ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผูกหัวใจ...สานใยรัก

    ลำดับตอนที่ #18 : เขาและเธอ 50%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 58








    เขาและเธอ
     

     

     

             ณดลย์เดินถือแฟ้มตรงไปยังห้องของท่านประธานด้วยใบหน้ายุ่งเหยิง ไหนเจ้านายบอกไม่รู้จักผู้หญิงคนนนั้น แล้วคนในแฟ้มที่ให้เขาไปสืบประวัตินี่คืออะไร

     

             ก๊อก ก๊อก

     

             เคาะประตูเป็นเชิงขออนุญาตเมื่อหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้านาย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปอย่างที่เคยทำ

     

             "นี่ครับ ประวัติของคนที่เจ้านายให้ไปสืบ" บอกเสียงเรียบ และยื่นแฟ้มให้บุคคลตรงหน้า

     

             "อืม ขอบใจ" เมื่อได้ยินว่าในแฟ้มคืออะไร ก็รีบรับมาในทันใด ตั้งใจจะเปิดอ่าน แต่ก็ติดที่คนที่เอามาให้ยังไม่ยอมออกไปเสียที

     

             "มีอะไรอีก" เงยหน้าขึ้นมาสบตาณดลย์ ชักจะเริ่มหงุดหงิดที่มันเอาแต่จ้องเขาแบบนี้ อยากรู้เรื่องในแฟ้มเต็มที แต่ก็ไม่อยากแสดงออกให้ลูกน้องเห็น

     

             "ไหนเจ้านายบอกไม่รู้จักเธอไงครับ" ณดลย์ถามเสียงเข้ม จนกวินต้องทอดถอนใจ อย่าบอกนะว่างอนเรื่องที่เขาบอกว่าไม่รู้จักไอลดา นี่ลูกน้องเขามันเป็นผู้ชายจริงๆ ใช่ไหม ผู้ชายบ้าอะไรวะงอน กวินบ่นอุบในใจ

     

              "ก็ไม่รู้จักไง ถ้ารู้จักจะให้แกไปสืบประวัติเหรอ?" เขาไม่ได้โกหกนะ ก็เขาไม่รู้เรื่องของเธอจริงๆ ที่รู้มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยในช่วงที่คบกันเท่านั้น แต่รายละเอียดอื่นเขายังไม่รู้

     

             "งั้นก็แสดงว่าเจ้านายสนใจเธอ โธ่ บอกผมดีๆ ก็ได้ครับ ไม่เห็นต้องกันท่ากันแบบนี้เลย ผมรู้ว่าผมหล่อสูสีกับเจ้านาย เธออาจจะสนใจผมมากกว่าเจ้านาย แต่ถ้าบอกผม ผมก็ยินดีหลบทางให้แน่นอน ผมไม่มีทางเห็นผู้หญิงสำคัญกว่าเจ้านายหรอกครับ เฮ้อ ผมขอตัวก่อนดีกว่า เชิญเจ้านายศึกษาประวัติเธอตามสบายนะครับ" ณดลย์ร่ายประโยคยาวเป็นหางว่าว ก่อนจะรีบผลุบหายออกไปจากห้องด้วยความเร็ว ทิ้งให้คนเป็นนายอ้าปากค้าง มองตามตาปริบๆ

     

             "ไอ้ ไอ้ ไอ้เวรณดลย์!!!" ชี้นิ้วตามและตะโกนไล่หลังเสียงดัง นี่มันยังเคารพเขาอยู่หรือเปล่าเนี่ย บอกว่าเขากันท่ากลัวสาวเลือกมันเพราะว่าหล่อเท่าๆ เขา มันไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหนกัน เขากับมันมันคนละชั้นกันแล้ว มันก็แค่หล่อธรรมดา แต่สำหรับเขาต้องเรียกว่าหล่อมาก คนหลงตัวเองคิดอย่างหงุดหงิด

     

             แต่ก็ดีเหมือนกัน ให้ณดลย์เข้าใจแบบนั้นก็ดี มันจะได้ไม่กล้าคิดอะไรเกินเลยกับผู้หญิงคนนี้ เพราะต้องมีแค่เขาที่จะยุ่งกับเธอได้...


