คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : เผชิญหน้า 100%
ไอลดาลุกออกมาจากที่นั่งเมื่อทำให้อีกคนผละออกไปได้แล้ว เธอยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่เกรงกลัวในสิ่งที่ตนเพิ่งทำลงไปเลยซักนิด เธอไม่ใช่คนที่จะยอมอยู่เฉยๆ หากคนอื่นกำลังรุกรานหรือพยายามก้าวก่ายพื้นที่ของเธอ ถ้าเขาคิดว่าเธอจะยังเป็นเด็กสาวผู้อ่อนต่อโลกอย่างเมื่อก่อน เขาคงประเมินเธอต่ำเกินไป บทเรียนที่เขาฝากไว้ให้มันสอนให้เธอรู้ว่า เธอต้องรู้จักสู้เพื่อปกป้องตัวเอง อย่าปล่อยให้ใครทำร้ายเราโดยไม่โต้ตอบ
กวินมองหน้าหญิงสาวสายตาแข็งกร้าว เขาตั้งใจจะมาคุยกับเธอดีๆ อยากรู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้างในช่วงเวลาที่ผ่านมา แล้วดูสิ่งที่เธอกับเขา เธอกล้าทำน้ำส้มหกใส่เขาอย่างตั้งใจ เธอกล้าจ้องตาเขาอย่างไม่หวาดหวั่น เธอไม่กลัวแม้เขาจะแสดงออกว่าโกรธและพร้อมจะเอาคืนเธอ เธอไม่ใช่ไอลดาคนเดิมที่เขารู้จัก เธอเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน คงมีเพียงใบหน้าสวยหวานที่ช่วยยืนยันว่าเธอคือไอลดาคนเดียวกัน
"กล้ามากนะไอ!" ตะคอกเสียงห้วนใส่หญิงสาวที่ไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยแม้แต่น้อย
"ฉันกล้าได้มากกว่านี้แน่ ถ้าคุณยังไม่เลิกตอแยฉัน" แม้จะหวั่นไหวไม่มั่นใจว่าจะทำได้อย่าที่พูด แต่เธอจะแสดงออกให้เขาเห็นไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วในใจเธอกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
"หึ! คิดดีแล้วใช่มั้ยที่ทำแบบนี้" ตอบโต้อย่างไม่นึกหวั่น เธอจะทำอะไรเขาได้ ครั้งนี้เขาอาจจะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หากมีครั้งหน้าเธอจะไม่มีโอกาสมาเชิดหน้าท้าทายเขาแบบนี้แน่
"ไม่ต้องคิดหรอกค่ะ ฉันแค่ทำในสิ่งที่สมควรทำกับคนอย่างคุณ หวังว่าเราจะไม่พบกันอีก ขอให้คุณอยู่ที่ชอบที่ชอบของคุณ อย่ามาเบียดเบียนกันอีกเลย!" พูดจบก็เดินกระแทกไหล่ชายหนุ่มออกมาทันที ทิ้งอีกคนให้กำหมัดแน่นกับประโยคสุดท้ายของเธอ นี่เธอไล่ให้เขาไปตายอย่างนั้นหรอ เกินไปแล้ว...เธอชักจะกล้าเกินไปแล้วไอลดา...แล้วเธอจะรู้ว่าคนอย่างเขาเป็นยังไง!
