คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : novel
If you have reasons for loving someone,
Then you are using your mind,
But if you love someone for no reason,
Then you are using your heart
ถ้าคุณใช้เหตุผลในการรักใครสักคน
แสดงว่าคุณกำลังใช้ความคิดในการรักเขาคนนั้น
แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณรักใครสักคนโดยไม่มีเหตุผล
นั่นแสดงว่าคุณกำลังใช้หัวใจในการรักเขาคนนั้น...
I
ลบหลู่ผีทะเล คือ มหันตภัยครั้งใหญ่!
--
แอ๊ดดด~
“มีพัสดุมาส่งคร้าบบบบบบ”
“พะ พัสดุ?”
“ครับ ส่งตรงมาจากรัฐอูกันดา”
ฉันยื่นมือไปรับกล่องพัสดุจากพนักงานส่งไปรษณีย์ด้วยความสงสัย ก่อนจะรับปากกามาเซ็นชื่อผู้รับในที่สุด... ตอนที่ฉันก้มหน้าเซ็นแอบชำเลืองเห็นสายตาหื่นๆ ของพนักงานที่เอาแต่จ้องหน้าอกของฉันตาไม่กระพริบด้วยนะ-*- สงสัยจะต้องเอาชุดนอนตัวนี้ไปเผาทิ้งซะแล้ววว มันโป๊เกินไปจริงๆ แต่คิดแล้วมันก็เสียดายอุตส่าห์จับฉลากได้มาฟรีๆ T____T เฮ้ออออออ~
และทันทีที่ฉันเซ็นชื่อเสร็จ ประตูก็ถูกปิดลงด้วยน้ำมือของฉันโดยไม่มีการกล่าวคำอำลา หรือแม้กระทั่งคำขอบคุณให้อีตาพนักงานหื่นกามนั่น หึ! ผู้ชายมันก็เป็นแบบนี้ไปกันหมดแหละL (คิดแบบนี้ไงถึงได้ไม่มีแฟน-.,-)
ฉันวางกล่องพัสดุลงบนโซฟาอย่างเบามือ ก่อนจะเริ่มบรรจงแกะกล่อง เออแต่ก็แปลกแฮะ ปกติบ้านฉันแทบไม่มีใครส่งอะไรมาให้ จู่ๆ วันนี้ก็มีกล่องพัสดุส่งมา แถมยังส่งตรงมาจากรัฐอูกันดา ในประเทศแอฟริกาซะด้วยนะ= =
♫ There’s ups and downs in this love, got a lot to learn in this love, through the good and the bad still got love, dedicated to the one I love, hey ♫
“จิ๊!”
ฉันร้องจิ๊อย่างหงุดหงิด เมื่อเสียงริงโทนโทรศัพท์มือถือดังขึ้น...ฉันเอื้อมมือไปหยิบไอโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กๆ หน้าทีวี
- คุณแม่คนสวย
ฉันเบ้ปากนิดๆ เมื่อมองไปที่หน้าจอ เฮ้อจะรับหรือไม่รับดีนะ ตอนนี้ฉันกำลังโกรธแม่กับพ่ออยู่เพราะเมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันได้รับจดหมายแปะไว้หน้าตู้เย็นจากพวกท่านว่าจะไม่กลับบ้านอีกนานและไม่มีกำหนดว่าจะมากลับเมื่อไหร่ ให้ฉันดูแลตัวเองดีๆ T^T เขียนมาสั้นๆ แค่นั้นแล้วก็ทิ้งฉันไปเฉยเลย ขนาดไปที่ไหนพวกท่านยังไม่บอกเลย! ส่วนเรื่องชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอสาบานได้เลยว่านี่ไม่ใช่ฝีมือฉันแน่นอน -..-
กรี๊ดดดดดด มันเป็นปิดเทอมใหญ่ที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันมีมา เพราะปกติพวกเราจะอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาในบ้านหลังใหม่นี้ ทุกเย็นเราจะตีแบตกันหน้าบ้าน บ้างก็ว่ายน้ำที่สโมสร หรือขี่จักรยานรอบหมู่บ้านบ้างเป็นบางครั้ง แต่นี่อะไรพวกท่านกลับทิ้งฉันไว้ที่บ้านคนเดียวพร้อมกับเงินอีกเจ็ดพันบาท แล้วฉันจะอยู่ยังไงเล่าT^T
เสียงโทรศัพท์ยังคงดังต่อเนื่อง และฉันก็กดรับในที่สุด
“ฮัลโหล”
[ฮัลโหลลลล~ มิเชลลูกรักของแม่ สบายดีไหมจ๊ะ? ]
“ถ้าบอกว่าไม่สบายแม่จะกลับมาหาไหมล่ะ” ฉันถามอย่างประชดประชัน
[ไม่เอานะคนดี อย่าโกรธพ่อกับแม่เลย]
“...”
