คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การสอบ(แก้ไขจ้า เยอะเลย มาอ่านด้วยนะจ๊ะ)
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกเจ็ด ในที่สุดวันสอบก็มาถึง... การสอบภาคทฤษฎีตอนเช้าเป็นไปได้ดี เพียงแต่ป้อมอัศวินยังไม่ได้คะแนนสูงสุดเลยซักวิชาเดียว คงเหลือแต่สามวิชาปฏิบัติภาคบ่าย ที่อาจจะพอกู้หน้าชาวป้อมอัศวินได้บ้าง ในการสอบภาคบ่ายจะเป็นการสอบรวมกันของน.ร.ทุกคนในชั้นปีทั้ง 78 คน โดยแบ่งออกเป็นสามกลุ่มคละกันไ ป กลุ่มละประมาณ 20 กว่าคนสอบขี่ม้า ฟันดาบ และคาถาเวทย์ ในการสอบขี่ม้า คนที่ได้ที่หนึ่งคือเควิน ที่สองไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเคส เห็นตัวเล็กๆออกอย่างนั้น ส่วนที่สามเป็นคนจากปราสาทขุนนางที่เควินไม่รู้จัก สำหรับรูนมันได้ที่หนึ่งของอีกกลุ่มหนึ่ง ส่วนที่สองของกลุ่มนี้เป็นเซลด้า ซิลเวอร์ และที่สามก็แคโรลีรน ฟิลมัส ส่วนที่เหลือกลุ่มสุดท้ายไม่ต้องบอกป้อมอัศวินกวาดที่ หนึ่ง สอง และสามมาได้หมด การแข่งขันฟันดาบเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด เควินสามารถเอาชนะคู่ต่องสู้ได้อย่างสบายๆ แค่ฟันผ่าปฐพีไปโชะเดียว เด็กจากปราการปราชญ์ก็ล้มไม่เป็นท่าซะแล้ว แต่ปัญหาใหญ่มันอยู่ที่การสอบคาถาเวทย์ เพราะถึงแม้เขาจะมีหน้าตา ท่าทาง บุคลิก ลักษณะ และนิสัยเหมือนพ่อไม่มีผิดเพี้ยน แต่ด้านการใช้เวทย์กลับไม่ได้เรื่องซะนี่ "ด้วยอำนาจแห่งข้า ผู้ครอบครองอำนาจแห่ง...เอ่อ...แห่ง......." เควินเริ่มร่ายเวทย์ถึงแม้มันจะกระท่อนกระแท่นไปบ้าง แต่ก็น่าจะพอถูไถไปรอดได้มั้ง เปรี้ยง! สายฟ้าสีเงินฟาดลงมาตรงหน้าอาจารย์แม่มด "เควิน วาเนบลี ครูสั่งให้เธอเสกอะไร" อาจารย์แม่มดว่าเสียงเย็น “อ่า สิ่งที่เกลียดที่สุดครับ” “แล้วนี่มันอะไร หา” “สายฟ้าครับ ถ้าอาจารย์ไม่ทราบ” เควินตอบซื่อๆ ก่อนจะรีบเสริมเมื่อเห็นหน้าอาจารย์แม่มดเริ่มมีควันออกหูซะแล้ว “คือสายฟ้ามันเป็นสิ่งไม่ดีครับ มันเสียงดัง หนวกหู แถมแสงมันยังแยงตาอีกต่างหาก แล้วก็มันสามารถทำร้ายคนที่เรารักได้อย่างด้วยครับเช่นอาจารย์ไงครับ” ตอบเสร็จก็หยอดคำหวานทีนึง พร้อมกับรอยยิ้มที่ท่านพ่อมักจะเรียกว่ายิ้มประจบไปให้ ตามแบบที่ท่านแม่สอนทุกกระเบียบนิ้ว ...