ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Suddenly love ; รักกะทันหัน...แบบว่าผมยังไม่รู้ตัว (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #4 : Sudden 4 : ใกล้

    • อัปเดตล่าสุด 30 ธ.ค. 51


    /> /> />

    Sudden 4 : ใกล้


     

                ในที่สุดงานวันวิทย์ก็จบสักทีครับ (เฮ้อออ) นับว่างานปีนี้ประสบผลสำเร็จเกินความคาดหมาย ถึงแม้ว่าปีนี้นักเรียน ม.4 เป็นแค่ผู้ช่วยของพี่ ม.5 เท่านั้นนะครับแต่ก็ทำให้หลายๆคนหมดสภาพ ผมไม่อยากนึกถึงปีหน้าเลยครับ นึกไปก็ทำให้ทุกข์ใจเปล่าๆ เอาเป็นว่าถึงวันนั้นแล้วค่อยมานั่นเซ็งด้วยกันนะครับ (^^)

     

    ไฟในห้องนอนเมื่อก่อนสะท้อนแสงเงาสองเรานอนกอดกัน วันนี้...

     

    “ไอ*** มึงจะโทรมาตอนอื่นไม่ได้รึวะ เสือกโทรมาตอนกูจะหลับแล้วมึงหายไปไหนวะ แม่งไม่มาส่งกูกลับบ้าน” เอาไปเลยครับคุณสนหนึ่งชุด เวลาอื่นมีไม่โทรมาโทรตอนที่คนกำลังจะหลับ แล้วเมื่อเย็นมันยังทิ้งให้ผมกลับบ้านเองอีก ก็รู้อยู่ว่าผมไม่มีรถ

     

    (เออ...กูติดธุระนิดหน่อย...แล้วกูจะตรัสรู้เหรอวะ ว่ามึงจะหลับตอนนี้)

     

    “แล้วมึงมีอะไร”

     

    (พรุ่งนี้ตอนคาบชุมนุมพี่ไฟท์นัดซ้อมบอลงานกีฬา กูโทรบอกไอเดแล้ว)

     

    “อือ...มึงลงแข่งบอลด้วย ??”

     

    (ป่าว กูไปลงชื่อนักบาส แล้วกุเจอพี่ไฟท์ พี่เค้าฝากให้มาบอกมึงกับไอเดด้วย)

     

    “แล้วมึงมีไรอีกปะกูจะนอน”

     

    (เมื่อตอนเย็นมดฝากกูมาบอกมึงว่า อย่าลืมเรื่องรูปถ่าย....รูปถ่ายไรวะ)

     

    “อ่อ....เปล่า ไม่มีไร ไอมดมันให้กูถ่ายรูปให้มันนิดหน่อย” ผมเกือบลืมไปแล้วนะครับ สงสัยมดจะเอาจริง

     

    (กูมีอีกเรื่องหนึ่ง) เสียงไอสนมันเบาลงครับ

     

    “ หลายเรื่องนะมึงอะ...”

     

    (คือ รองเท้ามึงอะกูขอยืมต่อสัก 2 วัน วันจันทร์กูค่อยคืน)

     

    “ เออ แล้วแต่มึง อย่าทำให้ของกูพังก็พอ”

     

    (เออ...เออๆ กูไม่ทำของมึงพังหรอกหน่า) เสียงไอสนมันแปลกพิกลครับ แต่ช่างหัวมันครับตอนนี้ขอนอนก่อน

     

    “ งั้นกูนอนก่อน บาย” ผมชิงวางสายก่อนที่ไอสนมันจะพูดเรื่องของมันอีก สงสัยตอนนี้มันต้องด่าผมเป็นสัตว์นาๆชนิด แต่ช่างมันเถอะครับ ผมว่าเตียงน่าสนใจกว่ากันเยอะ...

     

     

     

     

     

     

    “ซวยแล้วกู..” ผมมองดูนาฬิกาข้อมือตอนนี้ 8 โมงแล้วครับ ซึ่งก็หมายความว่า  ...ผมมาโรงเรียนสาย!!... วันนี้โดนครูฝ่ายปกครองเล่นแน่เลยครับ แต่ ไม่เห็นจะมีใครอยู่แถวนี้เลย ทางสะดวก....

