คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : SF -( the LEE Family | Clip Video | ) # 2
SF -( the LEE Family | HAEEUN | )
Autor : Khreegaimantian
Story : Clip Video
_______________________________________
“หึ แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันรู้จักผู้ชายคนนั้นล่ะ ว่าไง?”
“ห้ะ นายว่าไงนะ?” นี่เขากำลังล้อผมเล่นอยู่ใช่ไหมครับ? ไม่นะ มันไม่ตลกเลยสักนิด ตอนนี้ผมตกใจจนแทบจะลืมหายใจ แต่เขากลับยิ้มให้กับปฏิกิริยาของผมเสียอย่างนั้น หมอนี่มันตัวร้ายชัดๆ ร้ายกาจครับ ร้ายกาจที่สุด
“.................”
“ทงเฮ ฉันไม่ล้อเล่นนะ”
“แล้วฉันบอกนายเหมือนไหร่ว่าฉันล้อเล่นหืม?”
ให้ตายเถอะ ผมคิดว่าเขาต้องมีจุดประสงค์อะไรบางอย่างที่มันไม่ชอบมาพากลแน่ๆ หน้าตานายนี่ดูเจ้าเล่ห์จะตายไป แสดงว่านิสัยนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่เอาเถอะ ยังไงซะตอนนี้เจ้านี่ก็เป็นเบาะแสเดียวที่ผมมีพอจะทำให้ผมสาวไส้ไปถึงตัวผู้ชายคนนั้นได้
อีกอย่าง ผมก็ไม่ชอบความรู้สึกการถูกแบนออกจากกลุ่มแบบตอนนี้เสียด้วย
“แล้วมันเป็นใคร?”
ผมอยากจะบ้า หมอนี่ไม่ได้สนใจจะตอบคำถามผมเลยสักนิด กลับทำลอยหน้าลอยตากินข้าวหน้าตาเฉย นี่มันจงใจยั่วกันชัดๆ
“มันเป็นใครทงเฮ”
“...................”
“ทงเฮ นี่! บอกฉันมาสิว่ามันเป็นใครหน่ะ ห้ะ” มือเรียวของผมเอื้อมไปกระชากคอเสื้อไอ้คนที่นั่งทำหน้ากวนตีนอยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะออกแรงเขย่าจนตัวหมอนั่นคลอนไปหมด แว๊บหนึ่ง ผมแอบเห็นมันชักสีหน้าไม่พอใจออกมา แต่ก็ต้องแปรเปลี่ยนกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว
“อย่าใจร้อนนักสิ อีฮยอกแจ”
“นี่ ถ้านายไม่บอกนะก็กลับไปเลย รำคาญ”
“โธ่ ฉันไม่ยักคิดนะว่านายจะอยากรู้ขนาดนี้ ฮ่ะๆ” ผมอยากจะเตะปากไอ้ตัวข้างหน้านี่สักทีจริงๆครับ ณ จุดนี้
“ไอ้ของแบบนี้เนี่ย จะบอกง่ายๆได้ยังไงกัน?”
“ฉันว่าแล้วว่าหน้าอย่างนายมันต้องมีจุดประสงค์”
“ก็นิดหน่อย” หมอนั่นยักไหล่ไม่สนใจ ก่อนจะก้มลงกินอาหารต่อ อยากกินนักเดี๋ยวแม่งถีบกดหัวลงจานข้าวซะเลยนี่ คันตีนชะมัด
“ต้องการอะไรว่ามา” นี่ผมเสี่ยงเกินไปป่ะวะ
“ให้มันได้อย่างนี้สิ ค่อยน่ารัก หึหึ”
-Donghae’s part
“มึงแน่ใจเหรอวะทงเฮ ข้อเสนอแบบนั้น”
“แน่เสียยิ่งกว่าแน่” ผมเอ่ยตอบไอ้คังอินไปด้วยความมั่นใจ คนอย่างอีทงเฮหน่ะเหรอครับ? จะทำอะไรพลาด ไม่มีทางเสียหรอกที่คนอย่างผมจะพลาดท่ากับเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้
“ทำไม มึงเบื่อผู้หญิงหันไปบริโภคไม้ป่าเดียวกันแล้วงั้นสิ?”
