คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : CHAPTER 13 :$
สมายด์ที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์คันเก่งของคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่กี่ชั่วโมง ทั้งสองช่วยกันถือของพะรุงพะรังก็เพิ่งซื้อกันมาจากห้าง ส่วนใหญ่จะเป็นของกินซะมากกว่า ส่วนของใช้มีอยู่ไม่กี่ชิ้น เมื่อเดินขึ้นตึกมาก็พบกระเป๋าเดินทางสามใบตั้งอยู่หน้าห้อง
“เฮ้ ฉันยังไม่รู้จักชื่อเธอเลยนะ”
“เออนั่นสิ ฉันชื่อซิลวี่”
คนตัวอวบพูดแล้วหันไปไขประตูห้อง “มันรกๆ หน่อยนะ” ซิลวี่เดินนำเข้ามาเปิดไฟในห้อง “ก็ไม่ค่อยรกเท่าไหร่นี่นา” ซิลวี่เดินไปเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้อง แล้วทิ้งลงถังขยะลายน่ารัก
“คืนนี้ฉันจะนอนที่ไหนล่ะเนี่ย”ร่างบางหันไปถามเจ้าของห้องที่กำลังปัดกวางเช็ดถูห้อง ความรู้สึกแปลบๆ ก็วิ่งข้ามาในหัวใจดวงน้อยๆ
..คิดถึงพี่ต๊อปจัง ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ..
“อ๋อ ห้องติดกับห้องเราเลย ห้องซ้ายมือนะ”
สมายด์เดินไปหยุดอยู่หน้าประตูห้อง ป้ายแขวนที่ถูกตอกด้วยตะปู ไม่มีชื่อ.. มือบางค้นกระเป๋าแล้วหยิบกระดาษที่สอดป้ายแขวนไว้ ตัวหนังสือสีชมพูน่ารักถูกแต่งแต้มลงบนกระดาษสีขาว แล้วสอดกลับไปที่เดิม ..Smile :p
“โห กว้างเอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย”
สมายด์ร้องโอ้กับห้องที่ใหญ่เกินกว่าที่คิด ซึ่งมันสามารถนอนได้สองคนอย่างสบายๆ ร่างบางลากกระเป๋าเข้ามาทีละใบ แล้วก็ค่อยๆ เดินสำรวจห้อง คงไม่มีใครมานอนห้องนี้นอนนานแล้วละมั้ง ขี้ฝุ่นยังมีเกาะอยู่ตามเครื่องเรือนอยู่เลย
“ซิลวี่ มีถังเล็กๆ กับผ้าขี้ริ้วบ้างมั้ย?”
“มีจ้า อยู่ในห้องน้ำ ไปหยิบเลย”
เมื่อได้ของที่ต้องการ สมายด์จุ่มผ้าในน้ำแล้วบิดหมาดๆ มือบางเช็ดทำความสะอาดห้องไปเรื่อยๆ สักพักก็ไปหยิบไม้กวาดกับไม่ถูพื้นมาทำความสะอาดอีก
“เฮ้อ เหนื่อยจัง..”
สมายด์บาดหยดเหงื่อเบาๆ ก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดให้เข้าที่ ส่วนเจ้าของห้องก็แอบงีบหลับไปเรียบร้อย ร่างบางเดินกลับมาเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ โต๊ะเครื่องแป้งที่ก่อนหน้านี้มีขี้ฝุ่นเกาะ ก็สะอาดเหมือนใหม่ ของทุกอย่างถูกเก็บเข้าที่ของมันอย่างดี ส่วนกระเป๋าใบสุดท้าย.. สมายด์ค่อยๆ ลากมันขึ้นมาไว้บนเตียง แล้วหยิบของในนั้นออกมาทีละอย่างทั้งกรอบรูป ตุ๊กตา ถูกตั้งไว้บนโต๊ะตัวไม่เล็กมากข้างๆ เตียงนอน ส่วนเจ้าตัวที่พิเศษที่สุดที่ได้นอนบนเตียงก็คงจะเป็นตุ๊กตาเอลโม่นั่นแหละ
“เสร็จสักที”
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นี่ก็หกโมงแล้ว เสียงโทรโข่งที่ส่งเสียงเพลงชาติดังมาแว่วๆ เสียงนกกาเหว่าบินกลับรังของมันท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่องก่อนที่จะหมดหน้าที่ในค่ำคืนนี่ หน้าต่างห้องของสมายด์ถูกเปิดรับลมเย็นๆ จนผ้าม่านค่อยๆ ปลิวไสว ร่างบางค่อยๆ เดินมาที่หน้าต่างอย่างช้าๆ พลางมองไปสุดขอบฟ้า ที่ตรงนั้น คนที่เธอรัก อยู่ที่นั่น..คิดแล้วเหมือนน้ำตามันจะไหลเสียให้ได้ แต่ก็ต้องกลั้นมันไว้ เบื้องล่างไปอีกไม่ไกลนัก แสงไฟนีออนถูกเปิดขึ้นเป็นทางใหญ่ท่ามกลางเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ทำให้รู้ทันทีว่าที่ตรงนั้นคือ ถนนคนเดินชื่อดังของตัวเมือง
“สมายด์ หิวยัง? ไปถนนคนเดินกันมั้ย?”
