ตอนที่ 5 : Section 4 the chamber of secrets has been opened enemies of the heir beware [100%]
Section 4 the chamber of secrets has been opened enemies of the heir beware
ระวังคำพูดหน่อยนะมัลฟอย
การเรียนแสนหรรษาและการบ้านสุดหฤโหดได้เดินทางมาหลายสัปดาห์แล้ว วันนี้ในห้องนั่งเล่นบ้านสลิธีรินมีนักเรียนบางตา เพราะข้างนอกอากาศดีเกินกว่าจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน แต่สำหรับคนที่จิตใจหม่นหมองไร้วิญญาณอย่างเดรโกต่อให้อากาศดีแค่ไหนเขาก็ไม่มีอารมณ์จะเล่น หลายวันมานี้เขาพยายามอย่างมากทีเดียวที่จะเข้าไปทักทายแฮร์รี่ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเหมือนเดิมแฮร์รี่ได้ลืมคนที่ชื่อเดรโกไปเสียแล้ว
เบลสนั่งตรวจทานการบ้านของเขาเป็นรอบที่สี่ของวัน อันที่จริงไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำรายงานได้ห่วยแตกขนาดนี้ แต่เรื่องในสมองเขามันยุ่งเหยิงเกินไปจนตอนนี้คำแนะนำของเบลสที่บอกให้บุกหอคอยกริฟฟินดอร์เริ่มจะเข้าท่าขึ้นมาเสียแล้ว แต่นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาส่ายหัวเพื่อไล่ความคิดชั่วร้าย การบุกเข้าบ้านคนอื่นแบบนั้นมันผิดและอาจทำให้โดนหักแต้มถ้าหากมีอาจารย์คนไหนรู้เข้า หรือเราจะย่องเข้าไปแบบเงียบๆดี
“นายกำลังแผ่รังสีชั่วร้าย” เสียงเบลสดังขึ้นขัดขวางความคิดเขา เดรโกหันไปมองคนบนโซฟาที่นอนถือรายงานของเขาอยู่ เขาชักสงสัยว่าเบลสจะอ่านความคิดเขาได้
“เปล่าสักหน่อย” เขายักไหล่ สายตาจดจ้องอยู่ที่ปลายเท้าของตัวเองที่เหยียดยื่นไปทางเตาผิง
“นายไม่เคยปิดบังชั้นได้หรอกเดรก ชั้นไม่ใช่พอตเตอร์ที่นายจะพูดอะไรใส่ก็ได้” เบลสพูดก่อนจะเอารายงานของเขาปิดหน้าแล้วนอนนิ่ง อันที่จริงก็ใช่อยู่ เขาเถียงไม่ออกเลยทีเดียวเพราะเขาทำจริง พูดจาแบบนั้นใส่คนที่ยังไม่เข้าใจตัวตนของเขา ตัวตนของเดรโก
ฤดูกาลแข่งขันควิชดิชเริ่มต้นขึ้น สิ่งที่เขารอคอยตลอดมาถึงแล้ว นัดแรกเป็นบ้านกริฟฟินดอร์ที่ต้องเจอกับฮัฟเฟิลพัฟ เขาเฉียดเข้าใกล้สนามซ้อมควิชดิชทุกครั้งที่ได้ยินว่าบ้านกริฟฟินดอร์มีการฝึกซ้อม จนโอลิเวอร์กัปตันทีมกริฟฟินดอร์ต้องเรียกไปถามเป็นการส่วนตัวว่านี่คือการล้วงข้อมูลแผนควิชดิชของสลิธีรินหรือเปล่า ก็ได้แต่ตอบไปว่าแค่บังเอิญผ่านมาทางนี้เท่านั้นเอง แต่ดูเหมือนโอลิเวอร์จะไม่เชื่อเพราะเขาได้รับข่าวลวงถึงวันซ้อมของกริฟฟินดอร์มาเยอะทีเดียว
การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นในวันที่อากาศเป็นใจที่สุด เหล่านักกีฬาบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหัวพวกเขา เดรโกนั่งอยู่ชั้นบนสุดของอัฒจันทร์ฝั่งสลิธีริน คนทั้งโรงเรียนแห่มาดูการแข่งขันนี้ทั้งหมด เสียงเชียร์ดังสนั่นเมื่อได้ยินเสียงนกหวีดของมาดามฮูช เขาเห็นแฮร์รี่บินอยู่บนสุดเพื่อดูสถานการณ์ การแข่งขันเดินทางไปถึงสามสิบนาทีแล้ว กริฟฟินดอร์นำอยู่ห้าสิบต่อยี่สิบแต้ม
แต่แล้วในสนามก็เกิดอะไรบางอย่างขึ้น โอลิเวอร์คีปเปอร์ทีมกริฟฟินดอร์ถูกลูกบลัดเจอร์บินชนไม้กวาดจนตกลงมา เดรโกมองหาลูกบลัดเจอร์นั่นปรากฏว่ามันกำลังไล่ตามแฮร์รี่อยู่เขามองไม่ผิดแน่ แฮร์รี่บินซิกแซกหักซ้ายหักขวาเพื่อสลัดบลัดเจอร์ให้พ้นแต่ไม่เป็นผล เขาผุดลุกขึ้นยืนตามองไปที่แฮร์รี่ บลัดเจอร์บ้านั่นต้องถูกล็อกไว้แน่ เขาหันไปหาเบลสเพื่อขอความเห็น แต่เพื่อนเขาเองก็ดูจะตกใจอยู่เช่นกันเดาว่าคงช่วยอะไรไม่ได้
ในสนามปั่นป่วนพอๆกับนอกสนาม เสียงเฮลั่นทางฝั่งฮัฟเฟิลพัฟดังอยู่ตลอดเพราะเซสเซอร์ทำแต้มได้ คะแนนตอนนี้นำกริฟฟินดอร์ไปแล้ว เขากลับมามองที่แฮร์รี่อีกครั้งในหัวคิดหาแต่คาถาอะไรก็ได้ที่จะช่วยแฮร์รี่ได้ และดูเหมือนว่าแฮร์รี่จะเห็นลูกสนิช เขาพุ่งลงข้างล่างอย่างรวดเร็วโดยที่บลัดเจอร์ยังบินตามไม่ห่าง แฮร์รี่เชิดไม้กวาดขึ้นก่อนถึงพื้นอย่างหวุดหวิด
และเริ่มทำสิ่งที่เขาคิดว่าอันตรายที่สุดในกีฬาควิชดิชที่เคยพบเจอมา การยืนบนไม้กวาด แฮร์รี่ยื่นมือออกไปเพื่อจับลูกสนิช
“ระวัง!” เขาส่งเสียงร้องออกมาเมื่อเห็นบลัดเจอร์พุ่งไปที่แขนแฮร์รี่ แต่เขาอยู่บนนี้แฮร์รี่ไม่มีทางได้ยินจึงโดนบลัดเจอร์พุ่งชนแขนเข้าอย่างจัง เขาใจเสีย เหงื่อท่วมใบหน้า รีบกระโดดลงไปยืนอยู่ริมขอบของอัฒจันทร์ แฮร์รี่ใช้มืออีกข้างเอื้อมไปจับลูกสนิชได้ เสียงเป่านกหวีดยุติการแข่งขันดังขึ้น แต่ลูกบลัดเจอร์ยังคงพุ่งเข้าหาตัวของแฮร์รี่
เสียงระเบิดของอะไรบางอย่างดังขึ้นกลางสนาม เกรนเจอร์ทำลายลูกบลัดเจอร์ได้ทันก่อนที่มันจะทำร้ายแฮร์รี่อีกครั้ง เขารีบวิ่งลงอัฒจันทร์ทันที ผู้คนยืนมุงกันอยู่ตรงกลางสนามโอลิเวอร์ถูกหามส่งห้องพยาบาลแล้ว เขาไม่เห็นว่าตรงกลางของสนามเกิดอะไรขึ้นเนื่องจากแฮกริดยืนบังจนมิด แต่ได้ยินเสียงครางฮือน่ากลัวของคนที่ยืนอยู่ พร้อมเสียงคำรามต่ำของแฮกริด เขากลัวขึ้นมาจับใจแฮร์รี่จะเป็นอะไรมากหรือเปล่า
เขาวนเวียนอยู่หน้าห้องพยาบาลเหมือนกับคนอื่นๆ นักเรียนคนหนึ่งจากบ้านกริฟฟินดอร์เล่าว่าแฮร์รี่เสียกระดูกไปทั้งหมดเพราะศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ทเสกคาถาเพื่อรักษา เขาชักเริ่มจะเกลียดอาจารย์คนนี้เพิ่มขึ้นเสียแล้ว ไม่ต้องนับที่เรียกแฮร์รี่ไปห้องทำงานทุกทีที่บังเอิญเจอหรอก