[เออนี่มิเชล ตอนนี้พ่อกับแม่อยู่ที่อูกันดานะ ที่นี่สวยมากเลย...แล้วแม่ก็พึ่งส่งของไปให้ลูกด้วยน้า~ ลูกได้รับมันหรือยังจ๊ะ? ]
“...ของพึ่งถึงมือหนูเมื่อกี้ ว่าแต่แม่ส่งอะไรมาหรอ?” ฉันพูดยิ้มๆ แล้วหันไปมองกล่องพัสดุที่พึ่งได้รับมา
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อกับแม่ก็คิดถึงฉันเวลาที่ไปเที่ยวกันสองคนแบบนี้ด้วย>_<
[ชู่วววววววว์! มันคือของดีลูกอย่าเอาไปอวดใครเชียวล่ะ]
“ฮะ= =”
[มันจะทำให้ลูกมีสเน่ห์ที่ร้อนแรง! ทีนี้หาแฟนได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์! แม่ให้หมอผีที่นี่เขาทำพิธีให้แล้วหุหุ~]
“ไร้สาระน่ะแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะหนูจะไปอาบน้ำแล้ว”
ฟังแล้วน่าจะรู้นะว่าแม่ฉันบ้าไสยศาสตร์มากขนาดไหน! รวมทั้งพ่อด้วยอีกคน พวกท่านถึงกับลงทุนสร้างห้องที่เต็มไปด้วยสายสิญจน์ ลูกประคำ และเครื่องพระที่นับไม่ถ้วนสารพัดรุ่นไว้ที่ห้องใต้หลังคา ฉันล่ะเซ็งจริงๆ
[เฮ้ๆ หวังว่าแกคงไม่เอามันไปทิ้งเหมือนทุกๆ ครั้งนะมิเชล เชื่อแม่สิเอาไปตั้งบูชาไว้ที่ห้องใต้หลังคา ลูกต้องกราบเช้ากราบเย็นถ้าทำสม่ำเสมอนะรับรองเห็นผล! ยังไงแม่ขอให้ลูกหาแฟนได้นะ จุ๊บ♥]
“ไม่ขอรับปากนะ”
[ไม่ด๊ายยยย แกต้อง
]
“แค่นี้ก่อนนะแม่ รักแม่กับพ่อมาก ดูแลตัวเองดีๆ ด้วย บ๊ายบาย”
ตู๊ดๆๆๆๆ
ฉันกดวางสายก่อนที่แม่จะโวยวายอะไรไปมากกว่านี้- - สายตาค่อยๆ เหล่มองไปที่กล่องพัสดุที่วางอยู่บนโซฟา... โอ๊ยหมดอารมณ์ ไม่กงไม่แกะมันแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยย!!!!
มีแฟน
มีความรัก...เรื่องพรรคนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องพึ่งไสยศาสตร์ตรงไหนเลย ฉันไม่เชื่อหรอกมันจะช่วยได้จริงๆ ไร้สาระน่ะสิไมว่า หึ!
11:35 AM.
