คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter2 - Bother and Teardrop
- Chapter 2 -
Bother and Teardrop
‘ผมบอกให้ออกไปยังไงละ!!!’’
'ถ้าคุณต้องการแบบนั้น ผมก็ไม่ขัด..’
‘แต่จงจำไว้เสมอนะว่าความรู้สึกของผมที่มีให้คุณน่ะมิใช่ ‘ความเกลียดชัง’ แต่เป็น ‘ความรัก’....’
คำพูดนั้น ราวกับเป็นเพียงคำสาป
ที่ทำให้เขานึกถึงเพียงแต่เรื่องของชายคนนั้น...
“คุณเอมบาเมอร์..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ!?”
เอมิลี่ถามกลับทันทีเมื่อเห็นสภาพภายในห้อง...เศษจานที่แตกกระจายและคราบเลือดสีแดงฉาน
หญิงสาวรีบมองไปที่ร่างกายของชายหนุ่มเพื่อหาบาดแผล
แต่ดูท่าว่าจะไม่มีเลยสักจุด แม้นั่นจะทำให้เธอรู้สึกโล่งอก
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้คลายความสงสัยไปได้เลย...
“...ผมเผลอทำจานแตกน่ะ
ขอโทษด้วยนะครับ”
คาร์ลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่เรียบเฉย
ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูน่าสงสัยไปเสียหมด แต่ถ้าคนตรงหน้าไม่ยอมพูดออกมาเอง
เอมิลี่ก็คงไม่มีทางเลือกอื่น...
“...เฮ้อ
ถ้านายไม่อยากพูดก็ตามใจ แต่ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็มาปรึกษาฉัน..ไม่สิ
พวกฉันได้เสมอนะ ยังไงพวกเราก็อยู่บ้านหลังเดียวกันแล้วทั้งที”
เอมิลี่ไม่กล้าพอที่จะเอ่ยอ้างว่าเป็น ‘เพื่อน’
เพราะคนตรงหน้าอาจไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ได้…
“อืม..ผมสบายดี
ไม่เป็นอะไรหรอก เศษจานพวกนี้เดี๋ยวผมเก็บเอง คุณไปพักผ่อนเถอะ”
คาร์ลตัดจบการสนทนาด้วยการปิดประตูห้องลง
หญิงสาวที่ยืนอยู่หน้าห้องได้แต่ถอนหายใจก่อนที่จะเดินกลับไปหาเอ็มม่า...
… “หืม ทำไมอารมณ์ไม่ดีซะแล้วล่ะ เมื่อเช้ายังเห็นอารมณ์ดีอยู่เลย”
แจ็ค
ฆาตกรหนุ่มภายใต้หน้ากากสีขาวเอ่ยถามโจเซฟที่กำลังนั่งชมสวนดอกไม้ของเขาอยู่
“...ก็เปล่านี่ครับ”
แม้ใบหน้าของโจเซฟจะยังคงยิ้มแย้ม
แต่มืออีกข้างกลับบีบดอกกุหลาบสีแดงสดจนเละคามือ...
เมื่อรู้สึกตัว
ร่างเล็กวางดอกกุหลาบลงที่โต๊ะอลูมิเนียมในสวนอย่างนึกเสียดาย เขานั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ ๆ โต๊ะ
“คุณแจ็ค..จะเสียมารยาทไหม ถ้าผมอยากทราบเรื่องความสัมพันธ์ของคุณกับผู้รอดชีวิตคนหนึ่ง...อดีตทหารรับจ้างคนนั้นน่ะ”
โจเซฟเอ่ยเปิดประเด็น
“...ก็ไม่รังเกียจที่จะเล่าหรอกนะ”
แจ็คถอดหน้ากากสีขาวออก
เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาและนัยน์ตาสีทองอร่ามดั่งเช่นดวงจันทร์เต็มดวง ร่างสูงเดินมานั่งที่เก้าอี้ตรงกันข้ามกับโจเซฟ
“พวกคุณ..ทำไมถึงได้มารักกันงั้นเหรอ”
“
‘ทำไม’ งั้นเหรอ...นั่นสินะ
คงต้องย้อนความไปตั้งแต่แรกเลย...ในตอนนั้น
ฉันตกหลุมรักไนบ์ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นใบหน้าภายใต้เสื้อคลุมของเขา...เขาน่ารักมากเลย”
น้ำเสียงของแจ็คดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงคนสำคัญของตัวเอง
“ตอนนั้นไนบ์ซนมาก
ๆ เลยละ เอาแต่วิ่งหนีฉันตลอดเลย ขนาดตอนที่บุกไปถึงห้อง
ยังขัดขืนซะจนถูกตั๊นหน้ากลับมาเลยแน่ะ”
ร่างสูงหัวเราะเบา ๆ ยามที่ได้พูดถึงเรื่องราวเมื่อสมัยก่อน
“...ถ้างั้นคุณทำยังไงเขาถึงได้ยอมรับคุณงั้นเหรอ?”
