ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO FIC) dear you, kaisoo

    ลำดับตอนที่ #8 : 07 ' Crush (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 910
      13
      6 ส.ค. 61

    B
    E
    R
    L
    I
    N
     










    สำหรับผม เขาเป็นเฉดสีของท้องฟ้าที่ไม่แน่นอน


    วันนี้อาจจะเป็นสีเทาหม่น หรือพรุ่งนี้อาจจะเป็นสีชมพูส้มสวย


    และผมเลือกเก็บฟ้าของเขาไว้ในใจ, มากกว่าจำนวนวันในหนึ่งปีเสียอีก

     

     






    07 ‘ Crush

     


     

                “มีไข่เหลืออีกมั้ยครับ”

     

                “ขอโทษนะครับคุณน้า”

     

     

                ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่แน่ใจ ผมสถาปนาตัวเองเป็นเชฟมือฉมัง ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายน่ารัก ยืนอยู่หน้าเตาร้อนๆมาร่วมยี่สิบนาที -- บางครั้งก็เปลี่ยนเป็นทหารคอยยกฝาหม้อเล็กๆหลบวิถีกระสุนน้ำมันที่หมายมุ่งมาที่ผมเสียให้ได้

     


                ไข่ดาวฟองที่เจ็ด (ถ้าผมนับไม่ผิด) นอนเกลือกกลิ้งอยู่บนกระทะ และครั้งนี้ผมจะไม่แพ้เด็ดขาด มือข้างหนึ่งตวัดพลิกไปมาอย่างคล่องแคล่ว รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อ เหงื่อเม็ดใหญ่เกาะอยู่ตามไรผม ทันใดนั้นก็ -- “ย่าห์ลดไฟลงซี มันไหม้หมดแล้ว!

     



                เพราะวันนี้เทพเจ้าไข่ดาวไม่เข้าข้าง ไข่ดาวฟองที่เจ็ดจึงไม่ถูกเสิร์ฟ ผมกดปิดเตาแก๊สด้วยความขุ่นเคือง ช่างแม่งปะไร -- ให้ตายเถอะ อุตส่าห์ตั้งนาฬิกาปลุกตื่นก่อนคยองซูแท้ๆ ผมเหลือบเห็นเขายืนเท้าคางกับเคาท์เตอร์ในห้องครัวส่งยิ้มล้อเลียน

     

     

                และสาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ผมยอมเข้าครัวก็คือ...

     

     

                “แบบนี้จะไหวเหรอ” คุณน้าเดินเข้ามาตัดผ่านระหว่างสายตาของผมและเขา น้ำเสียงเรียบนิ่ง แววตาไม่มีความล้อเล่นเลยซักนิด

     


     

                มือสองข้างกุมเข้าหากันโดยอัตโนมัติเมื่อแม่ของคยองซูเดินเข้ามาผลงานของผม กลิ่นไหม้เล็กๆลอยแตะจมูก หลังจากนั้นเสียงถอนหายใจ เราสบตากันสั้นๆ คุณแม่ของคยองซูผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง ใบหน้ายังคงแต่งแต้มด้วยความงามวัยสามสิบปลายๆ -- ผมส่งประกายวิบวับในดวงตาให้แก่เธอ

     

     


                หวังว่าจะพอไหว

     

     

                “ไปนั่งเถอะ เดี๋ยวฉันทำต่อเอง”

     


                “ไม่ครับ ผมขออีกหนึ่งฟองสุดท้าย” ผมยืนกราน แม้ว่าบนโต๊ะอาหารตอนนี้จะเต็มไปด้วยมื้อเช้าแบบตะวันตกง่ายๆก็ตาม สถานการณ์ตอนนี้เหมือนกับตอนเช้าของครอบครัวใดซักครอบครัวหนึ่ง การท้าลองของผู้ที่หมายมั่นจะจีบสุดที่รักของบ้าน

     

     


