คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : เผชิญหน้า 50%
ท่ามกลางท้องฟ้าที่ประดับด้วยหมู่ดาวน้อยใหญ่ ไอลดากำลังยืนอยู่ริมหน้าต่าง บนห้องนอนชั้นสองที่เป็นของเธอและลูก เธอเพิ่งกล่อมลูกเข้านอนเสร็จ และโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอดี จึงหยิบโทรศัพท์เดินห่างออกจากเตียงมายืนริมหน้าต่างเพื่อไม่ให้รบกวนเจ้าตัวเล็ก เมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครก็รีบรับโดยเร็ว
"สวัสดีค่ะพี่บัว มีอะไรหรือเปล่าคะ" มณีรัตน์โทรมาอาจจะมีปัญหาเรื่องงานวันนี้ที่เธอเอาไปให้และชิงกลับมาก่อน
(ดีจ้ะไอ พี่ไม่ได้โทรมากวนใช่มั้ย) ถามเพราะรู้ว่าสาวรุ่นน้องเป็นพวกอนามัย มักจะเข้านอนเร็วเสมอ
"เปล่าค่ะ งานมีปัญหาเหรอคะ"
(เปล่าหรอก แล้วนี่ตาหนูนอนแล้วใช่มั้ย) ถามหาเผื่อว่ายังไม่นอนเธอจะได้ทักทายเสียหน่อย ไม่ได้เจอหลายวันแล้วรู้สึกคิดถึง
"เพิ่งหลับเมื่อกี้นี้เองค่ะ" ตอบด้วยรอยยิ้มประดับหน้า หันมามองลูกน้อยที่นอนกอดตุ๊กตาหมีตัวโปรดอย่างเอ็นดู
(แล้วอาการดีขึ้นหรือยัง) อดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะไอลดาบอกว่าลูกไม่สบายถึงได้รีบกลับ
"ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ" ได้แต่ตอบออกไปเสียงเบา เมื่อรู้สึกผิดที่ต้องโกหกและเอาลูกมาอ้างแบบนี้
(ดีแล้วล่ะ งั้นเข้าเรื่องดีกว่านะ) เริ่มพูดธุระที่ทำให้เธอต้องโทรหาไอลดา
"ค่ะ" รับคำและตั้งใจฟังปลายสาย
(คือพี่มีเรื่องให้ช่วยนิดหน่อยน่ะ) น้ำเสียงดูเกร็งๆ กับเรื่องที่จะพูดต่อจากนี้ เพราะมันอาจทำให้หญิงสาวต้องลำบากใจ
"ว่ามาเลยค่ะ" ตั้งตารอให้อีกฝ่ายพูด
(คือมีลูกค้าสนใจงานของไออีกแล้วน่ะ พี่บอกเขาแล้วนะว่าไม่ขาย แต่เขาจะเอาลูกเดียวเลย แพงแค่ไหนเขาก็ยอมจ่าย พี่อธิบายให้เขาฟังแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมตัดใจเสียที อีกอย่างเขาเป็นลูกค้ารายใหญ่ของพี่ด้วย พี่เลยบอกว่าให้เขาไปคุยกับไอเอาเอง เพราะถ้าเจ้าของงานเอ่ยปากเองเขาคงจะเลิกตื้อและยอมถอดใจ ถ้าพี่ปฏิเสธเขาแรงๆ อาจจะกระทบงานที่เราทำร่วมกันได้ ไอช่วยพี่หน่อยได้มั้ย) มณีรัตน์ร่ายยาวตามเรื่อง แต่ก็ไม่ได้หลุดปากแต่อย่างใดว่าลูกค้าคนนั้นเป็นใครตามที่กวินได้ย้ำไว้ว่าไม่ต้องบอก ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจเหมืนกันว่าทำไมต้องปิด ทั้งที่ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะรู้จักกันด้วยซ้ำ ดูจากที่ยืนคุยกันหน้าร้านกาแฟวันนี้
