ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สงครามเด็กอัจฉริยะ Chaos theory

    ลำดับตอนที่ #4 : ตติยบท: ชายหนุ่มแสนซึน

    • อัปเดตล่าสุด 4 ม.ค. 55


                คุณเคยช็อกกับเรื่องบางเรื่องบ้างไหม? เช่นถ้าพบว่าตื่นขึ้นมา... ร่างเดิม เพศเดิมได้เปลี่ยนเเปลงไป!

                “เป็นอะไรไปน่ะ?” เสียงหวานๆของสาวน้อยร้องเรียกสติฉันที่นิ่งไปด้วยสมองที่ว่างเปล่า
                “พี่จันทร์” อาเรียพยายามเขย่าร่างชายหนุ่มที่นิ่งไปหลังจากเห็นตัวเองในแก้วน้ำ... เธอคงยังไม่เข้าใจว่าชายหนุ่มผู้นี้เป็นอะไรไป?
                “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เสียงทุ้มๆของชายหนุ่มผู้มาพร้อมกับตุ๊กตาตัวน้อยซึ่งนิ่งไปกับกระเป๋านักเรียนของเธอ
                “พี่จันทร์เค้า...” อาเรียร้อนอกร้อนใจยิ่งนักเมื่อเห็นว่าจันทร์นิ่งไปหลังจากกลิ่นน้ำจากมือเธอไป ...เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?
                “เฮ้!” เสียงชายหนุ่มรูปหล่อสวมชุดสูทโผล่หน้ามากระชากสติฉันให้กลับมาอย่างมึนงง
                “กะ-เกิดอะไรขึ้น?” ในหัวของฉันตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ต้องการคำตอบ แต่ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างนี้นะ
                ชายหนุ่มมองฉันอย่างไม่ไว้วางใจนัก “ข้าพบเจ้าที่ป่าหลังบ้านนี้เอง... เจ้าไปทำอะไรที่นั่นกันแน่?”
                “พี่อย่าเพิ่งคาดคั้นพี่เค้าซิ” อาเรียดูใจดียิ่งนักกับฉันแต่ว่าฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าโผล่มาที่นี้ได้อย่างไร?
                “ตอนนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บอยู่... แต่จะให้ท่านพ่อรู้ไม่ได้เพราะฉะนั้นคงต้องให้ย้ายไปห้องของข้า” ชายหนุ่มมองฉันราวกับกำลังจับผิดอะไรบางอย่างอยู่ “นอกจากจะหลบท่านพ่อได้ ข้าก็จะได้จับตาดูเจ้าด้วย”
                “ท่านพี่!!” อาเรียรีบดันตัวพี่ของเธอออกจากฉันอย่างรวดเร็ว
                แต่พี่ชายจอมเข้มงวดคนนี้ก็ยังไม่วายหันไปกระซิบน้องสาวเบาๆ“เราจะไว้ใจคนแปลกหน้าไม่ได้นะ... บางทีอาจจะเป็นสายจากต่างเมืองหรือนักโทษหลบหนีคดี”

                อุ๊บ!

                อาเรียกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องน้อยท่านพี่จนตัวพี่ถึงกับงอแล้วกุมท้องเอาไว้
                “ฉันว่าพี่จันทร์นอนพักให้หายดีเถอะ ไว้ข้าจะแวะไปที่ห้องท่านพี่บ่อยๆนะ” อาเรียยิ้มให้กับฉันอย่างเป็นมิตรต่างจากพี่ชายของเธอโดยสิ้นเชิง

