ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผูกหัวใจ...สานใยรัก

    ลำดับตอนที่ #12 : ใกล้เข้ามา 50%

    • อัปเดตล่าสุด 11 ก.ย. 58






     
     

    ใกล้เข้ามา

     

             บ้านสองชั้นสีขาวล้อมด้วยรั้วสีฟ้าอ่อน หน้าบ้านปลุกไม้ดอกไม้ประดับสีสันสวยงาม หลังบ้านมีต้นไม้ใหญ่ร่มเงา มีชิงช้าและม้านั่งในสวนเล็กๆ ให้ได้นั่งพักผ่อนคลาย แม้จะเป็นบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่แต่ก็มีความร่มรื่นน่าอยู่ ดอกไม้ดอกเล็กแบ่งบานขึ้นตามแนวรั้ว เพิ่มความสดใสมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น

     

             "หนึ่งครับ อย่าวิ่งสิลูกเดี๋ยวหกล้ม ตรงนั้นมันมีหินอยู่นะลูก"

     

             หญิงสาวร่างบางกำลังสาวเท้าตามเด็กชายตัวน้อยที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็น เด็กน้อยหัวเราะคิกคักชอบใจที่มารดาตามจับเขาไม่ทัน แทนที่จะหยุดตามที่มารดาบอกกลับวิ่งหนีให้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ร่างกายที่ยังเล็กจ้อยกับการวิ่งเตาะแตะมีหรือที่ผู้ใหญ่จะตามไม่ทัน หญิงสาวจับตัวลูกชายไว้ให้หยุดวิ่งก่อนจะยกขึ้นอุ้มพาไปนั่งที่ม้านั่ง ให้ลูกนั่งบนตักหันเข้าหาตัวเอง

     

             "ทำไมดื้ออย่างนี้ครับ ทีหลังแม่บอกอะไรต้องเชื่อฟังรู้มั้ย" เธอดุลูกชายด้วยนึกเป็นห่วง ไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใด หนุ่มน้อยมองหน้าแม่ตาแป๋วจนผู้เป็นแม่หมั่นเขี้ยวจิ้มแก้มป่องๆ เข้าให้

     

             "เวลาทำผิดต้องทำยังไงครับ" ทำหน้านิ่งให้รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังไม่พอใจ และรอดูว่าลูกชายเธอจะจดจำที่เคยสอนได้หรือไม่

     

             "ขอโต้ดกั้บ" หนูน้อยช่างอ้อนเอ่ยขอโทษ ต่อด้วยยืดตัวขึ้นจากตักที่นั่งอยู่เพื่อหอมแก้มมารดา หญิงสาวอำนวยความสะดวกให้เจ้าตัวเล็กโดยการก้มหน้าลงให้ หอมเสร็จก็ลูบหน้าแม่อย่างเอาใจ จนเธอไม่อาจทำหน้านิ่งต่อได้ ต้องหลุดยิ้มออกมาในความช่างรู้ของเจ้าลูกชาย

     

             "แม่ยกโทษให้ครับคนเก่ง" ตอบแล้วหอมแก้มย้วยๆ ของลูกฟอดใหญ่ทั้งซ้ายทั้งขวา เล่นเอาลูกชายตัวน้อยหัวเราะชอบอกชอบใจ

     

             ไอลดามองลูกชายด้วยสายตาเปี่ยมรัก ตั้งแต่เขาเกิดมาก็ทำให้ชีวิตเธอได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง เด็กชายเอกรินทร์ สิริกุล หรือน้องเป็นหนึ่ง เป็นหนึ่งที่มาจาก 'เป็นที่หนึ่งในหัวใจผู้เป็นแม่'  เด็กน้อยวัยขวบครึ่งที่ช่างพูดช่างจา แม้จะยังพูดไม่ชัดและยังพูดประโยคยาวๆ ไม่ค่อยได้ แต่ก็ขยันอ้อนจนเธอต้องยอมแพ้อยู่หลายครา ลูกชายเธอเป็นเด็กร่าเริง อารมณ์ดี อยากรู้อยากเห็นไปซะทุกอย่าง บางครั้งก็ซนจนเธอปวดหัว บางครั้งก็งอแงเอาแต่ใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเด็กดีที่เมื่อไรที่เธอสอนหรือบอกว่าอะไรไม่ดี อะไรควรทำหรือไม่ควรทำ เด็กชายจะจำและทำตามเสมอ ลูกเธอเป็นเด็กเลี้ยงง่าย เข้ากับคนก็ง่าย โดยเฉพาะผู้หญิง หนูน้อยจะอ้อนเป็นพิเศษ จนสาวเล็กสาวใหญ่ ใครมาเห็นก็เอ็นดูติดใจ จนตอนนี้เป็นขวัญใจสาวๆ ไปแล้ว

