ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผูกหัวใจ...สานใยรัก

    ลำดับตอนที่ #14 : ใช่เธอ?! 50%

    • อัปเดตล่าสุด 12 ก.ย. 58








     

    ใช่เธอ?!


     

             ในเช้าของวันที่อากาศสดใส ภายในบ้านหลังสีขาวมีหญิงสาวหน้าหวานกำลังนั่งป้อนข้าวให้เด็กชายตัวน้อยที่นั่งอยู่ในโต๊ะสำหรับเด็ก ไอลดาอมยิ้มเมื่อเด็กชายเป็นหนึ่งตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารที่เธอป้อนอย่างเอร็ดอร่อย เธอและลูกมักจะตื่นเช้าเสมอ เพราะยามเช้ามีอากาศที่บริสุทธิ์ และการตื่นเช้ายังทำให้สมองของเราปลอดโปร่งทำงานได้ดีอีกด้วย วันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่เธอตื่นมาทำอาหารเช้าให้ลูก และเจ้าตัวเล็กก็จะตื่นตอนเธอเตรียมทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยพอดี อย่างกับรู้เวลาตื่นของตัวเอง

     

             "อร่อยมั้ยครับ" ใช้ผ้าเช็ดปากให้ลูกด้วยความเอ็นดู

     

             "อาหย่อย อาหย่อย" เด็กชายยิ้มร่าให้ผู้เป็นแม่ ให้รู้ว่าอร่อยจริงๆ ทำเอาคนเป็นแม่หุบยิ้มไม่ลง รอยยิ้มของลูกเป็นการเริ่มต้นที่ดีของเช้าวันใหม่สำหรับเธอ

     

             "ดีมากครับ คนเก่งของแม่" เมื่อป้อนอาหารจนหมดจาน ก็เอ่ยชมและลูบหัวด้วยความภูมิใจ ก่อนจะป้อนน้ำและตามด้วยเก็บจาน ทำความสะอาดให้เรียบร้อย และกลับมาหาลูกชายที่นั่งรออยู่ที่เดิมอีกครั้ง

     

             "วันนี้หนึ่งต้องอยู่กับคุณยายนะครับ แม่ไอต้องเอางานไปส่ง" เธออุ้มลูกออกจากเก้าอี้ พามานั่งโซฟาโดยให้ลูกน้อยนั่งตัก วันนี้เป็นวันที่เธอต้องเอางานที่รับมาไปส่งที่แกลลอรี่ เธอต้องทำแบบนี้เป็นประจำทุกอาทิตย์

     

             ส่วนคุณยายที่ว่าก็คือน้าแท้ๆ ของเธอเอง เธอเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เรียนอยู่มัธยมต้นด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ มีเพียงน้าสาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ คอยเลี้ยงดูอุ้มชู ประคับประคองเธอให้โตมาจนถึงทุกวันนี้ น้าของเธอเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้ ชีวิตการแต่งงานจึงไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ สุดท้ายก็ต้องเลิกรากับสามีเพราะความไม่เข้าใจกัน จึงกลับมาอยู่บ้านกับครอบครัวของเธอ เมื่อโชคชะตาพรากพ่อและแม่ของเธอไปอย่างไม่มีวันกลับ ครอบครัวของเธอเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ก็คือน้าสาว เธอรักท่านเสมือนแม่แท้ๆ ของตัวเอง และท่านก็รักเธอเหมือนลูกในไส้เช่นเดียวกัน

     

             แต่ตอนนี้เธอและน้ามีสมาชิกคนใหม่เพิ่มเข้ามาในครอบครัวเล็กๆ นี้ เด็กแสนซนตรงหน้าที่นำพารอยยิ้มมาให้เสมอเมื่อเธอเจอเรื่องทุกข์ใจ แค่เพียงเห็นหน้าลูก ความทุกข์ที่อยู่ในใจก็ค่อยๆ จางหายไป เติมเต็มความสุขเข้ามาแทนที่ แม้บางครั้งจะเหนื่อยกายเพียงใด แต่เมื่อใจยังสุขก็มีแรงสู้ต่อเสมอเพื่อคนที่เธอรัก

     

             "ห้ามงอแงนะครับ ถ้าเป็นเด็กดีแม่ไอจะซื้อขนมมาฝากรู้มั้ย" หลอกล่อให้หนูน้อยเชื่อฟัง เวลาเธอไม่อยู่แล้วลูกงอแง จะไม่มีใครเอาลูกเธออยู่ แม้แต่น้าของเธอก็ตองกุมขมับเวลาที่เจ้าตัวน้อยร้องไห้หาเธอ ถ้าไม่เห็นหน้าเธอจะไม่ยอมหยุดร้องไห้เด็ดขาด