     

             



     

            กริ้ง! กริ้ง!

     

            เสียงกริ่งหน้าบ้านดังขึ้น เรียกความสนใจจากไอลดาที่กำลังพับผ้าของลูกอยู่ เธอวางเสื้อผ้าในมือลง ก่อนจะเดินออกมาหน้าบ้านเพื่อดูว่าใครมาเยือน

     

             "พี่พล! มาได้ยังไงคะเนี่ย" ทันทีที่เห็นว่าใครยืนอยู่นอกรั้วหน้าบ้าน ไอลดาก็รีบเปิดประตูต้อนรับทันที เธอมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ตอนนี้เขาควรอยู่ที่สิงคโปร์ไม่ใช่เหรอ

     

             "ตกใจล่ะสิ ฮ่าๆๆ เอาไว้ไปคุยกันในบ้านนะ พี่ร้อนมากเลย" พชรพลรุนหลังหญิงสาวให้เดินนำเข้าไปในบ้าน แล้วจัดการปิดประตูให้เรียบร้อยเหมือนเดิม

     

             ทั้งคู่เดินเข้ามาในบ้าน ไอลดาให้ชายหนุ่มนั่งพักที่โซฟา และตนไปเอาน้ำมาเสิร์ฟให้

     

             พชรพลรับน้ำจากหญิงสาวมา ส่งยิ้มไปให้แทนการขอบคุณ ดูหน้าเธอยังตกใจไม่หายที่เห็นเขามาปรากฏตัวหน้าบ้านกะทันหันแบบนี้

     

             "ตกใจขนาดนั้นเชียวที่เห็นพี่?" เอ่ยถามยิ้มๆ

     

             "ไม่ให้ตกใจได้ยังไงคะ เมื่อวานคุยกันยังอยู่ที่สิงคโปร์อยู่เลย แล้ววันนี้มาโผล่หน้าบ้านไอซะงั้น" ว่าอย่างสงสัย

     

             "ฮ่าๆ ที่จริงเมื่อวานพี่อยู่ที่กรุงเทพแล้ว ที่โทรมาเพราะจะบอกว่าพี่จะขึ้นเชียงใหม่ แต่เกิดเปลี่ยนใจอยากเซอร์ไพรส์ไอเลยไม่บอกดีกว่า" พชรพลไขข้อสงสัยให้อย่างอารมณ์ดี เห็นหน้าตื่นตกใจของเธอเมื่อกี้ ถือว่าคิดถูกที่ไม่บอก ไม่งั้นคงไม่ได้เห็นสีหน้าน่ารักแบบนั้น ยิ้มละไมอย่างมีความสุข

     

             "แหม จริงๆ เลยนะคะ อย่างนี้มันแกล้งกันชัดๆ" ค้อนให้ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามวงใหญ่ โทษฐานที่ชอบทำอะไรเอาแต่ใจตัวเอง

     

             "มันก็สนุกดีนะ หึหึ" ยิ้มชอบใจที่ทำหญิงสาวประหลาดใจได้

     

             "แล้วนี่ตาหนูอยู่ไหนล่ะ"

     

             พชรพลถามขึ้นเมื่อทั้งคู่พูดคุย ถามทุกข์สุขกันอยู่ซักพักแล้วยังไม่เห็นเด็กน้อยที่เขาคิดถึง

     

             "น้ามลพาไปจ่ายตลาดน่ะค่ะ เดี๋ยวพี่พลรอทานข้าวเย็นด้วยกันนะคะ อีกเดี๋ยวก็คงกลับกันแล้ว"

     

             เอ่ยชวนด้วยรอยยิ้มร่า พชรพลพยักหน้ารับ และถือโอกาสนั่งพักรอเจ้าตัวแสบของเขา ปล่อยให้ไอลดาไปจัดการงานที่ทำค้างอยู่



