากกว่าคนในห้อง ความเอ็นดูในเพื่อนที่เป็นเหมือนน้องสาวทำให้หล่อนรู้สึกเป็นห่วงไม่น้อยไปกว่าครอบครัวที่แท้จริงของ ม.ร.ว.สาว
เมื่อไม่เห็นใครเดินผ่านเข้ามาภัณฑิราจึงต้องเดินกลับเข้าไปในห้องถามในสิ่งที่เพิ่งคิดได้ขึ้นมาเมื่อกี้นี้ก่อนที่ทั้งหล่อนและคนในห้องจะลืม
นันทวัตรกวาดตามองดูเอกสารในห้องทำงานใหญ่ การมาทำงานวันแรกของเขาเป็นที่ฮือฮาสำหรับหลาย ๆ คนในบริษัท ด้วยความที่เป็นลูกของรองผู้อำนวยการ เป็นหลานของผู้อำนวยการ แถมท้านด้วยคำนำหน้าว่า ดร. ทำให้เป็นที่สนอกสนใจต่อใครหลาย ๆ คน
เขาไม่ได้หลงไปเองหรือคิดไปเองว่าสำคัญในการปรากฎตัวของเขา งานที่ดูยาก กลายเป็นเรื่องง่ายไปทันทีที่ต้องทนกับสายตา เสียงซุบซิบนินทาของทั้งพวกพนักงาน ระดับล่างและบน นันทวัตรเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ หลับตาลงเมื่อรู้สึกล้ากลับการอ่าน ความเงียบภายในห้อง ทำให้ความสับสนวุ่นวายในใจเริ่มสงบ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาที่น้อยคนนักจะรู้ก็ดังขึ้น นันทวัตรควานมือไปหาเจ้าเสียงที่มารบกวนความสงบของเขา
“ไง ไอ้นัน”เสียงสดใสร่าเริงของภัทรพงศ์ดังเข้ามา
“ไง”นันทวัตรตอบทักทายกลับไปขณะที่ตายังหลับอยู่
“คืนนี้ว่างไหม”ถามเข้าเรื่องด้วยไม่ชอบการอ้อมคอม นิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยนของภัทรพงศ์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านรัฐมนตรี
“อือ”นันทวัตรตอบรับไปง่าย ๆ เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีงานอะไรติดค้างที่ต้องทำและยังไม่ต้องการกลับไปที่คอนโดเร็วเกินจำเป็น
สามชั่วโมงต่อมารถเบ็นซ์สีดำเงา ก็แล่นเข้ามาจอดในร้านอาหารกึ่งผับแสนหรูแห่งหนึ่ง นันทวัตรเดินเข้าไปในร้านนั้นตามที่ได้นัดกับภัทรพงศ์ไว้แล้ว เมื่องานเลี้ยงวันนี้เป็นงานเลี้ยงที่เจ้าเพื่อนตัวดีจัดขึ้นโดยการเชิญเพื่อนทุก ๆ คนมา โดยให้เหตุจัดงานนี้ว่า เลี้ยงต้อนรับด๊อกเตอร์ โดยการชวนสาวๆ และใครหลาย ๆ คนที่ ด๊อกเตอร์ไม่รู้จัก แต่นันทวัตรก็ไม่ได้สนใจอะไร เขาไม่สน ในทุกสิ่งไม่อยากเก็บมาเป็นอารมณ์ในทุกอย่าง
“มาแล้วเหรอ ด๊อกเตอร์”ภัทรพงศ์ทักทายมาจากมุมหนึ่งของร้าน ด้วยเสียงที่ดูจะอ้อแอ้เล็กน้อย ใบหน้าที่แดงกร่ำไปด้วยฤทธ์เหล้า ทำให้รู้ว่าเจ้าตัวคงเริ่มสังสรรค์มานานแล้ว
“อือ”นันทวัตรเดินเข้าไปหาภัทรพงศ์ สายตาจับจ้องไปมองที่ผู้หญิงที่อยู่ข้างกายเพื่อนที่เมื้อกี้เขาไม่เห็นด้วยความที่มีผู้คนมากมายนักในงานคืนนี้