     

            "แดะดีๆ หยึ่งแปนแดะดี" แค่ได้ยินคำว่าขนมเด็กชายเป็นหนึ่งก็ตาเป็นประกาย รีบบอกแม่ว่าตนเป็นเด็กดีด้วยเสียงอ้อแอ้

     

            "ครับ หนึ่งเป็นเด็กดี ตอนนี้ไปหายายกันเถอะ แม่ต้องไปแล้ว" อุ้มลูกน้อยไปหาผู้เป็นน้าที่อยู่สวนหลังบ้าน ก่อนตัวเองจะขึ้นห้องไปเตรียมตัวและหอบงานขึ้นรถ ขับตรงไปที่แกลลอรี่ทันที




     

              กวินและณดลย์กำลังนั่งรถไปดูงานที่ได้คุยกันไว้เมื่อคราวก่อนกับมณีรัตน์ พวกเขาตกลงเลือกภาพจากแกลลอรี่ของเธอมาโชว์ในห้องศิลป์ของโรงแรม โดยให้ทางโรงแรมเป็นคนเลือกภาพและศิลปินที่ต้องการ ภาพจะถูกเปลี่ยนหมุนเวียนทุกๆ เดือนเพื่อไม่ให้ซ้ำซาก ลูกค้าที่เข้าชมสามารถซื้อภาพที่จัดโชว์ได้หากให้ราคาที่สมควร เขาจะแบ่งเปอร์เซ็นจากกำไรที่ขายภาพได้ให้แก่ทางแกลลอรี่และเจ้าของผลงานด้วย เมื่อได้ผลประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย จึงได้ทำสัญญาข้อตกลงกันไว้เป็นที่เรียบร้อย

     

             ทั้งคู่มาถึงหน้าแกลลอรี่ในช่วงสายของวัน แต่เหมือนว่าแกลลอรี่จะยังไม่เปิดบริการ เมื่อตรวจสอบดูณดลย์รายงานว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ทางแกลลอรี่จะเปิดตอนเที่ยงเป็นต้นไป ทำให้กวินรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ยอมเช็คให้ดีๆ ก่อนจะมา แต่จะโทษใครก็คงไม่ได้เมื่อมาโดยไม่ได้แจ้งทางนี้ก่อน และณดลย์ก็เพิ่งรู้เมื่อเช้าตอนได้รับคำสั่งจากเขาว่าจะมาดูงาน เขาจึงเลือกเข้าไปนั่งในร้านกาแฟที่อยู่ใกล้ๆ แทนในระหว่างที่รอให้แกลลอรี่เปิด เพราะคงเป็นการเสียมารยาทอย่างมากหากโทรไปรบกวนให้ทางมณีรัตน์มาต้อนรับเขากะทันหันแบบนี้ แทนที่จะบอกล่วงหน้าว่าตนจะมาวันนี้

     

             สองเจ้านายลูกน้องนั่งจิบกาแฟเงียบๆ ด้วยกัน ใช่ว่าณดลย์จะเกรงใจจนไม่กล้ารบกวนเจ้านาย แต่ความเงียบคือการผ่อนคลายของเจ้านายของเขา ปล่อยให้คนที่เครียดอยู่กับงานทั้งวันได้พักผ่อนบ้างก็เป็นเรื่องที่ดี

     

             กริ้ง!!!

     

             เสียงกระดิ่งที่ผูกติดกับประตูหน้าร้านดังขึ้น ส่งสัญญาณบอกว่ามีลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ณดลย์เงยหน้าขึ้นมามองก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามา ตอนแรกแค่จะมองเฉยๆ ตามสัญชาตญาณ แต่เมื่อได้มองเต็มตาก็ไม่อยากจะละหนี หญิงสาวร่างบาง ใบหน้าหวานที่สวยน่ามองล้อมกรอบด้วยผมยาวสลวยที่เจ้าของปล่อยลงมอคลอเคลียไหล่ไปมาตามจังหวะการเดิน ไม่ได้สวยจัดจ้านแต่น่ามองจนไม่อาจละสายตาได้

     