     

    “นายธรธรันย์!” เสียงสวรรค์จากท่านพี่คุณากร อาจารย์ฝ่ายปกครอง ที่ผมมักได้ยินเป็นประจำทุกเช้าที่มาโรงเรียน ดังมาจากด้านหลัง

     

    “ครับ อาจารย์” ผมหันหลังไปยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเดินไปอย่างจำนน

     

    “ที่บ้านมีนาฬิกาปลุกรึป่าว ทำไมคุณถึงมาโรงเรียนได้ทันธงชาติขึ้นยอดเสาพอดี ฮือ? แล้วคุณไปฟัดกับหมาที่ไหนมาทำไมเสื้อหลุดออกนอกกางเกง ใส่เข้าไปไว้ในกางเกงแล้วไปรวมกับเพื่อนที่หน้าห้องปกครอง”

     

    “ ครับ จารย์” ผมจุกเสื้อลงไปในกางเกง แล้วเดินไปยังหน้าห้องปกครองซึ่งมีนักเรียนที่มาสายจำนวนหนึ่งยืนรออยู่ เป็นที่น่าแปลกใจครับเพราะว่าวันนี้ไม่มีเพื่อนผมยืนอยู่สักคน มีแต่เด็กห้องอื่นซึ่งผมไม่ค่อยสนิทกับพวกรุ่นน้องผู้หญิงอีก 2 คนกำลังมองมาทางผม ขอร้องเถอะครับน้องอย่ามองเหมือนอยากจะกินพี่อย่างนั้น พี่กลัว

     

    “คนที่มาสาย..ซึ่งถือว่าเป็นการที่เอาเปรียบคนอื่นที่ต้องตื่นเช้ามาทำกิจกรรมหน้าเสาธง ดังนั้นผมจะลงโทษพวกคุณโดยการให้พวกคุณบำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม” โอ้ สุดยอดครับอาจารย์พูดเหมือนเดิมเปี๊ยบ

     

    “เอาละ พวกม.ต้นไปเก็บขยะที่ตรงสนามบอล ส่วนพวก ม.ปลายตรงสนามบาส วางกระเป๋า แล้วเชิญ” ผมและนักเรียนที่มาสายต่างแยกย้ายกันไป บำเพ็ญประโยชน์เพื่อส่วนรวม

     

     

