คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : PROLOGUE
PROLOGUE
ในช่วงเวลาที่ท้อแท้ของชีวิตก็ยังหลงเหลือเสียงโฆษณาลิโพดังขึ้นเพื่อปลอบใจ
วันที่ฝนตกหรือแดดออก ก็ยังคงมีเสียงของตัวเองดังก้องในหูเสมอ
เหนื่อยล้ามากก็เพียงแค่เงยหน้ามองผืนฟ้าสาธารณะที่คอยฉาบสีเปลี่ยนผันไปตามช่วงเวลาเหมือนงานศิลปะผลัดยุคสมัย
แม้ในวันที่ไม่เหลือกระทั่งแรงจะก้าวเดิน ขอให้คุณเอนหัวลงซบหมอนใบโปรดที่เคยหนุน
พักสายตาสักหน่อยนะ ทุกอย่างบนโลกนี้ก็เหมือนแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน หน้าแล้วหน้าเล่าในรายวิชาชีวิตจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลักสูตรตลอดชีวิตอะไรทำนองนั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยื่นคำร้องขอลาออกได้จากที่ไหน
ความจริงก็พูดประชดไปงั้นแหละ ยังไงก็ยังคิดขวนขวายหาความสุขให้ตัวเองอยู่ต่อ
นี่หนอมนุษย์
เหนื่อยล้าก็อยากตาย
ใกล้ความตายก็ร้องขอชีวิตให้อยู่ต่อ..
ถ้าบอกว่าสภาพของตัวเองเหมือนคุณลุงวัยใกล้จะเกษียณก็อาจใช่
เหงื่อโชกตั้งแต่หัวไปจนถึงกลางหลังไหลลงสู่ที่ต่ำถึงร่องก้นขนาดนั้น
คนที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์เงินเดือนลอบถอนหายใจกับตัวเอง
ช้อนสายตามองนาฬิกาข้อมือที่วิ่งวนมาเกือบจะหมดวันแล้ว
ยืนเบียดกับคนวัยทำงานด้วยกันบนรถเมล์ตอนหกโมงเย็นไม่สนุกเลยสักนิดเดียว
ใบหน้าคมคล้ำกร้านโลกเสมือนว่าผ่านโลกมาแล้วครึ่งชีวิตเบี่ยงหน้าหนีลมหายใจมีกลิ่นเจือบุหรี่อ่อนจากปากเด็กหนุ่มในชุดทันสมัยที่ยืนหันหน้ามาแนบใกล้
ไม่ใช่คนสาธารณะไม่ต้องซุกเข้ามาก็ได้ นั่นเป็นเพียงเสียงความคิดของคนที่ต้องใช้อากาศร่วมกันหายใจ
วันทั้งวันไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร
ผู้คนแบบไหน อากาศยังไง หรือแม้แต่อารมณ์ตัวเองในโหมดไหนเหมือนกัน เหมือนไปตายเอาดาบหน้าอย่างนั้นแหละ
กระทั่งจุดโฟกัสสายตาเลื่อนไปหยุดตรงหลังของคนแปลกหน้า เสี้ยวหน้าโน้มลงเล็กน้อยทั้งยังมีร่องรอยความเจ็บปวดจากคราบน้ำตาที่ย้อยมากองกันที่คางก่อนจะหยดติ๋งลงบนกระดาษ
แพร่กระจายความเปียกเป็นวงกว้าง เออ ชีวิตมันก็อย่างนี้ สุขเศร้าเคล้าบุหรี่จริงๆ
จุดหมายย่อมมีปลายทาง
มนุษย์เงินเดือนในวัยสามสิบสี่ปีย่างเท้าลงจากรถเมล์ สูดเอาอากาศไม่บริสุทธิ์เท่าไหร่เข้าปอดเพื่อประทังชีวิต