             "ขอคาปูชิโน่เย็นค่ะ" ไอลดาเดินเข้าไปสั่งกาแฟที่หน้าเค้าท์เตอร์บาร์ อากาศร้อนๆ ได้กาแฟเย็นๆ ซักแก้วคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อย อีกซักพักมณีรัตน์ก็คงมาเธอจึงมาหากาแฟดื่มให้ชื่นใจในระหว่างที่รอ

     

             "มองอะไร" กวินที่นั่งหันหน้าออกไปนอกร้านถามขึ้น เมื่อณดลย์ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามมองบางอย่างนิ่งค้างได้ซักพักแล้ว ขนาดเขาเอ่ยถามยังไม่สนใจตอบคำถามเขา เอาแต่มองด้านหลังเขาอยู่อย่างเดิม จนเขาต้องเหลียวหลังไปมองว่าอะไรทำให้ณดลย์สนใจได้ขนาดนั้น

     

             แต่เมื่อหันมาเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหลังก็ทำเอาเขาต้องนิ่งค้างเช่นกัน คนที่เขาไม่คิดว่าจะเจอตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่นี่ หลายปีที่ไม่ได้เจอ ต่อให้เธอเปลี่ยนไปแค่ไหนเขาก็จำเธอได้ จะว่าไปแล้วเธอก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง คงมีอย่างเดียวที่เพิ่มเติมขึ้นจากอดีตคือความงามที่สะกดสายตาชายได้

     

             "ได้แล้วค่ะ" พนักงานสาวบอกพร้อมยื่นกาแฟในแก้วพลาสติกให้ลูกค้า

     

             ไอลดาหยิบเงินจากกระเป๋าขึ้นมาจ่าย รับแก้วกาแฟและเดินออกจากร้านไป เพื่อจะไปรอมณีรัตน์ที่แกลลอรี่

     

             กวินที่มัวแต่มองและจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินจากไปก็รีบลุกจากเก้าอี้ตามไปทันที จนณดลย์ที่นั่งอยู่ด้วยตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้านายของเขา

     

             "เจ้านายครับ?" ณดลย์เรียกชื่อตามหลัง แต่ไม่ทันเพราะกวินเปิดประตูออกจากร้านไปแล้ว

     

            กวินเดินตามไอลดาด้วยความร้อนใจ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ และมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาแบบนี้ เขาไม่อาจอธิบายได้ว่าทำไมถึงต้องตามเธอมาแบบนี้ แต่ทันทีที่เห็นเธอหันหลังให้ ขามันก็เก้าออกมาเองอย่างอัตโนมัติทั้งที่สมองยังไม่ทันประมวลผลด้วยซ้ำ

     

             "คุณ! คุณครับ" กวินเรียกคนที่เดินอยู่ข้างหน้าเสียงดัง ทำให้คนที่ถูกเรียกต้องหันมามองว่ามีอะไร

     

             ไม่น่าเลย เธอไม่น่าหันมามองเลยจริงๆ เธอน่าจะเดินต่อไป เดินไปเร็วๆ ให้พ้นจากตรงนี้ และคนที่กำลังเรียกเธออยู่คนนี้ เมื่อเห็นว่าใครเรียกเธอมันเหมือนมีค้อนหนักๆ มาทุบลงที่หัว หน้ามันชาเหมือนโดนน้ำแข็งสาด ใครเป็นคนกำหนดโชคชะตาให้เธอต้องเจอกับคนคนนี้อีก เธอยังไม่ได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ

     

              ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่ง ไม่มีใครแปล่งคำพูดออกมา กวินกำลังสับสนกับสิ่งที่เห็นและสิ่งที่มันเต้นอยู่ในอกข้างซ้าย ที่พอเห็นหน้าเธอใกล้ๆ กลับเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รู้สึกเหมือนบางอย่างมันกำลังเด่นชัดขึ้นในใจ ส่วนไอลดากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เธอกลัวกำลังใกล้เข้ามา สิ่งที่พยายามอยู่ให้ห่างกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ และนำพาอันตรายมาสู่เธอ

     

             ไอลดาหันหลังกลับไปทางเดิมเมื่อเรียกสติคืนมาได้ และมุ่งหน้าเดินต่ออีกครั้ง นี่มันไม่ถูกต้อง เธอและเขาไม่ควรมาพบกันอีก เธอต้องรีบไปจากที่นี่ บางอย่างมันเตือนเธอว่าอย่าเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนี้ อย่าหันกลับไปมองเขาอีกครั้ง




     