                นกสีดำตัวเล็กขับร้องได้เพียงไม่กี่ตัวโน๊ต แสงแดดอ่อนๆของดวงอาทิตย์ที่ใกล้ขึ้นสมบูรณ์เต็มทีลอดผ่านกระจกหน้าต่างบานใส เป็นเงาของหน้าต่างเป็นชั้นๆ สะท้อนบนกำแพง นอกจากนั้น -- ที่ผมเห็น คือความเสียใจ ความผิดหวังที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ

     

     


                คุณแม่ของคยองซูพยักหน้า “เท่าที่เธอไหวเถอะ มากกว่านี้ไม่ดีหรอก”

     

     

                “ขอบคุณที่กรุณาครับ” ผมโค้งให้เธอ เคลื่อนตัวอย่างช้าๆเพราะสมองประมวลผลเกี่ยวกับสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้ ผมรู้ว่าทำไมเธอถึงยังไม่เปิดใจให้ผม และเข้าใจ เข้าใจเป็นอย่างดีว่าเธอเป็นหญิงสาวที่ผ่านรสชาติของความรักมาทุกรูปแบบ

     

     


                สูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะหันไปหยิบไข่ไก่ฟองสุดท้ายในถาด เสียงเล็กๆเหมือนนกตัวน้อยตอนเช้ารั้งผมเอาไว้ เขาตรงเข้ามา เส้นผมสีแดงของเขาชี้ยุ่ง ใบหน้าสดเรียบเนียนเหมือนเด็กอนุบาล เขาเหมือนเด็กมากกว่าเดิมเพราะผมสีแดงถูกมัดเป็นจุกด้วยหนังยางสีเชอร์รี่

     



                “ก้มลงหน่อยสิ ฉันจะมัดผมให้” ผมทำตามอย่างว่าง่าย

     

     



                ใบหน้าของเขาเคลื่อนที่เข้าใกล้เหมือนแม่เหล็กดึงดูด ปลายเท้าซีดขาวของเขาเขย่งขึ้นพอดิบพอดีกับปลายจมูกของเราที่ฉวัดเฉวียนจวนเจียนจะแตะกันทุกเมื่อ ใกล้เกินไปแล้ว มุมปากของผมจุดยิ้มเมื่อสังเกตถึงสีแดงฝาดเหมือนมะเขือเทศสุกแต่งแต้มบนพวงแก้มยุ้ยน่ารัก

     



                อากาศที่คั่นระหว่างเราไว้ เงียบเชียบ ผมปล่อยให้ปลายนิ้วของเขาสัมผัสบนผมตัวเอง ตักตวงเวลาตอนนี้พิจารณาองค์ประกอบบนใบหน้าของเขา รวมถึงกระหม่อมเล็กๆของเขา

     

     


                อ่า ผมเริ่มกลายเป็นเด็กโลภอีกแล้ว

     

     

                “เสร็จแล้ว” เขาพึมพำ “ไม่ต้องคิดมากนะ”

     

     


                ผมหันไปส่องกระจกตู้เก็บจานเหนือหัว ตอนนี้เรากลายเป็นลูกเชอร์รี่เหมือนกันทั้งคู่แล้วผมคิดว่ามันน่ารักเป็นบ้าและผมพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายที่จะไม่ระเบิดยิ้มออกมา เขาตัวเล็กอยู่ในชุดนอนสีฟ้าอ่อน มือเล็กโผล่พ้นแขนเสื้อมานิดหน่อย กางเกงขายาวสีเดียวกันที่ยามคลุมเท้าเล็กๆนั่นอีก

     



                ทุกสิ่งทุกอย่าง หรือแม้แต่องค์ประกอบ แสงแดด กลิ่นหอมอ่อนๆของขนมปังอบจากข้างบ้าน

     


                และเขา จะถูกจดจำอยู่ในเช้าวันเสาร์ที่อากาศดี มันประทับเป็นภาพที่ผมไม่อยากให้เช้าวันนี้ผ่านไป

     

     


                “ผมไม่คิดมากหรอก”