"ได้ค่ะ พี่บัวนัดวันเวลาและสถานที่มาเลยนะคะ เดี๋ยวไอจะไปคุยกับเขาเอง" ลูกค้าคนนี้คงสำคัญจริงๆ มณีรัตน์ถึงต้องขอให้เธอออกหน้าเอง เพราะรายก่อนๆ เมื่อมณีรัตน์บอกว่าเธอไม่ขายลูกค้าต่างก็เข้าใจและไม่เซ้าซี้ต่อ แต่กับคนนี้คงดื้อเอาการน่าดู
(ขอบใจมากจ้ะ เดี๋ยวยังไงพี่จะส่งไปให้ทีหลังนะ ขอบใจอีกครั้งนะไอ) ขอบคุณอย่างซึ้งใจ คราวนี้ก็เป็นเรื่องที่กวินต้องจัดการเอง ถ้าอยากได้ภาพนั้นจริงๆ
"ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นงานของไอนี่คะที่ทำให้เกิดปัญหา เดี๋ยวไอจะอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจเอง พี่บัวไม่ต้องห่วงนะคะ" ไอลดาบอกอย่างที่คิด และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงอะไร เพียงต้องไปอธิบายให้ลูกค้าคนนั้นเข้าใจเจตนารมณ์ของเธอ
(โอเคจ้ะ ได้ยินแบบนี้พี่ค่อยโล่งอก กลัวมีปัญหาแล้วเขาจะพาลยกเลิกสัญญากับพี่น่ะ) มณีรัตน์เอ่ยขำๆ ทั้งที่จริงแล้วกวินดูเป็นการเป็นงานขนาดนั้น คงไม่เอาเรื่องขี้ประติ๋วแค่นี้มาเคือง แต่เธอก็อยากผูกมิตรกันไว้เวลาทำงานด้วยกันจะได้ราบรื่น
"ไอจะไม่ทำให้กระทบงานของพี่บัวแน่นอนค่ะ" รับประกันอีกครั้ง
(งั้นแค่นี้แหละจ้ะ พี่ไม่กวนแล้ว หลับฝันดีนะ) เมื่อเข้าใจตรงกันและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว จึงวางสายเพื่อที่ต่างฝ่ายจะได้พักผ่อนเสียที
"เช่นกันค่ะพี่บัว" ตอบกลับปลายสายและกดวาง ก่อนจะจัดการปิดไฟ และขึ้นเตียงไปนอนเคียงข้างกับลูก และเข้าสู่นิทรารมณ์ในเวลาไม่ช้า
เช้าวันต่อมามณีรัตน์ก็ส่งที่นัดหมายพร้อมเวลามาให้ คือวันนี้ช่วงเย็นที่ห้างใกล้ๆ นี้ ไอลดาเลี้ยงลูกและช่วยน้าสาวทำขนมในระหว่างที่ลูกนอนกลางวัน นางกมล หรือน้ามลของเธอมีอาชีพรับทำขนมไทยตามออเดอร์ ไม่ว่าจะเนื่องในงานแต่ง งานบวช งานขึ้นบ้านใหม่หรืองานอะไร หากต้องการขนมไทยก็สามารถสั่งจากน้าเธอได้ วันนี้ก็มีคนมาสั่งเอาไว้ และเขาจะมารับในช่วงบ่าย เธอจึงใช้เวลาว่างที่ลูกนอนและยังไม่มีงานที่จะต้องทำมาช่วยน้าทำขนม ตั้งใจว่าวันนี้จะพาน้าและลูกไปซื้อของหลังจากที่เธอคุยธุระเสร็จ