             "เดี๋ยว! เธอมาทำอะไรที่นี่" กวินรีบเดินมาดักหน้าเมื่อไอลดาพยายามเดินหนี ก่อนถามเธอเสียงขรึม มองหน้าเธออย่างไม่เข้าใจ

     

             "ขอโทษนะคะ ดิฉันคิดว่าเราไม่รู้จักกัน ขอตัวค่ะ" ตอบเสียงเย็นชาไม่แม้จะมองหน้ากับคนที่กำลังจ้องอยู่ ก่อนจะเร่งฝีเท้าอีกครั้ง อย่าตามมา อะไรก็ได้ช่วยอย่าให้เขาตามเธอมา

     

             "ไอ! ไออุ่น!" กวินสาวเท้าตามเมื่อหญิงสาวเร่งฝีเท้า พยายามเดินหนีเขา เธอทำเหมือนรังเกียจกับการที่ต้องเจอเขา

     

             ไอลดายังคงสาวเท้าต่อไปไม่สนใจว่าใครอีกคนกำลังเดินตามอยู่ โลกกลมเกินไปหรือโชคชะตากำลังเล่นตลกกับเธอ ผู้ชายที่เธอไม่อยากเห็นหน้าที่สุดกลับมาปรากฏตัวให้เห็นและตอนนี้กำลังพยายามไล่ตามเธออยู่

     

             "ไอหยุด! ไออุ่น! ไอลดา สิริกุล!" กวินเรียกชื่อไอลดาเสียงเข้มห้วนเมื่อเริ่มไม่พอใจ เขาเร่งฝีเท้าตามเธอ แต่เธอก็ไม่ยอมหยุดตามที่เขาบอก จากเดินก็กลายเป็นวิ่งหนีเขา ทั้งที่ตัวเองใส่รองเท้าส้นสูงแต่ก็พยายามจะวิ่งหนีเขา ทำไมต้องแสดงออกว่าเกลียดเขาขนาดนั้นด้วย แค่หน้าเขาเธอก็ทนมองไม่ได้เลยเหรอ

     

              ไอลดาชะงักเท้าที่กำลังจะออกวิ่งต่อเมื่อได้ยินชื่อเต็มๆ ของตัวเองออกมาจากปากเขา เหมือนมีอะไรมาฉุดรั้งขาเธอเอาไว้ไม่ให้เก้าต่อไปได้

     

             "ทีนี้เรายังจะไม่รู้จักกันอีกมั้ย" กวินก้าวมายืนตรงหน้าเธอ เอ่ยเสียงราบเรียบ มองหน้าไอลดาด้วยสายตาแข็งกร้าว

     

             "เราอาจจะเคยรู้จักกันเมื่อนานมาแล้ว แต่ตอนนี้ฉันลืมไปแล้วว่าคุณเป็นใคร ขอตัวนะคะ" เสียงที่ว่าเย็นชา ยังไม่สู้สายตาว่างเปล่าที่เธอใช้มองเขา ก่อนเจ้าของร่างบางตรงหน้าจะเดินเลี่ยงไปอีกทาง ทิ้งเขาให้ยืนสงบนิ่งกับประโยคนั้นที่เธอทิ้งไว้...
     

             หน้าชามันเป็นแบบนี้เองซินะ แค่คำพูดคำเดียวแต่กลับเจ็บกว่าการโดนตบหน้าเสียอีก ลืมไปแล้วงั้นหรอ ทั้งที่เขาไม่เคยลืมเธอได้ แต่เธอกลับลืมเขาได้อย่างง่ายดายงั้นเหรอ...






    20/07/15
              มาแล้วววววว เจอกันแล้ววววว เฮียวินก็เป็นได้แค่คนที่ถูกลืม โง่ววววววว สะ...สะ...สะ...สมน้ำหน้า ฟังแค่นี้หน้าชา แหมหน้าบางไปนะย่ะ โดนตบจริงแล้วจะรู้สึก โฮะๆ ^-^



    19/07/15
              อั้ยย่ะ เอาแล้วไงอิเฮีย แกเป็นใครอ่ะ หนูไอเค้าลืมไปแล้ว โฮะๆๆ ถึงกับอึ้งเลยอ่ะดิ นี่ยังไม่ได้ทำไรเลยนะเนี่ย ก็แค่คำพูดประโยคเดียวเอ๊งงงง (โปรดเสียงสูงตามไรต์) ปล.เป็นหนึ่งตั้ลล้าคมากกกกกกก ♡_♡





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×