     


     

             กวินนั่งอ่านประวัติไอลดาที่ตนให้ณดลย์ไปสืบมาอย่างตั้งใจ มันทำให้เขารู้เรื่องราวของหญิงสาวมากกว่าเดิม เขาเพิ่งรู้ว่าพื้นเพเธอเป็นคนเชียงใหม่ เธอเสียพ่อและแม่ไปแล้วด้วยอุบัติเหตุ เหลือเพียงน้าสาวคนเดียวในครอบครัว และที่ทำเขาแปลกใจคือเธอไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยจนจบ นั่นคงเป็นสาเหตุที่เธอมาอยู่ที่นี่ให้เขาเห็น แล้วทำไมเธอถึงไม่เรียนให้จบกันล่ะ คิดอย่างสงสัยและก้มลงอ่านอย่างตั้งใจอีกครั้ง

     

              เธอมีความสามารถด้านศิลปะ และเข้ามาทำงานกับมณีรัตน์เมื่อหนึ่งปีก่อน ผลงานของเธอมีคนให้ความสนใจและคอยซื้อหลายราย เขากวาดตาอ่านทุกบรรทัดอย่างละเอียด ตั้งแต่อดีตก่อนที่เขาจะรู้จักเธอ ระยะเวลาระหว่างที่เขาไปอยู่ต่างประเทศ จนมาถึงหน้าสุดท้ายที่เป็นชีวิตปัจจุบันของเธอ...

     

             สิ่งแรกที่เขาเห็นทำให้หัวใจกระตุก รูปเด็กชายตัวน้อย หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู คาดจากสายตาน่าจะอายุราวๆ หนึ่งขวบ กำลังส่งยิ้มสดใสมาให้ เขามองหน้าเด็กอย่างอึ้งๆ ทำไมมันถึงรู้สึกคุ้นๆ เขาเลื่อนสายตาจากรูปลงมายังข้อความด้านล่างรูปภาพที่ระบุว่าชื่อ 'เด็กชายเอกรินทร์ สิริกุล' ลูกชายของ 'ไอลดา สิริกุล'

     

             กวินอ่านทวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นเหมือนไม่เชื่อสายตา นี่มันอะไรกัน หมายความว่าอย่างไรที่ว่าลูกของไอลดา เธอมีลูกแล้วอย่างนั้นเหรอ พลันเหตุการณ์วันก่อนในห้างสรรพสินค้าก็ปรากฏขึ้น

     

             วันนั้นที่ห้างสรรพสินค้า ระหว่างที่เขากำลังดูโทรศัพท์อยู่ มีเด็กเดินมาชนเขาจนล้ม และเอาแต่ร้องไห้


     

             'เฮ้! นี่ไอ้หนู เป็นอะไรหรือเปล่าเจ็บตรงไหนฮึ?' เขาอุ้มเด็กเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะมองหาตามแขนตามขาว่ามีแผลตรงไหนหรือเปล่า

     

             'ฮือๆ แม่ะ หาแม่ะ' เหมือนเด็กจะไม่ได้เจ็บแต่อย่างใด อาจจะตกใจหรือเกรงเขามากกว่า


     

             นี่มันเด็กคนเดียวกับที่ชนเขาวันนั้น วันที่เขานัดพบกับเธอที่ร้านอาหาร ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเด็กคนนั้นคือลูกของเธอ และหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้วยก็คงเป็นน้าสาวของเธอตามในประวัติ

     

              นี่มันอะไรกัน เขางงไปหมดแล้ว จากประวัติไม่มีส่วนไหนที่บอกว่าเธอเคยแต่งงานมีครอบครัวหรือหย่าร้าง และไม่มีบอกว่าใครคือพ่อของเด็ก เธอท้องไม่มีพ่ออย่างนั้นเหรอ? เมื่อลองคิดคำนวณจากเวลาและอายุของเด็ก นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ได้เรียนต่อจนจบปริญญา แสดงว่าเธอท้องระหว่างเรียน แล้วเธอท้องกับใครกันล่ะ หรือว่า....