“หึ เนื้อกับนมหน่ะกินมาเยอะแล้ว อยากลองกินไข่ดูบ้างจะเป็นอะไรไป”
คำพูดของผมเรียกเสียงโห่ร้องจากเพื่อนได้เป็นอย่างดี ข้อเสนอที่ว่าคืออะไรหน่ะเหรอครับ ก็ข้อเสนอที่ผมสัญญากับอีฮยอกแจว่าจะช่วยเขาตามหาผู้ชายในคลิปนั่น ส่วนข้อแลกเปลี่ยน.....
“ง่ายๆ นายแค่มาเป็นแฟนฉัน”
“ห้ะ ว่าไงนะ!!!!!!!”
“นี่ มีแต่คนต่อคิวรอให้ฉันพูดคำนี้เป็นร้อยนะ ขอบอก”
“เหอะ ฝันไปเถอะ!!!!”
“นายไม่อยากรู้หรือไงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครหืม?”
“...................”
“หรืออยากจะโดนเพื่อนแบนต่อไปก็เชิญ”
“นายต้องการอะไรกันแน่”
“ต้องการนายไง” พูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเองตาฝาดไปหรือเปล่า แต่ผมแอบเห็นอาการวูบไหวในแววตาคู่นั้น อ่า...น่ารักใช่เล่นเลยนะเนี่ย
“อย่ามาพูดบ้าๆ”
“ว่าไง ฉันไม่มีเวลามารอนายคิดนะ”
“คือ....” เห็นเขาลังเล ผมก็เลยแกล้งลุกขึ้นยั่วเขาสักหน่อย แล้วก็ได้ผล ฮยอกแจรีบรั้งแขนผมไว้อย่างไว หึ ตอบตกลงเร็วๆสิที่รัก
“..................”
“ก็...ก็ได้”
“มึงนี่นะจริงๆเลยทงเฮ ที่นี่จะหลอกใช้อะไรเขาอีกล่ะ?”
“มึงมองกูเป็นคนยังไงวะเนี่ย” ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ก็ที่ไอ้คังอินมันพูดมานั่นมันผิดตรงไหนล่ะ
“ก็เป็นแบบมึงนี่แหละ คบใครเคยจริงใจที่ไหน ก็ล่ะสงสารพวกผู้หญิงพวกนั้นจริงๆ”
“ก็ช่วยไม่ได้ อยากโง่เองนี่วะ” สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดก็คือผู้หญิงสมองกลวงๆ ข้างนอกสวยดุจนางฟ้า แต่ข้างในนี่โง่สิ้นดี โดนหลอกไปตั้งขนาดนั้นยังโง่ยอมโดนหลอก บอกว่ารักอย่างนั้นรักอย่างนี้ เหอะ! รัก? มันมีจริงที่ไหนกัน? ความรักสำหรับผมก็แค่เซ็กซ์แบบ one night stand เท่านั้นแหละ บอกตามตรง ว่าคนอย่างอีทงเฮไม่เคยคบใครเป็นตัวเป็นตนหรอกครับ
“แล้วฮยอกแจล่ะ? นี่มึงคบผู้ชายคนแรกเลยนะเนี่ย”
“ก็น่าสนุกดีนี่ หมอนั่นดูเหมือนจะสนใจเรื่องของฉันอยู่ด้วย”
แค่นี้แหละครับที่ผมคิด ก็แค่รู้สึกว่าอีฮยอกแจน่าสนใจดี ทำตัวเป็นนักสืบสะกดรอยงั้นเหรอ? เหอะ จอมโจรมานั่งอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆยังไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เดี๋ยวเถอะ จะเอาให้จับไม่ลงเลยคอยดู
End Donghae’s part
ไม่รู้ว่าผมคิดผิดหรือคิดถูกที่ยอมไปตกลงกับข้อเสนอบ้าๆของไอ้หมอนั่น ก็เพียงแค่คิดว่ามันคงจะแกล้งอำผมเล่นๆ อำเล่นงั้นเหรอ? ตอนนี้ผมชักจะไม่แน่ใจแล้วสิ ก็อีตาบ้าทงเฮนี่ดันมารับผมทุกวันหลังเลือกเรียน รับไปกินข้าวข้างนอกตอนเที่ยง ตอนเช้าก็รับมาโรงเรียนพร้อมกัน ให้ตายสิครับ เรื่องข่าวลือนี่ยิ่งไม่ต้องถาม ผมเบื่อกับการเป็นเป้าสายตาจนอยากจะหายออกไปจากตรงนี้จะแย่อยู่แล้ว
“มื้อเย็นอยากกินไรป่ะ?”