“เอ้อไปสิๆ หิวอยู่เหมือนกัน”
สมายด์ปิดหน้าต่างแล้วเดินตามซิลวี่ออกไป ขณะที่เจ้าตัวก็ต่อสายคุยกับใครบางคน สมายด์เองก็ลืมไปเลยว่าเบอร์ใหม่นี้ ยังไม่ได้เมมเบอร์ใครไว้สักคน
“ซิลๆ ขอเบอร์แกหน่อยดิ”
เมื่อแลกเบอร์กัน ทั้งคู่ก็เดินทางไปยังถนนคนเดินด้วยรถเครื่องคันเดิม ลมเย็นๆ ปะทะบนใบหน้า ทั้งกลิ่นอาหารต่างๆ ชวนหิวอยู่ได้ไม่น้อย เมื่อวนหาที่จอดรถอยู่นาน ทั้งคู่ก็เดินมารอคนที่ซิลวี่บอกว่า เป็นกลุ่มเพื่อนของเธอเอง
“โย่ววไอ้อ้วน มาแล้วเว่ย” เสียงห้าวดังขึ้นข้างหลังของทั้งคู่ก่อนที่จะตามมาด้วยกลุ่มคนอีกประมาณหนึ่ง
“ไงไอ้สูง สูงขึ้นนะเนี่ย55 เอ้อนี่รูมเมทคนใหม่ของฉัน น่ารักปะละ” ซิลวี่พูดแล้วยิ้มเชิ่ดใส่เพื่อนๆ
“สวัสดีค่ะ” สมายด์เอ่ยทักทายแล้วอมยิ้มน้อยๆ
“สวัสดีจ้าาา เฮ้ยน่ารักนะเนี่ย ชื่ออะไรเอ่ย?” คนทั้งกลุ่มขานตอบเธอ เสียงห้าวเสียงเดิมถามขึ้นอีกครั้ง
“สมายด์ จ้า J”
“งั้นเดี๋ยวซิลวี่แสนซนคนสวยจะแนะนำเพื่อนๆ ให้สมายด์ละกัน” ซิลวี่พูดแล้วยิ้มหน้าบาน พลางชี้ไปทีละคน “ไอ้สูงนี่ชื่อแอปเปิ้ล พี่เตี้ยหัวเหม่งชื่อพี่นท ส่วนไอ้ตาตี่ชื่อจูเนียร์ พี่หน้าวอกชื่อพี่แอมป์ ส่วนพี่คิ้วเข้มๆ ชื่อพี่ฮัท แล้วก็พี่ตัวเล็กคนนี้ชื่อพี่กิ่ง เฮ้ย แล้วพี่ตามอ่ะ?”