ไอลดารีบสาวเท้าออกจากร้านนั้นและหยิบโทรศัพท์ออกมาต่อสายหาคนที่เธอพามาด้วย ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่มันไม่ปลอดภัยกับลูกของเธอ เขาคงไม่รู้เรื่องอะไรของเธอนอกเหนือจากเรื่องงาน ซึ่งเป็นเรื่องมี่ดีมาก เธอต้องหลีกเลี่ยงและทำทุกอย่างให้เขาไม่รู้และไม่เห็นในสิ่งที่เธอปิดบังอยู่
"ฮัลโหล น้ามลคะ พาตาหนูกลับมาที่รถเดี๋ยวนี้เลยค่ะ เราต้องกลับกันแล้ว" เมื่อปลายสายรับก็กรอกน้ำเสียงร้นรนลงไป
(อ้าว ทำไมล่ะไอ เรายังไม่ได้ซื้อของเลยนะ) นางกมลถามอย่างแปลกใจ ทั้งที่เป็นคนคะยั้นคะยอให้นางและหลานมาด้วยแท้ๆ อยู่ๆ ก็มาบอกให้กลับแถมน้ำเสียงแปลกชอบกล
"เอ่อ คือ...ไอมีงานด่วนน่ะค่ะ" อ้างส่งๆ ไป ขอแค่ให้เธอพาลูกออกไปให้ห่างจากที่นี่ก็พอ
"จ้ะๆ ไปรอที่รถเลยนะ เดี๋ยวน้าตามไป" นางกมลรับคำอย่างงงๆ คงมีเหตุด่วนจริงๆ นั่นแหละ น้ำเสียงถึงร้นรนแบบนั้น คิดในใจก่อนจะพาหลานออกมาเพื่อพากลับรถ
"รีบขึ้นรถเลยค่ะน้ามล"
นางกมลอุ้มเด็กชายเป็นหนึ่งมาถึงรถ ไอลดาก็เร่งให้คนทั้งคู่ขึ้นมานั่งประจำที่ทันที ก่อนจะเอารถออกด้วยท่าทางแปลกๆ ที่ผู้เป็นน้าได้แต่สงสัยแต่ไม่ได้ถามออกไป ก่อนจะดูผ่อนคลายลงเมื่อรถแล่นออกมาจากห้างได้แล้ว
กวินเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงกลับมาขึ้นรถทั้งที่ชายเสื้อและกางเกงยังเลอะน้ำส้มอยู่ เขาไม่สนใจหรอก ใครอยากมองก็มองไปไม่มีอารมณ์มาห่วงหล่ออะไรทั้งนั้น เธอทำเรื่องแบบนั้นกับเขาและหนีออกไป พอเขาเดินตามออกมาก็ไม่เห็นเธอแล้ว แสบนักนะไอลดา ในเมื่อเธอเก่งกาจขนาดนี้แล้ว หากเขาจะทำอะไรก็คงไม่ต้องเกรงใจเธออีกต่อไป
"ณดลย์ฉันต้องการประวัติของผู้หญิงที่ชื่อ ไอลดา สิริกุล ด่วน!" ควักโทรศัพท์ออกมาจากเสื้อสูทด้านในเพื่อโทรหาเลขาคนสนิท ก่อนจะร่ายคำสั่งที่ต้องการเสียงเข้มตามอารมณ์เมื่อคนปลายสายรับ
"เธอเป็นใครหรอครับ" ณดลย์ถามกลับมาอย่างข้องใจ ทำงานด้วยกันมาตั้งนานไม่เคยสืบประวัติใคร อยู่ดีๆ ก็ต้องสืบประวัติผู้หญิงซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ให้เจ้านาย คงไม่ได้คิดทำมิดีมิร้ายกับลูกสาวชาวบ้านนะเจ้านาย แอบนินทาในใจ
"อยากรู้ก็ไปสืบสิวะ!" ตะคอกกลับเสียงดัง จนณดลย์ต้องยกโทรศัพท์ออกห่างจากหู นั่นไงล่ะ ระเบิดลงอีกแล้ว เกิดเป็นไอ้ณดลย์ก็เป็นได้แค่ที่รองรับอารมณ์เจ้านาย ไม่รู้ไปโดนวางระเบิดที่ไหนมาถึงมาลงที่เขา ณดลย์เหล่มองโทรศัพท์ที่ตนยื่นออกห่างจากหูอย่างหวั่นๆ คิดว่าเจ้านายคงตะคอกจบแล้วจึงเอากลับมาแนบหูใหม่
"ครับ จะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยครับ" รับปากแข็งขัน จบคำก็กดวางสายก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก นี่ดีนะที่คุยทางโทรศัพท์ ถ้าคุยตอหน้ามีหวังเขาต้องโดนลูกหลงแน่ๆ แค่คิดก็สยอง ส่ายหน้าไปมาเมื่อคิดภาพอารมณ์ของเจ้านายออก
"เธอยังไม่รู้จักฉันดีพอไอลดา หึหึ" กวินแค่นหัวเราะออกมาอย่างร้ายกาจ ผู้หญิงตัวเล็กอย่างเธอจะเก่งได้นานแค่ไหน...ไอลดา...