ไอ้คนที่กำลังจับแขนผมลากไปข้างหน้านี่หันมาถามด้วยสีหน้าปรกติสุดๆ หน้าหมั่นไส้ชะมัด คงชินกับการตกเป็นเป้าสายตาแล้วสินะ
“นี่ เมื่อไหร่นายจะบอกฉันสักที นี่มันนานแล้วนะ”
“แต่ฉันอยากกินฟูจิว่ะ ไปกินฟูจิกัน”
“นี่ ทงเฮ ไม่ได้ยินที่ถามหรือไง” น่าหงุดหงิดชะมัด ถามกี่ทีหมอนี่ก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง จนผมชักจะไม่มั่นใจแล้วว่ามันรู้เรื่องนั้นจริงๆหรือเปล่า บ้าชะมัด!
“เอาหน่า อย่ารีบไปหน่อยเลย เดี๋ยวก็ได้รู้” พูดไปพลางยิ้มกรุ้มกริ่มราวกับวางแผนอะไรบางอย่างอยู่ หมอนี่นี่มันไม่น่าไว้ใจซักนาทีเลยจริงๆ
ผมถูกลาก ย้ำว่าลาก เข้าไปในภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นชื่อดัง ทงเฮเลือกที่นั่งด้านในสุดเพื่อความเป็นส่วนตัว ทันทีที่เรานั่งพนักงานสาวสวยก็เข้ามารับออร์เดอร์ แต่ก็นั่นแหละครับ ทงเฮก็จัดการสั่งให้เสร็จสรรพอีกตามเคย คงจะดูถูกว่าผมจนไม่มีปัญญามากินบ่อยๆสินะ
คล้อยหลังพนักงานคนนั้นไป ไอ้ตาบ้าห้าร้อยข้างหน้าก็หันมานั่งจ้องหน้าผมแทน เอากับเขาสิครับ ชอบทำอะไรให้ผมรู้สึกหายใจติดขัดอยู่เรื่อย นี่ผมไม่ได้ตั้งใจจะตอบตกลงคบกับเขาหรอกนะ
“จ้องหาพระแสงอะไรไม่ทราบ?”
“เปล่า แค่คิดว่านายเองก็น่ารักดีเหมือนกันนะเนี่ย” ให้ตายเถอะ! เขารู้ตัวบ้างไหมว่าพูดอะไรออกมา คำว่าน่ารักนี่มันใช้กับผู้ชายได้ที่ไหนกัน แล้วทำไมผมต้องรู้สึกร้อนแบบนี้ด้วยวะ แอร์ก็ตกตรงนี้นี่หว่า
“ทำไมแอร์ตรงนี้ร้อนแบบนี้วะเนี่ย”
“ร้อนเหรอ? ฉันว่าหนาวจะตาย” ห้ะ ไม่จริง ผมไม่ได้เขินหมอนี่ ไม่จริง ผมเกลียดความรู้สึกแบบนี้จริงๆ เพราะฉะนั้นผมควรจะสืบเรื่องนั้นได้เร็วๆ แล้วหลุดออกจากวงโคจรของหมอนี่ให้เร็วที่สุด
“นี่ เมื่อไหร่จะบอกได้ซักที เรื่องนั้น”
“อืมม อยากรีบรู้จะได้รีบเลิกกับฉันงั้นสิ”
“นี่ทงเฮ ฉันไม่มีเวลามาเล่นบ้ากับนายมากหรอกนะ” ผมทำตาขวางใส่หมอนั่นไปที ก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ
“งั้นไม่บอก เพราะฉันไม่อยากเลิกกับนาย”
“อย่ามากวนตีนนะ”
หมอนั่นไม่ได้สนใจอะไรกับคำพูดของผมเลยสักนิด คีบซูชิเข้าปากได้หน้าตาเฉย ผมล่ะอยากเอาตะเกียบแทงคอหมอนี่ทะลุให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย หงุดหงิดโว๊ยยยยยยยย
“อยากกินทาโกยากิอ่ะ” ทงเฮพูดขึ้นมาทันทีที่ผมคีบทาโกยากิเข้าปาก ผมเงยหน้าขึ้นอยากจะด่าแรงๆสักตั้ง แต่สายตาที่มันมองมากลับทำให้ผมต้องเปลี่ยนใจ ปากที่ขยับเคี้ยวขนมที่อยู่ในปากต้องชะงักลงทันที นี่มัน....