เบลสดึงเขาให้กลับห้องนั่งเล่นเสีย เพราะอยู่นี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เขาขัดขืนอยู่พักใหญ่จนเบลสพูดขึ้นว่าทำอย่างกับแฮร์รี่จะอยากเห็นหน้านายตอนนี้ เขาถึงได้ยอมกลับไป เดรโกเดินวนเวียนอยู่ในหอนอนพลางคิดหาวิธีที่จะทำให้แฮร์รี่ไม่ได้รับอันตรายจากควิชดิชอีก เขานึกไม่ออกว่าลูกบลัดเจอร์ถูกล็อกได้ยังไงและเขานึกไม่ออกว่าจะหาคำไหนไปบอกให้แฮร์รี่ระวังตัวเองกว่านี้
เขานึกไปถึงตอนที่ตะโกนว่าระวังแต่เพราะระยะห่างทำให้แฮร์รี่ไม่ได้ยิน แต่ถ้าเกิดเขาอยู่ใกล้กว่านี้ล่ะ ถ้าเกิดเขาอยู่ในสนามกับแฮร์รี่บางทีเขาอาจจะเตือนให้ระวังตัวทันก็ได้ อย่างน้อยก็ในเกมส์ที่ต้องเจอกับสลิธีริน ส่วนตอนอื่นค่อยนึกหาวิธีทีหลัง
ปรากฏว่าทีมควิชดิชบ้านสลิธีรินรับเขาอย่างรวดเร็วเพียงเพราะเขาเสนอไม้กวาดให้ จดหมายด่วนของพ่อบอกว่าเขาจะอัดฉีดทุกคนในทีมบ้านทันทีที่เขาได้เข้าไปเล่นเป็นตัวจริง และตำแหน่งที่เขาได้คือซีกเกอร์ซึ่งเป็นตำแหน่งเดียวกับแฮร์รี่ เบลสบอกว่าเขาเพิ่มภาระหน้าที่ให้ตัวเองเปล่าๆ เพราะทุกวันนี้เขาเรียนแทบจะไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว
ความสบายใจยังไม่ลดหายไปเมื่อเขายังไม่รู้รายละเอียดอาการของแฮร์รี่หรือได้ยินแฮร์รี่พูดคำว่าสบายดี เช้าวันต่อมาเขาจึงมาที่ห้องพยาบาลแต่เช้าตรู่ เข้าไปยืนที่ข้างเตียงของแฮร์รี่ คนบนเตียงหลับสนิทที่แขนขวามีเฝือกอ่อนห่อหุ้มอยู่ เท่าที่ตรวจสอบนอกจากแขนแล้วก็ไม่มีอะไรน่าห่วง
“เฮ้” เขาสะดุ้งเมื่ออยู่ๆแฮร์รี่ก็ส่งเสียง เขามองหน้าคนป่วยที่ตอนนี้ก็จ้องเขาตอบ หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะเหมือนกับว่าเขาตื่นเต้นที่จะได้คุยกับแฮร์รี่อย่างไรอย่างนั้น
“จะไม่พูดอะไรหน่อยหรอ” แฮร์รี่ถามเขาน้ำเสียงแหบพร่า เขาเหมือนไอ้งั่งที่ยืนโง่อยู่อย่างนั้น ตามองเพียงแต่คนที่นอนอยู่ นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม้ได้ยินเสียงของแฮร์รี่ในระยะที่ใกล้ขนาดนี้
“นายช่วยหยิบน้ำให้ชั้นหน่อย” เขารีบทำตามทันทีที่แฮร์รี่ขอ รินน้ำใส่แก้วแล้วประคองให้เจ้าตัวลุกขึ้นไม่ยอมแม้แต่จะปล่อยให้เขาได้ดื่มน้ำเอง แฮร์รี่ดื่มจนหมดแก้วแล้วล้มลงไปนอนต่อ ตายังคงจ้องอยู่ที่เขาไม่ไปไหน เดรโกไม่รู้จะพูดอะไร เขาไม่เคยอยู่ในสถานการณ์ที่เรียกว่ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกมาก่อน จึงได้แต่คอยให้แฮร์รี่หลับแล้วออกจากห้องไป
เดรโกไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนขี้ขลาด เพียงแต่บางทีเงียบเสียบ้างก็ไม่เสียหายอะไร