“มาแล้วเว้ยๆ”
ชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของชื่อ วิ่งกระหืดกระหอบมาแต่ไกล สมายด์มองภาพกลุ่มเพื่อนตรงหน้า ต่อไปพวกเขาก็ต้องเป็นเพื่อนของเธอซึ่งดูเป็นครอบครัวใหญ่ที่อบอุ่น ไม่ต้องกังวลเลยว่าเธอจะอยู่อย่างหงอยเหงา
“ไปเหอะหิวแล้ว”
เสียงหนึ่งประท้วงขึ้นท่ามกลางวงสนทนา คนกลุ่มใหญ่เดินไปตามทางเท้าที่มีแต่ร้านค้า แสงไฟนีออนกระทบกับใบหน้าน่ารัก ทำให้คนที่เดินสวนมาคนหนึ่งถึงกับหลงใหลได้ไม่น้อยเลย
“อ้าวพี่กัสเบล” เสียงห้าวของแอปเปิ้ลกล่าวทักทาย
“ไงน้องแอป เอ่อ..พี่รีบน่ะ ขอตัวก่อนนะ เจอกันที่โรงเรียน”
ชายหนุ่มหันมามองหน้าสมายด์อีกครั้งพลางยิ้มส่งไปให้ สมายด์จึงรีบยิ้มตอบ หากเขายืนตรงนี้นานๆ คงละลายไปกับพื้นเป็นแน่ เมื่อเดินจากไปก็ได้ยินเสียงทักทายเล็กๆ ของตูมตามกับกัสเบล ก่อนที่จะเดินไปกันต่อ
“เฮ้ย กินข้าวร้านเจ๊ม้าดิ ไม่ได้กินนานละ”
คนทั้งกลุ่มจึงทยอยเข้าไปในร้าน ซึ่งคนกลุ่มนี้จะ VIP สักหน่อยเพราะเจ้าของร้านแลจะถูกใจหนุ่มๆ กลุ่มนี้หลายคนเลยทีเดียว -__- หลังจากทานมื้อเย็นกันก็เดินซื้อขนมกันเล็กน้อย แล้วก็บอกลากันไป
“มะรืนนี้เจอกันที่โรงเรียนนะสมายด์ ><” จูเนียร์ยิ้มจนตาหยี เวลาไม่นานสมายด์สนิทกับคนทั้งกลุ่มได้อย่างรวดเร็ว
“จ้าอาจู >3<”
สมายด์กับซิลวี่ถือของคนละถุงสองถุงที่บรรจุแต่ขนมเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ขึ้นรถกลับหอพัก เมื่อเดินขึ้นตึกมาก็เห็นบรรยากาศตัวเมืองที่ดูสวยงามมากทีเดียว พระจันทร์ที่เอียงและดาวอีกหนึ่งดวงเคลื่อนเข้ามาใกล้คล้ายรูปยิ้ม แต่ขาดดาวอีกดวงหนึ่งจะมาเป็นตาอีกข้าง จะใช่รึเปล่านะ.. คนที่ปลายขอบฟ้า ที่มาทำให้พระจันทร์กลับมายิ้มได้อีกครั้ง..
“ซิล แอปกับพี่นทเป็นอะไรกันอ่ะ?”
“อ๋อแฟนกัน เอ้ยคู่หมั้นได้แล้วมั้ง55”
“คู่หมั้น?”
“อื้อ พี่นทเพิ่งไปขอไอ้แอปมันตอนปิดเทอมนี่เอง อิจฉาโครตๆ”
“หรอ..”
ในใจก็คงได้แต่แอบอิจฉาเบาๆ ทำไมพ่อแม่ของทั้งคู่ถึงยอมได้ แต่กรณีของสมายด์คือไม่ใช่ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม จะธุรกิจหรือเรื่องในครอบครัวที่เธอเองก็ไม่รู้ บางทีพ่อของสต๊อปก็น่าจะเปิดใจยอมรับบ้าง ใครกันนะ? ที่เป็นคนกำหนดว่าผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง คนเรารรักกัน มันห้ามกันได้ที่ไหน..
“เฮ้ยมายด์เป็นไรป้ะเนี่ย?”
“เปล่านิ”
“แต่หน้าแกนี่คือไม่ไหวแล้วนะ -___-”
“จริงดิ??”