     

              ไอลดาละสายตาจากลูกน้อยบนตักเมื่อโทรศัพท์ส่งเสียงดัง เธอหยิบขึ้นมาดูก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นว่าใครติดต่อมา

     

             "ว่าไงคะพี่พล" เธอกดรับก่อนจะปรากฎภาพชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาในชุดสูทภูมิฐานกำลังนั่งส่งยิ้มละมุนมาให้ สมัยนี้เทคโนโลยีก้าวไกล จากที่เคยคุยโทรศัพท์ได้ยินเพียงแค่เสียงจนเดี๋ยวนี้สามารถคุยกันโดยสามารถเห็นหน้าคู่สนทนาได้อย่างกับนั่งอยู่ตรงข้ามกัน พชรพลใช้แอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า 'เฟสไทม์' ติดต่อหาเธอเสมอ ไม่ว่าจะไปทำงานที่ไหน หรือยุ่งยังไงก็ไม่ลืมติดต่อกลับมา เพราะทนความคิดถึงไม่ไหว อยากเห็นหน้าเด็กชายเป็นหนึ่งตัวแสบของเขา คู่นี้ติดกันอย่างกับอะไรดี ก็พชรพลตามใจลูกเธอไปเสียทุกอย่าง จะไม่ให้หนูน้อยติดหนึบได้อย่างไรกัน

     

             "สวัสดีครับไอ ทำอะไรอยู่เอ่ย?" ส่งคำถามพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้

     

             "กำลังกำหราบเจ้าตัวแสบอยู่ค่ะพี่พล" ยิ้มและหันหน้าจอไปทางเด็กชายที่พยายามแย่งโทรศัพท์จากมือของเธอ

     

             "ไงเจ้าเด็กแสบ เล่นซนอะไรอีกแล้วฮึเรา" พชรพลยิ้มกว้างเมื่อเห็นหน้าเจ้าตัวเล็กแสนซนของเขา อยู่ในชุดน่ารักที่เขาเคยซื้อไปให้ คิดแล้วเชียวว่าใส่แล้วจะต้องน่ารักแบบนี้ อดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้

     

             "ป้อปน คิดตึ๋ง" หนูน้อยแสนรู้ส่งยิ้มตาหยีส่งให้พชรพลอย่างดีใจ ตีมือเปาะแปะอย่างชอบใจที่เห็นหน้าพชรพล

     

             "คิดถึงลูกหนึ่งเหมือนกันครับ" พชรพลหัวเราะเสียงดังกับคำพูดอ้อแอ้ของหนูน้อย ดีใจที่เด็กชายเป็นหนึ่งมีพัฒนาการดีสมวัย แถมบางครั้งยังฉลาดเฉลียวเกินเด็กทั่วไปอีกด้วย

     

             "คิดตึ๋ง คิดตึ๋ง" หัวเราะคิกคักตามพชรพล

     

             "ครับๆ คิดถึงๆ ฮ่าๆๆ...เอ้อไอ! ตอนนี้พี่อยู่สิงคโปร์อยากได้อะไรมั้ย เอาอะไรให้เจ้าตัวแสบดี" ทักทายคนลูกเสร็จก็กลับมาพูดกับคนเป็นแม่ต่อ

     

             "ไม่ต้องหรกค่ะพี่พล ของบางชิ้นยังไม่ได้ใช้เลย ไม่ต้องหอบกลับมาแล้วล่ะค่ะ" ยกโทรศัพท์ขึ้นตรงหน้า บอกเสียงหน่ายทำหน้าเหนื่อยใจจนพชรพลอดขำไม่ได้ สงสัยจะเยอะจริงๆ

     

             "โอเคๆ งั้นไว้คราวหน้าแล้วกัน ห้ามปฏิเสธอีกล่ะ" เอ่ยเสียงเข้มแต่ใบหน้ากลับเปื้อนยิ้มเสียอย่างนั้น

     

             "ตามใจเถอะค่ะ ถึงไอห้ามพี่พลก็ไม่ฟังหรอก" พูดเสียงกระเหง้ากระงอดจนพชรพลกลั้นขำไม่ไหว หัวเราะออกมา เล่นเอาคนถูกหัวเราะส่งค้อนวงใหญ่ไปให้

     

             "ป้อปน ป้อปน" หนูน้อยพยายามเอื้อมมือขึ้นคว้าโทรศัพท์ อยากคุยด้วยอีกคน ไอลดาจึงลดโทรศัพท์ลงให้เห็นทั้งเธอและลูก

     

            "ครับป้อปนอยู่นี่ครับ" เลียนเสียงหนูน้อยอย่างน่ารัก ไอลดาอมยิ้มกับการกระทำที่เธอไม่คิดว่าคนอย่างพชรพลจะทำ

     