ระวังคำพูดหน่อยนะมัลฟอย อีกครั้ง
หลายอาทิตย์ต่อมาแฮร์รี่ออกจากห้องพยาบาลแล้ว แต่การทำโทษของศาสตราจารย์มักกอลนากัลยังไม่จบ ที่เขารู้เพราะล็อกฮาร์ทพูดขึ้นในชั้นเรียนวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด สถานการณ์ของเขากับแฮร์รี่ถือว่าดีขึ้นมากทีเดียว อย่างน้อยตามทางเดินแฮร์รี่ก็เลือกที่จะพยักหน้าให้เขาน้อยๆแทนที่จะเมินกันไป
มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในช่วงเจ็ดวันนั้น เริ่มแรกคือเขาสนุกกับทุกเรื่องไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ไร้สาระที่สุด เช่นการที่เขาแสดงความยินดีกับลองบัตท่อมที่ปรุงยาได้ถูกต้องภายในห้าครั้ง หรือร่วมปรบมือกับทุกคนยามที่เกรนเจอร์ตอบคำถามได้ เขาอารมณ์ดีไปเสียหมดแม้แต่ไข่ดาวรูปดอกไม้ยังขำให้มัน ตลอดไปจนถึงก่อกวนเบลสเพียงเพราะเจ้านั้นไม่ยอมหัวเราะกับเขาด้วย
ร่าเริงพอที่จะปล่อยเลยตามเลยเรื่องที่วันนี้ที่แฮร์รี่ต้องไปที่ห้องทำงานของล็อกฮาร์ทอีกแล้ว ค่ำวันนั้นหลังจากที่ทานอาหารกันเสร็จ นักเรียนทั้งหมดกำลังแยกย้ายกันไปที่บ้านของตัวเอง กลุ่มก้อนนักเรียนพากันเดินออกมาเพื่อไปยังทางแยกที่แต่ละแยกเป็นของแต่ละบ้าน เสียงฮือฮาดังขึ้นที่ต้นขบวนทันทีที่มาถึง เขาเดินฝ่าผู้คนออกไปยังแถวหน้าสุด กำแพงปราสาทข้างหน้าเขาในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ตัวหนังสือสีแดงฉานปรากฏขึ้นเป็นประโยคชวนฉงน
ห้องแห่งความลับได้ถูกเปิดออกแล้ว เหล่าศัตรูของทายาทจงระวัง
เสียงภารโรงฟิลช์วิ่งมาทางนี้ เขาเงยมองภาพเบื้องหน้าแล้วค่อยๆเลื่อนไปทางซ้าย เดรโกมองตาม และภาพที่เขาเห็นนั้นทำให้ตกใจสุดขีด แมวของฟิลช์ห้อยต่องแต่งอยู่กับตะขอ ตัวแข็งทื่อราวกับไม่มีชีวิต เจ้าของแมวเอะอะโวยวายใส่คนข้างหน้าทันที คนที่เขาเพิ่งจะเห็นว่าเป็นแฮร์รี่
อีกครั้งที่ใจเขาหล่นลงไปอยู่ปลายเท้า อีกครั้งที่เขาเห็นหน้าแฮร์รี่อยู่ในสถานการณ์ที่น่ากลัวและอันตราย อีกครั้งที่เขาเริ่มโมโหตัวเองที่ไม่สามารถจัดการอะไรได้ เสียงอาจารย์ใหญ่ดังก้องกังวานอยู่ตรงทางเดินนี่ แต่เขาสนใจเพียงแต่ใบหน้าของคนตรงหน้า แฮร์รี่เห็นเขาแล้ว เดรโกรู้สึกว่ามือเริ่มสั่นเขากำหมัดแน่น พยายามไม่พุ่งเข้าไปหาแฮร์รี่ เจ้าตัวมองหน้าเขาด้วยสายตานิ่งสนิท ไม่มีความหมายใดๆแอบแฝงใดๆในสายตาคู่สวยนั้น สายตาที่เขาภาวนาบอกให้เจ้าของของมันสื่อสารออกมาว่าไม่จริง
