คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : [chapter 6] Confessed love : ป้า อลิซซซ >..
“กลับมาแล้วค้าบ..พี่ไอบี”
ผมส่งเสียงเรียกพี่สาวตัวเองที่ซ่อนเร้นกายอยู่ที่ไหนสักแห่งในบ้าน.. วันนี้เธอคงไม่ได้ไปทำงาน เพราะไม่ได้แปะโน้ตไว้ที่หน้าประตู และถึงไปจริงๆ บ้านก็คงถูกปิดอย่างดี เพราะเวลาไปทีนึง ต้องไปหลายวัน บางครั้งไปเป็นเดือน จะเป็นห่วงก็เป็นห่วงอยู่หรอกนะ แต่ว่าผมเองก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ไอ่ครั้นจะพูดไป ก็เท่านั้นแหละ เพราะเธอก็คงไปอยู่ดี
“น้องไอแบค..” ทันทีที่ผมเดินมาถึงห้องครัว ก็มีเสียงๆหนึ่งเอ่ยเรียกผมขึ้นมาและตามมาด้วยเจ้าของร่างบางสวยเฉียบเปรี้ยวจี๊ดแบรนด์เนมตั้งแต่หัวจรดเท้ายืนมองผมอยู่ ผมมองเธออย่างงงๆ แล้วเดินผ่านไปอย่างไม่สนใจ คงจะเป็นเพื่อนของพี่ไอบีละมั้ง ผมไม่ค่อยจะสนใจอยู่แล้ว พี่ไอบีอยู่ในห้องครัวกำลังทำแซนวิชเหมือนเคย
“อ้อ ไอแบคนายกลับมาแล้วหรอ มาแล้วก็ดี ..นี่อลิซนะนายจำได้มั้ย” มาถึงพี่ไอบีก็รัวๆใส่เลย ผมหันไปมองบุคคลแปลกหน้าที่พี่ไอบีบอกว่าชื่ออลิซ เธอยิ้มหวานให้ผมและขยิบตานิดนึง ยึ๋ย ขนลุก เพื่อนพี่ไอบีก็เป็นแบบนี้ทุกคน มาทีไรผมเจอแบบนี้ทุกที ผมถอดเสื้อนักเรียนออกแล้วพาดบ่า เหลือเพียงเสื้อกล้ามตัวในเท่านั้นแล้วเตรียมตัวจะเดินขึ้นห้อง
“ไอแบค..พี่อลิซจะมาอยู่กับเราสักพักนะ เธอกลับมาก่อนพ่อแม่ของเธอน่ะ ให้เธออยู่สัก 2-3 วัน”
“อือ = =’”
ผมตอบรับแบบเซ็งๆ แล้วเดินขึ้นมาบนห้องทันที หวังว่าการเอาผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักมาค้างที่บ้านคงจะไม่มีปัญหาอะไรนะ -_-
สิ่งแรกที่ผมต้องทำทุกวันตอนขึ้นมาบนห้องคือ ยกมือจุ้บๆกับรูปของสเกลบนเพดาน ปิ๋งๆ @_@ เหมือนคนบ้าเลยแฮะ = =’ ผมเอาเสื้อโยนใส่ตระกร้าในระยะ 100 เมตร (เว่อร์ไปละ) ได้อย่างแม่นยำ เพราะปกติเป็นคนแบบนี้ ฮ่าๆๆ จะแคร์ไปทำไม จ้างแม่บ้านวันเว้นวันอยู่แล้วนี่นา.. โยนกระเป๋าหนังสือเรียนไปอีกทาง ถุงเท้าไปอีกทาง โชคร้ายที่เมื่อวานแม่บ้านไม่ได้มาทำความสะอาด เตียงก็ไม่ได้เก็บ ผ้าปูที่นอนลงไปอยู่ข้างล่าง หนังสือสมุดที่ผมจัดตารางสอนเมื่อเช้าแล้วยังไม่ได้เก็บวางเกลื่อนอยู่บนที่นอน ผมยืนมองผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ อิๆๆๆๆ เอาละ.. เพลียจังเลย มองหน้าสเกลสุดที่รักดีกว่า ผมทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างแรงจนหนังสือบนเตียงเด้งดึ๋ง การได้เห็นหน้าสเกลก่อนนอนทุกวันแบบนี้ ช่างมีความสุขเสียจริง : )
“อิอิ น้องไอแบคเนี่ย ไม่เจอกันซะนาน หล่อลากไส้เลยน้า”
“
”
“
หวา ขนาดนอนหลับยังยักคิ้วข้างเดียวอีก น่ารักชะมัดเลย กรี๊ดๆๆๆ”
“คิดถึงน้องไอแบคจังเลย ฮิฮิ” สัมผัสเบาๆ ถูกตรงต้นแขนของผมจนสะดุ้งเพราะจั๊กจี๋ แต่ด้วยความง่วงงุนผมจึงเพียงเอามือปัดๆ แล้วนอนต่อทันที
“กรี๊ดดดดดดดดดดด >o< น่าร๊ากกอ้ะ”
“โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” ในที่สุด ผมก็ทนไม่ไหวแล้ว..จึงเด้งตัวลุกขึ้นนั่งเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผู้หญิงคนเมื่อวานนั่งอยู่ข้างๆบนเตียง โดยใช้มือปิดปากแล้วเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ยัยป้า !!”
