คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Sunden 5 : ถูกรึเปล่า
ในที่สุดคาบ 5 ของการเรียนวันนี้ก็หมดไปโดยที่ผมไม่ได้ฟังอะไรที่เรียนไปสักนิดเลยครับ (พ่อครับ แม่ครับ ผมขอโทษที่ไม่ตั้งใจเรียน) หลังจากหมดคาบผมก็ถูกทิ้งเลยครับ ด้วยเหตุผลของเพื่อนผม สี่ ประการคือ
หนึ่ง...
“กูไปดูรุ้งซ้อมบัลเล่ต์วะ” ไอกัสหายไปแล้วครับหนึ่ง
สอง...
“จิ๊บงอนกูอยู่” แล้วมึงต้องไปง้อเลยเหรอวะ - -“
สาม...
“กูต้องซ้อมดนตรี โชคดีวะเพื่อน” ไอบอสอีกคน
และ สี่
“ กูไม่อยากขัดจังหวะมึง” ไอสนทิ้งผมไปอีกคนครับ แต่เหตุผลมันเข้าท่ามากเลยครับ (ประชด)
ในที่สุดผมก็ต้องพาตัวเองขึ้นมาถึงหน้าห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ ซึ่งเมื่อผมมองเข้าไปข้างในแล้วก็เห็นเอิงกำลังนั่งคอยอยู่ เป็นไปตามที่ผมคาดไว้ ยังไงนะเหรอครับก็คือ ผมตั้งใจจะมาช้ากะว่ามาถึงก็จะได้เริ่มงานเลยไม่ต้องมานั่งทำใจตุ้มๆต่อมๆ รออีกคนอยู่ แต่มันผิดแผนไปนิดนึงครับคือ ผมดันเกิดไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป แต่เมื่อมาถึงตรงนี้แล้วก็ต้อง ลุยเลยครับพี่น้อง
“ขอโทษนะ พอดี...คือ...” พอดีว่าอะไรดีละครับ?
“คือ...อ่อ แวะไปเข้าห้องน้ำมา” ผมเอามือเกาหัวอย่างเขินๆ
เราสองคน (เป็นคำพูดที่ผมอยากใช้มากเลยครับ) นั่งทำการทดลองกันในห้องสองต่อสอง แต่ดูเหมือนว่าเอิงจะไม่ได้กังวลอะไรในเรื่องนี้ ส่วนผมนะเหรอครับนอกจากอาการที่ค่อนข้างเกร็ง ไอก้อนเนื้อที่อยู่ตรงอกข้างซ้ายเนี๊ยมันเหมือนจะหลุดออกมาเต้นตุบๆอยู่ตรงหน้าแล้วครับ
“ ธัน ตรงนี้เราจะอภิปรายผลว่ายังไงอะ เอิงไม่ค่อยเข้าใจ” เอิงยื่นกระดาษมาตรงหน้าผม แล้วขยับตัวมาชิดผมอีก ขอร้องเถอะครับเอิงอย่าทำให้คิดไปมากกว่านี้เลย
“เออ...” ผมเขยิบตัวออกมาเล็กน้อย
“...ก็โยงเข้าสมการที่อาจารย์ให้มา เอิงดูตรงกราฟนี้นะ...” ผมเอื้อมไปหยิบกราฟที่วางอยู่ตรงด้านหน้า
“ พอเราเขียนกราฟได้แล้วก็เอามาเขียนเป็นกราฟเส้นตรง แล้วก็หาความชันของกราฟเส้นตรง อย่างนี้...” แล้วผมก็เริ่มทดเลขลงไป ขีดๆเขียนตามประสา แล้วในที่สุดก็ได้คำตอบ
“แล้วเราก็เอาไปเขียนสมการ แล้วก็จัดรูปนิดหน่อย...” ผมบรรเลงต่อ
“..ก็จะได้สมการที่คล้ายๆกับของที่อาจารย์ให้มา นี่ไง” ผมยกกระดาษที่เขียนไว้ให้เอิงดู เพียงแค่ผมหันหน้าไปเล็กน้อยจมูกผมก็ดันไปชนกับแก้มของเอิง
“ ขอโทษ..” ผมผละหน้าออกมาแล้วรีบถอยไปนั่งเก้าอี้ที่ห่างออกไป
“ ไม่เป็นไร..” ไม่เป็นไรได้ไงละเอิง ผมชักจะเก็บอาการไม่อยู่แล้ว
“แล้วไงต่อละธัน...เอิงยังไม่เข้าใจอยู่ดี” เอิงหยิบกระดาษขึ้นมา ทำเหมือนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้น