"เอาล่ะ รอให้สุขก็เป็นอันเสร็จแล้ว ไอไปดูลูกเถอะ เดี๋ยวตื่นมาไม่เห็นใครจะงอแงเอา" นางกมลบอกเมื่อเอาขนมทุกอย่างตั้งเตา เหลือเพียงรอเวลาและจัดใส่ถุงก็เรียบร้อยแล้ว
"ค่ะ อย่าลืมนะคะ วันนี้เราจะออกไปข้างนอกกัน ถ้าลูกค้ามารับขนมแล้ว น้ามลก็แต่งตัวรอไอเลยนะคะ" กำชับน้าสาว ก่อนหญิงวัยกลางคนจะพยักหน้ารับคำ เธอจึงเดินขึ้นไปชั้นสองเพื่อดูลูกที่นอนอยู่บนห้อง
นางกมลมองตามหลังหลานสาวที่ตนรักเสมือนลูก สองปีก่อนไอลดากลับมาหาเธอพร้อมกับบอกว่ากำลังตั้งท้อง ตอนนั้นเธอโกรธมากจนเกือบจะลงไม้ลงมือทำร้ายหลาน แต่เมื่อคิดถึงวิญญาณของผู้เป็นพี่สาวและพี่เขยที่จากไป นางก็ทำไม่ลง ไอลดาร้องไห้อย่างหนักและเอาแต่พูดว่าขอโทษ พอนางถามว่าใครเป็นพ่อเด็กก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปใหญ่ ไม่ยอมบอกว่าใครทำเธอท้อง นางทั้งปลอบทั้งกล่อม ข่มขู่ก็แล้วแต่ไอลดาก็ไม่ยอมปริปาก จนนางจนใจ ในเมื่อเรื่องมันเกิดแล้วนางก็คงแก้ไขอะไรไม่ได้ ไลดามีเพียงนางคนเดียว หากจะให้ทอดทิ้งก็คงเป็นไปไม่ได้ นางอาจจะผิดเองที่ปล่อยให้หลานสาวคนเดียวไปเรียนที่กรุงเทพฯ ตามลำพัง นางและหลานสาวผ่านอะไรมาด้วยกันมามากกว่าจะมีความสุขได้จนถึงทุกวันนี้ และอีกหนึ่งชีวิตที่มาช่วยเติมเต็มความสุขให้กับพวกเธอ หลานชายตัวน้อยที่แรกเกิดก็สามารถนำพารอยยิ้มมาให้ 'เจ้าตัวแสบหลานยายมล' อมยิ้มกับคำที่ตนรำพึงในใจ นางกมลหวนรำลึกถึงความหลังที่ผ่านมา บทเรียนชีวิตต่างๆ ที่เข้ามาสอนนางและหลานสาว ว่าความรักที่บริสุทธิ์ที่สุด คือความรักจากคนในครอบครัว ไม่ใครรักเราเท่าคนในครอบครัวอีกแล้ว
ไอลดาขับรถพาลูกและน้าสาวตรงไปที่ห้างที่อยู่ไม่ไกลจากที่บ้านนัก อีกครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด เธอคงต้องเป็นฝ่ายไปรอเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทกับลูกค้า เมื่อนำรถเข้าจอดเรียบร้อยทั้งสามก็พากันเข้ามาด้านในห้างสรรพสินค้า ไอลดาบอกให้น้าสาวพาลูกชายไปนั่งทานไอศกรีมรอที่ชั้นล่างในระหว่างที่เธอคุยธุระอยู่ ก่อนตัวเองจะเดินเข้าร้านอาหารที่ได้นัดหมายกันเอาไว้กับอีกฝ่าย
กวินมาถึงห้างตามเวลาที่ได้นัดไว้ แต่ต้องเดินขึ้นไปอีกชั้นเพราะเขาเอารถมาจอดที่ชั้นสองแต่ร้านที่นัดกันไว้อยู่ที่ชั้นสาม
ตุ้บ!