“นะ..น้องไอแบค แหะๆ” ผมกระโดดพรวดขึ้นมาจ้องหน้าเธอตรงๆ ยัยป้านี่ยังคงไม่ลุกไปไหน ยังคงนั่งอยู่บนเตียงอย่างนั้นเหมือนไม่รู้สึกรู้สาอะไร แม้ว่าจะแอ๊บซื่อตกใจก็เหอะ
“ป้าเข้ามาได้ไงเนี่ย ฮะ !!” ผมเดินออกจากเตียงและเปิดไฟในห้อง
“ก็พี่คิดถึงน้องไอแบคนี่นา”
“โห่ป้า ทำไมทำแบบนี้อะ ไม่อายผมบ้างหรอ เข้าห้องผู้ชายแบบนี้” ผมถามเธอด้วยอารมณ์เซ็งๆ มึนๆ ผสมง่วงๆ เมื่อเห็นว่าเธอคือเพื่อนของพี่ไอบีเมื่อเย็นนั่นเอง
“น้องแบค..ทำไมทำเหมือนจำพี่ไม่ได้เลยละคะ พี่เสียใจน้า ตอนน้องแบคเข้ามาในบ้านแล้วมองผ่านพี่ไปเหมือนเราไม่รู้จักกันน่ะ”
“ก็ผมไม่รู้จักป้านี่.. = =’”
“อ๊ายย อย่าเรียกป้าสิ เราเคยเดทด้วยกันนะ จำไม่ได้หรอ ^ ^”
“เดทตอนไหนฟะ =[]=”
“ตอนมัธยมต้นไงคะ ^ ^” อ๋อเหรอ
ทำไมจำอะไรไม่ได้เลยแฮะ ยัยป้านี่มั่วรึเปล่านี่
“ยังไงก็เหอะ ป้ากลับห้องป้าไปซะ ผมจะนอน แล้วอย่าทำอย่างนี้อีก เสียมารยาท -_-“ ผมดึงแขนป้าเธอลุกออกมาจากเตียง ก่อนจะแอบใช้เท้าถีบก้นไปนิดๆ (เลวได้อีก) เธอทำเสียงขัดใจเล็กน้อยแต่ยังคงยืนมองผมอยู่อย่างนั้น ในขณะที่ผมเองก็ไม่สนใจเธอ สักพักไฟก็ถูกปิดและเสียงปิดประตูห้องก็ตามมา จะไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ถ้าผมหลับไปอีกป้าแกจะกลับมาลวนลามผมอีกมั้ยเนี่ย T T นอนหลับต่อด้วยอาการขนลุกขนชัน
“พี่ไอบี..ถามจริง ยัยป้านี่ใคร มาห้องผมด้วยเมื่อคืนอ่า” ในเวลาเช้าตรู่..ผมรีบตื่นแต่เช้ามาเพื่อเค้นคำตอบจากพี่ไอบี พี่ไอบีผละจากการนับกระสุนปืนในกระเป๋าแล้วหันมามองหน้าผม
“เข้าน้องนายด้วยหรอ ?”
“อืม !”