“ ก็..คือ..เริ่มตรงนี้แล้วกัน ดูนี่นะเอิง...” ผมเริ่มพูดต่อไปเรื่อยๆ พยายามไม่คิดถึงมันอีก ตอนแรกผมรู้สึกแปลกๆจนบางครั้งต้องแกล้งทำเป็นดินสอตก เพื่อหลบหน้าหรือควบคุมอารมณ์ ความรู้สึกที่มันเกิดขึ้น ความรู้สึกที่ว่า ทำไมผมถึงปล่อยโอกาสที่อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปโดยไม่มีอะไรคืบหน้าเลย
“ ธัญ...ธัญ...เป็นอะไรรึเปล่า” เอิงเอามือมาเช็กสายตาของผมที่กำลังเหม่อ
“ฮือ...เปล่าๆ”
“วันนี้ธัญดูแปลกๆไปนะ” เอิงถามด้วยความสงสัย
“ก็ปกติดีนี่”
“ตอนแรกที่เอิงเห็นธัญอยู่กับเพื่อนๆ ธัญดูร่าเริงมากๆเลยนะ” เอิงวางปากกาที่กำลังเขียนสรุปผลหันมาคุยกับผม
“สงสัยอยู่กับเอิงสองต่อสองละมั้งเลยเขิน เหอๆ” ผมทำตลกกลบเกลื่อน หลังจากนั้นผมก็เริ่มกล้าคุยกับเอิงมากขึ้น ยิ่งผมคุยกับเอิงมากขึ้นเท่าไรผมยิ่งยากให้เวลาที่มีอยู่ยาวนานมากขึ้นเท่านั้น แต่ทำไมทุกครั้งเวลาถึงได้ผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน
“ธัญถึงคาบชุมนุมแล้ว เอิงขอตัวก่อนนะ” เอิงเก็บของเตรียมตัวจะเดินออกไป ผมมัวแต่ทำอะไรอยู่ แล้วเมื่อไรผมกับเอิงจะได้มานั่งอยู่ด้วยกันแบบนี้อีก
“เอิง...” ผมเรียกเอิงก่อนที่จะเดินผ่านประตูออกไป
ถ้าผมไม่พูดตอนนี้...
...แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้พูด
“ ฮือ ??” เอิงหันกลับมา
นี่มันถึงเวลาแล้วจึงรึเปล่า..
เวลาที่ผมรอมาตลอด 2 ปี
...มันคงไม่เร็วไปใช่มั๊ย
“เราชอบเอิง”
...หรือบางทีมันอาจช้าไปแล้วก็ได้ ถ้าเอิงมีคนๆนั้นยืนอยู่ข้างๆ
....10 นาทีต่อมา……
“สมน้ำหน้า แม่งใจร้อนไม่เข้าท่า” ไอกัสมันด่าผมหลังจากเล่าเรื่องที่ผมบอกเอิงให้มันฟัง
“แล้วกูจะรู้มั๊ยวะว่ากูจะมีโอกาสอีกเมื่อไร” ผมไม่ได้โต้ตอบมันครับแต่กลับเป็นว่ารู้สึกว่าตัวเองโง่และงี่เง่าเต็มที
“สองคนนี้มีอะไรกันวะได้ยินมาแต่ไกล” มันมาอีกคนแล้วครับ
“ก็ไอธัญดิวะ มันบอกชอบเอิงแล้วโว้ย” ไอกัสหันไปพูดกับไอสน แวไอสนมันก็รีบหันมาทางผมทันที
“จริงดิวะ กูนึกว่ามึงจะรอให้เอิงมีลูกก่อน...” ไอสนมันช่างกวนประสาทส้น....ผมเหลือเกิน
“...แล้วเป็นไงวะ” ไอสนมันถามผม แต่ดันมีคนตอบแทน
“กูว่ามึงรอซื้อน้ำแห้วให้มันดีกว่าวะ”
“ยังไงวะกูงง” ไอสนมันสะกดคำว่าฉลาดเป็นมั๊ยครับ
“มึงหยุดพูดเลย..” ผมหันไปดักคอไอกัส
“...เอิงไม่ตอบวะ อยู่ก็เดินออกไปเลย มึงว่าไงวะ” ผมถามความคิดไอสน
“สามอย่าง....” ไอสนมันยกนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว ทำท่าคล้ายลุกเสือที่ผมเพิ่งหนีมาจากม.ต้น
“หนึ่ง...” มันเอานิ้วนางลงไป
“เอิงคิดกับมึงแค่เพื่อน แต่มึงเสือกไปบอกชอบเลยตกใจ”
“สอง...” มันเอานิ้วชี้ลงไป
“ไอเวรหลอกด่ากูนี่” ผมทำมือเหมือนมันบ้าง
“มึงฟังให้จบดิวะ....สอง...”