"ฮือ แงๆ" ระหว่างที่กวินหยุดยืนเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มาดูชื่อร้านที่นัดอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ก็มีเด็กชายคนหนึ่งเดินมาชนเขาจนล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนเจ้าตัวเล็กจะร้องไห้จ้าจนเขาต้องรีบก้มไปอุ้มขึ้นมา
"เฮ้! นี่ไอ้หนู เป็นอะไรหรือเปล่าเจ็บตรงไหนฮึ?" กวินอุ้มเด็กเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนจะมองหาตามแขนตามขาว่ามีแผลตรงไหนหรือเปล่า
"ฮือๆ แม่ะ หาแม่ะ" หนูน้อยไม่ได้เจ็บตัวแต่อย่างใด เพียงแค่ตกใจเท่านั้น อีกอย่างคือไม่คุ้นชินกับคนแปลกหน้าที่กำลังอุ้มตนอยู่
"ตาหนึ่งลูก เป็นอะไร ยายก้มเก็บของแป๊บเดียวเอง เป็นอะไรลูก" นางกมลรีบเข้ามาดูหลานเมื่อได้ยินเสียงร้อง เธอทำกระเป๋าถือตกจนข้าวของกระจัดกระจายจึงวางหลานให้ยืนรอที่พื้นและก้มลงเก็บของ พอเงยหน้ามาอีกทีก็เห็นเด็กชายเป็นหนึ่งกำลังร้องไห้โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งอุ้มอยู่
"แกเดินมาชนผมแล้วล้มน่ะครับคุณน้า ไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวเลย" กวินส่งเด็กไปให้คนตรงหน้า เมื่อเห็นทีว่าเขาคงเอาไม่อยู่ ท่าทางเด็กคงจะกลัวเขาถึงเอาแต่ดีดดิ้นให้พ้นจากอ้อมแขนของเขา
"ขอโทษด้วยนะคะ ตาหนูไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แกคงแค่ตกใจ" นางกมลบอกเมื่อสำรวจแล้วหลานไม่ได้มีแผลตรงไหน
"งั้นก็ดีแล้วล่ะครับ ทีหลังอย่าซนอีกนะเรา" เอ่ยพร้อมยื่นมือไปลูบหัวเด็กชายที่ตอนนี้เลิกร้องแล้วแต่ยังสะอื้นอยู่ด้วยความเอ็นดู แล้วจึงขอตัวเมื่อก้มดูนาฬิกาและพบว่าเลยเวลานัดมาสิบนาทีแล้ว
ห้านาทีต่อมากวินก็มายืนอยู่หน้าร้านอาหารไทยตามสถานที่ที่นัด เขาเดินเข้าไปในร้านสอดส่องสายตาไปทั่ว ก่อนจะเห็นเป้าหมายนั่งอยู่โต๊ะมุมในของร้าน จึงค่อยๆ ก้าวเข้าไปหาโดยจับจ้องคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่ไม่คลาดสายตา
"คุณ!!!"
ไอลดาที่กำลังดูรายการอาหารเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอ เงยหน้าขึ้นมามองเมื่อรู้สึกว่ามีคนมานั่งอยู่เบื้องหน้า ก่อนจะต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร
"สวัสดี รอนานมั้ย?" กวินไม่ได้สนใจสีหน้าตกใจของเธอแต่อย่างใด เขายิ้มหวานส่งไปให้และทักทายน้ำเสียงระรื่นอย่างอารมณ์ดี
ไอลดาไม่ตอบแต่รีบหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างตัวและลุกขึ้นเพื่อจะออกไปจากโต๊ะ แต่ยังไม่ทันที่จะก้าวเท้ากวินก็คว้าแขนเธอไว้ก่อน
"อยากให้ฉันบอกคุณบัวมั้ยว่าเธอเสียมารยาทกับลูกค้าแค่ไหน"
ไอลดามองหน้าชายหนุ่มอย่างข่มอารมณ์ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าลูกค้ารายใหญ่ของมณีรัตน์จะเป็นเขา ท่าทางเขาจะรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นเจ้าของภาพที่นัดเจรจาเพราะเขาไม่ได้มีทีท่าว่าจะตกใจเมื่อเห็นเธออย่างที่เป็นเหมือนเมื่อวาน หวังว่าเขาจะรู้เพียงเท่านี้ รู้แค่ว่าเธอเป็นศิลปินเจ้าของภาพที่เขาต้องการ
ไลดาชั่งใจคิด เธอรับปากกับมณีรัตน์ไว้แล้วว่าจะคุยและเคลียร์เองโดยไม่ให้อีกฝ่านเดือดร้อน ถ้าเธอไม่ยอมคุยกับเขาดีๆ เขาอาจจะเอาความไม่พอใจจากเธอไปลงที่มณีรัตน์แทน เธอคงรู้สึกผิดหากทำให้งานของมณีรัตน์ต้องมีปัญหาเพราะเรื่องส่วนตัวของเธอ เมื่อตัดสินใจได้ว่าเธอคงต้องเผชิญหน้ากับเขาแทนที่จะหนีและสร้างปัญหาให้มณีรัตน์ ไอลดาจึงสะบัดแขนให้หลุดจากพันธนาการของกวินและยอมนั่งลงอีกครั้ง
"เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ ฉันไม่ขายภาพนั้น ต่อให้คุณจะให้ราคาสูงแค่ไหนก็ตาม ฉันจะไม่มีวันขายให้คุณหรือใครแน่นอนค่ะ" เมื่อนั่งสงบจิตใจให้คงที่ได้แล้ว ไอลดาก็เปิดประเด็นเรื่องที่ทำให้เธอต้องมาเจอเขาด้วยประโยคเดียวที่มีเจตนาชัดแจ้ง แค่ต้องมานั่งพูดคุยกับผู้ชายตรงหน้าก็รู้สึกไม่ดีมากแล้ว รีบคุยรีบจบและไปให้พ้นจากที่นี่เสียดีกว่า เธอจะไม่ยอมให้เขาเห็นใครอีกคนที่อยู่ที่นี่ด้วยหรอก เขาจะต้องไม่เห็นและจะไม่มีทางได้เห็นเด็ดขาด!
"เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน พี่อยากรู้ว่าไอมาทำอะไรที่เชียงใหม่ แล้วมาวาดรูปพวกนี้ได้ยังไง" ได้ยินอย่างนี้ก็อยากจะหัวเราะ เขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเธอเลย ไม่รู้ว่าเธอชอบวาดรูป ไม่รู้ว่าเธอเป็นคนเชียงใหม่ เหอะ กวินช่างเป็นคนที่เหลือเชื่อมากจริงๆ ในความคิดเธอ เขากล้าดียังไงมาคุยกับเธอเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ใช้สรรพนามแทนตัวเองและเรียกเธอเหมือนคนสนิทสนมทั้งที่ใช้คำว่าคนรู้จักก็ยังไม่เฉียดใกล้เลยด้วยซ้ำในความรู้สึกเธอ สำหรับเธอเขาเป็นเพียงมนุษย์ร่วมโลกคนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าจิตใจของเขาจะไม่สมควรเป็นมนุษย์ก็ตาม
"ชื่อเล่นของดิฉันมีไว้ให้คนสนิทเรียกค่ะ เราสองคนไม่ได้รู้จักมักจี่กันถึงขนาดที่คุณจะสามารถเรียกชื่อเล่นดิฉันได้ ช่วยเรียกดิฉันว่าคุณด้วยค่ะ" ไอลดาพูดเสียงขรึม ข่มความอดทนไม่ให้ปะทุไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ผ่านมานานขนาดนี้เขาจะอยากรู้เรื่องของเธอไปอีกทำไมกัน
"ถ้าผมจะเรียกคุณว่าไอหรือไออุ่นแล้วจะทำไมเหรอ" ท้าทายด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อน ไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของเธอนานแค่ไหนแล้วนะ แม้จะเป็นสีหน้าไม่พอใจออกไปทางรังเกียจเขาด้วยซ้ำ แต่กลับทำให้หัวใจเขาเต้นแรงได้ บางทีมันอาจจะไม่เกี่ยวกับสีหน้าแต่เป็นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า
ทั้งคู่จ้องหน้ากันเขม็ง ไอลดาไม่อยากจะเชื่อว่านิสัยที่แท้จริงของเขาเป็นแบบนี้ มันช่างแตกต่างจากตัวละครที่เขาปั้นแต่งมาหลอกเธอโดยสิ้นเชิง กวินมองหญิงสาวด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะรู้สึกว่าไม่ใช่แค่เขาที่กำลังจ้องเธออยู่ แต่เหมือนมีสายตาหลายคู่กำลังจดจ้องอยู่ที่เป้าหมายเดียวกันกับเขา เขาหันไปด้านขวาก่อนจะเห็นว่ากลุ่มชายโต๊ะข้างๆ ก็กำลังมองตรงมาที่ไอลดาและมองด้วยสายตาที่เขาไม่ชอบใจเสียด้วย
พรึ่บ! ปุ้บ!
