ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Suddenly love ; รักกะทันหัน...แบบว่าผมยังไม่รู้ตัว (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #6 : Sudden 6 : เริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 52


    6.เริ่มต้น

     

    บรรยากาศใต้หอพักนักเรียนของโรงเรียนตอนเย็นๆ ผมว่ามันค่อนข้างคึกคัก เพราะไม่ว่าจะเป็นนักเรียนสายชั้นไหนก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย หรือแม้แต่ทายาทของแก๊ง Wonder girl  ต่างก็พากันทำกิจกรรมตามความถนัดและความชื่นชอบหลังเวลาเลิกเรียน เพราะมันเป็นเวลาที่ทุกคนได้ปลดปล่อยความเครียดหลังจากเก็บเกี่ยวความรู้มาทั้งวัน


    ...ฉันก็แค่คนหนึ่ง ที่ไม่ได้มีใคร ไม่ว่าหันมองไปรอบๆกาย ใจก็ยังเหงา ....

     

    ไอกัสมันโทรมาครับ กว่าจะโทรมานะไอเพื่อนรัก

     

    (มึงอยู่ไหนวะ)

     

    “ห้องพยาบาล” เอาละครับถึงเวลาที่ไอกัสจะโดนผมแกล้งแล้ว

     

    (เฮ้ย เป็นไรมากป่าววะ กูบอกให้มึงใจเย็น แล้วไอวินมันอยู่ไหน..) ไอกัสดูมันจะเอาจริง โคตรรักมันเลยครับ แต่ขอแกล้งซะหน่อยเหอะเพื่อน รักหรอกจึงหยอกเล่น 55+

     

    “กูไม่รู้ตื่นมาก็อยู่ห้องพยาบาลแล้ววะ ” ผมยังคงกินสตอเบอรี่(ใช้ศัพท์แปลกๆ)ต่อไป

     

    (เออๆ เดี๋ยวกูกับไอเดไปหา) มันท่าทางจะร้อนใจ ผมเริ่มรู้สึกผิดแล้วครับ

     

    “ไม่ต้องหรอกวะ กูไม่ได้อยู่ห้องพยาบาล เพราะกูไม่เป็นไร 55+”

     

    (ไอสาดดดดดดดด....) สุดยอดครับ เสียงไอกัสก้องกังวาล

     

    “หูกูจะแตกแล้วแม่งตะโกนมาได้” ผมด่ามันกลับไป

     

    (กูอุตส่าห์เป็นห่วง แล้วตกลงเป็นยังไง)

     

    “ไม่มีไรหรอกวะ ไอวินมันไม่รู้เรื่อง มันมาคุยกับกูเรื่องอื่น”

     

    (เรื่องไรวะ)

     

    “ช่างมันเหอะหน่า เอาเป็นว่ากูขอบใจมึงที่ โคตรเป็นห่วงกู” ผมแซวมันเล็กน้อย

     

    (ดี กูได้กลับ ไว้เจอกันเมื่อไรมึงตายคาส้นกูกับไอเดแน่) มันคาดโทษผมไว้ก่อนที่จะวางสายไป เอาเป็นว่าค่อยหาอะไรชดใช้ให้ท่านทั้งสองวันหลังแล้วกันนะขอรับกระผม

               

                หลังจากที่ผมต้องเผชิญหน้ากับวินเมื่อตอนเย็น ตอนนั้นผมก็นึกหวั่นๆว่าจะพูดยังไงดี ถ้าเกิดวินถามเรื่องที่ผมไปบอกชอบเอิง แต่ผิดคาด วินมาบอกว่าตอนเย็นจะไปส่งผมกลับบ้านแทนไอสน ผมก็งงๆ ว่าทำไมไอสนไม่มาส่งผมเอง วินเลยบอกว่าจะขอช่วยผมเรื่องไปถ่ายรูปงานโคมไฟที่แถวๆบ้านด้วย ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่ไป แต่พอนึกอะไรบางอย่างออกเลยตอบตกลง ซึ่งโอกาสอย่างนี้มันมักจะไม่มีมาบ่อยๆหรอกครับ