     

                “อื้อ โทษทีนะ”

     

                “ขอโทษทำไมครับ คุณแม่อ่าไม่สิ... คุณน้า เธอจะต้องชอบผมแน่ๆล่ะ” พูดอย่างมั่นใจถึงแม้ในใจจะหวั่นๆก็เถอะ

     

     

                ก็ดูสิครับ เธอหวงลูกชายเธอจะตายไป

     


                แต่ผมไม่แปลกใจหรอก ไม่แปลกใจเลย ก็ลูกชายบ้านนี้น่ารักเสียขนาดนี้นี่เนอะ

     

     


                คนตัวเล็กหันไปมาดูซ้ายดูขวาเหมือนเด็กมีความผิด ไม่สิ กำลังทำความผิด พี่คยองซูออกแรงดึงปลายผ้ากั้นเปื้อนเบาๆ ริมฝีปากอิ่มสีพีชบดเข้าหากัน ผมมองเขาด้วยความสงสัย นั่นเขาจะทำอะไรของเขาน่ะ แต่แล้ว วินาทีถัดมา

     

     


                ทันทีที่ปลายเท้าเขย่งขึ้นอีกครั้ง รวดเร็ว ขวยเขิน อ่อนนุ่ม

     


                ผมได้ครอบครองริมฝีปากของเขาโดยไม่ทันตั้งตัว

     

     



                “คุณจงอินครับ”

     

                “...คะ ครับ” สวัสดีหัวใจ

     

                ใบหน้าผมเห่อร้อนหนักกว่าเดิมเมื่อเสียงหวานเล็กๆเรียกผมด้วยคำสุภาพ

     

                “วันนี้ไปเดทกันนะ” เป็นยังไงบ้าง ไหวหรือเปล่า

     

                “ไฮว้ทิ้ง!

     

     


                ดวงตาปิดโค้งน่ารัก รอยยิ้มรูปหัวใจที่ผมปรารถนาจะครอบครองแต่เพียงผู้เดียว

     



                คยองซูรีบวิ่งออกไป ทิ้งให้ผมยืนแตะริมฝีปากตัวเองอยู่ตรงนั้น เขามันร้ายกาจแบบที่ผมชังเสียเหลือเกิน ทำไมน่ะหรือ? เพราะผมเกลียดตัวเองที่ไม่สามารถเป็นจงอินผู้เข้มแข็ง ที่ผมถามหัวใจว่าไหวหรือเปล่า เพราะถ้าตอนนี้มันกำลังเต้นอย่างหนักหน่วง ผมก็อยากจะบอกว่าตอนนี้เจ้าของหัวใจก็ไม่ไหวเหมือนกัน

     

     



                สวัสดีคิมจงอินผู้พ่ายแพ้แก่โดคยองซูอย่างราบคาบ

     

     

    .

    .

    .

    .

     

     



                “เดี๋ยวผมล้างชามเองครับ คุณน้าไปพักเถอะ”

     



                มื้อเช้าผ่านไปอย่างเรียบง่าย ไข่ดาวฟองที่แปดมีรอยไหม้เล็กน้อยเป็นริ้วแต่ไม่เท่าไหร่นัก บนโต๊ะอาหารมีเสียงของสองแม่ลูกพูดคุยกันปกติ มีบ้างที่ผมเข้าไปแจมด้วยแต่นั่นทำให้หญิงสาวหนึ่งเดียวในบ้านเงียบลงผิดปกติ แต่พี่คยองซูก็รู้วิธีที่ทำให้มันผ่านไปได้จนจบ

     

     


                ผมหลงรักเวลาที่เขารู้ว่าผมจะทำอะไร จะพูดอะไร กำลังรู้สึกยังไง อย่างเช่นตอนที่เขากำลังพูดถึงละครเวทีของนิเทศ เนื้อเรื่องสั้นๆถูกถ่ายทอดออกมา เพราะผมมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับงานนี้อยู่หนึ่งส่วนสี่ ทำให้ผมอดยิ้มยีฟันไม่ได้เมื่อเขาเอ่ยชมเรื่องโปสเตอร์ของผมให้แม่ของเขาฟัง