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที ฉันก็เดินเอื่อยๆ ลงมานั่งดูทีวีข้างล่างอย่างเบื่อหน่าย...ไร้อารมณ์(สนุกสนาน)...ชีวิตมันช่างไม่มีสีสันเอาซะเลยยยยT^T เพื่อนสนิทก็มีกับเขาอยู่แค่คนเดียวคือยัย ‘เกรฟ’ แต่มันดันหนีฉันไปเรียนซัมเมอร์ที่แคนนาดา!!! เงินก็มีอยู่แค่เจ็ดพัน แง~ นี่อย่าบอกนะว่าฉันต้องอดอยากปากแห้งตายในช่วงปิดเทอมนี้T____T
ออดดดด!
เสียงออดบ้านดังขึ้นทำให้ฉันละสายตาจากทีวีที่กำลังเปิดดูอยู่ ถึงมันจะดูไม่ค่อยรู้เรื่องซะเท่าไหร่ก็เหอะ- - ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินดุ่มๆ ไปเปิดประตู และก็ต้องชะงักเมื่อเปิดประตูออกไปเจอกับ
เฮ้ย คนตรงหน้าคะ...คือ...!!!!
ปัง!
พับผ่าสิ ฉันเผลอปิดประตูใส่หน้าเขาT___T ทำไงดีตอนนี้หัวใจของฉันเต้นรัวตึกๆ ตักๆ ทั้งที่พยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้หวั่นไหวเวลาเจอหน้าเขาทุกครั้งที่เจอ
‘แดเนียล’ ยังคงยืนอยู่หน้าประตูในมือเขามีกล่องอะไรบางอย่างด้วย>_< เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันอยากมีความรัก~ ถึงแม้เขาจะเป็นเพื่อนบ้านใหม่ของฉันที่พึ่งย้ายมาจากอังกฤษไม่นาน... เอ๊ะฉันกำลังทำตัวเสียมารยาทใส่เขาอยู่หนิ! ไม่ได้การล่ะ!!!!
แอ๊ดดดด~
“ไฮ แดเนียล \(^^;;)” ฉันยิ้มนิดๆ พร้อมกับโบกมือทักทาย
“ฮ่ะๆ ไฮมิเชล ฉานนึ่กว่ายูม่ายหยากเห็นหน้าฉานสักอีก= =” (ฮ่ะๆ ไฮมิเชล ฉันนึกว่าเธอไม่อยากเห็นหน้าฉันสักอีก)
“ใครบอกฉันอยากเจอแดเนียลจะตายไป////”
“หื้มมมม เจงหรอ” (หื้มมมม จริงหรอ) แดเนียลยิ้มที่มุมปากพร้อมกับยกมือมาขยี้ผมฉันเบาๆ และยื่นกล่องทัพเพอร์แวร์มาให้ฉัน ซึ่งตอนนี้กำลังบิดเป็นเกลียวววว~ เขาทำตัวน่ารักเกินไปแล้วนะ>_< นี่ถ้าไม่ติดว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกัน ฉันคงจะกระโดดกอดผู้ชายตรงหน้าไปนานแล้ว!
“มะ...มันคืออะไรหรอ*o*”
“คุกกี้รดช็อคโกแลตชิพ ฉานลองทามดูหน๊าเลยหยากห้ายยูช่วยเชมหน่าย^^” (คุกกี้รสช็อคโกแลตชิพ ฉันลองทำดูน่ะเลยอยากให้เธอช่วยชิมหน่อย^^)
ถึงแม้แดเนียลจะพูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดเจนซะเท่าไหร่ แต่น้ำเสียงก็ยังคงฟังดูมีสเน่ห์เวลาที่พูดออกมาจากริมฝีปากเรียวบางนั่น ฉันยังไม่ได้บอกใช่ไหมว่าเขาเป็นลูกครึ่งไทยอังกฤษ เอ๊ะหรือจะบอกไปแล้วนะ= = งั้นเอาเป็นว่าแดเนียลหน้าตาดีจนพี่เคน ธีรพลต้องชิดซ้าย ณฤเดชต้องชิดขวา โฮะๆ เพื่อนบ้านฉันเองแหล่ะแต่เป็นว่าที่สามีในอนาคตนะ! จู่ๆ แดเนียลก็ยื่นหน้าเข้ามาหาฉันใกล้ๆ ในระดับเดียวกันO__o
“เฮ้ เฮ้ เฮ้! มิเชลยูฟางฉานหยู่หรือป่าวเนี่ย?” (เฮ้ เฮ้ เฮ้! มิเชลเธอฟังฉันอยู่หรือเปล่า?)