“5555555555”
อ้าว ไหงพี่สาวคนดีของผมหัวเราะเยาะอย่างนี้ละ =[]=
“แฟนคลับเบอร์ 1 ของนายเลยนะ”
“แฟนคลับ?.. เขาบอกว่าเดทกับผมด้วยอ่า”
“หรอ
น่าขำดีนะ”
“หมายความว่าไงเนี่ย !?!” ผมยืนมองพี่สาวด้วยความ งง งง งง งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับท่าน สั้นๆ ง่ายๆ ‘น่าขำดีนะ’ เป็นคำตอบที่ดีสุดๆเลยครับพี่ไอบี = =’ ในเมื่อไม่ได้คำตอบตามที่ต้องการ จะเซ้าซี้ไปก็คงไม่ได้คำตอบเช่นกัน อดโมโหไม่ได้เลยจริงๆ พี่สาวแท้ๆทำไมนั่งขำเฉยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าผมเองไม่ชอบให้ใครเข้ามาในห้อง แล้วยังมาทำพฤติกรรมแบบนี้อีก หรือผมจะสั่งให้เธอออกจากบ้านไปดี ทำแบบนี้จะใจร้ายไปมั้ยนะ -_- แต่คงไม่หรอก ยัยป้าแบรนด์เนมนั้นต้องมีตังเช่าโรงแรมหรูๆสัก 2-3 คืนอยุ่แล้วสิน่า !
“พี่ว่า..นายชวนอลิซไปเที่ยวโรงเรียนนายบ้างก็ดีนะ” พี่ไอบีเอ่ยขึ้นมา ทำผมหันขวับไปทันที นี่ที่ผมพูดไปมันไม่มีความหมายเลยใช่มั้ยเนี่ย คนยิ่งหงุดหงิดอยู่ด้วย
“เอาไปทำไม..สยอง” แล้วผมก้เดินออกมาจากบ้านท่ามกลางเสียงหัวเราะของพี่ไอบี
ผมกึ่งเดิน กึ่งวิ่ง ไปตามทาง โชคดีจังที่โรงเรียนอยู่ใกล้ๆบ้าน ผมจึงค่อนข้างลัลล๊าเป็นพิเศษ จะนอนตื่นสายก็ยังได้เลย ผมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มาโรงเรียนก่อนโอริเธอจะโกรธมั้ยเนี่ย T T ทำไมผู้หญิงสมัยนี้มันช่างน่ากลัวอย่างนี้นะ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วยังสยองไม่หาย ถ้าผมไม่ตื่นขึ้นมาจะเกิดอะไรบ้าง.. เคยเดทกันงั้นหรอ.. เหอะ กุเรื่องขึ้นมาล่ะสิท่า ผมแทบจะไม่เคยชวนผู้หญิงเดทเลยด้วยซ้ำ เธอไปเอามาจากไหนกัน แค่คิดถึงใบหน้าหื่นๆของป้าแกเมื่อคืนแล้ว..ผมไม่อยากกลับบ้านเลยแฮะ T T
ตามทางเดินเริ่มมีผู้คนมากมาย ทั้งไปเรียน ไปทำงาน ไปส่งลูก ไปส่งสามี รถจึงค่อนข้างแน่น เป็นเรื่องปกติในตอนเช้าของทุกๆวัน จะว่าไปแล้ว..ผมก็อยากจะมีรถหรูๆขับสักคันเหมือนกันนะเนี่ย เอาไว้คอยรับส่งสเกลสุดที่รัก..คงจะดีไม่น้อย ฮิๆ
“นายไม่รอฉัน !” เสียงผู้หญิงอันคุ้นเคยดังขึ้น ผมจึงเงยหน้าจากโต๊ะม้าหินอ่อนที่กำลังฟุบหลับอยู่ เห็นโอริกำลังยืนทำหน้าตาดุดันและน่ากลัว เหอะ น่ากลัวตายแหละ โอริกระทืบเท้าตึงๆมานั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ผมอย่างขัดใจ และยังคงจ้องหน้าผมไม่เลิก
“รออยู่เนี่ย..”
“นายไม่ต้องมาแก้ตัว..ฉันอุตส่าห์ถ่อไปถึงบ้านนาย เพื่อจะพบว่านายไปโรงเรียนแล้ว! นายรู้มั้ยว่าฉันรู้สึกยังไงน่ะ หา?”