     

             ทันทีที่ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว กวินก็หุนหันคว้าแฟ้มวิ่งออกจากห้องไปทันที จนณดลย์ที่นั่งอยู่หน้าห้องตกใจ ได้แต่มองตามด้วยความสงสัย

     

             ไม่แน่นะ...บางทีเด็กคนนั้น...เด็กที่เขาเห็นวันนั้น...อาจจะเป็นลูกของเขาและเธอ...





     

     

             หน้าบ้านของไอลดา พชรพลกำลังช่วยเด็กชายเป็นหนึ่งขุดดินอยู่ ไอลดาซื้อต้นมะลิมาใหม่ ตั้งใจจะปลุกไว้บริเวณหน้าบ้าน พชรพลที่อยู่ว่างๆ ระหว่างที่ไอลดาและน้าสาวช่วยกันทำอาหารอยู่ จึงอาสาเป็นคนปลูกให้ โดยมีเจ้าเด็กซนคอยช่วยเหลือเป็นลูกมือ แต่ดูเหมือนว่าจะคอยป่วนเสียมากกว่า เมื่อเขาขุดดินขึ้นมา เจ้าตัวเล็กก็จะเอามือกวาดดินลงไปในหลุมคืนอยู่ตลอด พอเขาดุก็หัวเราะชอบใจเสียอย่างนั้น

     

             "ดื้อนักนะตัวแสบ" ส่ายหน้ากับความขี้เล่นของเด็กน้อย แม้จะบอกว่าดื้อแต่ปากดลับยิ้มด้วยความเอ็นดู

     

             "คิกๆ เอิ้กๆ" เด็กน้อยสนุกที่แกล้งคนตัวใหญ่ได้

     

             "นั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อขอเข้าไปกินน้ำก่อน แล้วจะเอาขนมมาเสิร์ฟนะครับคนเก่ง" บอกเสียงนุ่ม เขารู้สึกกระหายจึงจะเข้าครัวไปหาน้ำดื่มเสียหน่อย แต่ถ้าเอาเด็กน้อยเข้าไปด้วย มีหวังไอลดาต้องโวยเขาแน่ๆ ก็เธอบอกให้ลูกนั่งดูเขา แต่นี่ทั้งชุดของเด็กน้อยกลับเต็มไปด้วยฝุ่นดิน สั่งเสร็จก็ลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน ปล่อยให้หนูน้อยเล่นดินรอเพียงลำพัง



     



     

              กวินขับรถมาตามที่อยู่ที่อยู่ในแฟ้ม เขาเลี้ยวรถเข้ามาในซอย มองซ้ายมองขวาหาบ้านหลังที่อยู่ในรูป ก่อนจะเห็นบ้านสองชั้น หลังสีขาวแบบเดียวกับรูปที่เขาได้มา เขาขับรถเลยบ้านหลังนั้นไปและจอดลงที่ข้างรั้วบ้านหลังข้างๆ มองหลังกลับมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าใช่บ้านหลังเดียวกัน

     

             เขาก้มลงดูแฟ้มที่หยิบติดมือมาอีกครั้ง ใช่บ้านหลังนี้จริงๆ ทุกองค์ประตรงตามในรูปทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยน เขาเปิดไปหน้าสุดท้ายของแฟ้มอีกครา มองรูปเด็กชายจ้ำม่ำอย่างหวั่นไหว

     

             ถ้าเด็กคนนี้อายุประมาณหนึ่งขวบกว่าๆ มันมีความเป็นไปได้ที่เด็กอาจจะเป็นลูกของเขา เขาจำได้ดีว่าเขาคือคนแรกของเธอ และครั้งสุดท้ายที่มีอะไรกันเขาก็ไม่ได้ป้องกัน เด็กคนนี้อาจจะเกิดขึ้นมาในตอนนั้น นอกเสียจากว่าเธอจะมีคนอื่นในระหว่างที่เขาและเธอได้เลิกรากัน