                การบำเพ็ญประโยชน์เป็นงานที่ผม ถนัดและชำนาญ เพราะผมทำงานนี้มาปีนี้ก็เข้าสู่ปีที่ 4 แล้วจึงเป็นเรื่องปกติที่ผมจะยืนมองพวกอ่อนประสบการณ์เก็บขยะ ไม่ได้เรียกกันว่าอู้งานหรือเอาเปรียบคนอื่นนะครับ แต่เรียกว่าเปิดโอกาสให้คนที่ไม่ค่อยได้ทำได้มีส่วนร่วมในการช่วยรักษาความสะอาดของโรงเรียน เห็นมั๊ยละครับว่าผมใจกว้างยิ่งกว่าท้องฟ้าซะอีก เหอๆ  อันที่จริงผมก็จะไม่ใจกว้างขนาดนี้หรอกถ้ามีอาจารย์มายืนคุ้มด้วย แต่นี่ไม่มีนิครับ ผมเลยมานั่งรอเวลาอยู่บนแสตนเชียร์ ชมนกชมไม้ไปเรื่อยเปื่อยมองไปที่สนามบอลก็เห็นไอพวกเด็กม.ต้นมันเล่นบอลกันอยู่ ขนาดอาจารย์ทำโทษนะครับพวกนั้นยังอู้งานมาเล่นบอลกันได้ ใช้ไม่ได้จริงๆรุ่นน้องผม (อย่างกับตัวผมเองใช้ได้ใชมะละครับทุกคน)  ผมมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่ตัดกับตัวอาคารเรียนซึ่งดูแล้วเป็นมุมที่สวยมากเลยครับ แล้วสายตาที่กำลังชมท้องฟ้าของผมก็ไปสะดุดอยู่ตรงระเบียงทางเชื่อมระหว่างตึก 4 กับตึก 5 ที่มีคนซึ่งผมเพิ่งจิ้มเข็มลงบนนิ้วไปเมื่อวานเดินอยู่กับอาจารย์สุนีย์ ผมยอมรับครับว่าเมื่อวานมันแค่ใส่เสื้อยืดและกางเกงยีนก็ทำให้เพื่อนผมหลงไปสองคนแล้ว นี่ยังไม่นับรวมคนอื่นๆซึ่งผมยังไม่รู้นะครับ แต่วันนี้สิครับชุดนักเรียนของโรงเรียนผมที่วินกำลังใส่อยู่กับผมรองทรงยิ่งทำให้ไม้แขวนเสื้อยิ่งดูดีเข้าไปอีก ผมมองตามคนที่กำลังเดินอยู่บนระเบียงจนกระทั่งสายตาของคนบนนั้นมาสบกับตาผมพอดี....ผมรีบทำเฉไฉเป็นว่ากำลังมองดูอาคารอยู่ สักพักจึงเหล่ตากลับไปดูก็ไม่เห็นใครเดินอยู่บนทางเดิน ผมเลยเอนตัวพิงกับแสตนเชียร์กะว่าจะนอนรับแดดอุ่นๆเช้าตอนสักพัก ผมหลับตาลงก็รู้สึกว่าแดดที่เคยถูกอยู่แถวบริเวณหน้าหายไป สงสัยเมฆจะมาบัง ผมเลยหลับตารอให้เมฆที่มาบังลอยออกไป แต่ทำไมรู้สึกว่ามันนานชอบกล เลยลืมตาดู สิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าไม่ใช่ท้องฟ้าที่มีเมฆมาบังแสงอาทิตย์แต่เป็นร่างของวินยืนอยู่

     

    “วิน..” ผมดันตัวเองขึ้นนั่ง

     

    “นึกว่าจะหลับไปซะแล้ว” วินยิ้มอย่างอารมณ์ดีซึ่งมันก็ทำให้ผมรู้สึกตัวร้อนขึ้นมา สงสัยตากแดดนานไปหน่อย

     

    “เออ...มีอะไรรึเปล่า” ผมถาม

     

    “คือ...รอง...” ไม่ทันที่วินจะพูดจบก็โดนอาจารย์สุนีย์ที่ส่งเสียงมาจากระเบียงทางเดินเรียกไว้ก่อน

     

    “ศิรปวิชญ์ ครูรู้แล้วว่าห้องเธอเรียนที่ไหน เดี๋ยวเธอขึ้นมาหาครูที่ห้องหัวหน้าสายฯ ครูต้องเอาเอกสารอีกนิดหน่อย” เมื่อพูดเสร็จอาจารย์ก็เดินกลับเข้าตัวตึกไป

     

    “ครับอาจารย์” นี่มันบ้าหรือโง่ อาจารย์เข้าหันหลังกลับไปนานแล้ว

     

    “คือว่า เรื่องรอง......โอ๊ย!” วินโดนอะไรไม่รู้ครับแต่ตอนนี้มันกำลังจะหล่นลงมาทับผมแล้ว..

     

     

    “เฮ้ย!” ผมอุทานอย่างตกใจเพราะจู่ๆคนที่เคยยืนอยู่ด้านหน้าล้มตรงมาจนผมถูกดันให้นอนติดกับแสตนเชียร์ โชคดีที่วินเอามือค้ำแสตนไว้ไม่งั้นผมคงต้องโดนจูบโชว์แน่ แต่ตอนนี้มันก็ไม่ดีไปกว่านั้นเท่าไรหรอกครับเพราะผมไม่เห็นอย่างอื่นเลยนอกจากหน้าของวินที่ผมมองอยู่เต็มสองตา ผมดันคนที่อยู่ตรงหน้าออก จึงทำให้ผมกับวินกลับสู่ท่ายืน

     