    “เจ้าเป็นผู้หญิงนะ” ผู้เป็นพี่ไม่วายต้องร้องขัดขึ้นอย่างอดไม่ได้
                “ข้ารู้แล้วว่าข้าเป็นผู้หญิง พี่นี่ชอบบ่นเหมือนพ่อเข้าทุกทีนะ” อาเรียก็อดไม่ได้ที่จะเถียงกลับด้วยความเร็วสูง
                “ส่วนเจ้า!” ชายหนุ่มหันมาหาฉันด้วยแววตาที่แข็งกร้าวต่างจากตอนคุยกับน้องสาวราวฟ้ากับเหว “จันทร์คือชื่อของเจ้าซินะ ไม่น่าล่ะถึงได้ดูบอบบางอย่างกับผู้หญิงเช่นนี้!”
                คำพูดที่ไม่วายต้องจิกกัดกันอยู่เสมอนั่นเป็นอะไรของเขากันแน่นะ หรือว่าอารมณ์เสียจากอะไรมา?
                “นี่ของๆเจ้ารับไป” ชายหนุ่มผุ้ไม่คิดจะแนะนำชื่อของตนวางกระเป๋าและตุ๊กตาไว้ข้างๆเตียงซึ่งฉันนอน ก่อนจะยกนาฬิกาขึ้นมาดูเวลา “คงต้องไปประชุมแล้ว... อาเรียจับตาดูมันไว้ล่ะ ถ้ามันทำอะไรเจ้าก็เรียกองครักษ์หน้าห้องได้เลย”
                “ชิ! อย่าได้ถือสาพี่ข้าเลยนะ” อาเรียปั้นหน้างอใส่พี่ชาย ก่อนจะหันมายิ่มเจื่อนๆให้ฉันอย่างเบื่อหน่าย “พี่เค้าก็อย่างนี้แหละ ...ขี้ระแวง จอมขี้บ่น”
                “เขาชื่ออะไรหรอ?” ฉันเอ่ยถามอาเรียที่ดูเป็นมิตรกว่าพี่ชายเธอซึ่งตอนนี้เขาก้าวเท้าออกนอกห้องไปแล้ว
                “พี่ข้าชื่อว่า ‘คาร์ล’ ว่าแต่นายเอ่ย!พี่จันทร์เป็นคนจากไหนหรอ?” อาเรียจ้องมองฉันตาแป๋วราวกับฉันเป็นสัตว์ในกรงงั้นแหละ
                “ฉัน... ฉันอยู่ไหน?” เหมือนเพิ่งรู้สึกตัวว่าอยู่ต่างถิ่นและต่างที่... เป็นสถานที่ซึ่งไม่น่าจะมีอยู่ที่ประเทศไทยอันเป็นบ้านเกิด
                ห้องโถงกว้างขวาง เตียงนุ่มๆราวกับปูด้วยขนแกะ มีการแกะสลักเป็นรูปยักษ์แทนเสาค้ำเพดานเอาไว้ โทนสีของห้องสว่างออกสีครีม มีรูปวาดตามฝาผนังเป็นเรื่องราวบางอย่างแต่เป็นรูปที่เสมือนจริงมากๆราวกับไม่ใช่ภาพวาด หน้าต่างบานใหญ่กับผ้าม่านสีทองมีลูกไม้ประดับแต่ฉันกลับไม่มีแรงที่จะดันตัวลุกขึ้นมองไปยังข้างนอกหน้าต่างนั้นเลย
                “ที่นี้คือเมืองมัลฟ์ ดูท่าทางพี่จะหลงทางมานะ” อาเรียเอ่ยด้วยท่าทางเป็นห่วง
                “มัลฟ์?” ชื่อมันคล้ายๆเมืองหนึ่งในไอร์แลนด์ในความคิดของฉัน แต่ว่าที่นี้มีบางอย่างที่บอกว่าไม่ใช่ไอร์แลนด์เลย รวมทั้งภาษาที่เธอพูดฉันก็ได้ยินเป็นภาษาไทยเสียด้วยซิ!?
                “ดูเหมือนพี่จันทร์จะอยากมีเวลานั่งทบทวนเรื่องต่างๆ งั้นฉันไม่รบกวนแล้วนะ” อาเรียค่อยๆก้าวเท้าถอยหลังอย่างช้าๆเพื่อปล่อยให้ฉันได้มีเวลาของตัวเอง

    แอ๊ด~

    เสียงประตูปิดอย่างเบามือแต่ก็ยังมีเล็ดลอดออกมาบ้าง
    “เลิกเล่นละครได้แล้ว” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยขึ้นลอยๆพร้อมกับแววตาที่ไม่พอใจปรากฏขึ้นบนหน้าฉัน

    “เฮ้ๆเบาๆหน่อย” เจ้าตุ๊กตาเพศผู้ตัวน้อยค่อยๆยันตัวลุกขึ้นเดินเข้าหาฉัน “เธอกำลังจะทำให้ฉันลำบากนะ”