ยังไม่ทันที่ผมจะประท้วงหรือคิดอะไรไปมากกว่านั้น ริมฝีปากบางของหมอนั้นก็โน้มมาประกบ ผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ สมองขาวโพลนไปหมด พอๆกับก้อนเนื้อในอกซ้ายที่เต้นรัวเร็วราวกับจะหลุดออกมาข้างนอก
ไม่รู้ตอนไหนที่ลิ้นนุ่มนั่นสอดเข้ามา
ไม่รู้ตอนไหนที่เขาฉกชิงอาหารที่อยู่ในปากผมไปกินเองจนหมดสิ้น
ไม่รู้เนิ่นนานแค่ไหนกว่าหมอนั่นจะผละจูบออก
ไม่รู้ว่ามีใครต่อใครมองมายังพวกเราบ้างหรือเปล่า
รู้แต่มันนุ่มนวลราวกับได้ลอยเล่นอยู่บนก้อนเมฆสีขาวสะอาด กับหัวใจที่เต้นรัวเร็วอยู่ตอนนี้ แค่นั้น....
รถสปอร์ทสุดหรูของทงเฮจอดเทียบลงหน้าบ้านของผม ด้วยความรู้สึกกระอักกระอวนในใจของผมเอง ไม่รู้ว่ามันเป็นแค่ผมคนเดียวหรือเปล่า แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เราสองคนก็อยู่กันในความเงียบมาโดยตลอด ความสับสนเล่นเข้าสู่สมองของผมในวินาทีแรก
อีฮยอกแจคนใจง่าย ไปจูบกับผู้ชายที่รู้จักกันไม่ถึงสามวันด้วยซ้ำ
และที่สำคัญ ไอ้นั่นมันเพศเดียวกับมึงนะฮยอกแจ T^T
“ลงสิ หรือจะไปนอนคอนโดฉันก็ได้นะ” เสียงทุ้มปลุกผมให้หลุดออกจากภวังค์ ผมหันไปก้มหัวขอบใจหมอนั่นทีหนึ่งตามมารยาท ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาลงไป มือหนาของใครอีกคนก็รั้งแขนของผมไว้เสียก่อน
เขาเพียงแต่กระฉากเบาๆ แต่มันกลับทำให้ผมหงายหลังลงมาปะทะกับอกแกร่งของเขาได้อย่างง่ายดาย ทุกอย่างมันเร็วเสียจนผมยังไม่ทันตั้งตัว ก็โดนไอ้คนเจ้าเล่ห์ข้างๆนี่ขโมยจุ๊บไปอีกเสียแล้ว
ฆ่ากูที!!!!!!!!!
“พรุ่งนี้เจอกันนะ ฮยอกแจอ่า”
อย่ามาทำเสียงน่ารักแถวนี้ได้ไหม ผมจ้องหน้าหมอนั่นนิ่งๆ ยังไม่ทันพูดอะไรเรียวปากนุ่มนั่นก็เลื่อนลงมาสัมผัสปากของผมอีกแล้ว ให้ตายสิ ถ้าผมยังนั่งนิ่งอยู่ในนี้ต่อไปผมต้องไม่ปลอดภัยแน่ๆ โดยเฉพาะกับหัวใจของผมเอง
“หน้าระรื่นเชียวนะมึง” เสียงหอนเลวๆแบบนี้คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากไอ้เฮนรี่ คนที่เคยเป็นเพื่อนของผมทั้งกลุ่มนั่งจ้องผมไม่วางตาทันทีที่ขาของผมย่างผ่านธรณีประตูห้องเรียน ผมเองก็อยากถามพวกมันเหมือนกันว่ามีความสุขนักเหรอที่ไม่พูดไม่คุยกับผมเพราะเรื่องไร้สาระแค่นั้น
“พอได้ผู้ชายก็ลืมเรื่องเพื่อนไปหมดแล้วสินะ”
“กูปล่าวลืม”
“ไม่ลืมน้อยหน่ะสิ เช้าเค้าไปรับ เย็นเค้าไปส่ง มึงนี่มีทีเด็ดอะไรนักหนาวะ กูยังไม่เคยเห็นไอ้ทงเฮติดใครขนาดมึง”
“......................” ผมไม่ได้ตอบอะไรหรอกครับ รู้แต่ว่าผมเกลียด เกลียดสายตาคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท มองผมราวกับผมเป็นคนอย่างว่า ทำไมเหรอครับ? ผมทำอะไรผิดไปงั้นเหรอ? จะบอกว่าเป็นเรื่องของผมก็ไม่ใช่ หรือจะบอกว่าผมเป็นต้นเหตุก็ไม่ใช่ ทำไมพวกเขาต้องมารุมโกรธผมเพราะเรื่องแค่นี้? มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