    “เออ...คือ...ลูกบอลมันโดนหัว” วินพูดกับผม โดยที่มือทั้งสองข้างยังกุมไว้ที่หัว

     

    “เอ่ออ...ถึงเวลาเรียนแล้วขอตัวก่อน” ผมทำอะไรไม่ถูกจึงวิ่งออกมาจากตรงนั้นผ่านมาทางสนามบอล

     

    “พี่ธัญ...โดนจูบรึป่าวพี่ 555+” เด้กม.ต้นที่ยืนอยู่ในสนามบอลตะโกนถาม

     

    “ไม่โดนโว้ย ไอ*** เพราะมึงเลย เดี๋ยวกูมาจัดการ” ไอเด็กเวร ทำผมอายเข้าไปใหญ่ครับเพราะตอนนี้พวกเด็กผู้หญิงที่เก็บขยะอยู่ข้างสนามบอลหันมามองที่ผม ผมรีบวิ่งขึ้นบนอาคารเพื่อหนีอะไรบางอย่าง

     

    บางอย่างที่ผมไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น

     

    ...

     

    หรือมันจะเกิดขึ้นแล้วแต่ผมไม่รู้ตัว

     

    ......แต่ถึงยังไง ตอนนี้

     

    ผมอายหรือเขินกันแน่ครับ

     

     

     

                หลังจากที่ผมเข้าห้องมาเรียนตามปกติ ผมก็แทบจะฟังอะไรไม่รู้เรื่อง มัวแต่คิดเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้า

     

    “ไอธัน  เป็นไรไปวะ” ไอบอสมันคงจะรู้สึกว่าผมผิกปกติไป

     

    “อ่อ เปล่า เมื่อคืนกูนอนดึก วะมีหมาที่ไหนไม่รู้โทรมากวนกู” ผมเฉไฉ

     

    “อย่ามาไอ*** มึงชิงตัดสายกูก่อน กูไม่ได้กวนสักนิด” ไอสนมันแย้งขึ้น

     

    “พีระ ธรธรันย์ วชิรพันธุ์ ถ้าไม่อยากเรียนก็เชิญออกไปนอกห้อง” เสียงอาจารย์สุรศักดิ์ที่กำลังพูดถึงฟูดแวคิวโอ เปลี่ยนเป็นมาด่าพวกผมแทน

     

    “ขอโทษครับอาจารย์” ผมสามคนพูดพร้อมกัน ก่อนจะก้มหน้าลงตั้งใจเรียน แล้วอาจารย์สุรศักดิ์ก็บรรยายเรื่องฟูดแวคิวโอต่อไปอย่างเมามัน ผมพยายามตั้งใจฟังจนจบคาบแต่ก็รู้สึกว่าจะไม่ได้อะไรเลยนอกจากคำว่า “เออ...คือ..ลูกบอลมันโดนหัว”

     

    “อะไรวะเนี๊ย!” จู่ๆผมก็ตะโกนออกมา ทำให้เพื่อนในห้องหันมามองผม โชคดีนะครับที่หมดคาบแล้วไม่งั้นผมโดนอาจารย์สุรศักดิ์เทศแน่

     

    “คือไอธันมันกำลังอกหัก อย่าถือสามันเลย” ไอบอสมันแก้ตัวให้ผม

     

    “ไอนี่สงสัยอยากโดนเตะ” ผมให้ไปทำท่าจะเตะมัน

     

    “อกหักแล้วอย่าพาลดิวะ 55+” ไอเดมันพูดขึ้น พอกันเลยไอเพื่อนสองคนนี้

     

    “ถ้ามึงพูดอีกกูจะให้จิ๊บมาหักอกมึง” ผมแหย่มันกลับ

     

    “ตายห่า....กูไปก่อนนะโว้ย ไอบอสมึงไปกับกูที” ไอเดมันลากไอบอสวิ่งออกไป

     

    “เป็นไรของมันวะ” ผมหันไปถามไอสนซึ่งเป็นเพื่อนที่เหลืออยู่คนเดียว ส่วนไอกัสมันหายไปตึกศิลป์ตั้งแต่อาจารย์ปล่อยแล้วครับ