เขารู้สึกว่าต้องต่อสู้อยู่กับตัวเองนานทีเดียว ทุกคนถูกสั่งให้เข้าไปอยู่ในหอนอนของตัวเอง เขาอาศัยจังหวะนั้นเข้าไปลากแฮร์รี่ออกมา เดินเลี้ยวมายังห้องเรียนว่างๆห้องหนึ่งรอให้เสียงฝีเท้าหายไปก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับคนข้างหลัง แฮร์รี่เองก็โมโหเช่นกันที่โดนลากมาแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าก็พยายามที่ไม่ตวาดใส่เขา แต่เขาควบคุมไม่ได้แล้ว เขาอยากแน่ใจว่าว่าสายตาของแฮร์รี่ในตอนนั้นหมายความว่ายังไง
“นายทำหรอแฮร์รี่” เขาโพล่งออกไปทันทีที่เสียงรอบข้างสงบ ภายในห้องเรียนมืดๆที่สะท้อนเสียงกลับมาทุกครั้งที่หายใจเสียงดัง
“อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น เพียงเพราะชั้นอยู่ในที่เกิดเหตุ” แฮร์รี่ตอบเขาด้วยระดับเสียงที่ดังกว่า แววตาเริ่มแข็งกร้าวและมีความไม่พอใจเจืออยู่
“มีเรื่องในโรงเรียนทีไรนายก็ต้องอยู่ในเหตุการณ์ทุกที”
“ก็ไม่ได้ความว่าชั้นจะต้องทำทุกเรื่อง เหล่าศัตรูของทายาทจงระวัง เดรโกชัดอยู่แล้วว่าคนเปิดต้องมาจากสลิธีริน” แฮร์รี่พูดรัวเร็ว ราวกับได้ระเบิดความอัดอั้นที่อยู่ในส่วนลึกที่สุดออกมา ภาพของแฮร์รี่กับเขาในวันนั้นที่คุกใต้ดินเทียบไม่ได้กับตอนนี้ ความน่ากลัวของทั้งคู่แผ่ออกมาปกคลุมทั่วห้อง
“ชั้นแน่ใจว่าเด็กบ้านสลิธีรินไม่มีใครเปิดห้องแห่งความลับได้” เขาตะโกนแข่งกับแฮร์รี่ การกล่าวหาแบบนี้ทำให้เขาไม่พอใจเอามากๆ
“อ่อ แล้วนายล่ะ นายเปิดห้องแห่งความลับได้หรือเปล่าเดรโก” แฮร์รี่เค้นคำพูดใส่เขา อารมณ์ของทั้งคู่ได้แตกหักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“นายไม่ควรสงสัยชั้น”เขากัดฟันตอบ พยายามที่จะไม่แตะต้องคนข้างหน้าอย่างยากลำบาก
“แต่นายสงสัยชั้นได้ งั้นสิ” แฮร์รี่ทำเสียงยียวน แต่ที่พูดมานั้นก็ถูกเขารีบร้อนกล่าวหาแฮร์รี่แต่ดันโมโหที่แฮร์รี่กล่าวหาเขา
“ชั้นก็แค่...” เขาอ้ำอึ้ง สมองวิ่งวนเป็นพัลวัน ความรู้สึกผิดตีตื้นขึ้นมาในอก ยามนี้แสงน้อยนิดที่ส่องหน้าแฮร์รี่เริ่มชัดเจนขึ้นมาแล้ว
“แค่อะไรเดรโก” เขาเว้นจังหวะการพูด มองหน้าเดรโกที่ตอนนี้ชาวาบไปทุกขณะ ตาแฮร์รี่แดงกว่าที่เขาเคยเห็น หมายความได้อย่างเดียวว่าตัวที่สั่นเทาของแฮร์รี่เป็นเป็นผลมาจากการกลั้นไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“ทุกครั้งที่มีเรื่องในฮอกวอสต์ ทุกครั้งที่ชั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทุกครั้งที่มีเรื่องบ้าๆเกิดขึ้นนายก็ลากชั้นออกมา ที่นายทำเพราะอะไรหรอ” หยดน้ำตาวาววับไหลอาบแก้มคนพูดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความในใจที่เก็บๆไว้ทั้งหมดก็เช่นกัน เขาได้แต่ยืนมองคนตรงหน้าอยากเอื้อมไปเช็ดน้ำตาแต่ก็ได้แต่ต่อสู้กับความรู้สึกขัดแย้งในใจ