“เอออออ”
“มีอะไรก็เล่าได้นะเว่ย ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนานนนนนน”
ซิลวี่ลากเสียงยาวก่อนจะคะยั้นคะยอให้สมายด์พูดเรื่องที่เพื่อนร่มห้องหนักใจ สมายด์ก็ต้องเล่าเรื่องราวจนได้ ระหว่างที่ฟังซิลวี่ก็บ่นอยู่ในใจตลอด ..พ่อโหดจังว่ะ -___-.. เมื่อสมายด์เล่าจบ สิ่งที่อยู่ในใจก็ออกมาเป็นคำพูดซะอย่างนั้น
“ใจร้ายอ่ะ ไม่สงสารลูกตัวเองบ้างรึไง”
“เรื่องมันผ่านมาแล้วอ่ะ ช่างมันเหอะ”
สมายด์พูดปัดๆ ก่อนที่จะเดินเลี่ยงเข้าห้องนอนตัวเองแล้วคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ซิลวี่ที่นั่งฟังก็เปลี่ยนอิริยาบถมานั่งดูรายการทีวีเหมือนไม่ได้ยินเรื่องอะไรมาก่อนยังไงยังงั้น -___-
วันรุ่งขึ้น
Smile part ::
“โอ่ยยยย หาวววโฮ่ย”
ฉันลุกขึ้นมานั่งขยี้ตาแล้วหาวเหมือนทาซาน เสียงก๊อกแก๊กๆ ของกระดูกที่เพิ่งบิดขี้เกียจไป มันทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก -0- หันไปมองนาฬิกาบนโต๊ะตัวเล็ก เพิ่งแปดโมงกว่าๆ พรุ่งนี้ไปโรงเรียน แต่วันนี้ไม่มีอะไรทำเลย น่บื่อชะมัด -___-
“โฮ่ยยย”
เสียงหาวอีกรอบทำเอาน้ำตาไหลเลย ฉันเหลือบไปเห็นไอโฟนที่ยังไม่ได้ใส่เคสมานั่งเล่น ก็พบว่ามันมีโปรฯ เน็ตและ WIFI เต็มหลอด ฉันนึกอยากโหลดแอปฯ เกมส์ แอปฯ โซเชียลบ้าบอคอแตกนั่น ทั้งอินสตาแกรม ลายน์ บลาๆๆ ฉันก็รีบเข้าไปอาบน้ำ
สิบนาทีต่อมา
“ซิล พาไปร้านโทรศัพท์หน่อยดิ”
“ไปทำไรอ่ะ?”
“ไปก่อเจดีย์ทรายมั้ง -____- ก็ไปซื้อเคสไอโฟนไงลูก” แหม่.. ถามไม่คิด -___-
“กวนตื้ดอ่ะ เดี๋ยวกระโดดทับเลยนิ”
กะกะกะกลัวที่ไหน ฮึ! ฉันบอกกับซิลว่าจะเดินไปห้างเอง เปลืองค่าน้ำมัน แต่มันก็โวยวายใหญเพราะขี้เกียจเดิน - - ฉันเลยบอกว่าจะเลี้ยงข้าว ก็กระชากตัวฉันออกจากห้องทันที แหม่..ให้มันได้อย่างงี้ดิ -___-^
“ให้พี่ช่วยอะไรมั้ยน้อง?”
“จะมาซื้อเคสไอโฟนค่ะ”
พี่เจ้าของร้านเดินนำฉันไปที่ตู้ใบใส ข้างในมีเคสเรียงรายอยู่เต็มไปหมด โอ่ยน้ำลายไหล ซี้ดดดด -3- ฉันค่อยๆ เปิดตู้ออก ค้นไปเรื่อยๆ เจอเคสอันไหนสีส้มก็หยิบออกมาหมดเลย แต่ก็ต้องเห็นเคสสีชมพูแหวนแหวว โครตเจิ่ดอ่ะ!!
“ซิล ช่วยเลือกหน่อยดิ” ฉันถือเคสลายทิกเกอร์สีส้มน่ารัก กับเคสสีชมพูที่ลายขยุกขยุยแต่สวยเป็นบ้า -.-
“สีส้มละกัน”
“ทำไมอ่ะ?”
“ฉันเกลียดสีชมพู -__-” เออดี เหตุผลใช้ได้
ฉันซื้อเคสไอโฟนที่เป็นลายทิกเกอร์น่ารัก แต่ก็แอบขอให้พี่เจ้าของร้านสุดหล่อช่วยลงเพลงกับแอปฯ ให้ด้วยมารยา(?) ที่มากมาย55 ทำสายตาวิ้งๆ ไปให้จนพี่เขาลงแอปฯ ให้ พอกำลังจะเดินออกจากร้าน ก็ไปสะดุดตากับสายห้อยไปโฟนตัวสีแดงๆ ตาโตๆ จมูกเหลืองๆ
“พี่ อันนี้เท่าไหร่อ่ะ?”
“ห้าสิบคร้าบ”
ฉันเดินไปแกล้งต่อราคาเล็กน้อย แต่พี่เค้าไม่ยอม ใจร้ายอ่ะ -.- ฉันเดินวนเวียนรอบห้างกับซิลวี่อยู่นาน ไม่รู้จะกินข้าวร้านไหน ก็ตกลงกันได้ว่า กินที่ศูนย์อาหารจะง่ายที่สุด
“โอ่ยอิ่ม”
“กินไปกี่จานล่ะ? -__-” ฉันแกล้งสวนซิล ฮึ ฉันกระเป๋าตังค์แฟบหมดแล้วเนี่ย ไม่ใช่แฟนก็ทำแทนได้ T______T
พอออกมาจากห้าง ฉันกับซิลก็กำลังเดินผ่าแดดเปรี้ยงกลางหัว เอามือไปจับๆ ดูแทบจะทอดไข่ได้เลยทีเดียว ไอ้คนที่เดินข้างๆ ก็บ่นร้อน ร๊อนร้อนร้อน แกคิดว่าฉันไม่ร้อนรึไงฮะ!!