     

    “มันนัดกับจิ๊บไว้เมื่อเช้า นี่สงสัยคงให้บอสไปช่วยแก้ต่าง” สนพูดพลางเก็นของใส่กระเป๋า

     

    “ทำไมต้องเป็นไอบอสวะ” ผมถาม

     

    “ก้ไอบอสเป็นญาติจิ๊บไง” ไอสนตอบ เออใช่ผมลืมไปได้ไง

     

    “งั้นก็เหลือกูกับมึง...ไป แดกข้าวกันสองคน” ผมเก็บสมุดเล่มสุดท้ายลงกระเป๋า

     

    “เจนนนนนนนนน ไปกินข้าวกัน” เสียงยัยมดนี่ครับ ซวยแล้ว ผมก้มลงไปหลบใต้โต๊ะทันที

     

     

    “อ่าว สน เจอพอดีเลย แล้วไหนธันละ” สนมึงอย่าบอกกูขอร้องเลย

     

    “ใต้โต๊ะ” ไอเพื่อนเวร จะบอกทำ.....มึงเหรอ

     

    “ขึ้นมาเลยธัน ไม่ต้องมาหลบ” มดเดินมาหยุดหลังผม

     

    “มีอะไรมด” ผมถามทั้งที่ก็รู้คำตอบ

     

    “มดแค่จะบอกว่าอย่าลืมรูปวินนะจ๊ะ”

     

    “ครับคุณมด” ผมตอบกลับไป

     

    “ดีมากที่รัก ส่วน..ที่รักสน...” มดหันไปส่งตาหวานปิ้งๆให้ไอสน

     

    “อย่ายุ่งกับสนของชั้น” เจนรีบขัดทันที

     

    “ของชั้น...” มดให้ไปเถียงกับเพื่อนสนิท

     

    “เอาละครับๆสาวๆ หยุดเถียงกันก่อน มีอะไรกับสนอะมด” สนเป็นผู้ห้ามศึก

     

    “คือว่าวันจันทร์ตอนเย็นพี่เค้าจะมาตัดชุดให้ที่ห้องสภานะ” ชุดอะไรของเพื่อนผมอีกละเนี๊ย

     

    “อืม ได้” สนมันตอบกลับดูจะไม่ใส่ใจเท่าไร

     

    “งั้นไปกินข้าวกันเจน” แล้วเธอทั้งสองคนก็เดินออกไป

     

    “ชุดไรวะมึง” ผมถามไอสน

     

    “วันแข่งกีฬาเครือข่ายกูต้องถือป้าย รร. เซงชิบ” และแล้วไอสนก็ไม่พ้น เสร็จไปหนึ่งราย

     

    “55+ สม” ผมเยาะมันครับ หลังจากนั้นผมกับไปสนก็เดินไปหาอะไรทานที่โรงอาหาร ซึ่งตลอดทางผมจะเป็นฝ่ายชวนมันคุย มันก็ได้ แต่ตอบเท่าที่ผมถาม ดูท่ามันน่าจะมีเรื่องอะไรอยู่ในใจ

     

    “มึงมีอะไรป่าววะ” ผมถามไอสน

     

    “คือ วินนี่ใช่ไอคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ใช่มะ” สนมันถามผมทำไม

     

    “อืมใช่” ไอสนมันหน้าเสียไปเล็กน้อย

     

    “มีอะไรป่าวมึง...” ผมเริ่มสงสัย

     

    “เออ...ป่าว กูแค่สงสัยว่าทำไมมึงต้องไปถ่ายรูปมันวะ” มันหยุดเดินแล้วหันมาคุยกับผม

     

    “คือประมาณว่า กูเคยคุยกับวิน แล้วไอมดก็นึกว่ากูรู้จักเลยให้กูไปเอารูปมา ถ้ากูไม่ไปเอามากูต้องไปถือธง รับชะตากรรมเดียวกับมึง” ผมทำหน้าเศร้าเล็กน้อย

     