     

     


              คอมเมนท์ส่วนใหญ่บอกว่าโปสเตอร์ของเขาน่าสนใจมากๆ

     

              งั้นเหรอ ฝีมือขนาดนั้นเชียว



                ผมในตอนนั้นเตรียมจะรัวคำพูดออกไป แต่คยองซูกลับ ของแบบนี้ต้องเห็นด้วยตัวเองครับ

     


                หั่นไส้กรอกและละเลียดช้าๆ เขาเป็นคนสุขุมโดยธรรมชาติอยู่แล้วแต่ครั้งนี้ผมกลับรู้สึกว่า งานเข้า

     


                วันพรุ่งนี้วันเกิดของอึลบี เธอน่าจะได้รับรูปสวยๆเป็นของขวัญ

     


                ครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมกำลังทำหน้าไม่พอใจใส่คนขี้แกล้งที่ช่วยผมล้างจานอยู่ข้างๆ ให้ตายเถอะ

     

     



                “อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า ฉันกำลังทำให้เดทของเราไปได้สวย”

     

                “ถ้าฝีมือของผมไม่เตะตาแม่ของพี่ล่ะครับ” ริมฝีปากเบะลง ผมไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ

     

                “แม่ฉันจะชอบนาย แน่ๆล่ะ โทแกบีเป็นพยานเลย”

     

     


                จานกระเบื้องลายสวยใบสุดท้ายถูกจัดเข้าที่ หยดน้ำจากปลายขอบหล่นกระทบกับซิงค์เย็นๆ เขาจับผมหมุนไปอีกทาง ดึงเชือกผ้ากันเปื้อนออก ผมปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นตุ๊กตาให้เขาหมุนเล่นตามใจชอบ ถอดถุงมือยางสีชมพูหวานแหว๋วออกให้ผม เขาทำมันเหมือนกับคุ้นเคย ธรรมชาติมากจนหัวใจของผมกระตุกไปหนึ่งจังหวะ

     


     

                “เดทของฉันมันไม่สวยหรูเหมือนคนอื่นที่ผ่านๆมาของนายหรอกนะจงอิน”

     

     


                ผมหัวเราะเบาๆกับประโยคตรงไปตรงมาของเขา ถ้าให้ถูกคือเขากำลังเปิดใจให้ผมอย่างสุดความสามารถแล้ว ผมขอบคุณที่เขายอมเปิดด้านที่น้อยคนนักจะรู้ มันถูกซ่อนเพราะสิ่งนี้น่าหวงแหนมากกว่าจะเปิดเผยออกมาให้ใครต่อใครสัมผัส

     



                เขาไม่ได้สมบูรณ์นัก ... ที่จะบอกคือไม่มีใครสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าผมหรือคุณ

               


                หากแต่คุณมีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก หนึ่งเดียวที่มีสมบัติหลายชิ้นซุกซ่อนอยู่ในตัวเอง

     


                คุณต้องเพียรค้นหา ใช้เวลา ใช้หัวใจ ค้นหามันให้พบเท่านั้นเอง

     

     



                “ผมอยากรู้จักพี่จริงๆ และผมคิดว่าวันนี้มันต้องเป็นเดทในฝันของผมแน่ๆ”

     



                จากการอนุมานเอาเอง พี่คยองซูหัวเราะกังวานใสเหมือนพรวนกระดิ่ง มันประกายสวยและอบอุ่นลอยละล่องในอากาศ เป็นเจ็ดโมงตอนเช้าที่ผมอยากตื่นขึ้นมาทุกวัน หากได้รับรอยยิ้มจากเขา สัมผัสจากเขา ผมชอบทุกอย่างที่เขามอบให้

     

     


                เป็นของขวัญสำหรับเด็กดีที่ยอมตื่นเช้า

     