    “ลำบากอะไร?” ฉันหันมองตุ๊กตาตัวที่ชอบทำตัวน่ารำคาญอยู่เรื่อยๆ
                “ถ้าพวกนั้นรู้ได้ถูกจับไปขาย ไม่ก็ไปโชว์ตามงานแน่ๆ” เจ้าตุ๊กตาเริ่มบ่นกับตัวเองพร้อมทำหน้าเซ็งๆ
                “แล้วรู้ไหมว่านี้มันอะไร?” ฉันชี้ไปที่ตัวเองเพื่อต้องการจะถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่!
                “ดูเหมือนจะมีข้อมูลผิดพลาดระหว่างมาที่นี้น่ะซิ” เจ้าตุ๊กตาหันมาตอบ “อ้อ!เธอคือเด็กใหม่ซินะ ข้อมูลที่ว่าน่ะคือตัวเธอเองที่เป็นข้อมูล ถ้าต้องเปลี่ยนช่องระบบกระทันหันมันก็ทำให้ข้อมูลผิดพลาดไปบ้าง... ธรรมดาๆ”
                “หึ!อย่าโม้เลย” ฉันรีบตอบกลับทันทีพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา
                “งั้นทำไมเธอถึงคุยกับพวกเค้ารู้เรื่องล่ะ? เธอมาที่นี้ได้ยังไงจำได้ไหม?” เจ้าตุ๊กตาตัวน้อยเริ่มตั้งคำถามให้ฉันได้คิด “ฉันจะบอกให้นะ ในโลกแห่งนี้การพูดจะถูกแปรเป็นสาร ส่งเข้ารหัสและถอดรหัสอย่างรวดเร็วจนผู้รับสารได้ยิน”
                “นายหมายความว่าเมื่อกี้ฉันพูดภาษาหนึ่ง แต่อาเรียได้ยินอีกภาษาหนึ่งใช่ไหม?” ฉันเริ่มเข้าใจอะไรบางหลังจากได้คิดทบทวน
                “ใช่! แล้วที่เธอมาที่นี้ฉันไม่รู้หรอกนะว่ามาได้ไง? แต่ว่าตอนนี้เธออยู่ในสถานะภาพไฟฟ้าหรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์นั่นแหละ” เจ้าตุ๊กตาเริ่มเอ่ยออกมาในเชิงความรู้ราวกับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์จนทำให้รู้สึกหมั่นใส้เจ้าตุ๊กตาบ้านี้ขึ้นทุกที
                “แล้วถ้าจะซ่อมหรือกู้ข้อมูลเดิมล่ะ?” ฉันเริ่มหันมามองตัวเองซึ่งอยู่ในร่างเด็กหนุ่มมาดหล่อ น่ารัก
                “อันนี้ฉันไม่รู้... คงต้องหานักกู้ระบบล่ะมั้ง?” เจ้าตุ๊กตาเอ่ยตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก “ว่าแต่เราจะทำยังไงต่อดีล่ะ?”
                “...” ฉันเงียบไป เพื่อใช้ความคิดและทางออกสำหรับปัญหานี้ “คงต้องอยู่ที่นี้สักระยะ”
                “ถ้างั้นก็ดี” เจ้าตุ๊กตาตอบหน้าตายก่อนจะกลับไปนอนที่โต๊ะข้างๆเตียงเช่นเดิม “ข้าจะนอนก่อน”
                ดูเหมือนเจ้าตุ๊กตาจะเหนื่อยมากหลังจากตะลุยกับพวกมังกร... แต่ในความเป็นจริงแล้วฉันต่างหากที่อุ้มมันมาตลอดทาง!!

               


    ...        

    เวลาล่วงเลยมานานเท่าไหร่แล้วนะ?

    ฉันตื่นขึ้นหลังจากเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ก็ต้องพบว่าตัวเองโผล่มาที่ห้องใหม่เสียแล้ว บรรยากาศที่นี้ดูเหมือนห้องนอนขนาดใหญ่โต สีผนังเป็นสีน้ำเงินเข้ม บนเพดานถูกวาดเป็นรูปท้องฟ้าอีกทั้งพื้นถูกปูไปด้วยพรมสีขาว ทั้งโซฟา เตียงนอนอีกเตียง โทรทัศน์เครื่องใหม่ฝังในผนัง และก็โต๊ะล้วนเเต่เป็นสีขาวทั้งสิ้น
                เสียงน้ำไหลเบาๆจากด้านหลังประตูบานหนึ่งซึ่งฉันคาดเดาได้ว่าเป็นห้องอาบน้ำ

    ...