ได้ยินแบบนั้น ร่างเล็กกว่าก็อดสงสัยไม่ได้
“อืม
ค่อนข้างน่าอายนิดหน่อย แต่หลังจากวันที่ฉันบุกไปถึงห้องของเขา
ไนบ์ก็โกรธฉันยกใหญ่เลย เอาแต่บอกว่าฉัน ‘รุนแรง’ ไปบ้าง ‘ไร้มารยาท’ บ้าง”
“ถ้างั้นคุณขอคืนดีได้ยังไงเหรอครับ...!?”
โจเซฟเลี่ยงที่จะไม่ถามถึงรายละเอียด เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าครามแสดงอาการสนใจอย่างออกนอกหน้า
เมื่อรู้สึกตัวร่างเล็กก็กระแอมไอเล็กน้อย ก่อนจะกลับมาสำรวมท่าทีตามเดิม
“ฮะ ๆ
อย่าเอาไปบอกใครเชียวละ ฉัน ‘ตื๊อ’ จนไนบ์ใจอ่อนน่ะสิ..”
ร่างสูงเกาแก้มตัวเองขณะพูด โจเซฟได้ยินคำแนะนำเช่นนั้นก็หูผึ่ง
“ตอนแรก ๆ
ไนบ์ก็ไม่ยอมหรอกนะ แต่พอฉันพูดขอโทษไปหลาย ๆ รอบเท่านั้นแหละ
เด็กคนนั้นก็ใจอ่อนลงทันทีเลย เหนื่อยแทบแย่กว่าจะคืนดีกันได้”
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมากครับ! ไว้คราวหน้าผมจะเลี้ยงมื้อค่ำนะ”
โจเซฟเอ่ยขอบคุณชายตรงหน้าด้วยความซึ้งใจ
“ไม่เป็นไรหรอก
ถือซะว่าช่วยคนที่ประสบปัญหาแบบเดียวกัน...ฉันพูดไม่ผิดสินะ?”
แจ็คหยิบหน้ากากกลับมาสวมตามเดิม
ร่างเล็กกว่าได้ยินเช่นนั้นก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ
“ก็ประมาณนั้นแหละครับ
ไว้ผมจะกลับมาเล่าเรื่องของผมให้ฟัง...คุณคาร์ลของผมน่ะน่ารักกว่าคุณไนบ์ของคุณแน่
ๆ ครับ”
โจเซฟเอ่ยทิ้งท้ายไว้เช่นนั้น ก่อนที่จะวาร์ปหายไปต่อหน้าต่อตา...
“หนอย..ปากเก่งเอาเรื่องเลยนี่นา
คนเราดูที่หน้าตาไม่ได้จริง ๆ แฮะ..”
แจ็คว่าจบ ก็เอื้อมไปหยิบนาฬิกาพกในกระเป๋ากางเกงเพื่อดูเวลา
“เราเองก็ไปหาไนบ์บ้างดีกว่า~”
และแล้ว ผู้ล่าเจ้าของฉายา เดอะริปเปอร์
ก็หายไปจากสวนด้วยอีกคน...
...ก๊อก
ก๊อก
มือเรียวไร้ซึ่งถุงมือปิดบังเคาะลงที่บานกระจกไปสองถึงสามที
“คุณคาร์ล..นี่ผมเองโจเซฟ”
แม้จะมองไม่เห็นข้างใน แต่เขาก็ได้ยินเสียงกุกกักมาจากภายในห้องที่มืดสนิทไร้ซึ่งแสงสว่าง
แม้แต่แสงจันทร์ก็ยังสาดส่องมาไม่ถึง...
“คุณไม่ต้องเปิดหน้าต่างให้ผมก็ได้
ผมแค่อยากจะมาขอโทษ..ผมลองคิดมาแล้ว แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจกับสิ่งที่คุณพูดออกมาเลย
บางทีผมอาจจะยังคิดไม่ดีพอ ขอโทษนะ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ถ้าคุณเกลียดผม
ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ได้โปรด...”
“อย่าหลบหน้าผมแบบนี้เลยนะ...”
สิ้นคำพูด หน้าต่างบานใหญ่ก็ถูกเปิดออก
ก่อนที่ร่างของโจเซฟจะถูกดึงเข้าไปภายในห้อง...
“...ผมยังไม่ได้ทำแผลให้คุณเลย”
คาร์ลไม่รอให้ร่างโปร่งเอ่ยทักท้วงอะไร มือบางเอื้อมไปสัมผัสที่มือข้างขวาของโจเซฟอย่างแผ่วเบา
“คุณไม่ต้องทำแผลให้ผมก็ได้...”