    “อ่อ...กูนึกว่ามึงแอบชอบมัน” อ่าวไอสน หน้ามันโคตรจะหาเรื่องเลยครับ

     

    “ไอ*** กูไม่ได้ชอบมันโว้ย” ผมตะโกนใส่หน้ามัน แต่ทำไมรู้สึกขัดๆปาก

     

    “ทำไมมึงต้องโวยวายด้วยวะ” สนมองอย่าผม แล้วยิ้มมุมปากท่าทาเจ้าเล่ห์

     

    “กูเปล่า”

     

    “เรื่องของมึง ไป วันนี้กูใจดีเลี้ยงข้าวมึงเอง”

     

    “นั่นมันหน้าที่มึงอยู่แล้ว เสือกยืมรองเท้ากูไปเอง”

     

    “เออๆ” พูดถึงตรงนี้ไอสนมันรีบเดินนำหน้าผมไป รู้สึกว่าวันนี้มันชักจะทำตัวแปลกๆ แต่ก็ช่างมันครับเพราะหิวจนจะกินช้างได้สัก 2 ตัวแล้ว

     

     

     

     

     

     

    “ไหนมึงบอกจะไปซื้อน้ำมาไงวะ” ผมด่าไอสนครับไหนมันบอกว่าจะเดินไปซื้อน้ำให้แล้วทำไมมันกลับมามือเปล่า

     

    “อ่อ กูฝากคนซื้อวะ แถวมันยาว” ไอสนตอบ แล้วก็นั่งลงกินข้าวข้างหน้าผมต่อ ผมก็จัดการเอาอาหารที่ถูกวางไว้บนจาน (อย่างลวกๆ) ยัดเข้าปาก

     

    “น้ำ.” แก้วน้ำถูกวางลงตรงข้างๆจานกินข้าวของผม แต่เสียงมันฟังคุ้นๆ

     

    “อื้ม..ขอบใจ” ผมยังคงตักข้าวเข้าปากจึงไม่ได้มองหน้าคนที่โดนไอสนซื้อน้ำมาให้

     

    “นั่งด้วยกันก่อนดิ” ไอสนมันชวนใครนั่งละครับ ผมเงยหน้าขึ้นดูทั้งๆที่ข้าวยังจุกอยู่เต็มปาก

     

    “วะ..อะๆ อือๆ อ๊ากๆ (ข้าวติดคอ)” ผมไม่ทันจะกลืนข้าวลงไปในคอก็ต้องสำลักเมื่อเห็นคนที่เพิ่งเข้านั่งร่วมวงด้วย วินอีกแล้ว ได้ข่าวว่าผมเพิ่งเจอมันเมื่อเช้านี่เองนิครับ

     

    “อ่าวมึง กินช้าๆก็ได้ เอ๊า..นี่น้ำ” ไอสนมันยื่นแก้วน้ำให้ผม ผมรับมาดื่มแต่ตายังมองที่วิน

     

    “มึงสองคนรู้รู้จักกันแล้วใช่มะ ดีกูไม่ได้แนะนำ” สนพูดพลางหยิบช้อนขึ้นจะกินข้าวต่อ

     

    “อือ เมื่อเช้าเพิ่งก็กัน” วินหันมันยิ้มให้ผม ผมตกใจจนหายใจมันทันเลยสำลักน้ำอีกรอบ

     

    “เอ๋าไอนี่อะไรกันนักหนา” ไอสนมันหันมาด่าผมอีก

     

    “ก็กูหายใจไม่ทัน” ผมตอบสนและพยายามหลับตาคนที่นั่งอยู่ข้างๆมัน

     

    “เออ ไอวินพี่เค้านัดซ้อมบาสกี่โมง” ไอสนมันไปสนิทกับวินตั้งแต่เมื่อไร ทำไมผมไม่รู้เรื่อง

     

    “ตอนคาบชุมุนุม” วินตอบสน

     

    “อืมดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปนั่งดูบางคนเล่นบอล” มันหมายถึงผม

     

    “แล้วใครใช้ในมึงมาละ” ผมย้อนกลับ

     