ผมยืนจ้องหน้าแฮนรี่ด้วยสายตาที่ว่างเปล่า คยูฮยอนกับเยซองพยายามปรามไอ้หมาบ้านั่นให้ใจเย็นลง แต่ใครกันแน่ครับที่ควรข่มใจให้ใจเย็น ใครกันแน่ครับที่ต้องกำมือแน่นๆไม่ให้ทำอะไรผลีผลามไปกับคำพูดแย่ๆพวกนั้น
“กูผิดหวังในตัวมึงมากนะฮยอกแจ”
ผิดหวัง? ใครกันแน่ครับที่ควรผิดหวัง ใครกันแน่ครับที่ควรเสียใจกับเรื่องนี้ หลายครั้งที่ผมแอบไปร้องไห้คนเดียว หลายครั้งที่ผมอดน้อยใจไม่ได้ ที่เรื่องไม่เป็นเรื่องแค่นี้ทำให้เพื่อนที่ผมรักพากันไม่คุยกับผมไปหมด ในทีแรกพวกมันอาจจะมองเห็นเป็นเรื่องสนุก มองผมเป็นตัวละครตัวหนึ่งในเกมส์เท่านั้น แต่พวกมันลืมไปหรือเปล่า ว่าผมเองก็เป็นคน และมีความรู้สึกไม่ต่างไปจากพวกมัน
ถ้าไม่มีทงเฮ ผมคงจะกลายเป็นหมาหัวเน่าอย่างสมบูรณ์แบบสินะ แบบนั้นสินะที่พวกมันต้องการ
ผมรู้สึกร้อนตรงขอบตาไปหมด ไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีหยาดน้ำที่เอ่อนองจนทะลักลงมาอาบแก้ม นั่นยิ่งทำให้พวกคนใจร้ายพวกนั้นเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ใช่ครับ ผมไม่ใช่คนจะร้องไห้ง่ายๆ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกอ่อนแอเหลือเกิน ความเป็นเพื่อนที่พวกเรามีต่อกันมา 5ปี มันไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาเลยใช่ไหมครับ
ทั้งๆที่ผมเคยคิดว่าพวกเขารู้จักผมดีที่สุด แต่วันนี้ผมกลับรู้แล้วว่าผมคิดผิด เมื่อเขามองผมเป็นเพียงแค่ผู้ชายอย่างว่า ไร้เกียรติ ไร้ศักดิ์ศรี นี่เหรอครับ? คือสิ่งที่คนเป็นเพื่อนเขามีให้กัน
ไร้เสียงสะอื้นใดๆ ผมคว้ากระเป๋านักเรียนก่อนจะรีบเดินออกไปจากที่ตรงนั้นให้เร็วที่สุด ไม่อยากอยู่ให้พวกหมาบ้าพวกนั้นมันหัวเราะเยาะเล่น ไม่อยากเจ็บปวดเพราะพวกมันไปมากกว่านี้อีกแล้ว ผมอยากจะหายไปจริงๆ ความรู้สึกที่ไม่มีใครเลย ผมพึ่งรู้ว่ามันรู้สึกแบบนี้ มันอ้างว้าง เหน็บหนาวได้มากขนาดนี้เลยเหรอ
พอกันที ไม่ต้องไปสืบสาวอะไรมันแล้ว ในเมื่อทำไปก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา ถึงทำไป ผมก็คงเป็นเพียงแค่ผู้ชายอย่างว่าในสายตาของพวกมันเท่านั้น
“เฮ้ เดินนี่ไม่สนใจใครเลยเหรอ?” ผมหันหน้ากลับไปมองเจ้าของเสียงที่คว้าข้อมือของผมเอาไว้จากด้านหลัง ทันทีที่ผมเห็นหน้าเขาชัดๆ น้ำตามากมายจากไหนไม่รู้ไหลรินลงมายิ่งกว่าท่อประปาแตก ทั้งดีใจ เสียใจ ทุกอย่างมันจุกอยู่ในอก เพียงแค่เห็นหน้าคนคนนี้
“นี่! เป็นอะไร ใครทำอะไรหืม?” มือหนาเอื้อมมาปาดน้ำตาออกจากแก้มผมเบาๆ ทำไมเขาถึงต้องอ่อนโยนกับผม ทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่โพล่มาตอนที่ผมกำลังอ่อนแอ ทำไมเขาถึงเป็นคนเดียวที่ยังคงใส่ใจความรู้สึกของผม