ด้วยความรวดเร็วกวินลุกจากที่นั่งอีกฝั่งหนึ่ง ย้ายมานั่งลงที่ข้างไอลดาซึ่งเป็นที่นั่งยาวต่อกันทันทีอย่างไม่ให้ได้ตั้งตัว ไอลดาหันไปมองเขาตาโตเมื่อเขาทำอะไรโดยที่เธอคาดไม่ถึงอีกครั้ง
"นี่คุณ จะมานั่งกับฉันทำไม!" ไอลดาแหวขึ้น มองหน้ากวินอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
"เถอะน่า ก็เมื่อกี้คุณบอกไม่ให้เรียกชื่อเพราะไม่สนิท แบบนี้เราจะได้สนิทกันเร็วขึ้นไง" อะไรคือการที่เขาไม่รู้สึกรู้สากับสิ่งที่ตัวเองทำ และยังมีหน้ามาพูดแบบนี้กับเธออีก กวินขยับเข้ามาใกล้เธออีกนิดเหมือนจะให้ร่างของเขาเข้ามาชิดเธอมากขึ้น
"ช่วยให้เกียรติดิฉันด้วยค่ะ" ไอลดาพูดเสียงแข็ง กระเถิบเข้าไปด้านในเพื่อเว้นระยะห่าง
"แหม! ทำเป็นห่างเหินกันไปได้ แต่ก่อนใกล้ชิดกันกว่านี้ก็เคยมาแล้ว" ทำเป็นไม่ได้ยินที่หญิงสาวพูด และขยับเข้าไปใกล้อีกจนแทบจะเบียดเธออยู่แล้ว อีกทั้งยังแปล่งวาจาระคายหูออกมา จนไอลดาอยากจะคว้าอะไรมายัดปากคนข้างๆ เอาไว้ให้พูดไม่ได้อีกเลย
"กรุณาทำตัวให้สูงเหมือนการศึกษาของคุณด้วยนะคะ ฐานะระดับคุณคงรู้จักคำว่ามารยาทว่าทำกันยังไง" พูดเสียงเรียบ แต่มันจี๊ดใจคนฟังนี่ซิ ไม่คิดว่าคนที่เมื่อก่อนเรียบร้อยพูดจาอ่อนหวาน จะตอกกลับใส่เขาด้วยถ้วยคำแสบสันแบบนี้ได้
"ไออุ่น!" กวินเรียกชื่อหญิงสาวเสียงดังอย่าปราม เธอกำลังทำให้ความตั้งใจที่เขาจะคุยกับเธอดีๆ มันหมดไป
"คนเราต้องหน้าหนาแค่ไหน ถึงกล้าทำสิ่งที่คนอื่นห้าม หรือบางทีคนแบบนี้อาจจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่อง!" ไอลดาโต้กลับเสียงแข็ง จ้องหน้าชายหนุ่มเขม็งอย่างไม่ยอมอ่อนข้อ เมื่อกวินยังไม่เลิกเรียกชื่อเธออย่างสนิทสนม
"มันจะมากไปแล้วนะไอ!" ข่มเสียงและอารมณ์ที่กำลังเดือดอย่างอดกลั้น
"มันไม่มากไปหรอกค่ะ..."
พรึ่บ! ซ่า! จบประโยคนั้น มือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ปัดแก้วน้ำส้มที่เธอสั่งมาดื่มไปทางที่นั่งของกวิน น้ำส้มหกรถใส่ชายเสื้อสูทและกางเกง จนเขาต้อวรีบลุกขึ้นและออกมาจากที่นั่ง
"ไอลดา!!!" เรียกอีกฝ่ายเสียงดังอย่างหมดความอดทน เธอชักจะทำเกินไปแล้ว...
26/07/15
24/07/15
เอาตัวอย่างมาอ่อยค่ะ มาดูอิเฮียกับหนูไอปะทะฝีปากกัน งานนี้ใครจะชนะ ฮรึ๋ยยยยย งานนี้มีคนอกแตกตาย ฮ่าๆๆ อยากอ่านกันยัง??? ^-^
23/07/15
วันนี้ไม่มีตัวอย่างไม่มีเนื้อหาค่ะ ไรต์ไม่มีเวลาปั่น ขออนุญาตแปะรูป แปะธีมไว้ก่อนนะคะ แต่เอ๊ะ! ทำไมมีรูปสามคนกันนะ ยังไงกันนะ ยังไงกัน อิอิ ปล.ตอนหน้าชื่อตอน "เผชิญหน้า" ค่ะ โปรยจูบ ( -3-)
ความคิดเห็น