“ฮ๊ายยไงซิลวี่”
“อ้าวพี่ป๋อมแป๋ม”
“เดี๋ยวย่ะ ฉันให้เรียกว่ายังไง?”
“อ่อ พี่แปสซี่”
“เยี่ยม! แล้วชีนี่ใครอ่ะ?” ฉันมองเห็นกระเทยกำยำล่ำสัน (?) กำลังชี้หน้ามาที่ฉัน สำเนียงแบ๊วมากคุณเธอเอ้ย - -
“อ๋อ รูมเมทคนใหม่อ่ะพี่”
“อ๋อ หน้าตาหน้ารักดีนะ แต่น้อยกว่าฉันเยอะ ไปละ” ว่าแล้วพี่กระเทยอกสามศอก(?) ก็เดินสะบัดบ๊อบจากไป
“ใครว้ะซิล?”
“พี่ที่โรงเรียนแหละ อยู่หอเดียวกัน ชั้นสอง อ่อเป็นลูกชาย เอ้ะ! หรือลูกสาวเจ้าของหอเราเนี่ยแหละ”
“อ๋อ”
เมื่อเริ่มกระจ่าง ฉันก็เดินไปจนถึงหน้าหอแบบว่าตอนนี้ หน้าแดงจัด ร้อนจ้าร้อน เชียงใหม่ทำไมมันไม่เห็นเย็นเลยว้ะ!!! (ก็มันน่าร้อนนิโว้ย!!!) ฉันเดินบาดเหงื่อแล้วเอาไปป้ายเสื้อซิลวี่ ฉันหรี่ตามองผู้ชายตัวใหญ่ที่ยืนใส่เสื้อเชิ้ตแถมมีผ้าพันคอด้วย รองเท้าหนังเงาจนแสบตาเลย ผมก็เซ็ตจนแหลมเฟี้ยว นั่นคิ้วหรือขนหน้าอกน่ะพ่อคู๊ณณ ดกยังกะสาหร่าย แต่ติดที่ใส่แว่นกันแดดอยู่ ฉันก็เลยไม่รู้ว่าหล่อมากหรือน้อย แอร๊ย (???) แต่ก็จะไปใส่ใจอะไร ตอนนี้ต้องการแค่แอร์เย็นๆ เท่านั้น ฮึม!
“นี่คนสวย” ใคร? อะไร? เรียกใครว้า? ช่างเถอะ
“นี่คุณครับ” อะไรวะเรียกอยู่ได้ โว๊ะ! ร้อนนะโว้ย!
“นี่ยัยเตี้ย!!”
“อะไร?!! นายว่าใครเตี้ย ห้ะ?”
“เรียกผีปอบมั้งยัยบื้อ ก็เรียกเธอนั่นแหละ หูหนวกหรอ หรือว่าแก่เกินวัยเลยหูไม่ดี??”
“โอ้ย หล่อตายเลยพ่อเทพบุตร เรียกดีๆ ไม่ได้รึไงเห้ย เดี๋ยวแม่มีเสียหน้า เดี๊ยะๆ” ฉันเตรียมถลกแขนเสื้อขึ้น
“โอ้ย!! พอ คุณมีอะไรก็รีบบอกมาดิ ร้อนนะโว้ย เดี๋ยวกระโดดกัดหัวเลยดีมั้ยเนี่ย!” เสียงซิลวี่ปราม เยี่ยมเลยเพื่อน^^
“เออ! นี่ยัยเตี้ย เธอเห็นคนในรูปนี้มะ? เห็นบอกว่าอยู่ที่นี่”
ฉันเมินๆ แต่ด้วยสายตาอาฆาตของน้องซิลวี่ที่รัก เลยต้องหันกลับไปจ้องรูปใบนั้นดีๆ อากาศร้อนอ่ะ ตาลายไปหมดแล้ว แต่ก็พอจะรู้ว่าคนในรูปเป็นใคร -__________- ฉันเลยจูงมือซิลวี่หนี อารมณ์ฉันเริ่มเดือดขึ้นแล้วนะ เหอๆ
“เฮ้ย! ยัยเตี้ย ถามไม่ตอบอีก กวนตีนกันหรอ?!!”