ไอลดาขับรถมาถึงบ้านภายในสิบห้านาที ตลอดทางเธอไม่ได้พูดอะไร มีแต่ลูกชายที่พูดเปราะไม่เป็นประโยคกับคุณยายของแก ในขณะที่ผู้เป็นแม่กลับขมวดคิ้วมุ่นมาตลอดทาง นางกมลแอบสังเกตหลานสาวอยู่เงียบๆ ดูเหมือนว่าหลานของนางกำลังมีเรื่องให้ต้องคิดหนัก หรืออาจจะเป็นงานด่วนที่บอกเมื่อกี้ ดูจากน้ำเสียงก็ร้อนรนเอาการ รอให้สบโอกาสเธอจะถามก็แล้วกัน หากมีอะไรร้ายแรงไอลดาคงบอกเธอเอง
เมื่อเอารถจอดเข้าที่แล้วทั้งหมดก็ลงจากรถ ไอลดารับลูกจากน้าสาวมาอุ้มและพาเข้าบ้าน โดยไม่ได้พูดอะไรอีก นางกมลมองตามหลังอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเดินตามทั้งคู่เข้าไปในบ้าน
"ไอมีงานไม่ใช่เหรอ เอาตาหนูมาให้น้ามา จะได้ไปทำงาน" เมื่อเข้ามาในบ้านก็เห็นว่าไอลดากำลังเอาของเล่นออกมาให้ลูก นางจึงอาสาจะช่วยเลี้ยงเอง ไอลดาจะได้รีบไปทำงาน
ไอลดาชะงักมือที่กำลังหยิบตุ๊กตากบออกมาจากกล่องให้ลูก จริงสินะ เธอบอกน้าว่าต้องรีบกลับเพราะมีงานด่วน ถ้ามาบอกว่าไม่มีแล้วตอนนี้น้าเธออาจสงสัย และซักไซร้เรื่องราวที่เธอไม่อยากให้รู้ เธอยิ่งโกหกน้าไม่ค่อยเก่งเสียด้วย มีหวังต้องโดนจับผิดได้แน่ จากที่ตั้งใจจะเล่นกับลูกจึงยิ้มเจื่อนให้ผู้เป็นน้าอย่างไม่รู้จะแก้ตัวยังไง
"อ่า...นั่นสิคะ งั้นฝากน้ามลดูตาหนูด้วยนะคะ" เอ่ยฝากด้วยหน้าเจื่อนๆ เดินออกมาจากกล่องของเล่น และเออออตามน้ำไป ก่อนจะเดินขึ้นบันไดขึ้นไปยังห้องทำงานของเธอที่อยู่ข้างๆ ห้องนอนบนชั้นสองของบ้าน
ห้องทำงานของเธอมีรูปภาพมากมายเรียงรายอยู่ เป็นงานที่วาดไว้นานมาแล้ว งานเหล่านนี้เธอไม่ได้ขายเพราะมันมีความทรงจำฝังอยู่ในนั้น ส่วนงานที่เธอขายคืองานที่ได้จากจินตนาการ หรืองานตามแนวที่ลูกค้าสั่ง เธอใช้ห้องนี้ทำงาน การอยู่เงียบๆ คนเดียวในห้องสี่เหลี่ยมช่วยให้เธอมีสางมาธิ และจินตนาการได้อย่างไม่มีอะไรรบกวน บางคนอาจชอบวาดภาพในที่บรรยากาศดีๆ ท่ามกลางธรรมชาติ เธอเองก็ชอบเช่นกัน แต่หากขณะกำลังด่ำดิ่งสู่ห้วงจินตนาการมีอะไรมาสะกิดหรือรบกวน มันจะทำให้เธอหมดอารมณ์จะทำมันต่อ การเก็บเอาสิ่งต่างๆ ที่พบเห็นกลับมาจินตนาการและถ่ายทอดออกมาเป็นรูป สื่อความหมายแทนคำพูดได้ มันคือความสงบที่สวยงามสำหรับเธอ
ไอลดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเมื่อมีเสียงเรียกเข้ามาดังขึ้นมาแทรกความคิด พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของใครใครก็ยิ้มออกมาโดยอัตโนมัติ เขาคนนี้ช่างรู้เวลาจริงๆ
"สวัสดีค่ะพี่พล" อมยิ้มและเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่อยู่ข้างประตู
"ดีครับไอ ยุ่งอยู่มั้ยเอ่ย?" พชรพลตอบกลับเสียงร่าดูท่าจะอารมณ์ดีมากทีเดียวเชียว
"เปล่าค่ะพี่พล ไอต่างหากที่ต้องถามพี่พลว่าว่างเหรอคะ คุณนักธุรกิจใหญ่" เอ่ยล้ออย่างชอบใจ
