ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    คณิตเบื้องต้น : เปอร์เซ็น

    ลำดับตอนที่ #2 : บรรพ 1 - ทำไมต้องเปอร์เซ็นต์

    • อัปเดตล่าสุด 19 มี.ค. 49


    บรรพ 1 ทำไมต้องเปอร์เซ็นต์
     "นั่นน่ะสิคะ ! ทำไมต้องเปอร์เซ็นต์ด้วย ?"   หลินถามป๊า  "แล้วเปอร์เซ็นต์คืออะไรคะ?"  ป๊ามองหน้าลูกสาวด้วยความงุนงง  'เอ! ทำไมที่โรงเรียนถึงสอนเด็กเจ้าเล่ห์อย่างลูกเราไม่รู้เรื่องนะ'  ป๊านิ่งครู่หนึ่งด้วยนึกว่าจะอธิบายยังไงดีนะ จึงจะทำให้เข้าใจได้ง่ายๆ เหมือนกินช็อคโกแลต
     "เอาอย่างนี้ แล้วหนูเรียนมาจากโรงเรียน เข้าใจว่ายังไง"  
       "หนูไม่รู้เรื่อง" หลินตอบ  
       "อะไรกัน!" ป๊าอุทาน "สอนยังไง ถึงไม่รู้เรื่อง  ป๊าว่าหนูต้องรู้เรื่องบ้างล่ะน่ะ เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะไม่รู้ซักกะติ๊ด"  ป๊ายักคิ้วให้หลิน  พลางกล่าวต่อว่า "ไหนลองบอกมาซิว่ารู้อะไรบ้าง"
       "รู้แต่ว่าเป็นการเปรียบเทียบกัน" หลินตอบ
       "เปรียบเทียบอะไร"
       "เปรียบเทียบว่าอะไรมากกว่า น้อยกว่า กำไรหรือขาดทุน โดยคิดเป็นต่อร้อย"
       "ไหนว่าไม่รู้เรื่อง ก็รู้เรื่องถูกแล้วนี่"
       "แต่หนูยังไม่เข้าใจ"
       "ไม่เข้าใจตรงไหน"
       "ไม่รู้ค่ะ บอกไม่ถูก  รู้แต่ว่าไม่เข้าใจ"
       "หนูเอาแต่บอกว่าไม่รู้เรื่อง ป๊าถามดูแล้วก็รู้เรื่องดีนี่  อย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นการเปรียบเทียบกันซึ่งหนูก็อธิบายได้ถูกต้องนี่"
       "แต่หนูยังไม่เข้าใจอยู่ดี"
       "จริงๆ แล้ว หนูรู้เรื่อง แล้วก็เข้าใจถูกต้องแล้ว เพียงแต่ว่าอาจจะยังไม่ลึกซึ้งเพราะยังไม่ได้คิดตามที่คุณครูสอนแน่เลย"  ป๊ากล่าวพลางรำพึงอยู่ในใจและหวนนึกถึงความหลังสมัยที่ตนเองเป็นเด็ก เพราะก็ตกเลขเป็นบางครั้ง เวลาครูสอนก็ดูเข้าใจดี แต่ทำข้อสอบไม่ได้

                         ...ที่โรงเรียนเปรมฤดีศึกษา ตรอกจันทน์ ยานนาวา กรุงเทพฯ พ.ศ. 2510  โรงเรียนของป๊าในอดีตไม่ใช่สหศึกษา  มีตั้งแต่ชั้น ป.1-ม.ศ.3 (คือ ม.4 ปัจจุบัน) แต่ละชั้นเรียนมี   3 ห้อง คือ ก.ข. และ ค.  แต่ละห้องจะมีนักเรียนราว 42-44 คน  ใครอยู่ห้อง ก. ถือว่าเรียนดี  ห้อง ข. และ ค. ก็เรียนรองลงมา  ไม่รู้จักหน่วยกิต หรือ เกรด 1, 2, 3, 4  รู้แต่ว่าสอบเป็นเปอร์เซ็นต์  ถ้าต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ถือว่าสอบตก  ต้องเรียนซ้ำชั้นกันใหม่อีก 1 ปีเลยทีเดียว  ป๊าอยู่ห้อง ก. มาตั้งแต่ ป.1-ป.5  ป.6 อยู่ห้อง ข.  จากนั้น ป.7-ม.ศ.3 ก็กลับมาอยู่ห้อง ก. อีก  ป๊าเป็นเด็กเรียบร้อย พูดเก่งเพราะเป็นลูกคนค้าขาย แต่ไม่เก่งเลข พละ และวิชาศิลปะ  เมื่อจบชั้น ม.ศ.3 ก็มาสมัครสอบเข้า  โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา  อ. พญาไท กรุงเทพฯ  เมื่อได้มาเรียนที่นี่อีก 2 ปี คือ ม.ศ.4 และ ม.ศ.5 จึงสอบเข้าคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  ได้ปริญญาตรีแล้วก็ไม่ได้เรียนต่อ ทำงานเลย 
                        ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ป๊าได้ฝึกฝนคณิตศาสตร์จนได้คะแนนดี  คุณครูรุ่นใหม่สอนเข้าใจดี ทำให้ชอบและฮึกเหิมมากจนถึงขั้นซื้อหนังสือคณิตศาสตร์ปี1 ของจุฬาฯ มาดูเลยทีเดียว...


       "ป๊า แล้วจะเอายังไงกันดีล่ะคะ  หนูไม่เข้าใจ"  ป๊าสะดุ้งจากภวังค์  รำลึกถึงอดีตนานไปหน่อย
       "ไม่ต้องกังวลหรอก  ไปเล่นเปียโน หรือดูโทรทัศน์ก่อนก็ได้ สบายใจเมื่อไหร่แล้วค่อยมาเรียนกับป๊า"
    หลินนึกในใจ 'ป๊าเราท่าจะบ๊อง คนไม่รู้เรื่องยังไม่ยอมสอนอีก เดี๋ยวสอบตกอายเค้าแน่เลยเรา  ต้องเอาปี๊บคลุมหัวไปโรงเรียน  ไม่อยากเจอหน้าใครทั้งนั้น  กลุ้มใจจริง!'
       "ป๊าอยากให้หนูสบายใจนึกอยากจะเรียนก่อน จึงค่อยสอน  ถ้าคนเราไม่มีสมาธิก็ไม่ตั้งใจฟัง  สอนก็ไม่รู้เรื่อง "  ป๊าพูดขึ้นเหมือนรู้ใจลูกว่ากำลังคิดอะไรอยู่
    ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×