     

              มัวแต่คิดเอาเองก็คงไม่ได้เรื่อง เขาจะต้องไปเห็นชัดๆ ด้วยตาตัวเอง และจะต้องได้ฟังความจริงจากปากของเธอ

     

             กวินลงจากรถก่อนหยุดยืนนิ่ง อยู่ๆ ในใจมันก็โหวงๆ เขาถอนหายใจยาวอย่างวิตก ถ้าเด็กคนนั้นเป็นลูกเขาจริงๆ เขาจะทำอย่างไร ถ้าเขาต้องเผชิญหน้ากับเธอและลูกเขาควรพูดอะไร ทำไมเธอถึงไม่บอกอะไรเขาเลย เธอจะยอมยกโทษให้เขาไหม แล้วลูกจะเกลียดเขาหรือเปล่า ทุกอย่างตีกันยุ่งอยู่ในหัว เอาเป็นว่าวันนี้ขอดูให้เห็นกับตาก่อนแล้วกัน ว่าเธอและลูกอยู่ที่นี่จริงๆ และให้แน่ใจว่าเธอยังไม่มีใคร แล้วจะเอายังไงต่อเดี๋ยวค่อยคิดกีนอีกที

     

              เมื่อเตรียมใจได้ก็มุ่งหน้าไปยังบ้านเป้าหมายทันที ระหว่างกำลังเดินก็มีเด็กวัยรุ่นขี่จักรยานผ่านมา เขาจึงเรียกไว้ให้หยุดก่อน

     

              "เฮ้ย! หยุดก่อนไอ้หนู" ร้องเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะขี่จักรยานผ่านไป

     

              "มีอะไรเหรอลุง" เด็กหนุ่มอายุราวสิบหกสิบเจ็ดเอ่ยถามเมื่อจอดจักรยานนิ่งแล้ว กวินกัดฟันกรอดกับสรรพนามที่โดนเรียก ถ้าหน้าอย่างเขามันยังเรียกลุง เขาอยากเห็นหน้าพ่อมันเหลือเกิน เขายังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ กล้าดียังไงเรียกเขาแบบนั้น เข่นเขี้ยวในใจ

     

             "ฉันอยากได้หมวก และก็ผ้าปิดปากของเธอน่ะ ขอซื้อต่อได้มั้ย" ข่มใจบอก มันคงจะดีกว่าถ้าเขาไม่ให้เธอเห็นหน้า ถ้าเธอเห็นหน้าเขาอาจจะโวยวายและไล่ตะเพิดเขาแน่นอน เขาแค่อยากดูลากเลาให้แน่ใจก่อนจะเผชิญหน้ากับเธอ

     

             "โห่ลุง วัยนี้ยังอยากได้อยู่อีกหรอ" เด็กหนุ่มหัวเราะขำขัน กวินได้แต่ข่มใจไว้ไม่ให้พลั้งปากสบถด่าคนตรงหน้า ใจเย็นเข้าไว้ รอให้เขาได้ในสิ่งที่ต้องกาก่อนเถอะ

     

             "เออน่า จะขายมั้ย ให้พันหนึ่งเลยเอ้า" ต่อรองอย่างใจเย็น

     

             "จริงดี แจ่มเลยลุง ห้ามคืนคำนะ" ได้ยินราคาแล้วตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที

     

             "เออ เอ้านี่เอาไป แล้วก็ถอดหมวกกับผ้าปิดปากมา" ควักแบงค์สีเทาออกมาแล้วยื่นให้คนตรงหน้าอย่างใจป้ำ

     

             "โชคดีโคตรเลยว่ะ ซื้อมาสองร้ายขายได้พันหนึ่ง ฮ่าๆ" เด็กหนุ่มหัวเราะชอบใจ เมื่อถอดหมวกและผ้าปิดหน้าให้กวินและรับเงินมาเรียบร้อย