"ไม่ค่อยว่างครับ แต่ห้ามความคิดถึงไม่ไหว" ได้ทีก็หยอดคำหวานไปให้อีกฝ่าย แต่คนพูดกลับเขินเองเสียอย่างนั้น ใครมาเห็นหน้าเขาตอนนี้คงหัวเระเยาะเป็นแน่
"ฮ่าๆ ปากหวานจังเลยนะคะ ระวังมดจะขึ้นปากเอานะคะ" ไอลดาหัวเราะอย่างห้ามไม่ได้ ใครมาได้ยินคงตกใจที่พชรพลคนเย็นชาที่ใครต่อใครต่างกล่าวหาพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่สำหรับเธอคงมีภูมิคุ้มกันเสียแล้ว ก็เขาเล่นหยอดทุกครั้งที่มีโอกาสเลยนี่นา
"หวานเฉพาะกับบางคนเท่านั้นแหละครับ....คนที่พี่รัก" พชรพลตอบกลับแต่ท้ายประโยคแผ่วเบาลงจนไอลดาฟังไม่ได้ศัพท์
"อะไรนะคะ?" ถามทวนเมื่อไม่ได้ยินประโยคสุดท้ายว่าเขาพูดอะไร
"เปล่าหรอก ที่โน่นเป็นยังไงบ้าง" รีบเปลี่ยนเรื่อง ถ้าเขาบอกเธอตอนนี้อะไรที่มันกำลังเป็นไปได้ด้วยดีอาจเปลี่ยนไป
ได้ยินพชรพลถามแบบนี้ เธอก็อดคิดถึงสถานการณ์ที่เพิ่งประสบมาไม่ได้ กวินรู้แล้วว่าเธออยู่ที่นี่ รู้ว่าเธอทำงานอะไรกับใคร เธอกลัวเขาจะไม่หยุดอยู่แค่นี้ กลัวว่าเขาจะกลับมาพรากสิ่งที่เธอรักที่สุดไป ถ้าพชรพลอยู่ด้วยก็คงจะดี เขาเป็นคนที่ช่วยให้เธอลบเลือนความเจ็บปวดออกไปได้ แม้จะไม่หมดไปจากใจ แต่ก็ช่วยประคองเธอให้สามารถยืนด้วยตัวเองได้อีกครั้ง เขาเป็นที่พึ่งให้เธอเสมอเมื่อเธออ่อนล้า...เขาเป็นพี่ชายที่แสนดีที่สุดของเธอ
"ไอคิดถึงพี่พลจังเลยค่ะ" บอกปลายสายเสียงหวาน หากตอนนี้มีพชรพลอยู่ข้างๆ เธอคงไม่ต้องกลัวว่ากวินจะทำอะไรอีก พชรพลคงช่วยเธอได้ แต่ตอนนี้เขาติดงานอยู่ในที่ห่างไกล เธอไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้เขาต้องกังวลใจจนไม่เป็นอันทำงาน
"พูดแบบนี้ เดี๋ยวพี่ก็บินไปหาเดี๋ยวนี้เสียเลย" เขาอยากจะอยู่ข้างๆ ตอนเธอพูดประโยคนี้ อยากรู้ว่าเธอทำหน้ายังไงตอนเธอพูดมันออกมา เพราะตอนนี้คนฟังอย่างเขาไม่สามารถหุบยิ้มได้เลย
"ฮ่าๆ แน่จริงก็มาเลยสิคะ" ท้าเพราะคิดว่าคงไม่มีทางแน่ เพราะเท่าที่รู้มาเขาต้องทำงานอยู่ที่นั่นอีกอย่างน้อยเป็นอาทิตย์
"หึหึ ร่างกายยังไปไม่ได้ แต่ตอนนี้ใจพี่มันบินไปแล้วนะ" ไม่วายหยอดคำหวานอีกครา ความจริงจะบอกว่ามันกำลังบินไปหาก็ไม่ถูกหรอก เพราะหัวใจเขามันไม่เคยไปไหนเลยต่างหาก...มันอยู่ที่เธอเสมอ
"พี่พลนี่ชักจะเพ้อเจ้อใหญ่แล้ว ไม่เอาไอไม่คุยแล้ว ไปทำงานเลยค่ะท่านประธาน" รีบตัดบทเมื่อเขาเริ่มจะหยอดเธอบ่อยเกินไปแล้ว แม้จะบอกว่าชินแต่บางครั้งมันก็อดเขินไม่ได้กับคำพูดเลี่ยนๆ แบบนั้น
"ครับคุณไออุ่น ฝากบอกตาหนูด้วยนะครับว่าป้อปนคิดถึงมาก" หยอกกลับอย่างอารมณ์ดีและฝากความคิดถึงให้หนูน้อยของเขาด้วย
"ค่ะ ตั้งใจทำงานนะคะ บายค่ะ"
ต่างคนต่างวางสายกันไปแล้ว แต่รอยยิ้มยังเปื้อนหน้าทั้งคู่ไม่จางหาย แค่ได้พูดคุยกันไม่กี่ประโยค กลับช่วยให้ลืมเรื่องกังวลใจไปได้ มันเป็นแบบนี้เสมอ ระหว่างเขาและเธอ....