    ฉันค่อยๆยันตัวเองขึ้น แผลตามร่างกายกำลังปิดสนิทอย่างรวดเร็ว รวมทั้งเรี่ยวแรงที่ฟื้นตัวได้ดีเช่นเดียวกัน น่าแปลกที่ไม่รู้สึกถึงอาการเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวอีกแล้ว?

                ~~

    เสียงน้ำเบาลงจนหายไป ในเวลานั้นเองที่ฉันกำลังยันตัวลุกขึ้นจากเตียงด้วยเรี่ยวแรงที่เริ่มกลับมามีอีกครั้ง
                จนกระทั่ง...
               

    วูบ!!   ประตูเปิดออกพร้อมกับร่างชายหนุ่มที่เดินออกมาจากห้องน้ำด้วยทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงผ้าขนหนูมัดรอบเอวเท่านั้น!!
               
    “เจ้ากำลังจะทำอะไรน่ะ?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยเรียกฉันให้หันไปมอง ในขณะที่ฉันเองก็ไม่ทันได้ตั้งตัวใดๆ...

                ว๊าย!~
               
    “ขอโทษคะ” สองมือรีบยกขึ้นมาปิดนัยต์ตาทั้งสองโดยพลันด้วยความตกใจ ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกร้อนอกร้อนใจอย่างนี้นะ

                “เป็นอะไรน่ะ?” ชายหนุ่มพี่ชายอาเรียก้าวเท้าเดินผ่านร่างเด็กหนุ่มผู้บอบบางไปอย่างไม่ใส่ใจนัก แต่สุดท้ายก็อดที่จะเอ่ยบอกไม่ได้ว่า “ทำตัวอย่างกับผู้หญิงไปได้”
                “คะ-คือ” ฟากกำลังจะเอ่ยออกไปแต่ไม่รู้ทำไมถึงได้ตื่นเต้น หัวใจฉันเองก็สั่นไหวไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้
                “ข้าแต่งตัวแล้ว ...จะปิดตาอีกนานไหม?” เสียงของคาร์ลบอกจากด้านหลังทำให้ฉันเองค่อยๆเลื่อนมือออกอย่างช้าๆโดยหวังว่าจะไม่เจออะไรที่มันแทงตาอีก
                เมื่อเปิดตาออกแต่ฉันเองก็ยังรู้สึกร้อนๆบริเวณใบหน้าตัวเอง อีกทั้งยังไม่กล้าพอจะหันหลังกลับไปมองชายหนุ่มอีกครั้งอยู่ดี
                “ให้ตายซิ” คาร์ลบ่นอุบอย่างรำคาญท่าทีคนบางคนจนกระทั่งชายหนุ่มเอื้อมมือไปแตะไหล่ของเด็กหนุ่มเบาๆแต่ร่างของเด็กหนุ่มคนนี้กลับสะดุ้งราวกับโดนไฟฟ้าแรงสูงช็อตร่างกระทันหัน!!
                “สงสัยฉันจะมาผิดห้อง” ฉันเอ่ยออกไปโดยลืมหมดทุกสิ่งอย่าง ลืมไปว่าลืมตาตื่นก็อยู่ในห้องนี้แล้ว ลืมไปเพราะความอายหรืออะไรก็ไม่รู้กำลังเล่นงานฉันอยู่ข้างในกาย

                ฟุบ!~

                ชายหนุ่มคว้าไหล่ของฉันเอาไว้อีกครั้งแต่คราวนี้กระชากร่างฉันไปนอนอยู่บนเตียงด้วยพละกำลังอันมหาศาลที่มีอยู่อย่างง่ายดาย
                “เจ้าจะบ้าหรอ! คนของท่านพ่ออยู่เต็มบ้านเลยนะเวลานี้” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาลงพร้อมกับแววตาที่ตื่นตระหนกต่างจากทุกครั้งที่มองฉัน แล้วเขาก็ถอนหายใจเบาๆกับตัวเองอย่างหน่ายใจ “ถ้าอยากจะอยู่รอดจนแผลหายดีก็จงคิดก่อนที่จะทำอะไรเข้าใจไหม!?”
                ฉันรีบดันตัวลุกขึ้นจากเตียงทันทีที่ตั้งสติได้ แต่ก็ไม่วายโดนคาร์ลปิดปากเอาไว้