               
    ผมนั่งรอวินขึ้นไปเอากล้องบนหอพัก แต่เห็นขึ้นไปนานเลยถือโอกาสหาอะไรมารองท้องก่อนทดแทนพลังงานในร่างกายถูกสังเวยแก่ลูกบอลตั้งแต่เมื่อบ่าย

     

    “ไอธัน” เสียงคุ้นๆ ดังมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปดูเห็น ป่าน กำลังส่งยิ้มมาให้ผม

     

    “อ่าว ไงป่าน แกมาทำไรอะไรแถวนี้” อันที่จริงผมรู้ดีอยู่แล้วครับ ก็ ป่านมันเป็นเด็กหอ

     

    “อ่อ พอดีว่ามาหาที่ซุกหัวนอนนะสิ ไอควาย...” นี่ถ้าไม่ติดว่าไอคนที่พูดเป็นผู้หญิงผมเตะมันขึ้นไปถึงชั้น 11 แล้ว

     

    “ ... อย่าบอกนะว่ามาหาสาว” มันนั่งลงข้างผมแล้วขโมยแซนวิชผมไปกินต่อหน้าตาเฉย

     

    “ถ้ามีสาวให้มาหาก็ดีอะดิ...แล้วนั่นคืนเอามาเลย” ผมแย่งแซนวิชที่ถูกขโมยไปคืนมา

     

    “ อะ! หรือว่ามาหาหนุ่มๆ  โธ่ชอบแบบนี้แล้วก็ไม่บอก” ป่านยิ้มเจ้าเล่ห์

     

    “อะ รู้ทันซะด้วย 555+”

     

                ผมกับป่านเพิ่งรู้จักกันเมื่อตอนเปิดเทอม ตอนม.ต้นผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ป่าน มันอยู่โรงเรียนเดียวกับผมด้วย เพิ่งจะรู้ก็เมื่อตอนที่เริ่มสนิทกันแล้วละครับ ป่านอยู่ชมรมเดียวกับผม ซึ่งหลายคนคงยังไม่รู้ว่าหน้าตาดีๆอย่างผมอยู่ในชมรม Photo club และด้วยเหตุผลนี้เองที่คุณหญิงมดถึงไว้วางใจให้ผมมาถ่ายรูปไอคนที่ผมกำลังรออยู่ตอนนี้ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าจะเสร็จสักที แต่ไม่เป็นไรครับเพื่อความอยู่รอดวันกีฬาเครือข่ายผมสู้ตาย สู้ๆ มาต่อเรื่องป่านกันครับ ป่านเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ค่อนข้างที่จะสนิทกับผมมากเพราะในชมรมป่านและผมเป็นเด็กม.4 เพียงสองคนที่มาอาศัยชมรมนี้อยู่ ทำให้เราสองคนรู้จักกันจนถึงขั้นที่ว่าสามารถลูบหัวได้อย่างสบายๆ ป่านไม่ใช่ผู้หญิงที่ไม่สวยนะครับ ผมยอมรับว่ามันสวย สวยมากด้วย แต่นิสัยมัน โอ้พระเจ้าครับ มัน...สุดยอด มันเป็นอะไรที่ผมคิดว่า ผู้หญิงเค้าไม่เป็นกัน และมันก็ยังเป็นอะไรที่ผู้หญิงเค้าเป็นกัน งงละสิครับ เอาเป็นว่า มันเล่นบอลเป็นเพื่อนผมได้ และมันก็จัดดอกไม้ให้สวยได้เหมือนกัน ผมว่าตรงนี้ละครับที่ทำให้ป่านดูมีเสน่ห์จนรุ่นพี่ส่วนใหญ่มักจะเทคะแนนให้มันไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะสนใจใครสักคน ส่วนสำหรับผมเหรอครับ ไอป่านคือ น้องสาวที่แสบมากทีเดียว และผมก็คิดว่า ผมก็เป็นพี่ชายที่กวนส้นมันมากเช่นกัน ผมนั่งคุยกับป่านสักพักก่อนที่ป่านจะขอตัวขึ้นห้อง ทำให้ผมต้องนั่งอยู่คนเดียวเหมือนเดิม แต่ก็ไม่นานนักครับ คนที่ผมนั่งรอก็ลงมา

     

     