“โกรธ น้อยใจ หงุดหงิด จะเป็นบ้า”
“เออ นายมันงี่เง่า
ชิ”
อะไรว้า..ก็อุตส่าห์มารอที่โต๊ะม้าหินอ่อนประจำของเราแล้วนะเนี่ย ถ้ารู้ว่าจะมาบ่นอีกขึ้นห้องเลยดีกว่า ชิชะ โอริกลับไปสนใจกระจกในมือตัวเองอย่างใจจดใจจ่อ มีดีไรฟะ..ผู้หญิงทุกคนถึงชอบถือมันไว้และจ้องมันนัก หึ อยากกลายร่างเป็นกระจกให้รู้แล้วรู้รอด (พาลแม้กระทั่งกระจก - -‘) ผมคว้ากระจกมาจากมือโอริแล้วเอามาส่องหน้าตัวเองแทน คนอะไรหล่อก็หล่อดูดีชะมัด ดูไปดูมา หล่อกว่านายทารุอีกนะเนี่ย ฮี่ ๆ >.< (พาลไปคนอื่นอีกแล้ว)
“ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ หึหึ”
“อย่ามารู้ทันน่ายัยบ๊อง” ผมส่งกระจกคืนเธอ
“กินข้าวๆๆ วู้วววว”
ณ โต๊ะม้าหินอ่อนหลังโรงเรียน ผม พาย ทารุ ฟ้อนท์ และสเกลกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่อย่างสันติสุข.. วันนี้สเกลปล่อยผมสยายอย่างเป็นธรรมชาติมากๆ แต่ว่าตอนนี้ยัยโอริหายหัวไปไหนฟะ บอกจะตามมาๆ หายไปซะดื้อๆ ปัดโท่ เอ๊ะ หรือกลายร่างไปสิงอยู่ในต้นไม้แล้ว ทารุนั่งข้างๆ สเกล ตักทั้งหมู ทั้งไก่ใส่ในชามของสเกล ซึ่งเธอก็ยิ้มรับอย่างสุขใจ ชิ ต่อให้เป็นควายก็รู้ ทารุนี่จะคิดกับสเกลแค่เพื่อนจริงเร้ออ.. ผมเบ้บ้าง ใช้ช้อนสับหมูในชามอย่างหงุดหงิด
“อ้าวนาย..ไม่กินหรอสับแบบนั้นน่ะ ฉันขอนะ” ชั่วพริบตา..คนขี้เซาก็ฉวยหมูเด้งชิ้นใหญ่ในจานผมไปซะแล้ว หนอย..ฟอนนท์ ฉันจะเอาคืนแกก ก๊อซซซซซซ
“สเกล..ฉันมีอะไรจะบอกแหละ” พายที่นั่งตรงข้ามกับสเกลเอ่ยเรียก ทำให้ทุกคนหันไปมองหน้าเธอ..ถึงแม้ผมจะแน่ใจนะว่าบนโต๊ะนี้มีสเกลแค่เพียงคนเดียว แต่ทุกคนก็ต่างสนใจเรื่องที่พายจะพูด ถ้าพายเรียกผม คนอื่นจะให้ความสำคัญกับผมขนาดนี้บ้างมั้ยเนี้ย สเกลไม่ได้ตอบอะไร แต่เงยหน้าขึ้นมามองพายพร้อมกับยิ้มหวานเอียงคอนิดๆ ผมมองเธอค้างอยู่อย่างนั้นในขณะที่ข้าวยังคาปากอยู่
“เมื่อวันนั้น..ไอแบคเค้าบอกฉันว่า
”
“
..” ผมเงียบ รอฟังคำต่อไป ทั้งๆที่ใจมันเต้นโครมๆราวกับจะหลุดออกมาอยู่รอมร่อ
“เค้าชอบเธอน่ะสเกล” พายฉีกยิ้มหวานให้ ในขณะที่สเกลค่อยๆหุบยิ้ม ก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงทานข้าวต่อ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบมันกำลังถล่มลงมาทับที่ตัวผมแล้ว ทั้งโกรธทั้งหงุดหงิด ยิ่งเห็นใบหน้าเฉยเมยของสเกลตอนนี้แล้วบอกตรงๆ ผมยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ผมไม่สนใจอะไร ลุกขึ้นแล้วคว้าแขนของพายกึ่งลากออกมาจากตรงนั้น และมุ่งสู่ป่าไม้ในแถวๆนั้นทันที แม้ว่าจะมีเสียงห้ามก็ตาม
“เธอ
.”