ก็รู้ดี ว่าผู้ชายอย่างอีทงเฮหน่ะน่ากลัวแค่ไหน รู้ว่าเขาอาจจะมองผมเป็นของเล่นแปลกใหม่ รู้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ทำแบบนั้นเพราะความจริงใจ อาจจะแค่...สนุก
แต่ผมเองก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า รู้สึกดี
“นี่ ไม่เอา อย่าร้องนะ หยุดๆ หยุดสะอื้นเดี๋ยวนี้เลย” ผมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ หลังจากยืนมองหน้าหมอนี่แล้วร้องไห้อย่างหนัก ยิ่งผมร้องไห้หนัก ทงเฮก็ดูจะลุกลี้ลุกลนแปลกๆ น่าขำชะมัด ตอนนี้เขาหน้าซีดยิ่งกว่าอะไร
“ไปๆ คนมุงดูกันเต็มแล้วไม่อายหรือไง” ไม่ว่าเปล่า เขาลากแขนผมให้เดินตามเขาไปตามทาง ผมมองมือที่กำลังกุมมือของผมอยู่ แล้วก็อดนึกกลัวขึ้นมาไม่ได้ กลัวใจตัวเอง
รถของทงเฮจอดเทียบลงในสวนสาธารณะเล็กๆ เวลานี้ยังเช้าอยู่ แถมยังเป็นเวลาทำงานทำให้คนเดินผ่านไปผ่านมาไม่มากนัก ผมเดินไปนั่งตรงชิงช้าในสนามเด็กเล่น สายลมเย็นๆในตอนสายๆแบบนี้ช่วยให้ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นได้ไม่น้อย รู้สึกสบายราวกับได้ปล่อยวางทุกสิ่ง จนต้องหลับตาลงช้า
เนิ่นนาน ที่ผมนั่งหลับตาระลึกเรื่องราวต่างๆอยู่แบบนั้น จนรู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวข้างหน้า แต่เพียงแค่ลืมตาขึ้นมา ไอศกรีมโคนใหญ่ก็ลอยเด่นอยู่ตรงหน้าผมเสียแล้ว
“กินหน่อย เผื่อจะอารมณ์ดีขึ้น”
“ขอบใจ” ผมรับไอศกรีมมาก่อนจะเลียมันเบาๆ ความเย็นบวกกับความหวานของมันทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้เหมือนกับที่เขาพูดจริงๆ
“ฉันไม่ชอบเวลานายร้องไห้เลยว่ะ”
“หือ?”
“ไม่รู้ มันบอกไม่ถูก ต่อไปห้ามร้องไห้ให้ฉันเห็นอีกนะ” ตาบ้านี่เป็นอะไร อยู่ดีๆมาออกคำสั่ง คิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าหรือไง?
“ฮยอกแจ” ผมเงยหน้าจากไอศกรีมทันทีที่หมอนั่นเรียก แต่ก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อไอ้บ้าห้าร้อยนี่มันเลียเข้าให้ แต่ไม่ใช่ไอศกรีมหรอก มันเป็นปากของผมเองนี่แหละ หัวใจผมเต้นรัวจนเหมือนกับว่าวันพรุ่งนี้มันจะหยุดเต้นลงแล้ว
“ปากเลอะหน่ะ ฮ่าๆ”
“นายทำบ้าอะไร ห้ะ ไอ้กร๊วกเอ๊ย” ผมชี้หน้าคนที่หัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายตอนนี้ ความรู้สึกแย่ๆที่ผ่านมาถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกเขินอาย ทำอะไรไม่ถูก รู้สึกว่าอยากฆ่าไอ้บ้าข้างหน้านี่ให้ตายไปเลย
“โอ๊ยยยยยย เจ็บนะ!!”ทงเฮร้องโวยวายในขณะที่ผมเองก็พยายามวิ่งไล่เตะหมอนั่นอย่างเอาเป็นเอาตายเหมือนกัน
“ฮยอกแจ..”