“อะ อืมฟังอยู่สิ////”
“ทามมายต่องน่าแด่งด้วยถามแค่นี้เอง-*-” (ทำไมต้องหน้าแดงด้วยถามแค่นี้เอง-*-) แดเนียลทำหน้าตาสงสัย
“กะ...ก็(>////<)” ก็นายกำลังทำฉันหวั่นไหวไงตาบ้า
“เอ้า! ร้าบก่องปายสิเบบี๋♥” (เอ้า! รับกล่องไปสิเบบี๋♥) แดเนียลส่งรอยยิ้มละลายใจมาให้ฉันอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะยื่นมือข้างที่ไม่ได้ถือกล่องมาจับมือฉัน พร้อมกับวางกล่องทัพเพอร์แวร์ลายปลาวาฬลงที่ฝ่ามือฉันเบาๆ
“ขอบคุณนะ>////<”
“ยูม่ายสาบ๋ายหรอ ฉานว่ายูน่าแด่งตาหลอดเลยหน๊า?” (เธอไม่สบายหรอ ฉันว่าเธอหน้าแดงตลอดเลยนะ?)
“สงสัยจะใช่มั้ง////” ฉันยิ้มๆ พยายามก้มหน้าเพื่อไม่ให้เขาจับผิดอะไรฉันอีก “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ ขอบคุณสำหรับคุกกี้อีกครั้ง...บาย^^”
“อะ...อืมๆ บาย”
ฉันดันประตูปิดลงอย่างช้าๆ ...กรี๊ด กรี๊ดดด กรี๊ดดดดดดดดดดด ความรักคืบหน้าๆๆ เห็นม๊ะไม่เห็นจำเป็นจะต้องใช้ไสยศาสตร์ช่วยเลยสักนิด! เออจะว่าไปไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วลองแกะกล่องดูหน่อยแล้วกันว่าแม่ส่งอะไรมาให้ ฉันวางกล่องทัพเพอร์แวร์ไว้ตรงหัวบันได ก่อนที่จะเดินตรงดิ่งไปหากล่องพัสดุที่วางอยู่บนพื้น (พึ่งย้ายลงมาจากโซฟา) และพอเปิดกล่องออกมาฉันก็ได้รู้ว่าของข้างในมันคือ...!!!
...ตุ๊กตาบาร์บี้กับเคนถูกมัดติดกันด้วยสายสิญจน์สีแดง! นี่คือของที่แม่ส่งมาให้ฉันหรอเนี่ย โดนหมอผีหลอกยังไม่รู้ตัวอีก-_-;; ของไร้สาระแบบนี้ฉันทำเองก็ยังได้เลยโธ่! แค่ของปัญญาอ่อนๆ อย่างนี้เนี่ยนะจะทำให้ฉันหาแฟนได้ หึ... นึกแล้วอยากจะหัวเราะเป็นภาษาสเปน
ฉันหยิบตุ๊กตาขึ้นมาพิจารณาอย่างครุ่นคิด ก่อนจะแกะสายสิญจน์สีแดงออกอย่างช้าๆ แล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะทีละชิ้นๆ อย่างไร้เยื่อใย!
ควันสีเทาจางๆ ค่อยๆ ฟุ้งกระจายออกมาจากตุ๊กตา(ผี)ที่ฉันพึ่งทิ้งไป....มันเยอะขึ้นเรื่อยๆ จนฉันมองไม่เห็นสิ่งของรอบตัว ฉันหันซ้ายทีขวาที และกลับหลังหันมองไปรอบๆ ห้องที่ตอนนี้กลายเป็นสีดำอย่างน่าประหลาด
เฮ้ยนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย???
“ช่วยด้วย!”
“...”