     





     

                หลังจากที่เราจัดการเก็บกวาดมื้อเช้าอันแสนเรียบง่าย ผมออกไปรดน้ำต้นไม้ สายยางสีเขียวระโยงรยางค์ บ้านของเขามีต้นไม้ที่ผมไม่เคยเห็นหลายต้น แปลงดอกไม้ กลีบสีสดเบ่งบานสวยแต้มแต้มด้วยจุดหรือขีดน่ารักๆ พระอาทิตย์สาดแสงอบอุ่นเจิดจ้าบนม่านฟ้าโปร่ง

     


     

                ตอนที่ผมก้มจัดการช่วยให้เจ้าดอกฟล็อกซ์กระจิดริดไม่เห็นเอนจนล้มลง มือสองข้างค่อยๆประคองมันกลับไปที่เดิม พี่คยองซูที่ออกมาจากบ้านหลังจากหยิบกล้องวีดิโอตัวเล็กออกมา เขาหันกล้องมาที่ผมอย่างเปิดเผย

     


     

                “น่าเกลียดจะตาย!

     

     

                เสื้อสีเทาย้อยๆจนเกือบเห็นแผงอก กางเกงขาสั้น เพราะว่ารีบมาที่นี่มากเลยหยิบแต่ชุดที่ใกล้ที่สุดมา เขาหัวเราะอีกครั้ง เสียงดังแบบไม่คีพคูล คนตัวเล็กวิ่งเข้ามาใกล้ เท้าเล็กเปลือยเปล่าแตะลงบนพื้นหญ้าเขียว มันดูนิ่มราวกับปุยเมฆตอนที่เขาวิ่งไปมา พี่คยองซูพยายามเข้ามาถ่ายใกล้ๆ

     



                “อย่าให้จับได้นะครับ!

     


                “มาเลยเด็กหมี” เขาตะโกน สวนในบ้านไม่ใหญ่มากนักแต่กลายเป็นสงครามวิ่งไล่จับระหว่างผมและเขา เขาอัดวีดิโอตอนที่ผมพยายามวิ่งจับตัวเขา บรรยากาศรอบตัวเราเต็มไปด้วยละอองแดด อณูความสุขที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ

     



                รอยยิ้มสวยวาดขึ้นบนใบหน้าน่ารัก เสียงที่ผมได้ยินมีแต่เสียงแห่งความสุข

     



                เราสลับกันถ่ายวีดิโอบ้าง มือเล็กเอื้อมเข้ามาจับจูงผมไปยังต้นโรสแมรี่สีม่วง ผมจ้องมองมือใหญ่ของๆตัวเองที่ประสานกับมือเล็กๆของเขาผ่านจอกล้อง ปากเล็กๆขยับเสียงเจื้อยแจ้วเหมือนไนติงเกลแสนไพเราะ นิ้วป้อมๆชี้ไปทางโรสแมรี่ ใช่ครับ เขากำลังแนะนำดอกไม้ที่เขาและคุณแม่ช่วยกันปลูก

     



                “บางครั้งเราจะตัดมันไปขาย ไม่ก็จัดแจกันไว้ในห้องนั่งเล่น”

     


                มันไม่เคยน่าเบื่อ ระหว่างเรา ตัวตนของเขา เขาที่เป็นเจ้าของสีชมพูแสนอ่อนหวาน สีม่วงเข้มลึกลับ แม้แต่สีเขียวบริสุทธิ์ หรือ สีฟ้าสุขุม บ้างก็เจิดจ้าเหมือนสีส้มสว่างไสว และเขาร้อนแรงเหมือนไฟเพลิงสีแดงโชติช่วง

     



                และแม้กระทั่งสีเทาหม่นหมอง

               


                ถ้าเปรียบเขาเป็นเฉดสีของท้องฟ้า ในโทรศัพท์ของผมคงมีรูปของเขามากกว่า 365 รูป

     

     



                “ยิ้มหวานๆหน่อยสิครับ”