     

              กวินมองตามจักรยานที่ขี่จากไปอย่างอดกลั้น ก่อนจะอดไม่ไหวต้องตะโกนไล่หลังไปอย่างอัดอั้น

     

              "ไอ้เด็กบ้า ใครเป็นลุงแกวะ ขอให้แกรถล้มหน้าปากซอย!" จะได้ยินหรือเปล่าก็ไม่รู้หรอก แต่ขอให้ได้ระบายหน่อยก็แล้วกัน

     

             "แล้วนี่มันอะไรกันวะเนี่ย รสนิยมแบบไหนของมัน" มองของที่อยู่ในมืออย่างหงุดหงิด หมวกแก๊บสีดำด่างๆ และผ้าปิดหน้าลายจุดมีรูปปากแลบลิ้นสีแดง เขาคิดถูกแล้วใช่ไหม ที่จะปิดหน้าด้วยของพวกนี้ เฮ้อ...

     

             เอาเถอะ อย่างน้อยก็ดีกว่าเสนอหน้าหล่อๆ ไปแอบดู มีอะไรปิดหน้าถ้าไอลดาเห็นจะได้จำไม่ได้ หากเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด เธอจะได้มาด่าเขาไม่ได้ เขายังไม่ได้เตรียมใจหากต้องเผชิญหน้ากับเธอตรงๆ ขอแอบดูให้แน่ใจก่อนแล้วเขาจะจัดการอีกที

     

             ไม่น่าใจร้อนเลย น่าจะเตรียมตัวให้ดีและคิดให้รอบคอบกว่านี้ เพราะความใจร้อนแท้ๆ ที่ทำเขาต้องทำอะไรกระอักกระอ่วนอยู่ตอนนี้

     

              เพื่อความจริง เอาก็เอา! มาถึงที่แล้วเขาต้องได้อะไรกลับไปบ้าง มาแล้วก็อย่าให้เสียเที่ยว ติดสินใจได้ก็หยิบหมวกกับผ้าปิดปากมาใส่ แล้วค่อยๆ เดินเข้าไปที่รั้วของบ้านหลังตรงหน้า

     

             กวินเกาะรั้วที่สูงเสมออก ด้อมๆ มองๆ เข้าไปในบ้านหาคนที่เขาอยากเห็น รถจอดอยู่แสดงว่าเธออยู่บ้าน เขากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดสายตาลงที่จุดๆ หนึ่ง ซึ่งมีเด็กกำลังนั่งเล่นอยู่ เด็กคนนั้นอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย แล้วไอลดาหายไปไหน ทำไมให้ลูกนั่งเล่นคนเดียว

     

             เขามองไปรอบๆ อีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ด้านนอก แสดงว่าไอลดาคงอยู่ในบ้านสินะ เขาเบนสายตากลับมามองเด็กน้อย เหมือนเจ้าตัวเล็กจะตั้งอกตั้งใจเล่นดินที่ขุดเสียเหลือเกิน เขาอยากเห็นหน้าให้ชัดๆ แต่แก้เอาแต่ก้มหน้าก้มตา

     

             แล้วความคิดบรรเจิดก็ปรากฏขึ้น ถ้าเขาล่อให้เด็กมาหาใกล้ๆ ล่ะ เขาก็จะไเด้ห็นหน้าชัดๆ และหากเด็กโตพอจะรู้เรื่อง มันอาจทำให้เขาได้รู้อะไรเพิ่มขึ้นก็ได้ แล้วเขาจะล่ออย่างไรดีล่ะ อะ...คิดออกแล้ว เด็กๆ ก็ต้องชอบสัตว์ใช่มั้ย งั้น....