31/07/15
มาอัพแล้วจ้าาาาาา หลังจากที่หายไปหลายวัน แฮ่ๆ พี่พลปากหวานเนอะ ไรต์เขินแทนหนูไอเลย อร้ายยยย ล่ารายชื่อปลดเฮียวินแล้วแต่งตั้งพี่พลดีป่ะ ใครอยากให้พี่พลเป็นพระเอกลงชื่อเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ เดี๋ยวไรต์จะทำให้เฮียวินสำลักน้ำลายตาย กร๊ากกกก ปล.ยังไม่อ่านทวน ผิดพลาดขออภัย เอารูปเป็นหนึ่งตอนยังแบเบาะมาฝาก น่ารักเน้อะ #รักเด็ก > 3<
28/07/15
อร้ายยยยย พี่พลลลลลล อยากเป็นพระเอกมั้ยคะคนดี เดี๋ยวอิไรต์จะแต่งให้อิวินตายตอนจบ ฮ่าๆๆๆ โดนเฮียวินโบกหัว เค้ารักเฮียวินนะ แต่เค้ารักพี่พลมากกว่า ฮ่าๆๆ ^-^
*นอกเรื่อง*
มีคนเม้นท์ว่าอ่านประโยคที่หนูไอพูดว่า "มันไม่มากไปหรอกค่ะ" แล้วคิดถึงที่กุ๊กพูดกับพี่แทว่า "มันจะไม่มากไปหรอ แทฮันอาา" #เม้มปากประกอบ ไรต์นี่ลั่นเลยค่ะ หัวเราะหนักมาก แบบไรต์เป็นติ่งแฝดสามตัวยงคนหนึ่ง เป็นทาสพี่แทหนักมาก เด็กสามขวบอะไรจะหล่อเว่อวังขนาดนี้ อ่อนโยน รักพ่อ รักสัตว์ รักน้อง ขี้อาย อินโนเซ้นท์แมน ละมุนสุดๆ เกิดมาเพื่อเป็นพระเอกชัดๆ #อวยลูกหนักมาก แต่คือความจริง ฮ่าๆๆ ตอนแรกจะให้พี่แทเป็นเป็นหนึ่ง แต่พี่แทดังแล้วเลยเอาลูกชายอีกคนมาแทน ฮ่าๆๆ #ลูกมโน ทุกวันนี้เข้าเฟสเพื่อตามแฝดสามอย่างเดียวอ่ะคิดดู ใครอยากเป็นเพื่อนไรต์ ไปทักไรต์ที่ทวิตเตอร์นะ เพราะไรต์จะสิงทวิตมากกว่าเฟส นี่นะ ทวิตไรต์ @P_Kungmama ไว้ว่างๆจะทำเพจไว้คุยกัน ไรต์เป็นคนบ้าๆบอๆ ทักได้เด้อ ฮ่าๆๆ ปล.นอกเรื่องยาวกว่าในเรื่องอีก ฝากพี่แทลูกไรต์ด้วย โป๊ะๆ ( -3-)
ความคิดเห็น