     

                “แบบนี้น่ะหรอ” รอยยิ้มตลกๆเผล่ขึ้นบนใบหน้า หลังจากนั้นเราก็ส่งเสียงหัวเราะอีกครั้ง

     

     


                ผมจึงตัดสินใจสลับกล้อง หมุนหาองศาที่พอดี ด้านหลังเป็นแปลงดอกไม้หลายชนิด กลิ่นหอมอ่อนๆจากเกสร ผีเสื้อกระพือปีกเป็นท่วงท่างดงาม ฟ้าที่เขยิบให้แสงสีทองส่องกระทบมาที่เราราวกับสปอตไลท์ ดวงตากลมโตของทอแสงเป็นสีน้ำตาลประกาย แพขนตายาว จมูกรั้นขึ้นสีแดงเหมือนกวาง

     

     

                “คุณโดคยองซูช่วยยิ้มหน่อยได้มั้ยครับ”

     

                “ไม่ได้คั๊บ” น้ำเสียงดัดเล็กน่ารัก

     

     



                ให้ตายเถอะหัวใจ!

     


                แล้วเพนกวินก็ยังคงเป็นเพนกวินขี้เขินอยู่วันยังค่ำ คนตัวเล็กเบนหน้าไปอีกทางเมื่อตัวเองหลุดทำตัวขี้เล่นออกมา ใบหน้าแดงซ่าน เช่นเดียวกัน -- แขนแกร่งโอบกอดไหล่เล็กเข้ามาใกล้แล้วส่งยิ้มอบอุ่นเหมือนหมีตัวโตแบบที่คนตัวเล็กชอบ ส่งยิ้มให้กล้อง ผลัดกันแอบชำเลืองมองกันไปมา ห้วงวินาทีที่โลกของของผมโคจรเข้าใกล้กับดวงจันทร์อย่างเขา

     

     

                เราประสานสายตากันอยู่ชั่ววินาที ผมตัดสินใจแล้ว ตัดสินใจที่รวบรวมความกล้า จรดริมฝีปากประทับบนหน้าผากเล็ก จู่โจมอย่างแผ่วเบา ท่ามกลางธรรมชาติ เสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งที่แขวนไว้หน้าบ้านยามที่ลมพัด

     

     

                “ขอบคุณนะครับ”

     

                “...อื้อ ขอบคุณนะ”

     



                ผมชอบตอนที่ปลายเท้าของเราเสมอกัน มือที่ประสานกันอย่างลับๆ พี่คยองซูหลุบตามองพื้น มืออีกข้างที่ไม่ได้ทำอะไรยกขึ้นมาถูจมูก ค่อยๆลดมือลง กดบันทึกวีดิโอ เก็บบันทึกเอาไว้เมื่อหวนกลับมาดูอีกครั้งจะได้รู้ว่าได้เคยทุ่มเทเพื่อรักมากแค่ไหน เราต่างก็หลงใหลเป็นกับรัก ครั้งหนึ่ง เป็นคนโง่งมงาย และได้รับบทเรียนจากรักมากมาย

     

     

                แน่นอนว่าเรื่องราวของเราในวันนี้จะไม่จบเพียงแค่นี้

     



                “ไปกันเถอะครับ”

     

     

     


                ไม่หวือหวา ไม่กระโตกกระตากเกินไป แผ่นหลังของคนทั้งสองคน ส่วนสูงที่แตกต่างทว่าลงตัวพอดีอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นองค์ประกอบอย่างสุดท้ายในสวนแห่งนี้ ภาพเหล่านี้จะกลายเป็นทรงจำที่ไม่อาจประเมินมูลค่าได้ ชั่วขณะหนึ่ง ... เราอยู่ในภาพความสุขกับใครซักคน แม้บางครั้งอาจจะจางลงจนเกือบเป็นสีขาวดำ

     




                แต่ขึ้นชื่อความทรงจำ มันเคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งในหัวใจ

     

     

     

     









     

     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×