    “ ขอโทษทีธัน หาเสื้ออยู่เลยลงมาช้าหน่อย...” วินส่งยิ้มแสดงความสำนึกผิดมาที่ผม ดีนะครับที่ยังรู้จักขอโทษเป็น แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเสียเวลาอะไรมากมายกับการที่จะหาเสื้อมาใส่สักตัว เป็นผมคงคว้ามาใส่เลยไม่ต้องมัวมาหาอยู่ และก็เพราะถ้าเป็นผมคงไม่ดูดีอย่างกับมันขนาดนี้ครับ ผมไม่รู้นะครับว่าวินทำบุญทำกุศลมากี่ชาติ ไม่ว่าจะเห็นในชุดไหนๆก็ดูดีไปหมด ขนาดตอนนี้มันใส่แค่เสื้อยืดมีปกสีฟ้ากับกางเกงขาสามส่วนสีขาว ยังทำให้สาวๆที่อยู่แถวนั้นหันมามองกันเป็นแถว

     

     

    “...ธันเอาเสื้อผมไปเปลี่ยนก่อนก็ได้” วินยืนถุงมาให้ผม  แล้วจะให้เปลี่ยนอะไรละครับ ผมทำหน้าสงสัย

     

    “เปลี่ยนชุดไง ชุดนักเรียนใส่ไปเที่ยวข้างนอกตอนกลางคืนมันดูไม่ดี...” เอาไปเลยครับผมรางวัลเด็กดีแห่งปี นายวิน

     

    “..ผมพยายามหาแล้วแต่ไม่รู้ว่าธันจะใส่ได้ไหม แต่ size เสื้อคงไม่ต่างกันเท่าไร” ตลกที่ลงมาช้า เพราะเลือกเสื้อให้ผมอะดิ รู้สึกผิดเลยครับ

     

    “อันที่จริงไม่ต้องก็ได้ ขอบใจนายมาก” ผมปฏิเสธไป

     

     

    “ เอาไปหน่าครับ ถือว่าเปลี่ยนเสื้อด้วย”

     

    “อืมๆเอาตามนั้น....แต่ทีหลังไม่ต้องพูดผมพูดครับก็ได้ มันดูดีไป 55+” ผมรู้สึกพิลึกชอบกลที่มีเพื่อนรุ่นเดียวกันพูดสุภาพด้วย ปกติถ้ากลุ่มผมพูดสุภาพก็ต่อหน้าผู้ใหญ่(บางคน)เท่านั้นละครับ (อ่อ กับคนน่ารักๆที่กำลังอ่านด้วยครับผม)

     

    “ก็ได้ ครับ .......555+” สงสัยคงต้องปล่อยไปแล้วละครับ 555+

     

     

     

                ผมกับวินมาถึงงานประมาณหกโมงเย็ย ท้องฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ แสงไฟที่ส่องมาจากงานทำให้งานดูโดดเด่นสะดุดตา ผมหยิบกล้องอาวุธประจำตัวที่พกไว้ตลอดขึ้นมาเช็คสภาพ ปรับเลนส์ ในระหว่างที่รอวินเอากุญแจล็อครถมอเตอร์ไซต์

     

    “...ช่างภาพมาเองรึเปล่าครับเนี๊ย” วินเดินมาที่ผมนั่งเช็คกล้องอยู่

     

    “ อ่อ ใช่ครับ...คุณรู้รึเปล่าว่าภาพถ่ายมันคือ ศิลปะ! …ที่ถูกสรรค์สร้างด้วยความวิจิตรงดงามของธรรมชาติ! ” ผมยกกล้องทำท่าเป็นถ่ายรูปไปมา

     

    “555+ ....เล่นงี้เลย” วินหัวเราะ ทำเอาผมรู้สึกแปลกๆ เพราะรอยยิ้มที่ถูกวาดอยู่บนใบหน้าของวินทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่เข้าใจหรอกครับว่าเหตุผลอะไร แต่ยิ่งมองมากเท่าไร ผมก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านนั้น

     

    “ไงครับ ศิลปินเอก เป็นไรไปแล้ว” วินเรียกผมให้หลุดออกจากความคิด

     