“วันนี้ฉันปิดร้านเลี้ยงแกเลยนะเว้ย”บอกมาอย่างใจดี ภัทรพงศ์เรียกเด็กเข้ามาเพื่อสั่งเครื่องดื่มให้กับคนมาใหม่
“พี่พงศ์ค่ะ ไม่เห็นแนะนำให้หนูรู้จักคนนี้เลย”เสียงออดอ้อนดังมาจากสาวข้างกายที่เอามือไปคล้องแขนผู้ชายที่หล่อนเรียกว่าพี่พงศ์
“อ้อ เกือบลืมไป นี่ไอ้นันเพื่อนพี่เอง หรืออีกอย่าง ดร. นันทวัตร ส่วนนี้น้องออร่า”ภัทรพงศ์แนะนำเขาให้กับหญิงสาวข้างกายที่ยังดูเด็กและดูกร้านในสายตาของนันทวัตร ความรู้สึกบางอย่างทำให้เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเด็กสาวคนนี้นัก ถึงแม้อีกฝ่ายจะส่งสายตาเชิญชวนมาก็ตาม ปล่อยให้เพื่อนยุ่งไปคนเดียวก็พอ
นันทวัตรตวัดสายตาจากเพื่อนที่กำลังคลอเคลียอยู่กับผู้หญิงที่ชื่อออร่าหันมาสนใจกับแก้วเหล้าตกหน้า ขลึงเล่นไปมาก่อนที่จะมีเสียงดังมาจากข้างดึงความสนใจจากเขาไป
คนที่ดึงความสนใจจากเขาไปนั้นเป็นผู้หญิงหน้าตาเก๊ผมดัดเป็นลอนสวยเข้ากับรูปหน้า ไม่เด็กและไม่แก่ไปในสายตาของเขา เมื่อหล่อนยืนทำให้เขารู้ว่าหล่อนเป็นผู้หญิงร่างสูงเลยทีเดียว หุ่นเพรียวเหมือนนางแบบในทีวีแต่ก็ไม่ถึงกับผอมแห้งบางเกินไปนัก เสื้อที่หล่อนใส่ก็ช่วยเพิ่มและเสริมจุดด้อยของหล่อนทำให้หล่อนดูสวยมากในสายตาของเขา
“ไปบ้านฉันไหมค่ะ”ไม่รู้ว่าด้วยฤทธิ์ของแอลกฮอล์ที่หล่อนดื่มหรือความต้องการแท้จริงของหล่อนทำให้หล่อนชวนเขาไปอย่างนั้น ในเมื่อรู้หล่อนหรือใคร ๆ ก็น่าจะรู้ว่าหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องเอามาสนใจ ในเมื่อเขาไม่ใช่สุภาพบุรุษ หลังจากการเต้นรำที่เร้าร้อนของหล่อนได้ปลุกความรู้สึกบางอย่างของเขา
“ผมว่าไปที่คอนโดของผมดีกว่า”หันไปบอกกับหญิงสาวเพื่อเปลี่ยนสถานที่ เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้า นันทวัตรจึงเดินไปบอกกับภัทรพงศ์
“ให้ตายเถอะหนูอิน”เสียงบ่นปลายสายจากภีณฑิราที่เพิ่งกลับบ้านไปไม่ถึงชั่วโมง สบถออกมาอย่างยาวเยียด
“พี่ธีแกแล่นมาที่บ้านฉันเลยนะ ตอนนี้ก็ยังนั่งอยู่ในบ้าน ฉันเลยต้องระเห็จตัวเองออกมาข้างนอกเนี่ย มือถืออีกสายเข้ามีแต่ชื่อพี่ชายหนูอิน จนคนอื่น ๆ โทรหาฉันไม่ติดแล้ว”
“ไม่เกี่ยวเลยพัน มือถือพันรับสายซ้อนได้ไม่ใช่เหรอ”ม.ร.ว.สาวเถียงออกมาขณะกำลังใช้มืออีกข้างเช็ดห้องอีกข้างถือโทรศัพท์พูดคุยกับเพื่อน