     

              "โฮ่งๆ โฮ่งๆ" กวินเลียนเสียงสุนัขเห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเด็กน้อย เกิดมาไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรเพราะคงไม่มีใครมาเห็นหรอก ขนาดหมวกและผ้าปิดหน้าประหลาดๆ เขายังกล้าใส่ แค่ลองเห่าเป็นสุนัขสักครั้งทำไมเขาจะทำไม่ได้

     

              "โฮ่งๆ โฮ่งๆๆ" เห่าอีกครั้ง เมื่อเด็กน้อยยังไม่สนใจ

     

              เด็กชายเป็นหนึ่งหยุดมือป้อมๆ ที่กำลังตะกุยดินอยู่ เงยหน้าขึ้นมามองหาที่มาของเสียง หนูน้อยมองซ้ายทีขวาทีอย่างสนใจ ก่อนจะเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวที่นอกรั้ว

     

              หนูน้อยดันตัวเองลุกขึ้นยืน แล้วเดินเตาะแตะมุ่งไปหาสิ่งที่เห็น ด้วยความที่ตัวเล็ก และกวินย่อตัวลง ทำให้หนูน้อยเห็นเพียงหมวกที่พ้นแนวรั้วขึ้นมา

     

              "โฮ่งๆ โฮ่งๆๆ" กวินยังคงเห่าต่อไป เมื่อเห็นเด็กน้อยเดินตรงมาหาตนแล้ว

     

               เด็กน้อยเดินมาหยุดอยู่ข้างรั้วที่เป็นที่มาของเสียง มองวัตถุดำๆ ประหลาดเคลื่อนไหวได้ที่โผล่พ้นรั้วขึ้นมาอย่างสงสัย

     

              "สวัสดีเจ้าหนู จำฉันได้มั้ย" กวินยืดตัวขึ้นให้พ้นรั้ว กล่าวทักทายเด็กน้อยอย่างตื่นเต้น

     

              เมื่อเห็นเต็มตาว่ามันคืออะไร ปากจิ้มลิ้มก็เริ่มเบะ น้ำตาก็เริ่มคลอ ก่อนเสียงร้องไห้จะตามมา

     

              "ฮือๆ พีฉาด พีฉาดน่ากัว ฮึกๆ พีฉาดกางกก ฮือๆ"

     

             ร้องจ้าเมื่อสิ่งที่เห็นคือร่างสูงใหญ่ที่สวมชุดดำทั้งตัว มีผาปิดปากลายจุดที่แลบลิ้นสีแดงออกมา หัวดำๆ ด่างๆ และตาสีน้ำตาลที่พอโดนแดดสะท้อนแล้วจะออกแดง นี่มันเหมือนปีศาจในการ์ตูนที่ดูเมื่อเช้าชัดๆ ปีศาจคางคกที่จะจับแมลงตัวน้อยกิน

     

               "เฮ้ๆ อย่างร้องสิ!" กวินทำอะไรไม่ถูกเมื่ออยู่ๆ เด็กตรงหน้าก็ร้องไห้ใหญ่โต ทิ้งตัวลงนั่งที่พื้นและเอาแต่ร้องว่า 'พีฉาด'

     

              "แม่ะไอ จ้วยย่วย ฮือๆ ป้อปนจ้วยย่วย" เมื่อ 'พีฉาด' ไม่ยอมไป เด็กน้อยก็เริ่มร้องเรียกคนที่คิดว่าจะช่วยตัวเองได้

     

              กวินกระวนกระวายใหญ่ เขาทำอะไรไม่ถูกจริงๆ เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ เมื่อไม่มีทีท่าว่าเด็กจะหยุดร้องไห้ ตรงข้ามเสียงร้องกลับดังขึ้นเรื่อยๆ เขาจึงตัดใจหลบออกมาอยู่ริมรั้วข้างๆ กำแพงบ้านข้างๆ แทน ก่อนไอลดาจะออกมาเห็นเขาเข้า

     

             "ป้อปน จ้วยย้วย ป้อปน ฮือๆ" หนูน้อยร้องไห้หนักกว่าเดิม เมื่อร้องหาแล้วไม่มีใครมา

     