    “ฮือ...อ่อ นี่คุณไม่เข้าใจหรือครับว่ามันเป็นศิลปะ!” ผมยังคงทำหน้าตาย ไถไปเรื่อย

     

    “ยอมครับๆ” วินยกมือชูขึ้นเป็นการยอมแพ้ ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

     

    “555+” ผมหัวเราะหน้าวิน ตอนนี้ดูเหมือนกับลูกหมาเลยครับ

     

    “เออ...จะเล่นอีกนานปะครับ” วินถาม

     

    “ ทำหน้ายังกับหมา 55+ พอเหอะวะ ทุเรศ 55+” ผมหัวเราะไม่หยุด ถ้าวันนี้ผมไม่ได้มากับวิน คงไม่รู้นะครับว่าหน้าตาหล่อๆอย่างวินจะบ้าเป็นกับคนอื่นด้วย เออ...ใช่สิครับ เก็บรูปนี้ไปให้คุณนายมดดีกว่าครับ ผมหยิบกล้องขึ้นมาเตรียมจะถ่าย

     

    “เฮ้ย อย่าถ่าย!” วินตั้งท่าจะเข้ามาแย่งกล้องไปจากผม ผมไวกว่าเบี่ยงกล้องออกไป

     

    “กลัวไม่หล่อรึไง โธ่เอ๊ย..ไอขี้เก๊ก”

     

    “ก็ใช่ครับถ่ายไปแล้วไม่หล่อผมจะทำไง ถ้าจะถ่ายก็บอกก่อนดิครับ จะได้ตั้งท่า” ช่วยบอกผมหน่อยเถอะครับว่าผมฟังไม่ผิดไป ผีตัวไหนกำลังสิงวินอยู่รึป่าวครับเนี๊ย

     

    “พูดจริงดิ...” ผมถามย้ำ

     

    “จริงครับ ก็เข้าใจอะครับผม คนมันหล่อ” วินยกนิ้วขึ้นมาเก๊กหล่อ แถมยักคิ้วให้ผมอีก

     

    “งั้นก็จบเหอะ เปลืองเมมกล้อง” ผมหมดอารมณ์เลยครับมามุกนี้

     

    “อ่าว...ซื้อกล้องแพงๆ แล้วก็ต้องถ่ายดิครับ นายแบบหล่อขนาดนี้ไม่มีที่ไหนให้ถ่ายฟรีๆแล้วนะคร๊าบบ” ผมว่าไอคนตรงหน้านี่คงไม่ใช่วินแล้วมั้งครับ

     

    “สงสัยคงไม่มีเข็มทิศ ถึงหลงตัวเองซะขนาดนี้” ผมทำเป็นพูดลอยๆ

     

    “พูดไปเถอะครับ อยู่ด้วยกันบ่อยๆระวังจะต้องใช้นะครับ” คำพูดมันแปลกๆนะครับ ผมมองหน้าคนพูดแต่วินกลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ เอาเป็นว่าช่างมันก่อนเถอะครับ

     

    “เข้าไปข้างในกัน” วินเดินเข้ามาโอบคอผมที่ยังยืนงงๆอยู่ให้เดินเข้าไปในงานด้วยกัน

     

               

                ภายในงานมีการจัดแสดงโคมไฟนานาชาติไว้ตลอดทางเดินสองข้างทาง บรรยากาศเหมือนกำลังเดินเล่นในสวน คนที่มาเดินเที่ยวชมในงานก็ดูเยอะพอสมควร ผมกับวินเดินถ่ายรูปกันไปเรื่อยๆ ส่วนตัวผมแล้วชอบถ่ายรูปผู้คนมากกว่าถ่ายโคมไฟอย่างเดียว มันดูให้ความรู้สึกของแต่ละมุมมองแตกต่างกันออกไป

     

    “ เออ...ขอโทษนะคะ ช่วยถ่ายรูปหน่อยได้มั๊ยคะ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับผม ผมพยักหน้าแล้วยื่นมืออออกไปรับกล้อง

     