             "เย่นกัน เย่นกัน" โบกมือเรียกให้มาเล่นกับตนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ

     

             "เอาไว้กลับไปก่อนจะเล่นด้วยนะครับ ตอนนี้พ่อต้องเข้าประชุมแล้ว ส่งจูบให้พ่อหน่อยเร็วคนเก่ง" ไม่เพียงขอ แต่ยังหันแก้มหาโทรศัพท์ให้เจ้าตัวเล็กจูบอีกด้วย

     

             "จ๊วบๆ" หนูน้อยทำปากจู๋ก่อนจะแนบริมฝีปากกับหน้าจอโทรศัพท์ จนน้ำลายเลอะหน้าจอ เป็นการส่งจูบอย่างถึงใจคนรับเสียจนต้องยิ้มกว้างเห็นฟัน

     

             "ไปประชุมได้แล้วค่ะพี่พล ขอให้ทำงานอย่างราบรื่นนะคะ" ไอลดาเช็ดหน้าจอ ก่อนจะเอ่ยอวยพรพชรพล

     

             "ขอบคุณครับ" ได้ยินเพียงเท่านี้หัวใจก็พองโตคับอกแล้ว

     

             "บอกลาพ่อพลเร็วครับลูก" ยื่นโทรศัพท์ไปตรงหน้าลูก

     

             "บ๊ะบาย" โบกมือหย็อยๆ และยิ้มตาหยีให้ พชรพลโบกมือกลับและวางสายไป




     

             วางสายจากพชรพลเสร็จสองแม่ลูกก็หยอกล้อกันเล่นบนม้านั่ง ซักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก คราวนี้เป็นเรื่องงาน ไอลดาจึงต้องฝากลูกไว้กับน้าของเธอ และออกไปจัดการธุระข้างนอก

     

             ตอนนี้เธอทำงานเป็นจิตรกร วาดรูปขายโดยมีแกลลอรี่แห่งหนึ่งเป็นผู้ขายงานให้ บางคนอาจสงสัยว่าเหตุใดเธอจึงมาวาดรูปได้ในเมื่อเธอเรียนบัญชีมา เธอตัดสินใจเรียนบัญชีเพราะคิดว่าเมื่อเรียนจบจะสามารถหางานได้ง่ายทั้งที่ตัวเองมีความสามารถทางศิลปะ เด็กต่างจังหวัดที่ไม่ได้มีฐานะอย่างเธอไม่อาจเสี่ยงเรียนตามสิ่งที่ตนชอบได้ สายงานเกี่ยวกับศิลปะหากไม่มีฝีมือเป็นที่ยอมรับจริงๆ ก็ยากที่จะหารายได้มาเลี้ยงตนเองและครอบครัว แต่ในเมื่อเธอเรียนไม่จบ ผู้หญิงลูกหนึ่งที่ไม่มีใบปริญญา ใครกันจะรับเธอเข้าทำงาน เธอตัดสินใจเลิกเรียนเพื่อเลี้ยงลูก เธอหางานที่จะสามารถทำได้ไปพร้อมกับมีเวลาให้ลูกของเธอด้วย และงานนั้นก็คือการวาดรูป และโชคดีที่มีคนยอมรับในฝีมือของเธอ ทำให้เธอได้ทำงานที่เธอรักและยังสามารถเลี้ยงลูกไปพร้อมกัน ถือเป็นเรื่องดีอีกเรื่องที่เกิดขึ้นพร้อมลูกของเธอ สองสิ่งที่เธอจะทุ่มเทให้ 'ลูกที่เป็นดั่งดวงใจ และงานที่เปรียบเสมือนลมหายใจ'





    15/07/15
              อะไรจะมีความสุขขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆๆ พี่พลได้ใจทั้งแม่และลูก เฮียวินเอาไงดีล่ะทีนี้ ยังไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลยอิเฮีย ฮ่าๆๆ (ทำไมไรต์สะใจอ่ะ) แกต้องเร่งเครื่องแล้วนะอิเฮีย จะเป็นมั้ยพระเอกนะ อิไรต์มันติ่งพี่พล เดี๋ยวปลดแกออกจากบทพระเอกนะอิเฮียยยยย (โปรดอย่าขึ้นเสียงสูง) เป็นหนึ่งเม้มปากใส่พ่อแล้วนะ ชิชะ ^-^
     
     

    "ป๋ม น่าย๊ากม่ะกั้บ" 😊

    13/07/15
              เป็นหนึ่งน่ารักมั้ยครับ >3< แม่ไออุ่น พ่อพล ลูกเป็นหนึ่ง แลดูครอบครัวสุขสันต์เนอะ เอ๊ะ! หรือเปล่า? ยังไง? ไรต์ไม่รู้ไม่ชี้ โฮะๆๆๆ (เบ้ปากใส่อิเฮียวิน) ^-^






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×