“รู้ดีนัก แล้วทำไมคนรู้ดีไม่โทรไปหาพี่ชายตัวให้สิ้นเรื่องสิ้นราว เพื่อนที่ไม่รู้ดีเท่าจะได้กลับเข้าบ้าน”เพื่อนที่ต้องทิ้งบ้านตัวเองเถียงกลับมาในความช่างรู้ของ ม.ร.ว.สาว
“ก็เพราะรู้ดีไงถึงไม่โทร โทรไปก็ได้เจอกัณฑ์เทศน์ขนานใหญ่นะซิ ขนาดไม่ใช่ช่วงงานเทศกาลเกี่ยวกับพุทธศาสนา หรืองานปีใหม่ พี่ธียังสามารถเทศน์ฉันได้เลย”ม.ร.ว. อิทราเถียงกลับ เดินไปซักผ้าเช็ดโต๊ะ
“แล้วพันล่ะทำไมไม่เข้าบ้าน”ม.ร.ว.อินทราถามทั้ง ๆ ที่ก็รู้คำตอบ
“เรารู้หรอกว่าตัวรู้ไม่ต้องมาแกล้งถามเลย ลองกลับเข้าไปสิเราตายแหงเลย ตอนนี้ก็มาจอดรถอยู่ที่ทะเลสาบในหมู่บ้านขอพรกับพระทุกศาสนาให้พี่ธีกลับไปเร็ว ๆ จะได้เขาบ้านไปนอนเสียที”ภัณฑิราพูดตอบกลับเพื่อนไประหว่างที่เดินไปตามทะเลทราบที่พึ่งของหล่อนในตอนนี้
“เหรอจ๊ะ น้องพันพี่คงจะต้องขอโทษด้วย”เสียงคุ้นหูที่ดังเข้ามาในโสตประสาทของม.ร.ว.หญิงอิทราทำให้ร่างกายแข็งถือมือเย็นเฉียบ กดปิดสายอย่างไม่รู้ตัวก่อนที่ตนเหตุจะแย่งมือถือมาจากคนที่โดนจับได้
“ฮัลโหล ๆ”ม.ร.ว.ธีรเดชกรอกเสียงไปตามสายด้วยรู้ว่าปลายสายเป็นคนที่กำลังตามหาอยู่
“ตัดสายไปแล้ว ไงเราบอกพี่มาซะดีๆ ที่อยู่ของหนูอินนะ”เสียงถามที่ฟังดูโหด ๆ จากคนที่หวงน้องยิ่งกว่าจงอางหวงไข่ทำให้ภัณฑิราแทบจะกลืนน้ำลายไม่ลง ดีแต่ที่สายตาไปเหลือยเห็นคนรักของผู้ชายตรงหน้า หัวใจที่เริ่มฝ่อด้วยคนตรงหน้าที่เป็นทั้งพี่ชายและเจ้านายของเธอกำลังจ้องอยู่เริ่มฟู่ขึ้นเล็กน้อย
“ทำไงดี เนี่ย”ม.ร.ว.อิทรากำลังคิดหาทางเอาตัวรอดจากกัณฑ์เทศน์ของพี่ชายตัวเอง ด้วยรู้ว่าหนีออกมาโดยไม่บอกกล่าวเขา แต่ถึงงั้นก็เถอะหนูอินก็บอกพ่อกับแม่แล้วนะ เถียงขึ้นมาในใจด้วยไม่คิดว่าตัวเองผิดแต่อีกฝ่ายไม่รับรู้
ก่อนที่จะได้ทำอะไรเป็นการหนี พี่ชาย เสียงเคาะประตูหน้าดัง ๆ ตามด้วยเสียงของพี่ก็แทรกเข้ามาในโสตประสาท ทำไมมาเร็วอย่างนี้ล่ะ ด้วยลืมนึกไปว่าบ้านของภัณฑิรากับคอนโดของหล่อนใกล้กันมาก ทำให้ม.ร.ว.สาวเริ่มหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูกก่อนที่เสียงไขประตู เปิดและฝีเท้าคนจเข้ามาในห้องข้างนอก
เมื่อไม่เห็นทางออกอะไรมากนัก ม.ร.ว.อินทราจึงหันไปที่พึ่งสุดท้ายโดยไม่ลืมคิดที่จะแย่งกุญแจคืนมาจากพี่ชาย ไม่น่าให้พันไปเลย
“หนูอินมีกุญแจกี่พวง”ภัณฑิราถามขึ้นเมื่อลงมาทานอาหารในร้านใต้คอนโดด้วยกัน
“2 พวง”หญิงสาวร่างเล็กตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจนัก
“งั้นฉันขอ เพื่อเหตุฉุกเฉิน”ภัณฑิราขอมาดื้อ ๆ พร้อมกับเหตุผลที่คนเป็นเจ้าของไม่เข้าใจแต่ก็ยื่นให้โดยดี
“ไหนกัน หนูอินไม่เห้นอยู่เลย”เสียงที่ดังออกมาจากในห้องของม.ร.ว.หนุ่มทำให้คนที่เขาตามหาก้าวถอยหลังไปพิงกำแพงก่อนที่จะล้มลงไปเมื่อสิ่งที่คิดว่าเป็นกำแพงนั้นเป็นเพียงแค่ผ้าสีน้ำตาลบาง ๆ
ม.ร.ว.หญิงหันไปมองทางนู่นทางนี้ทีด้วยความงงเนื่องจากตัวได้เลยออกมาจากตู้เสื้อผ้าที่เป็นของตัวเองมาอยู่ที่ตู้เสื้อผ้าของคนอื่น กลิ่นหอมของน้ำยาปรับผ้าหนุ่ม กับเสื้อผ้าที่ดูก็รู้ว่าเป็นห้องของหนุ่มโสดทำให้หล่อนไม่กล้าเปิดประตูตู้ออกไปในตอนแรก แต่เสียงที่ดังมาจากห้องนอนทำให้เธอรู้ว่าพี่ชายกำลังกร้ำกรายเข้ามาในห้องแล้ว เป็นตัวกระตุ้นให้หล่อนผลักประตูตรงหน้าออกก่อนจะถลันออกมายืนหายใจท่ามกลางความตะลึงตกใจของเจ้าของห้องอีกคนที่กำลังยืนเปลือยกายอยู่
“ว๊าย ไอ้ลามก อุจาตตาที่สุด น่าเกียจ ขยะแขยง”เสียงว่าทอต่าง ๆ นานาออกมาจากริมฝีปากสวยของม.ร.ว.สาวทำให้คนที่โดนว่าหายจากอาการตกใจรีบเอาผ้าเช็ดตัวมาปิดบังบางส่วนแล้วถลันมาปิดอีกสิ่งหนึ่ง ปากของหล่อน
“นี่เธอจะบ้าเรอะ อยู่ ๆ มาที่ห้องของคนอื่นแล้วมาว่าเขาเนี่ย ไม่โดนขอ้หาบุกรุกก็ดีถมไปแล้ว”นันทวัตรใช้มือปิดปากหญิงสาวที่โผล่ออกมาจากตู้เสื้อผ้าเขาด้วยความฉุนเฉียวด้วยกลัวว่าคนในห้องน้ำจะได้ยิน
“เกิดอะไรขึ้นค่ะ นัน”เสียงตะโกนถามมาจากในห้องน้ำ
“ไม่มีอะไรหรอก พอดีผมเปิดทีวีแล้วตัวร้ายมันร้องกรี๊ดเท่านั้นเอง”ชายหนุ่มว่ากระทบคนที่อยู่ในอ้อมกอดที่ตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้
“เธอมาทางไหน กลับไปทางนั้นเลยนะไม่ต้องโผล่มาอีก ไปผุดไปเกิดเลนได้ยิ่งดี”เค้นเสียงบอกคนในอ้อมกอดที่ส่ายหน้าอยู่
“ให้ตายเถอะ เป็นพวกสโตกเกอร์หรือไง ไล่แล้วทำไมไม่กลับ”ชายหนุ่มสบถออกมาให้ได้ยินกันแค่ สอง คน คนในอ้อมกอดก็ยังส่ายหน้าอยู่อีก
“เอาล่ะถ้างั้นฉันจะปล่อยมือออกแล้วเธอก็บอกมา แต่ห้ามตะโกนด่าว่าอะไรอีกนะ ไม่งั้นฉันปล้ำเธอแน่”ชายหนุ่มบอกไปเพื่อเป็นการตัดปัญหา ก็ได้รับคำตอบเป็นการพยักหน้างึกงึก จึงปล่อยมือออกมา
“ให้ตายเถอะ คุณทำกับคนที่อยู่ข้างบ้านคุณอย่างนี้เหรอ”
**************************************************************
อัพทั้งสองเรื่องในวันเดียว เหนื่อยมากกกกกกกกกก
แต่ก็ทำได้ ดีใจสุด ๆ ๆเลย
อย่าลืมเม้นส์เรื่องนี้ด้วยน๊า .............
ความคิดเห็น