“เอิงมีแฟนแล้ว และเค้าก็ไม่คิดที่จะทิ้งแฟนเพื่อมาคบกับไองี่เง่าอย่างมึง” ผมว่าข้อนี้มันคิดตรงกับผมเลย แต่ผมก็หวังว่าคงไม่ใช่
“สาม...” มันลดนิ้วกลางลงไป
“ถ้าโลกนี้ยังใจดีกับมึงอยู่....เอิงเขินมึงวะ” ไม่ทันที่ผมพวกผมจะได้พูดอะไรก็ต่อเสียงไอเดมันก็ดังมาจากสนามฟุตบอล
“ไอกัส ไอธัญ พี่ไฟท์เรียกซ้อมแล้ววะ ...เออ ไอสนกูสาบานได้ถ้ามึงไม่ไปซ้อมที่สนามบาสพี่ภัทรฆ่ามึงตายแน่” ได้ยินอย่างนั้นผมสามคนเลยแยกย้ายกันไป
ระหว่างที่ผมซ้อมบอลผมก็ยังกังวลกับไอสามข้อที่ไอสนมันตั้งสมมติฐานไว้ โดยเฉพาะข้อที่สอง ทำไมผมไม่คิดไว้ก่อน ทั้งๆที่ผมก็เห็นอยู่เมื่อวานว่าวินกับเอิงสนิทกันขนาดไหน ยิ่งคิดก็ยิ่งกังวลผมเริ่มติดอยู่กับความคิดจนลืมไปว่ากำลังซ้อมบอลอบยู่ในสนาม
“ธัญ! พี่บอกว่าให้น้องสกัดไว้ไงครับ ทำไมยืนเหม่ออยู่” พี่ไฟท์ตะโกนมาจากทางด้านสนาม ผมหันไปที่ประตูเห็นลูกบอลลอยเข้าไปอยู่ พร้อมกับไอกัสที่วิ่งออกมายิ้มจนตาตี่ๆมันกลายป็นรอยย่นไปแล้ว
“ขอโทษครับพี่” ผมหันไปโค้งขอโทษพี่ไฟท์ที่ข้างสนาม
“ถ้ามึงยังคิดมากเรื่องเอิงอยู่มึงก็ไปดักฉุดมาเลยดิ 55+” ไอกัสครับมันวิ่งมาแนะนำผม ขอบคุณคำแนะนำของมันจริงๆครับที่สั่งการให้เท้าผมเริ่มทำงาน ไล่กวดไปพวกปากเสีย
“ธัญกับกัส อย่าเล่นกัน นี่เราซ้อมบอลกันอยู่นะโว้ย” พี่ไฟท์ตะโกนมาจากข้างสนามอีกครั้งครับ ท่าทางจะหงุดหงิดจริงๆ
“ครับๆ” ผมกับไอกัสหันไปขอโทษ
“ฝากไว้ก่อนมึง” ผมหันไปคาดโทษก่อนจะหันไปคาดโทษกับคู่กรณี แต่ผมถือว่ามันเป็นเรื่องที่ดีครับที่ไอกัสมันมากวนผม (ซึ่งตอนหลังไอเดมันก็ร่วมด้วย) อย่างน้อยก็ทำให้ผมลืมเรื่องที่กังวลไปได้
อันที่จริงปกติผมก็เล่นบอลอยู่ทุกวันอยู่แล้วแต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่เตรียมพร้อมทีมเพื่อไปแข่งกับโรงเรียนอื่นในงานกีฬาในเครือฯ หรือ งานกีฬาเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนในเครือ***** ที่ถูกจัดขึ้นทุกๆปี ทำให้นักเรียนต่างก็มีความรับผิดชอบในส่วนต่างๆของงาน