“ไอแบค..นายลากฉันมาทำไมเนี่ย ฉันเจ็บนะ” พายทำไม่รู้ไม่ชี้ เอามือลูบแขนตัวเองไปมา
“เธอไปบอกสเกลทำไมฮะ !!!!!!!!!” ผมตะคอกใส่เธอเสียงดังมากจนเธอเองก็สะดุ้งโหยง
“ทำไมละ..ฉันก็ช่วยบอกให้ไง ไม่ดีตรงไหน” พายกอดอกแล้วหันตัวไปทางอื่นอย่างไม่สนใจ ผมกระชากตัวเธอให้หันกลับมาแล้วจ้องหน้าเธออย่างโกรธแค้น สเกลอาจจะรู้มาตั้งนานแล้วว่าผมชอบเธอ แต่ถ้าให้คนอื่นไปพูดแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น ๆ มันคงไม่ใช่สิ่งที่สมควรนัก มองจากสีหน้าของสเกลก็รู้ แล้วเมื่อสักครู่ที่ลากพายออกมา สเกลก็ไม่ได้เอ่ยห้ามเลยสักนิด สเกลต้องไม่พอใจแน่ๆ ผมผลักพายอย่างแรงจนเธอลงไปกองกับพื้น ผมไม่สนใจและเดินออกมาอย่างหงุดหงิด ตอนนี้ทุกคนรู้แล้ว แล้วทารุก็ต้องรู้ ที่ผมโกรธน่ะ มันเป็นเพราะว่าผมต้องการให้เรื่องนี้เงียบๆ ไปซะ ไม่อยากจะให้สเกลต้องมาลำบากใจ เพราะเรื่องไร้สาระ แล้วตอนนี้ผมจะเป็นยังไงในสายตาคนอื่น ที่บังอาจไปชอบนางฟ้าคนนั้น แค่คิดก็เซ็งแล้ว ! ผมไม่ได้เดินไปที่โต๊ะอาหารอีก จึงไม่ได้เจอกับสเกลและคนอื่นๆ แต่ถึงยังไง ผมก็ไม่กล้าสู้หน้าเธออยู่ดีนั่นแหละ
“โอริ..” ผมเอ่ยเรียกชื่อเธอซึ่งเธอมานั่งทานข้าวในห้องเรียนแทน ทำไมไม่เห็นจะรู้เลยว่าพกข้าวกล่องมา ก็เมื่อเช้ายังบอกอยู่ว่าจะตามไปที่โต๊ะ จะว่าไปแล้ว โอริก็ไม่เคยไปที่โต๊ะนั้นเลยนี่นะ โอริเงยหน้ามามองผมและยิ้มตอบรับ จะเป็นยังไงนะ ผมรู้สึกแย่จังที่ต้องเห็นเพื่อนสนิทตัวเองมานั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ในขณะที่ผมมัวแต่ไปเพลิดเพลินกับความสวยงามของผู้หญิงคนนั้น ในเวลาที่มีปัญหาก็จะมาหาเพื่อนเก่า แต่เวลามีความสุขก็ทิ้งเพื่อนเก่า ผมเป็นคนแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“โอริ
ทำไมเธอไม่ตามฉันไปที่โต๊ะล่ะ” ผมค่อยๆเดินไปหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ของตัวเอง
“ฉันไม่อยากไปน่ะ อีกอย่าง ฉันก็พกข้าวกล่องมาแล้วด้วย” เธอยิ้มน้อยๆกับข้าวกล่องใบเล็กๆในมือ ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยในตอนนี้ โอริทำหน้าเฉยๆแล้วค่อยๆตักข้าวกินทีละคำๆ ผมจ้องมองเธอ ผมไม่รู้ว่าควรจะบอกเธอหรือไม่ในเรื่องที่ผ่านมาเมื่อสักครู่นี้ กลัวว่าเธอจะต่อว่าผมเป็นคนทิ้งเพื่อน เห็นเพื่อนมีค่าแค่ตอนที่ตัวเองทุกข์ใจ
“นายจ้องหน้าฉันทำไม ? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า” โอริถามขึ้นมา ผมจึงรีบหลบตาและเสมองไปทางอื่น
“ก็ไม่มีอะไร”
“นายมีแน่นอน ฉันรู้ !” โอริตบลงบนไหล่ผมอย่างแรงจนไหล่แทบทรุด ได้แต่ลูบไหล่ตัวเองป้อยๆ โอริส่งสายตากึ่งดุกึ่งอยากรู้มาให้ผม
“ก็
พายบอกสเกลแล้วว่าฉันชอบสเกลน่ะ”
“ปัดโถ่..นายเชื่อฉันเถอะ ว่าสเกลน่ะรู้มานานแล้วววว”
“แต่เธอทำหน้าเหมือนไม่พอใจด้วยน่ะสิ” ผมแอบเหล่ตาไปมองโอริว่าเธอจะทำสีหน้ายังไง แต่เมื่อเห็นเธอจ้องหน้าผมอยู่จึงรีบหลบสายตาไปทางอื่น
“เธออาจจะไม่พอใจคนอื่นก็ได้นี่..”