“อะไรอีก?” หมอนี่มันน่ารำคาญชะมัดว่ะครับ
“ชอบอ่ะ”
“ห้ะ?”
“ชอบไง ชอบๆ ชอบฮยอกแจ” มันพูดอะไรออกมานะครับ? ชอบเหรอ? บ้าสิ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หมอนี่จะมาชอบผมได้ยังไง แล้วทำไมหัวใจผมต้องเต้นแรงขนาดนี้ด้วย
“ไม่ตลกนะ”
“แล้วใครบอกตลก?”
“ทงเฮ!” ขอร้องอย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นได้มั้ย? T_T
“ก็ตอนแรกคิดว่าสนุกๆ แต่ไม่รู้สิ ไม่เคยรู้สึกกับใครแบบที่รู้สึกกับนายเลย”
“....................”
“ไม่เคยอยากอยู่ใกล้ใครขนาดนี้”
“.......................”
“ไม่เคยอยากจูบใครขนาดนี้”
“.......................”
“ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวด เวลาเห็นใครร้องไห้แบบนี้” มือหนาเอื้อมมาดึงมาของผม ก่อนจะทาบมันลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา แล้วมันก็ทำให้ผมรู้ว่า หัวใจของเขาก็เต้นแรงไม่แพ้ผมเลยเหมือนกัน
“ไม่เคยใจเต้นแรงตอนอยู่กับใครแบบนี้”
“........................”
“แค่นี้ พอจะบอกว่าฉันชอบนายได้ไหม?”
SPECIAL VIDEO CLIP
ตัวของผมถูกประคองลงบนเตียง ในขณะที่ริมฝีปากของเรายังคงไม่ผละออกจากกัน รสจูบที่อ่อนหวานค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ พอๆกับหัวใจของเราสองคนที่เต้นแรงจนน่ากลัวว่ามันอาจจะหยุดเต้นลงตอนนี้เลยก็ได้
ผมจะดูเป็นคนโง่เกินไปหรือเปล่า? ที่หลงเชื่อคำพูดหวานๆพวกนั้น คนคนนี้จะทิ้งผมเหมือนกับที่เขาทิ้งผู้หญิงคนอื่นๆหรือเปล่า ถึงแม้ปากเขาจะบอกว่า จะพิสูจน์ให้ผมเห็นว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง แต่ท้ายที่สุดแล้ว คนเสียเปรียบก็ยังคงเป็นผมอยู่ดี
เสื้อนักเรียนตัวบางของผมถูกถอดออกไปให้พ้นทาง พร้อมกับแรงอารมณ์ของเราที่พุ่งสูงเสียจนฉุดไม่อยู่ ผมลูบไล้ไปตามแผงอกขาว และหน้าท้องที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม ในขณะที่ทงเฮกำลังหมกมุ่นอยู่กับซอกคอของผม แต่เดี๋ยวก่อน ทำไมผมกลับรู้สึกคุ้นขนาดนี้
ทั้งสีผิว ทั้งกล้าม แผ่นหลัง แล้วก็...ไฝ!!!!
ไฝที่หัวไหล่เม็ดนี้!!!!
“ทะ...ทง ทงเฮ”
“หืม?” น้ำเสียงแผบพร่าตามแรงอารมณ์ดังอยู่ข้างหู ไหนจะลมหายใจร้อนๆที่ทำให้ผมขนลุกซู่นั้นอีก แต่ก่อนที่สติสัมปชัญญะของผมจะกระเจิดกระเจิงไปมากกว่านี้....
“ผะ...ผู้ชายในคลิปนั่น...”
“ฉันเอง!”
End
___________________________________________________
แต่งเบบเบลอๆ ฟิคเลยออกมางงๆ ภาษาก็ทุเรศ รับไม่ได้ -3-
ตอนอื่นไม่รู้ แต่ชอบตอนจบ อิ___________อิ
คิดต่อกันเอาเองนะ
ความคิดเห็น