โจเซฟเตรียมจะเอ่ยปฏิเสธ
แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของคาร์ลที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงแม้จะเพียงแค่เสี้ยววิ
แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมตามใจคนตรงหน้า…
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะครับ”
คาร์ลเดินไปหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่คุณหมอเอมิลี่มอบให้มาจากตู้เก็บของ
ก่อนจะพาโจเซฟไปนั่งที่เตียงของตัวเอง
มือบางที่สวมถุงมือสีขาวอยู่ค่อย ๆ บรรจงทำความสะอาดบริเวณที่เป็นแผลอย่างเบามือ
“...ไม่เจ็บใช่ไหมครับ”
แม้น้ำเสียงจะดูกระด้าง แต่โจเซฟก็ยังดูออกว่าคนตรงหน้ากำลังเป็นห่วงเขาอยู่...
“อืม
ไม่เจ็บเลยสักนิด”
ได้ยินเช่นนั้น คาร์ลก็คลายกังวล
มือบางหยิบสำลีชุบไอโอดีนทาบริเวณรอบ ๆ แผล ก่อนที่จะหยิบผ้าพันแผลมาพันรอบ ๆ
อย่างไม่ชำนาญสักเท่าไร....มั้ง?
“สะ..เสร็จแล้วครับ..”
โจเซฟก้มมองมือข้างขวาของตัวเองที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างลวก ๆ ดูก็รู้ว่าคนทำแผลให้คงพันไม่เป็น...
“อะ
เอ่อ..ถ้ายังไงให้คนอื่นพันให้ใหม่คงจะดีกว่า...”
เดิมทีคาร์ลก็ไม่ชอบการทำแผลอยู่แล้วทั้งกับตัวเองและคนอื่น
ดูท่าว่าหลังจากนี้เขาคงต้องให้คุณหมอมาสอนการพันผ้าพันแผลใหม่แล้วสิ...
“ไม่หรอก
คุณอุตส่าห์พันให้ทั้งที เรื่องอะไรผมต้องแกะออกด้วย”
โจเซฟว่าพลางยิ้มอ่อน
มือข้างที่ไม่เป็นแผลเอื้อมไปลูบศีรษะของคาร์ลเบา ๆ
“เอ๊ะ..”
ร่างบางที่ถูกลูบหัวนั้นทำตัวไม่ถูก คาร์ลได้แต่หลบสายตาจากคนตรงหน้า
ทั้ง ๆ ที่เป็นร่างกายของตัวเอง แต่เขากลับไม่กล้าที่จะขยับตัวออกไปแม้เพียงแค่ปลายนิ้ว...
“อ๊ะ..ขอโทษนะ
คุณไม่ได้รู้สึกแย่ใช่ไหม...!?”
เมื่อรู้สึกตัว โจเซฟก็รีบปล่อยมืออกจากศีรษะของคาร์ลทันที
“ผมไม่ได้รู้สึกแย่อะไรหรอกครับ...”
ร่างเล็กรีบเอ่ยปฏิเสธ
แต่คาร์ลก็ยังไม่เงยหน้าขึ้นมาสบตากับโจเซฟ...
หมับ
มือเรียวทั้งสองข้างของโจเซฟจับใบหน้าของคาร์ลให้เงยขึ้นมาสบกับนัยน์ตาสีฟ้าครามของตัวเอง
“เวลาพูดกับคนอื่น
อย่าหลบตาสิครับ”
ร่างสูงกว่าเอ่ยติ
เจ้าของนัยน์ตาสีดำหม่นพยายามที่จะหันใบหน้าหนีแต่ก็ไร้ผล...
“ทำไมคุณถึงไม่อยากมองหน้าของผมล่ะ..ผมน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ..?”
โจเซฟเอ่ยอย่างตัดเพ้อ
คาร์ลพยายามที่จะเอ่ยปฏิเสธแต่กลับไม่มีเสียงออกมาจากลำคอแม้แต่น้อย...
ภาพของชายผมขาวตรงหน้าเริ่มสั่นไหวเนื่องจากหยดน้ำใสที่กำลังไหลรินลงมาจากนัยน์ตาทั้งสองข้าง...
“เอ๊ะ..”
เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังร้องไห้อยู่
โจเซฟก็รีบปล่อยมือออกมาจากใบหน้าของคาร์ลทันที
“คะ
คุณคาร์ล..เป็นอะไรไปน่ะ เจ็บงั้นเหรอ..ระ หรือผมว่าแรงไปกัน...”
คาร์ลส่ายหน้าปฏิเสธ แม้หยดน้ำตาจะยังไม่หยุดไหลรินก็ตาม...
โจเซฟไม่เคยปลอบโยนใครมาก่อน
ชายอายุมากกว่าได้แต่แสดงสีหน้าลนลาน ก่อนที่จะทำตามสัญชาตญาณของตัวเองไป...
ร่างสูงกว่าดึงร่างของคาร์ลเข้ามากอด
มือข้างซ้ายคอยลูบเส้นผมของชายหนุ่มเพื่อปลอบโยน
“ร้องออกมาให้เต็มที่เลยเด็กดี..ผมจะอยู่ข้างคุณเอง
ไม่ว่าเมื่อไร ก็จะอยู่ข้างคุณเสมอ..”
.....
....
...
ความคิดเห็น