อภินิหารไคร์ทา (ภาคสอง) .....เสียงเพรียกจากผืนน้ำ
ความแค้นดังไฟที่ไม่ยอมมอดดับ ย้อนกลับมาเพื่อทวงสิ่งที่เคยมี.....พระแม่แห่งสายน้ำจึงนำเสียงเพรียกหาเจ้าปลาน้อยให้เดินทางอีกครั้ง.....
ผู้เข้าชมรวม
4,710
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
อภินิหารไคร์ทา
(ภาคสอง)
.....เสียงเพรียกจากผืนน้ำ.....
บางตอนจากเนื้อเรื่อง
......ถึงแม้จะตั้งใจอ่านตำราเรียนให้ได้มาก ๆ แต่ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ความง่วงงุน ความเงียบสงัด และอากาศอันเย็นสบายของปลายฤดูเหมันต์ ก็ทำให้ชายหนุ่มเผลอหลับไปคาโต๊ะหนังสือ....และในห้วงหนึ่งของนิทราอันผาสุกนั้น เขาก็ฝันเห็นมหาสมุทรสีน้ำเงินอันกว้างใหญ่...เวิ้งว้าง เห็นบรรยากาศใต้แผ่นน้ำอันขมุกขมัวพร้อมกับได้ยินเสียงของเกลียวคลื่นซัดเข้ากระทบฝั่งดัง ซ่า...ซ่า...จากนั้นก็มีเสียงแทรกขึ้นมา น้ำเสียงนั้นแว่วหวาน อ่อนละมุนประหนึ่งเสียงร้องเรียกของมารดาที่เพรียกหาบุตรชายด้วยความห่วงหาเอื้ออาทรว่า
เรมินดา...เรมินดา
ดังอย่างนั้นเรื่อย ๆ ไม่ยอมหยุด น่านนทีถึงกับอมยิ้มทั้งที่ยังหลับอยู่อย่างเป็นสุข ดั่งถูกขับกล่อมให้นอนหลับใหลด้วยเสียงดนตรีแห่งท้องทะเลอันกว้างใหญ่ เขาฝันแบบนี้อยู่หลายคืนตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา แต่คืนนี้เขาฝันมากกว่านั้น
ต่อจากเสียงเรียกของหญิงสาว ก็กลายเป็นเสียงเรียกอันแผ่วเบาของชายหนุ่มซึ่งคุ้นหูเขามาก
เรมินดา...เรมินดา ช่วยข้าด้วย...เรมินดา...ช่วยด้วย!
ผู้คนหอบลูกจูงหลานวิ่งหนีออกจากอาคารบ้านพักกันจ้าละหวั่น เสียงหวีดร้องตกใจดังไม่หยุด คนที่มีนกเวหาวิ่งขึ้นดาดฟ้าให้นกเวหาพาบินขึ้นข้างบนแล้วก้มมองดูความโกลาหลเบื้องล่างด้วยความตื่นตระหนก คนส่วนใหญ่วิ่งออกจากอาคารไปตามท้องถนนมุ่งสู่ลำคลองที่ใกล้ที่สุด แล้วกลายร่างเป็นปลาหลังแดงกระโดดลงน้ำเพื่อป้องกันอาคารอันเก่าแก่ไร้การบูรณะมานานตลอดการปกครองของจักรพรรดิธาราถล่มใส่พวกเขา และนี่ก็เป็นเหตุผลสำคัญอีกข้อที่มินดาต้องมีคลองอยู่มากมายคดเคี้ยวไปทุกแห่งหน....พื้นธรณีไม่มีท่าทีว่าจะหยุดพิโรธง่าย ๆ แรงสั่นสะเทือนยังคงต่อเนื่องจนสะพานประกายน้ำด้านใกล้กับวิหารริมปาลีไม่อาจทานไหวหักโค่นลงไปครึ่งหนึ่ง แม่น้ำปาลีกระเพื่อมไปทั่วบริเวณนั้น อาคารเรียนของโรงเรียนธารเทพังคลืนลงทั้งหลังเสียงดังสนั่นสะเทือนจนฝุ่นคลุ้งกระจาย ตู้ปลาในร้านขายปลาหลายร้านทั่วเกาะตกแตกกระจาย ปลาออกมาดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่ที่พื้น
เภรินห้อยตัวต่องแต่งขณะจับมือเฟโมรันซึ่งบินอยู่สูงมองดูอาคารเดียวกับที่เป็นบ้านของเทียมสนค่อย ๆ พังทลายลงไปทีละห้อง ๆ.....
คืนเมื่อวานนี้ เป็นคืนที่ท้องฟ้ามินดางดงามที่สุด แต่ก็เป็นคืนที่แผ่นดินมินดาแหลกลานที่สุด หลายคนอาจสงสัยว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ทังที่พวกเราพร้อมใจกันร้องขอแต่สันติสุขต่อเทพเจ้า.....บางทีนี่อาจเป็นการแลกเปลี่ยน เทพเจ้าให้แผ่นดินเราแหลกลานกับการคืนองค์จักรพรรดิให้ หรือบางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่มินดาต้องชดใช้ให้กับเฌอ ท่านนายพลหยุดครู่หนึ่ง นึกถึงเหตุการณ์ในความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว คืนที่เขาได้ไปอยู่ในลานเฌอแล้วกล่าวต่อว่า เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน คืนวันชาติของเฌอ ท้องฟ้าของมหานครลานเฌอก็สว่างไสวเช่นกัน แต่ด้วยแสงไฟที่มินดาส่วนหนึ่งบุกไปเผาทำลาย วันเวลาผ่านพ้นมา แม้เราจะได้รับการให้อภัยจากเฌอ แต่สิ่งที่คนพวกนั้นทำไว้ยังตามมาส่งผลให้เราในวันนี้ เพื่อเตือนให้ชาวมินดาที่ยังเหลืออยู่ได้รู้ว่า ไม่มีใครหลีกหนีกฎแห่งกรรมพ้น เพื่อให้เราตระหนักว่าควรจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ความร้อนรุ่มและหายนะจะสุมอยู่ในตัว ในครอบครัวและบ้านเมืองของผู้รุกรานเสมอ
(นิยายเรื่องนี้เขียนจบได้หลายปีแล้ว เนื้อหาของนิยายเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ณ เวลานั้น จึงไม่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ทางการเมืองและสภาพสังคมของประเทศใดทั้งสิ้น)
"ขออภัยที่ต้องลบเนื้อหานิยายเรื่องนี้ออก เพราะภาคแรกกำลังจะตีพิมพ์กับ สนพ.ฮั๊นค์บุคส์ค่ะ"
ผลงานอื่นๆ ของ ธารพันวา ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ธารพันวา
ความคิดเห็น