             "ตาหนูเป็นอะไรครับ" พชรพลรีบวิ่งออกมาจากบ้าน เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้น พอออกมาก็เห็นเด็กน้อยนั่งร้องไห้อยู่หน้ารั้ว มือซ้ายปิดตา มือขวาชี้ไปนอกรั้ว เหมือนกลัวอะไรสักอย่าง

     

              พชรพลวิ่งเข้ามาดูหนูน้อย แล้วอุ้มขึ้นจากพื้นเพื่อปลอบประโลม เขามองตามนิ้วป้อมๆ ที่ชี้ไปนอกรั้วว่าอะไรเป็นเหตุให้เด็กน้อยร้องไห้ แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ จึงพาเจ้าตัวเล็กกลับเข้าบ้านไป โดยไม่รู้ว่ามีสายตาแข็งกร้าวคู่หนึ่งกำลังมองตามอยู่ในมุมลับตา...

     






     

    04/08/15

              ในที่สุดก็ได้อัพ เย้! โธ่ๆๆๆๆ เฮียวินของไรต์เป็นทั้งหมา เป็นทั้งคางคก ช่างลงทุนเหลือเกิน กร๊ากกก หรือเฮียวินจะน่ารักเหมือนสัตว์??? ฮ่าๆๆ อ่านคอมเม้นท์แล้วดีใจ ยังมีคนเชียร์เฮียวินอยู่ ที่จริงเฮียมันน่ารักมากนะ อิอิ ส่วนพี่พลก็ยังคงเหนียวแน่น คนเชียร์พี่พลเยอะมากจนไรต์สงสารเฮียวิน ฮ่าๆๆ ไม่ต้องห่วงนะ ถ้าพี่พลแสนดีแบบนี้ไปตลอด พี่พลมีสิทธิแน่ๆ เพราะไรต์อยู่ทีมพี่พล อร้ายยยย แต่เริ่มเอียงไปทางเฮียวินนิดหน่อยแล้ว คึคึ ^-^ ปล. ยังไม่เกลา ผิดพลาดขออภัยด้วยค่ะ ^0^


     

     


    *อ่านหน่อยนะคะ*

    03/08/15
              ฮือออออออ ไรต์อยากร้องไห้มากเลยค่ะ อีกสองอาทิตย์ไรต์จะสอบ ไรต์เครียดมากค่ะ คือวันนี้ตั้งใจจะอัพนิยาย แต่ตอนนี้นั่งจ้องหน้าจอและแป้นพิมพ์มาสองชั่วโมงแล้ว ยังไม่ได้ตัวหนังสือซักตัว เวลาเครียดทีรัยเป็นแบบนี้ตลอดเลย ขอโทษที่ทำให้รอนะคะ สัญญาว่าจะเค้นสมองออกมาให้เป็นตัวหนังสือให้ได้ จะอัพแน่ค่ะ ไม่ดึกๆ ก็พรุ่งนี้ ถ้าช่วงนี้หายไปหรืออัพช้ากว่าปกติ แสดงว่าไรต์กำลังยุ่งกับเรื่องเรียนอยู่นะคะ ใกล้สอบทีไรใจมันหวิวทุกที ไรต์แทบจะเอาหัวมุดหนังสือเลยล่ะค่ะ เรื่องอื่นหายไปหมด ในสมองมันมีแต่ 'แกต้องอ่านหนังสืนะ ใกล้สอบแล้วนะ' วนไปวนมา เครียดค่ะ รักหนูไอ รักเป็นหนึ่ง รักพี่พล เกลียดเฮียวิน เอ๊ย รักเฮียวิน รอไรต์หน่อยนะคะ T^T



    01/08/15
               เป็นหนึ่งร้องไห้ทำไมลูก โอ๋ๆๆ พ่อพลมาแล้วลูก ชื่อตอนเขาและเธอ เขาและเธออะไรยังไงกันน้ออออ อิอิ ^-^







     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×