“ถ้าไม่พูดชั้นจะไปแล้ว” แฮร์รี่กำลังจะหมุนตัวออกจากห้อง แต่เขาเร็วกว่าจึงคว้าตัวแฮร์รี่ไว้ได้ทัน เขากำรอบข้อมือแฮร์รี่ออกแรงดึงเอาไว้ไม่ให้ไปไหน แต่เจ้าตัวไม่ขัดขืนแม้แต่น้อยก้มลงซ่อนใบหน้าเปื้อนน้ำตาของตัวเองไว้
“ชั้นก็แค่อยากแน่ใจว่านายจะไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอีก” เขาอธิบาย แต่รู้สึกว่ามันยังไม่ใช่คำอธิบายที่ดีเท่าไหร่
“นายไม่เคยรู้คำตอบของตัวเอง” แฮร์รี่พูดขึ้นน้ำเสียงสั่นไหว เขาไม่เข้าใจที่แฮร์รี่พูดเท่าไหร่ เขาจะไม่รู้ความคิดตัวเองได้ยังไง
“ชั้นรู้ตัวว่าชั้นคิดอะไรอยู่”
“งั้นนายก็บอกความจริงมาสิ” เหมือนว่าแฮร์รี่รอคอยคำตอบที่ดีกว่านี้อยู่ เขาไม่เข้าใจว่าแฮร์รี่ต้องการอะไรกันแน่
“ชั้นบอกนายไปแล้ว”
“มันชัดเจนอยู่แล้ว นายก็แค่เป็นห่วงชั้น” แฮร์รี่เงยหน้าขึ้นมามองเขา ยามนี้เขาอยากชื่นชมใบหน้านี้ที่สุดไม่เข้าใจว่าทำไมถึงได้ชอบมันนัก และอีกอย่างเขารู้ว่าเขาเป็นห่วงคนตรงหน้า เพียงแต่การจะพูดตรงๆนั้นออกจะมากเกินไปสักหน่อย
“แต่ชั้นไม่ได้อยากให้ใครมาเป็นห่วง” ใจเขาวูบโหวงแปลกๆเมื่อฟังประโยคเมื่อสักครู่จบ อีกครั้งที่เขารู้สึกเสียใจกับคำพูดของคนตรงหน้า อีกครั้งที่เขายอมรับว่าแฮร์รี่ก็แค่อยากทำร้ายจิตใจเขา
“นั่นใจร้ายมากนะ” เสียงเขาเปล่งออกมาบางเบาแทบกลืนหายไปกับสายลม หากแต่ได้ยินชัดเจนภายในจิตใจ
“อะไร”
“ใจร้ายมากที่ห้ามไม่ให้คนอื่นรู้สึก เห็นแก่ตัวมากเลยนะแฮร์รี่ บางทีนายอาจจะอยู่คนเดียวนานเกินไป ทำให้ไม่เคยมีใครมาคอยห่วงนาย” เขาเว้นจังหวะเพื่อหายใจ มองตาคนตรงหน้าที่นิ่งอึ้ง รวบมือมากำแน่นจนรู้สึกเจ็บไปหมด
“นายเลยไม่เข้าใจคุณค่าของมัน” เขาคลายแรงที่กำแน่นจนมือแฮร์รี่ร่วงไปข้างลำตัว ถึงตาเขาได้ระเบิดความรู้สึกบ้าง คนอย่างเขาที่เอาแต่พ่นถ้อยคำร้ายกาจใส่แฮร์รี่ คนอย่างเขาที่แม้แต่การได้แสดงออกถึงความห่วงใยที่แฮร์รี่ไม่ต้องการ คนอย่างเขาที่ควรปล่อยให้แฮร์รี่ได้อยู่คนเดียวเสีย ให้เขาได้ไปเผชิญอันตรายคนเดียวแบบที่เขาชอบ ส่วนเดรโกก็คงเป็นได้แค่ส่วนที่ไม่สำคัญของแฮร์รี่ต่อไปก็เท่านั้น
คนเรามักพยายามเป็นส่วนสำคัญของคนอื่น แต่อาจลืมไปว่าเขาคงไม่ได้ต้องการ
นี่ฟิกฟีลกู้ดค่ะ // โดนตบ //
เหอเหอ
เนื้อเรื่องอาจสลับกันไปบ้าง อ่านเอาอรรถรสดีกว่าเนาะ
#เจ้าชายสลิธีริน
สมก๋อย 11102018
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เรายังเชื่อมั่นคำว่าฟีลกู๊ดค่ะ หลังจากเข้าใจกันเขาต้องรักกันดีแน่นอน!