    “ไม่ใช่ค่ะ คือหมายถึงขอถ่ายรูปกับพี่หน่อยได้มั๊ยคะ” ผมนี่อึ้งเลยครับโดยเด็กมาขอถ่ายรูปอย่างนี้ ว่าแล้วน้องคนนั้นก็เดินเอากล้องไปยื่นให้เพื่อนอีกคน แล้วเดินเข้มายืนกับผม

     

    “พร้อมนะคะ....1 2 3” คนถ่ายให้สัญญาณ ในขณะที่ถ่ายรูปผมบังเอิญเห็นวินยืนอยู่ข้างหลังน้องคนที่ถ่ายกำลังยิ้มตลกผมอยู่ ผมเลยยักคิ้วกลับไปเอาเป็นว่าผมก็หล่อเมือนกัน

     

    “เพื่อนพี่เหรอคะ” น้องที่อยู่ข้างๆถามผม สงสัยจะเห็นวิน

     

    “อ่อ ใช่ครับ” ผมตอบกลับ

     

    “เออ.... งั้น พี่คะหนูขอถ่ายรูปด้วยหน่อยนะคะ” น้องคนข้างๆผมตะโกนหาวิน เด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเลยนะครับ

     

    “ได้ครับ” วินเดินเข้ามายืนข้างผม

     

    “อ่าว แล้วน้องไม่ถ่ายด้วยเหรอครับ” ผมถามขึ้นเมื่อน้องคนนั้นเดินออกไป

     

    “อ่อ ไม่คะ รูปพี่สองคนดีกว่าคะ”

     

    “ถ้าอย่างนั้นพี่ฝากถ่ายด้วยละกันนะครับ” วินยื่นกล้องให้กับเด็กคนนั้น

     

    “เก็บไว้เป็นที่ระลึก” วินหันมายิ้มก่อนที่จะก่อนคอผม แล้วหันไปยิ้มกับกล้อง

     

    “ 1 2 3...”

     

     

                หลังแยกจากสองสาวมาได้แล้วผมก็ชวนวินหาอะไรมาทาน เราเลือกของกินกันอยู่นานสุดท้ายก็จบลงด้วย ลูกชิ้นปิ้ง ของกินที่หากินได้ยากที่สุดบนโลกใบนี้

     

    “ เฮ้ย ช้าๆก็ได้ ทำเหมือนไม่ได้กินมาตั้งนาน” ผมกลัวว่าต้องหามวินส่งโรงพยาบาลเพราะลุกชิ้นติดคอสิครับ

     

    “ ก็ใช่ครับ ไม่ได้กินมาตั้งนาน ไปอยู่ที่อเมริกาไม่ได้กินอะไรแบบนี้เลย” วินพูดทั้งที่ในปากยังเต็มด้วยลุกชิ้น ภาพพระเอกสุดหล่อของสาวๆหมดเลยครับ

     

    “อ่าว นายไปตั้งแต่เมื่อไร” ผมถามด้วยความสงสัย

     

    “ก็เพิ่งกลับมานี่ละครับ กลับมาก็มาเรียนต่อที่นี่เลย” สรุปแล้ววินเป็นนักเรียนโครงการแลกเปลี่ยนไปอยู่ที่อเมริกามา 1 ปีก่อนจะกลับมาเรียนต่อที่โรงเรียนเดียวกับผม ถ้านับเอาจริงๆแล้ววินก็เป็นรุ่นพี่ผม

     

    “ ไม่ต้องเรียกว่าพี่หรอกครับ อายุก็เท่าๆกัน”

     

    “อืม...” ผมมองดูวินกินลูกชิ้น นึกแล้วก็ตลกครับ ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยชอบหน้าวินเท่าไร แต่ไหงไปๆมาๆแค่วันสองวันผมก็เริ่มรู้สึกดีกับวินขึ้นมามากขึ้นเยอะเลยละครับ เอาเป็นว่าต้องขอบคุณคุณนายมดที่มอบภารกิจให้ทำ ใช่แล้วครับ...เกือบลืมไปเลย ผมยังไม่ได้ถ่ายรูปวินเลยนี่ครับ ว่าแล้วผมก็จัดการหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป

     