“ใครก็ได้! เอาฉันออกไปจากที่นี่ที!!!” ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงเพื่อหาคนมาช่วย แต่ก็ไม่มีเสียงใดตอบรับกลับมา “ฮึก ฉันกะ...กลัว กลัวความมืดนะ...” น้ำตาค่อยๆ ไหลรินออกมาจากดวงตาของฉัน ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะค่อยๆ อ่อนล้าและล้มลง มันจะไม่เกิดขึ้นแบบนี้แน่ถ้าฉันได้ไม่เป็นคนกลัวความมืด ฉันไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น ฉันไม่เคยยอมแพ้ใคร แต่ตอนนี้ฉันกำลังกะ...กลัว สติของฉันตอนนี้มันฟุ้งซ่านไปหมด ความคิดในสมองผุดเรื่องราวในอดีตที่ฉันเคยเจอมา มันทำให้ฉันยิ่งหวั่นกลัวไปมากกว่าเดิม...
เหตุการณ์ในอดีตที่ฉันติดอยู่ในห้องคนเดียว...ทุกอย่างมืดสนิท...มีเพียงเปลวไฟสีแดงลุกวาวที่ล้อมอยู่รอบๆ ตัวฉัน...มันร้อน...ร้อน...ร้อนมากๆ ...วินาทีนั้นฉันกลัวมากจนแทบขาดสติ! ฉันจำได้แค่นั้น แต่มันกลับเป็นเหตุการณ์ที่ฉันไม่มีทางลืม เพราะมันเกิดขึ้นในสถานที่ที่เรียกว่าบ้าน...และฉันก็เป็นคนทำมัน! ตอนนั้นฉันยังเด็กมาก เลยคิดสนุกอยากลองเล่นอะไรบางอย่าง นั่นก็คือ...ไม้ขีดไฟ...
“ฮึก...ฮือออT T”
“หึๆๆๆๆๆๆ”
“!!!”
“ไงสาวน้อย”
“นะ...นั่นใครน่ะ?” ฉันเงยหน้าขึ้นถามหาต้นเสียง
“ข้าคือ...”
“...ไม่ๆ ข้าขอพูดก่อน...”
“...ชู่ว์! เบาๆ สิ ไม่เอาน่าข้าจะพูดเสียงเข้มๆ ข่มให้มนุษย์กลัวซะก่อน...” ฉันชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ข้างๆ หูมันเบามาก แต่ก็ดังพอที่ฉันจะได้ยิน เสียงแรกที่ฉันได้ยินคือเสียงของผู้ชายแหบห้าวแต่กลับมีเสียงหวานๆ ของผู้หญิงแทรกขึ้น นี้มันอะไรกัน ใครกำลังเล่นตลกกับฉันอยู่!!!
“ฉันไม่ใช่ตัวตลกของพวกคุณนะ!”
“...โอ้ไม่นะ โครนัสเจ้าทำแผนพัง เห็นมั้ยนางได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดจนได้...” เสียงหญิงสาวกระซิบเบาๆ ก่อนที่จะตอบฉัน “ข้าต้องขอโทษด้วยนะมิเชล แต่พวกเราไม่ได้กำลังเล่นตลก”
“...เอลินาไปขอโทษนางทำไม! นางต่างหากที่ต้องขอโทษพวกเรา! พวกเราโดนโยนทิ้งลงถังขยะนะ!...”
“เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง? นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย...พวก คุณ เป็น ใคร?” ฉันถามช้าๆ โดยเน้นที่ละคำให้ชัดๆ ฉันไม่เห็นพวกเขาทั้งสองแต่ได้ยินเพียงเสียงที่เหมือนจะคุยกันแค่สองคนมากกว่าที่จะคุยกับฉัน ตอนนี้ความกลัวของฉันกำลังจะหายไปแต่ความโมโหกำลังจะแทรกเข้ามาแทน! จู่ๆ ทุกอย่างก็กลับกลายเป็นสีขาว มันทำให้ฉันสบายใจขึ้นมากเลยทีเดียว และไม่นานร่างของหญิงสาวปรากฏขึ้นตรงหน้าฉัน
“สว่างแบบนี้ เจ้าหายกลัวรึยัง?” เธอเดินมาหาฉัน พร้อมกับยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงฉันให้ลุกขึ้น
“อะ...อืม”
“ข้าชื่อเอลินา เป็นเทพธิดาหรือนางฟ้า จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ขึ้นอยู่กับเจ้า^^”
จากที่เคยไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้จะมีจริงๆ แต่ตอนนี้ในใจฉันกลับเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เธอเป็นนางฟ้า! ไม่สิเธอบอกว่าเธอเป็นนางฟ้า มันดูน่าเชื่อถือมากเวลาที่เธอพูด รวมทั้งกิริยาท่าทางและชุดสีทองประหลาดตาของเธอด้วย
“เจ้าแย่งข้าพูดก่อนจนได้นะเอลินา!!!” ชายร่างสูงใหญ่ กล้ามบึกบึนเป็นมัดๆ โผล่ออกมาจากไหนก็ไม่รู้แทรกขึ้น “...ส่วนข้าโครนัส เป็นปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ อุวะฮ่ะๆ ฟังดูร้ายกาจใช่ไหมล่ะ! ”
“ปีศาจหรือผีทะเล” ฉันพึมพำเบาๆ
“บังอาจ!!!! ปากเก่งนักนะ” ชายหนุ่มบึกบึน แต่งตัวคล้ายๆ ปลาหมึกยกไม้เท้าด้ามยาวขึ้นมาชี้หน้าฉันพร้อมกับร่ายคาถาอะไรบางอย่างอย่างคล่องแคล่ว “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรจะได้รับเพราะข้อหนึ่งเจ้าลบหลู่พวกเรา! ข้อสองเจ้าไม่เห็นคุณค่าของพวกเรา และที่สำคัญข้อสาม...เจ้าดูหมิ่นข้า!!!”
“เอลินะ...นะ...น่า ช่วยฉันด้วย เขากำลังจะทำอะไรน่ะ=[]=”
“อย่านะโครนัส สิ่งที่เจ้าทำอยู่ข้าคิดว่ามัน”
“ไม่! อย่ามาขัดข้า สิ่งที่ข้าทำอยู่มันสมควรแล้วต่างหาก มนุษย์เยี่ยงเจ้าจะต้องได้รับบทลงโทษ!” หลังจากที่เขาพูดจบ กระแสไฟฟ้าสีแดงก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาจากไม้เท้า ก่อนที่แสงนั้นจะพุ่งตรงดิ่งมาทางฉันในไม่กี่วิ!
วูบบบบบบบบบบบϟ
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!”
ฉันหลับตาปี๋ รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งพวยเข้ามาเกาะแกะตามร่างกาย เหมือนกับร่างกายกำลังจะโดดบีบ บด และขยี้แรงๆ มันปวดแสบปวดร้อนมากจนฉันทรมาน ฉันอ่อนล้าและหมดแรงจนในที่สุดร่างกายก็ค่อยๆ ล้มลงพื้นทั้งที่พยายามพยุงตัวเองให้ยืนอยู่ตลอด และภาพทุกอย่างก็ดูเลือนรางลงไปหมด...นี่มันเป็นเพียงแค่ฝันกลางวันหรือจินตนาการของฉันใช่ไหม...พอตื่นขึ้นมาทุกอย่างจะกลายเป็นเหมือนเดิม...ใช่หรือเปล่า?
...
...
“นางสลบไปแล้ว” เอลินาก้มลงมองมิเชล พร้อมกับโบกมือไหวๆ ไปมา
“...”
“ข้าคิดว่าเจ้าทำมากเกินไปนะโครนัส ทั้งๆ ที่นางช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้แท้ๆ ”
“ขะ ข้า”
“จะไปไหนก็ไปเถอะ พวกเราหลุดพ้นจากการถูกสาปแล้ว...เจ้ารอเวลานี้มานานแล้วนี่!”
“แต่ว่าข้า”
“ไปซะ!” เอลินาแทรกขึ้น “เราสองคนไม่คู่ควรกันตั้งแต่แรกแล้ว...โครนัส” ทันทีที่เอลินาพูดจบ ร่างของโครนัสก็ค่อยๆ จางหายไป
ความคิดเห็น