“ยังไง..”
“ฉันแค่เดาเอาเฉยๆนะ ถ้าสมมุติสเกลแอบปิ๊งๆใครอยู่ภายในกลุ่มนั้น เธออาจจะไม่พอใจที่นายให้เพื่อนไปสารภาพรักให้ เพราะเธอไม่ต้องการให้คนที่เธอปิ๊งๆต้องไขว้เขวยังไงละ”
“ไขว้เขวอะไรวะหนะ = =’”
“ก็เขาอาจจะกำลังแอบปิ๊งๆ กัน แล้วอยู่ๆมีนายแทรกเข้ามา เขาคนนั้นที่สเกลปิ๊งๆก็จะรู้สึกว่าตัวเองมีคู่แข่ง แล้วถ้าคู่แข่งเป็นเพื่อนตัวเอง เขาก็คงไม่อยากสู้ด้วยไง”
“ฉันว่าเธอกำลังเพ้อเจ้อ = =” ถึงปากจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในหัวผมตอนนี้กำลังมีรูปทารุกับสเกลส่งสายตา ปิ๊งๆ กันอยู่ โถ่โว้ย ผมรีบสะบัดความคิดนั้นออกจากหัวทันที
“555 ไม่แน่หรอกนะ แล้วก็อาจจะมีอยู่อีกอย่างคือ..”
“คือ..”
“สเกลอาจจะไม่พอใจพายก็ได้นี่
”
วันนี้เป็นวันอะไรก็ไม่รู้ จะว่าโชคดีก็โชคดี จะว่าโชคร้ายก็โชคร้าย เพราะวันนี้โอริอ้อนวอนขอกลับเป็นเพื่อนผมด้วย อันที่จริงเธอไม่ต้องอ้อนวอนก็ได้นะ = = เพราะปกติผมเองก็เหงาเหมือนกันแหละที่จะต้องกลับบ้านเองคนเดียวทุกวัน ก็โอริเล่นกลับบ้านกับหนุ่มๆแทบทุกวันเลยนี่นา เพื่อนก็น้อยใจเป็นอะไรเป็นนะ T T
“ฮ้า
ถึงบ้านนายแล้วไอแบค ฉันน่ะชอบบ้านนายชะมัดเลยนะรู้ปะ ^ ^” โอริกระโดดไปกระโดดมาเหมือนเด็กๆ ผมจึงเอื้อมมือไปดันหัวเธอให้เข้าไปในบ้านเพราะอายคนอื่นเค้า -_- โอริรีบวิ่งเข้าบ้านไปแล้ว แต่สายตาผมเหลือบไปเห็นกระดาษสีขาวซึ่งถูกผนึกอย่างดีด้วยอะไรสักอย่างก็ไม่รู้ มันถูกวางอยู่บนขอบรั้วบ้านผม ทำไมไม่ใส่ในตู้รับจดหมายนะ อร๊ายย ไอ้พวกบุรุษไปรษณีย์บ้า
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมจึงเอื้อมไปหยิบมันพลิกซ้ายพลิกขวา ไม่มีอะไรเขียนเอาไว้ ด้านบนสุดของซองมีตัวหนังสือเล็กๆเขียนไว้ว่า ‘Y02’ ผมไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไรจึงไม่ได้สนใจ แต่เปิดข้างในออกทันที
“วางบนรั้วบ้านฉัน ก็ต้องเป็นของฉันแหละ ฮ่าๆๆ” ผมหัวเราะอยู่คนเดียว ถึงเป็นของพี่สเกลผมก็อยากอ่าน 555 (เป็นคนดีอะไรอย่างนี้) ผมดึงไอ่ที่ผนึกแข็งๆออกไป แล้วเปิดกระดาษอ่านทันที
‘อยากตายใช่มั้ย ถึงบังอาจปลอมตัวเข้ามาล้วงความลับของเรา ขอบอกไว้ก่อนว่า เรื่องนี้มันไม่จบง่ายๆ เรื่องนี้มันต้องแลกด้วยชีวิตของแก’
ความคิดเห็น