    “ แช๊ะ!” ผมกดชัตเตอร์โดยไม่รอให้อีกคนตั้งตัว และยังคงไม่รู้เรื่องต่อไป ผมทำเป็นถือกล้องส่องปอย่างอื่นไปเรื่อยๆ หรือใครบางคนอาจเรียกว่าทำเป็นเนียนนะครับ ในขณะที่ผมยื่นกล้องออกไปเพื่อเล็งภาพก็มีคนวิ่งมาดึงกล้องออกจากมือผมแล้ววิ่งหนีไป

     

    “เฮ้ย เอาคืนมานะโว้ย!” ผมตะโกนแล้ววิ่งไล่หลังไป วินลุกขึ้นวิ่งตามผมมา

     

    “วินนายวิ่งตามหมอนั่นไปเดี๋ยว เราไปดักอีกทาง” ผมเลี่ยงออกไปอีกทาง อย่าคิดว่าจะหนีรอด ไม่รุ้วะแล้วว่าแถวนี้ใครใหญ่ ผมวิ่งลัดออกไปอีกทาง ในที่สุดผมวิ่งมาดักข้างหน้าไว้ทัน ดจรหยุดกะทันหันก่อนจะวิ่งไปอีกทางแต่โชคร้ายที่วินดักไว้ก่อน

     

    “ส่งกล้องคืนมา” ผมพูดกับโจรในมือถือขอนไม้ขู่ไว้

     

    “ไม่โวย! ถ้ามึงคิดว่าไอขอนไม้นั่นจะสู่กับมีดกุได้ก็ลองดู...” มันหยิบมีดขึ้นมาขู่ผม

     

    “...หลีกทางไป ถ้ามึงไม่อยากเจ็บตัว”

     

    “ก็คืนกล้องกูมาก่อนดิวะ” ผมยังไม่ยอมหลีก

     

    “กูบอกให้หลีกไปอย่ามาหาว่ากูไม่เตือน” มันเอามีดชี้มาทางหน้าผม

     

    “พี่วางกล้อง แล้วพวกผมจะปล่อยพี่ไปไม่แจ้งตำรวจ” วินช่วยหว่านล้อม

     

    “เชื่อมึงก็โง่ดิว่ะ..” โจรหันไปทางวิน ผมวิ่งเข้าไปทางข้างหลังกำลังจะใช้ไม้ฟาดลงไป แต่โจรหันกลับมาเสียก่อน

     

    “หลบไป!” มันเอามีดขู่ ผมยกมือยอมแพ้ แล้วส่งสัญญาณให้วินเข้ามาล๊อคแขนโจรไว้

     

    “เฮ้ย ปล่อย!” โจรใช้ศอกกระทุ้งไปที่ท้องวินทำวินเสียหลักปล่อยโจรออกมา

     

    “ ผลัก!” ผมฟาดไม้ลงไปแขนโจร แต่ผมพลาดไม้หลุดออกจากมือ โจรใช้ท้าถีบผมลงไปนอนกับพื้น

     

    “กูเตือนมึงแล้ว..” โจรมันใช้มีดชี้มาตรงหน้าผม

     

    “...รนหาที่ตายนะมึง” มันเดินเอามีดเข้ามาใกล้ผม ผมถอดห่างออกไปเรื่อยๆ สายตาผมมองรอดขาของโจรไปเห็นวินกำลังหยิบขอนไม้ที่ผมทำหล่นไปขึ้นมาแล้วส่งสัญญาณผม ผมพยักด้าน วินยกไม้ขึ้นฟาดลงบนตัวโจร

     

    “เปล้ง!

     

    “โป้ก!” หัวโจรกระแทกลงมาบนหัวผม ทำให้หัวของกระแทกกับพื้นอย่างจัง

     

    “จึ้ก!” เหมือนมีอะไรแหลมเสียบเข้ามาข้างในท้อง ในขณะเดียวกันกับที่โจรล้มทับลงบนลำตัว ตาผมเริ่มเลือนลางมองอะไรไม่ค่อยชัด

     

     

    “ เฮ้ย ธัน!” เสียงวินตะโกนลั่น ก่อนที่วิ่งเข้ามาผลักร่างไร้สติของโจรออก

     

     

    “ธันผมขอโทษ ธัน ธันน....” ผมได้ยินเพียงแค่นี้แล้วทุกอย่างก็มืดลงไป

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×