นอกจากทางด้านการแข่งกีฬาแล้วยังต้องเตรียมพร้อมในหลายๆด้านเพื่อวัดกันระหว่างโรงเรียนว่าศักยภาพของนักเรียนที่ไหนเยี่ยมกว่ากันเพราะงานนี้ถือได้ว่าเป็นงานที่จัดเตรียมขึ้นโดยเด็กเป็นผู้จัดการทุกอย่าง ทุกคนเลยค่อนข้างทุมเทกับงานนี้มาก ยกเว้นผมที่ไม่ต้องทุ่มอะไรมากเพราะการลงแข่งบอลก็เท่ากับผมทุ่มลงไปทั้งใจแล้วครับ ผมซ้อมบอลจนโรงเรียนเลิกแต่ไม่เห็นทีท่าว่าจะมีใครหยุดซ้อม เพราะทุกคนยังคงสนุกกับการเล่นกันอยู่ในเมื่อ บอลมันคือชีวิตจิตใจ
“ ไอธัญ มีคนมารอมึงอยู่ข้างสนามวะ” ไอเดเลี้ยงบอลขึ้นมาพูดกับผม
“ใครวะ” ผมหันไปดู ที่ข้างสนาม ถัดจากที่พี่ไฟท์ยืนอยู่ตรงนั้น วิน ยืนมองมาที่สนาม ไม่ไม่แน่ใจว่าวินมองไปที่ไหนในสนามแต่สายตาเหมือนมองมาที่ที่ข้างๆกับไอเดวิ่งอยู่ ซึ่งมันก็คือที่ผม
“กูว่ามึงมีเรื่องต้องเคลียร์วะ ข่าวมือที่สามคงลอยไปถึงตึก 5 โน่นแล้ววะ” ไอกัสซึ่งมันวิ่งมาแย่งลูกไปจากไอเดพูดกับผม
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน เย็นมากแล้ว” ซวยแล้วครับเสียงพี่ไฟท์บอกให้หยุดซ้อม
“ เข้ามาประชุมกันหน่อย” ผมวิ่งไปที่ข้างสนามทำทีเป็นไม่เห็นคนที่ยืนใส่ชุดนักบาส ผมไม่ได้หันไปมองตรงนั้นตลอดเวลาที่พี่ไฟท์ปรึกษาเรื่องการนัดซ้อม
“เดี๋ยว เด กับ กัส ไปหาอาจารย์อู๊ดกับพี่” พวกผมสามคยมองหน้ากัน แล้วใครจะอยู่ช่วยผมละครับ
“พี่ไฟท์ ผมไปช่วยด้วยดีกว่า” ผมยกมือขึ้นเสนอ
“ไม่ต้อง เพื่อนน้องมารออยู่” นี่ยิ่งทำให้ผมแจ่มแจ้งขึ้นว่าวินมาหาใคร
“แต่...” ไอกัสมันพยายามจะช่วยพูด
“ไปเลยไอสองคนนี่ เดี๋ยวไม่เจออาจารย์ ส่วนคนอื่นแยกย้ายกลับบ้านได้” พี่ไฟท์ปิดประชุม พี่คงปิดชีวิตผมด้วยแน่
“เดี๋ยวกูมา” ไอกัสมันบอกด้วยสีหน้ากังวล
“มึงใจเย็นๆนะเว้ย” ไอเดมันพูดอีกคน
“กัสกับเด เร็วๆดิวะ เดี๋ยวจารย์ก้หนีไปหรอก” พี่ไฟท์เรียกไอสองคนนั้น
“ไม่เป็นไรไปเถอะมึง” ผมพูดปลอบใจมันรวมถึงตัวเองด้วย หลังจากสองคนนั้นและคนอื่นๆไปแล้ว มันก็กะจะเดินเนียนๆออกไป โดยที่ไม่ได้หันไปมองตรงที่มีคนยืนอยู่ ถ้าผมไม่ได้หวังมากเกินไปขอให้ผมก้าวออกไปได้ด้วยเถิด แต่ทันทีที่ผมจะเดินหลบออกไป
“ ธัญ ”
ความคิดเห็น