    “อ่าว ก็ทั้งมึง ไอเด ไอกัส เสือกเล่นบอลหมด แล้วจะให้กูไปอยู่กับหมาที่ไหนวะ” ลืมไปว่ามันเป็นพวกนอกคอกที่ดันไปเล่นบาสอยู่คนเดียวทั้งกลุ่ม

     

    “สมน้ำหน้า แปลกเพื่อนดีนัก” ผมด่ามัน

     

    “เออจำไว้นะมึง วันหลังจะไม่มีใครเลี้ยงข้าว เพราะกูเจอคนเลือดเดียวกันแล้ว ใช่ปะไอวิน” มันหันไปถามคนข้างๆ ที่นั่งมองผมสองเถียงกันอย่างอารมณ์ดี

     

    “ได้ใหม่แล้วลืมเก่าเลยนะมึง แต่ยังไงมึงก็ต้องเลี้ยงกูตอบแทนรองเท้าที่มึงยืมกูไป” ผมงัดข้ออ้างขึ้นมา

     

    “ใช่ เกือบลืม เมื่อเช้า...” อยู่ๆวินก็พูดขึ้นมา ทำเอาผมคิดไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โชคดีที่ไอสนมันพูดแทรกขึ้นมาก่อนไม่งั้นผมก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง

     

    “วิน กูมีเรื่องจะพูดด้วย มากับกูแป๊บ” ไอสนมันพาวินออกไปคุยกันข้างนอก แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรสองคนนั่นเท่าไรเอาเป็นว่าขอจัดการข้าวที่อยู่ตรงหน้าแล้วก็อารมณ์แปลกๆให้หมดไปก่อนที่สองคนนั่นจะกลับมาดีกว่า

     

    หลังจากสองคนนั้นคุยธุระกันเสร็จ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไรเห็นแค่ไอสนมันจับมือกับไอวินเหมือน สัญญาอะไรกันก่อนที่วินจะแยกกลับไปเรียน ดีนะครับที่วินไม่กลับมาที่โต๊ะผมอีก

     

    “คุยไรกันนานวะ” ผมถามตามประสาที่เห็นว่ามันคุยกันนานไปหน่อยจนผมกินข้าวเสร็จ

     

    “อ่อ เปล่า...เรื่องบาส” เสียงมันมีพิรุจ สงสัยมันคงไม่ค่อยอยากให้ใครรู้ ช่างมันครับ

     

    “มึงจะกินข้าวต่อป่าววะ” ผมถามัมนเพราะข้าวไอสนมันยังเหลืออยู่นิดหน่อย

     

    “ไม่วะ กูอิ่มแล้วไปเรียนเหอะ” มันยกจานขึ้นไป ผมสองคนเดินไปเก็บจานไว้ที่ชั้นวาง

     

    “ธัญ” มีคนมาเรียกผมอยู่ทางด้านหลัง

     

    “เอิง” ผมหันกลับไปก้เห็นเอิงยืนยิ้มอยู่ นางฟ้าของผมมมม

     

    “ อาจารย์กมลบอกว่าธัญยังไม่ได้ทำแล็ปโปรเจคไทด์เลยใช่มั๊ย” เอิงถามผม

     

    “อืม”

     

    “งั้นเดียวตอนคาบ 6 เราไปทำพร้อมกันนะ เอิงก็ยังไม่ได้ทำเหมือนกัน” ผมฝันไปรึเปล่าครับ

     

    “ได้ๆ ธัญว่างพอดี” ผมรีบตกลงทันที

     

    “งั้นเอิงขอตัวก่อน” เอิงเดินออกไป ผมมองตามไปจนสุดทาง

     

    “มึงหุบยิ้มบ้างก้ได้ไอธัญปากจะกางถึงหูแล้ว”ไอสนมันกัดผม

     

    “น่ารักวะ” ตาผมยังคงมองที่ทางเดิน

     

    “ไอนี่เพี้ยนจัด ไปมึงขึ้นห้อง” ไอสนมันลากผมให้เดินตามไป

     

    “กูอยากให้ถึงคาบ 6 เร็วๆวะ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×