                ชู่ว์~
                เสียงนอกประตูดังขึ้นเบาๆ “สงสัยจะหูฝาดไปเองซินะ”
                “ก็ใช่นะซิ เจ้าบ้า” อีกเสียงหนึ่งตอบกลับ

                ...
                แล้วเสียงก็หายไปในไม่กี่วินาทีต่อมา ...มือที่ปิดปากอยู่ค่อยๆเลื่อนเปิดออกช้าๆราวกับคาร์ลกำลังระแวงคนนอกห้องอยู่และไม่อาจจะวางใจได้จนกว่าจะเปิดประตูไปเห็นเองกับตา
                “เงียบไว้นะ” คาร์ลเอ่ยเสียงเบาราวกับเสียงกระซิบ ก่อนที่เขาจะเดินไปเช็คข้างนอกห้องซักครู่หนึ่งจนพอใจ
                ชายหนุ่มก้าวเท้ามาหาฉันที่ยืนนิ่งอีกครั้ง แต่นัตต์ตาคราวนี้กลับมาเป็นไม่พอใจอีกแล้ว “อีก2วันแผลจะหายดี ข้าจะไปส่งเจ้าที่ป่าเดิม”
                “ตะ-แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าจะไปไหน?” ฉันรีบเอ่ยเพื่อดึงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุด ก่อนที่จะได้รู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมฉันเองก็อยากจะมีที่อยู่มากกว่าจะไปพเนจรไร้จุดหมายข้างนอกบ้านนั่น
                “นั่นมันปัญหาของเจ้า!!” คาร์ลเอ่ยอย่างตัดเยื้อใย ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า

                ฟุบๆๆ!!~

                เสื้อผ้าถูกโยนมาใส่เด็กหนุ่มอย่างฉันโดยไม่ทันตั้งตัว จนเสื้อคลุมปิดหัวไปหมด
                “ไปอาบน้ำได้แล้ว เสื้อผ้านี้ของข้าเอาไปใส่ก่อน” คาร์ลพูดกับเด็กหนุ่มซึ่งกำลังหยิบเอาเสื้อออกจากหัวตัวเองอย่างงุนงงอยู่
                ในขณะที่ฉันเองซึ่งอยู่ในร่างเด็กหนุ่มกำลังมองดูเสื้อผ้าอย่างไม่ใส่ใจอะไรนัก แล้วเดินเข้าห้องอาบน้ำไปจนกระทั่งถอดชุดออกมาแล้วเพิ่งนึกออกว่าลืมอะไรไป...

                ...

                กรี๊ด!!~~

                ปึง!

                คาร์ลพุ่งพรวดเข้ามาในห้องน้ำอย่างตื่นตระหนกอีกครั้ง แล้วเมื่อฉันเห็นเขาที่พุ่งเข้ามา...

                กรี๊ดด!!~

                !!
                ..
                คาร์ลรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจึงรีบปิดปากฉันแล้วล็อกประตูห้องน้ำโดนพลัน

                ปังๆๆๆ!!~

                “คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าครับ!!” เสียงตะโกนจากหน้าห้องดังขึ้นด้วยความเป็นห่วง
                “ไม่เป็นไรๆ พอดีเผลอกดโทรทัศน์เสียงดังไปหน่อยน่ะ” คาร์ลตะโกนตอบเสียงดังจนก้องไปทั่วห้องน้ำ ในขณะที่มือของเขายังคงปิดปากฉันไว้แน่น
                “ผมจะรออยู่แถวๆนี้นะ มีอะไรบอกได้ตลอดนะครับ” เสียงของคนหน้าห้องตะโกนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบาๆลง
                “ชิ!ทำไมฉันต้องมาทำแบบนี้ด้วย” คาร์ลบ่นอุบเสียงเบาแต่ถึงอย่างไรฉันเองก็ได้ยินเต็มๆสองหูอยู่ดี
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×