“โอ้ยยยยยย แกก็ถอดแว่นก่อนสิไอ้ฟายยยยยยยยยยยยย!!!!”
ไม่ไหวแล้วโว้ย! ไอ้บ้านี่ก็ถอดแว่น หล่อดีแฮะ v- เฮ้ยไม่ใช่! ไอ้บึกนี่ก็เอารูปมาเทียบกับหน้าฉันพลางมองสลับไปมา
“เอ้า ทำไมไม่บอกว่าเป็นคนเดียวกันตั้งแต่แรกเล่า!”
“ก็จะทดสอบระดับสติปัญญาของนายไง คนเดียวกันยังไม่รู้ เก๊กหล่ออยู่ได้! ไปเหอะซิล.. ซิล เฮ้ย! ซิลวี่”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกซิลเพื่อนรัก ลงไปแพลงกิ้งกับพื้นซะแล้ว เพื่อนหนูเป็นลมค่า ช่วยหนูด้วย T__T
“เฮ้ย! เพื่อนฉันเป้นลมทำไมไม่ช่วยดูเลยอ่ะ!!”
“ก็จะทดสอบระดับสติปัญญาของเธอไง เพื่อนตัวเองก็ยังไม่รู้ แอ๊บสวยอยู่ได้!” อื้อหือออดู ดูมัน ดูมันย้อน!
“มาช่วยกันแบกก่อนสิโว้ยไอ้บ้า!”
ฉันด่าไอ้หน้าแองกรี้เบิร์ด รุ้สึกทำไมมันคุ้นๆ หน้าจัง ช่างมันเหอะ ฉันค่อยๆ พยุงซิลวี่ให้นั่งแล้วรอไอ้บึกบึนมาช่วยกันแบก ฮะ..เฮ้ย! มันเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้าไปใต้หอ “เฮ้ยยยย! มาช่วยกันก่อนเด้!” ฉันแหกปากจนนกบินหนี นกน้อยสมายด์น่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ? T___T
“รู้แล้วโว้ย อย่าใจร้อนดิ!”
ฉันกับไอ้บึกบึนก็ค่อยๆ แบกซิลวี่ขึ้นชั้นสาม.. มันทรมาณเกินไปมั้ยคะไรท์? (เบาะๆ นะหนู ^^) ฉันเดินมาถึงหน้าห้องก็ค้นกระเป๋าซิลวี่เอากุญแจออกมาไข ฉันกับไอ้บ้านี่ก็ช่วยกันแบกซิลวี่มาอยู่บนโซฟา แล้วเปิดแอรืเย็นฉ่ำอุราไว้ แล้วก็เดินไปกินน้ำแก้วใหญ่ เฮ้อรู้สึกว่าน้ำมันอร่อยก็ตอนนี้แหละ.. พอเดินกลับมาอีกที ไอ้บ้านั่นก็หายไปแล้ว ดีละ
“เปิดประตูหน่อยโว้ย!”
ฉันก็เดินไปเปิดประตูอย่างว่าง่าย ก็เห็นไอ้บ้าคนเดิมยืนแปกกระเป๋าเดินทางสองใบพร้อมกับเหงื่อไหลเต็มตัว คือก็สงสารอ่ะนะ เลยเปิดเข้ามา อันที่จริงตัวฉันก็ชุ่มเหมือนโอริโอ้จุ่มนมเลยแหละ
“ร้อยโว้ย!”
ไอ้บีนี่ก็ร้องออกมาแล้วถอดรองเท้าตัวเองกับถุงเท้า แล้วค้นกระเป๋าเดินทางใบนึง หยิบตุ๊กตาหมีลีลิคุมะเน่าๆ ตัวนึงออกมา แล้วนอนกอดไว้ไว้บนพื้นห้อง เฮ้ย! จะนอนตรงนี้เลยเรอะ! แต่ก็แอบขำนะ ผู้ชายบ้าอะไรนอนกอดตุ๊กตาหมี
“อย่าขำคุณพิลาศลักษณ์ของฉันได้มั้ย” ไอ้บ้าพูดขณะยังหลับตาอยู่
“ก็ได้ๆ”
ขี้เกียจเฉียงแล้ว เหนื่อย.. เลยล้มตัวลงไปนอนข้างๆ ไอ้บ้าอีกรอบ ขอนอนก่อนะละกัน..
ไรท์เปิดเทอมแล้วอ่า ขอโทษที่อัพช้าจ่ะ :(
ความคิดเห็น