คนเรานะลูก จะลุยหน้าตรงๆอย่างเดียวไม่ได้ ต้องรู้จักหลบหลีกบ้าง กะหล่อนได้ก็กะหล่อนไป ที่สำคัญต้องอย่าลืมยิ้มหวานๆ พูดดีๆ ยกยอเข้าไว้เยอะๆเพราะใครๆก็ชอบให้คนชมทั้งนั้นจริงไหม... อันที่จริงเควินก็ใช่ว่าจะอยากเสกสายฟ้าออกมานักหรอกนะ เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะร่ายเวทย์อะไรออกมามันก็ดันกลายเป็นฟ้าผ่าหรือไม่ก็น้ำแข็งกับหิมะไปเสียหมด "ต่อไปเธอลองเสกสิ่งที่ชอบที่สุดออกมาซิ" เควินรับคำก่อนจะร่ายเวทย์บทเดิม คราวนี้เกิดฝนฟ้ากระหน่ำคลื่นลมแรงพัดเอาลมหนาวหอบใหญ่พร้อมกับก้อนน้ำแข็งขนาดมหึมาตกปุ๊ลงตรงกลางหัวอาจารย์แม่มดพอดีเป๊ะ ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์แกเตรียมตัวมาอย่างดีแล้วล่ะก็มีนองเลือด “เควิน วาเนบลี” เสียงเยียบเย็นดังขึ้น “ง่าอาจารย์ น้ำแข็งยักษ์นี่ดีนะครับ ทั้งเย็นสบาย ทั้งชื่นใจ โดยเฉพาะตอนหน้าร้อนแบบนี้ เอาไปทำน้ำแข็งไสก็ได้ตั้งหลายถ้วยแน่ะ อร่อยนะครับ ...แล้วก็...เวลาที่เราไม่ชอบใจใครก็เอาน้ำแข็งปาหัวแตกได้นะครับ” “อย่างเช่นที่เธอทำเมื่อกี้ใช่ไหม” “อ่า” ยังไม่ทันได้ตอบเควินก็รู้สึกแปลกๆที่ช่องท้อง พลันก็เหมือนเขากำลังตกอยู่ในเขตอาคมของใครสัก ภาพนิมิตประหลาดก็ได้มาปรากฏในหัว เป็นภาพทุ่งหญ้าสีเขียวขจี มีหญิงสาวสวยผมสีน้ำตาล นัยน์ตาสีน้ำตาลนั่งอยู่ ข้างๆมีชายหนุ่มร่างสูงผมสีเงิน นัยน์ตาสีฟ้ากำลังส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้แก่เด็กน้อยวัยสามขวบ ที่กำลังวิ่งเล่น ผมสีเงินแบบนั้น ดวงตาสีฟ้าที่แม้จะไม่เย็นชาเหมือนตอนนี้ แต่ก็ยังบ่งบอกได้ดีว่าเด็กคนนั้นคือเควินในวัยเด็ก ก่อนที่คนทั้งสามจะค่อยๆเดินจากไป ฝนห่ าใหญ่เทกระหน่ำลงมาทำให้ความสดใสหายไป พลันก็มีร่างแบบบางวิ่งกระหืดกระหอบมา ในมือถือดาบเล่มยักษ์ แล้วก็มีชายหนุ่มอีกคนวิ่งกระโจนเข้ามา ทั้งสองร่างสู้กันพัลวัน ผลัดกันรุกผลัดกันรับ ก่อนที่ร่างบางกว่าจะถูกปัดดาบออกจากมือแล้วล้มลง ร่างหนาชักมีดขึ้นแล้วเสียบแทงเข้าไปที่ท้องของร่างที่อยู่ข้างใต้ เลือดซาดกระเซ็นเจิ่งนองไปทั่ว "อ๊า~~~~~ก" เสียงกรีดร้องของเควิน เรียกความสนใจจากทุกคน ร่างของเจ้าชายน้อยทรุดฮวบลงกับพื้นทันที ดวงตาสีฟ้าเบิกคว้างกว้างไร้แววใดๆทั้งสิ้น น้ำตาไหลเจิ่งออกมาเป็นสาย ลมหายใจหอบถี่กระชั้นเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ในหัวสมองมีแต่ภาพในคืนนั้น คืนที่เขาวิ่งตามแม่ออกไปจนทันได้เห็นคิล ฟิลมัส นักฆ่าแห่งซาเรส เสียบดาบทะลุท้องแม่ก่อนที่จะหลบหนีไป แต่กระนั้นท่านแม่ก็ยังมีแก่ใจส่งยิ้มให้เขาก่อนสิ้นใจแล้วทุกอย่างก็ขาวโพลนเควินกรีดเสียงร้องออกมาสุดเสียง พลันก็เหมือนมีแสงอะไรบางอย่างพุ่งตรงมาทางเขา พร้อมกับเงามืดที่เข้ามาบดบังแสงนั่น เสียงกรีดร้องตามขึ้นมาแทบจะในทันที ความชุลมุนวุ่นวายเริ่มขึ้น แต่สติรับรู้ของเควินได้ดับลงไปแล้ว
__________________________________________________________________
มาแก้ไขตอนนี้เล็กน้อย มั้ง
ความคิดเห็น