ตบจังหวะเท้าหนักๆไปตามฟุตบาทเพื่อเดินเข้าซอยกลับบ้านพักของตัวเอง
ระหว่างทางก็มองแสงไฟยามค่ำแข่งกันส่องแสงแยงตาคนที่หลอกตัวเองว่าใกล้เกษียณให้จมจ่อมอยู่กับเท้าใหญ่ที่กำลังก้าวไปข้างหน้า
พอผ่านร้านอาหารรถเข็นก็ถือโอกาสตบเปาะที่กระเป๋าสตางค์ตัวเอง ก่อนจะมุ่งหน้าไปเลือกเมนูอิ่มท้องสำหรับวันนี้
มื้อค่ำนี้เป็นบะหมี่หมูแดงน้ำซุปกลมกล่อมหอมขนาดที่กลิ่นทะลุถุงมาเตะจมูกยั่วเย้าให้ท้องร้องเป็นเสียงดนตรีน่าขบขัน
มือหนาแบรับเงินทอนเป็นเหรียญ ส่งยิ้มบอกลาแม่ค้าที่คุ้นเคยดีก่อนจะเดินตบเท้าเดินต่อไปบนฟุตบาทที่ทอดยาว
“ลุงครับ..ลุงลืมถุงเครื่องปรุง”
คนอายุสามสิบสี่ชะลอฝีเท้าหลบตามองถุงบะหมี่ในมือ
“....”
เงยหน้ามองไปยังต้นเสียง
เจ้าของเสียงเมื่อครู่พูดคุยกับลูกค้าอีกคนที่เป็นลุงวัยเกษียณของแท้เดินหิ้วถุงบะหมี่กลับมารับถุงเครื่องปรุงแล้วก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อย
ให้ตาย แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าก็ใกล้เกษียณแล้วเถอะ
ทั้งที่อายุเพิ่งจะสามสิบสี่ก็อดสะดุ้งกับคำว่าลุงไม่ได้
ร่างสูงเดินทอดน่องไปยังโต๊ะกลมขนาดกลางที่ตั่งตระง่านรอคอยเจ้าของบ้านให้กลับมาใช้งาน
เทบะหมี่ลงชามอย่างไม่รีรอ พลางช้อนน้ำซุปเข้าปากเป็นการเรียกน้ำย่อย
พอได้ลิ้มรสชาติแสนหวานก็จัดการยกย้ายชามบะหมี่ไปนั่งทานหน้าทีวีพร้อมกับกดเปิดเสียงข่าวให้ดังขึ้นหน่อย
“บะหมี่หน้าปากซอยอีกแล้วเหรอ”
เสียงนุ่มหวานทักถามคนที่กำลังอ้าปากรับเส้นบะหมี่
“หม้า?..เดินมาทำไมค่ำๆมืดๆ”
“อย่าทำตัวเป็นลุงได้มั้ย..ก็เดินมาทุกวี่ทุกวัน”
เอ่ยปากบ่นพลางวางจานผัดผักกับปลาทูทอดลงบนโต๊ะ
“สามสิบสี่แล้วนะหม้า”
“ถึงต้องหาใครมาดูแลไงคะลุงโอบ”
คนตัวสูงกลืนก้อนบะหมี่ลงคอเงียบๆ
☼
ฉามฉิบฉี่ไม่แก่มากแต่นิสัยลุงมาก แค่กๆ
02/11/62
ถือโอกาสเปิดเรื่องยาวเอาไว้ ฝากเนื้อฝากตัว ฝากคูมลุงผู้กร้านโลกไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
ฝากไปเล่นแท็ก #โอบอรุณ กันได้นะฮะ นกสีฟ้าจะพาคุณไป ฟิ้ววว และสามารถหยอดกำลังใจแปะคอมเมนต์เอาไว้ได้ คูมหมีจะรออ่าน.
ปัจิมลิขิต ๑
จากนี้ไปเรียกไรท์ว่าคุณหมีได้นะคะ เพื่อนบอกแกหน้าหมีขั้วโลกมาก แงะ
หมีขั้วโลกเขียน.
ความคิดเห็น