ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (EXO FIC) dear you, kaisoo

    ลำดับตอนที่ #11 : 09 ' Vivacious (1/2)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 412
      26
      7 พ.ค. 61








     

     

    แด่ ความสุขของเรา

     

    ไลเลคสีขาวหนึ่งช่อ และคำสารภาพรักครั้งที่สองของเรา

     



     

    09 | vivacious

     

     

        

                เสียงโน๊ตตัวแรกค่อยๆไล่เสียงขึ้นดังก้องไปทั่วห้องสี่เหลี่ยม มันดังมาจากลำโพงอันเล็กที่ตั้งอยู่เหนือหัวเตียง ดนตรีสบายๆชวนให้ขยับร่างกาย แสงสีทองลอดผ่านม่านสีขาวบางไปตกกระทบบนสันจมูกเล็กของใครบางคนที่ยังไม่ยอมลุกจากเตียง สายลมหอบเอาความหนาวเหน็บเข้ามาจนคนขี้เซาเผลอครางเสียงในลำคอ

     



     

                ความเย็นซึมผ่านผิวหนัง มือเล็กเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาปิดบังจมูกสีแดงเหมือนกวาง

     

     

                ภาพน่ารักตอนเช้าทำให้ร่างสูงสมส่วนที่ยังอยู่ในสภาพชุดนอนขายาวสีเขียวเข้มลายทางยืนมองพลางอมยิ้ม

     

     

                รู้ว่าเจ้าของห้องตัวน้อยขี้เซามากขนาดไหน แต่วันนี้พวกเขาจะสายไม่ได้ เด็กชายผมสีน้ำตาลเข้มค่อยๆย่างกรายเข้าไปให้กลุ่มก้อนผ้าห่มที่มีมนุษย์ตัวจ้อยหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทรา

     

     

                เหล่านกสีขาวตัวเล็กที่มาเกาะกันขับขานเสียงร้องอยู่บนระเบียง -- มันทำให้กลายเป็นเช้าที่สมบูรณ์แบบ

     

     

                "พี่คยองซู" น้ำเสียงทุ้มค่อยๆเข้าแทรกเข้าไปในความฝัน ดึงผ้าห่มออกช้าๆจนแสงอาทิตย์รีบเข้าไปจับจองพื้นที่ มันกระทบลงบนเปลือกตาสีไข่

     

          

                ผมเหมือนได้ยินเสียงจงอินในฝัน

     

     

                เพราะว่าแพลน A ไม่ได้ผล เจ้าของใบหน้าคมคายยกรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบที่อีกฝ่ายไม่ชอบ เขาจ้องมองพิจารณาใบหน้าใส พวงแก้มขาวที่แนบลงไปกับหมอน ผู้รบกวนยามเช้าค่อยๆใช้ปลายนิ้วของตัวเองไล้ตามกรอบใบหน้า

     

      



                "จะไม่ตื่นจริงๆหรอครับ"

      

     

                "อื้อ" นั่นไง เดาผิดซะที่ไหนละ

     

     

                รอยยิ้มอ่อนโยนจุดขึ้นบนใบหน้าสลักได้รูป เขาไม่รู้ว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อปลุกคนตัวเล็ก แต่ถ้าเป็นวิธีของเขาล่ะก็นะ -- พี่เขาคงบอก "โทเกบีจะสาปนายแน่ๆคิมจงอิน!" แบบที่ชอบพูดบ่อยๆ

     

     

                เด็กตัวสูงโน้มหน้าเข้าไปใกล้มากกว่าเดิมเพื่อเริ่มแผนการ

     

     

                plan B ยังไงล่ะ :-)

     

     

                ดวงตาคู่คมเล็งไปยังจุดแรก กลั้นยิ้มพร้อมๆกับพยายามเก็บเสียงโครมครามในอก จงอินอยู่ในท่านั่งคุกเข่าใบหน้าเอียงตามองศาใบหน้าเล็ก ริมฝีปากหนาค่อยๆเลื่อนเข้ามาใกล้ แล้วประทับลงบนเปลือกตาสีหวาน

     

     

                สัมผัสแผ่วเบาเหมือนขนนก จูบลงบนเปลือกตาทั้งสองอย่างอ่อนโยน

     

     

                เขากำลังจะบ้าตายถ้าพี่คยองซูยังไม่ยอมตื่น

     

     

                สายตาไล่ลงจนถึงปลายจมูกรั้นของแสนดื้อ กดจูบลงไปอีกครั้ง ครั้งนี้คิมจงอินไม่ประหม่าอีกต่อไปเพราะนี่มันเหมือนความฝัน เขาอยากอยู่ปลุกคยองซูแบบนี้อีก คนตัวเล็กเริ่มขยับตัวแพขนตาสั่นไหว

     

     

                ลืมตาขึ้นเห็นเงาโครงหน้าไม่ชัดเพราะไม่ได้สวมแว่นตา

     

     

                แต่ทุกองค์ประกอบบนใบหน้าของคนตรงหน้ายังชัดเจน

     

     

                นี่มัน ...

     

     


                "ตื่นสายต้องโดนทำโทษนะครับ" พูดจบพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆ และผมเผลอกลั้นหายใจ

     

     

                 ตอนที่ริมฝีปากของจงอินเคลื่อนเข้ามาใกล้อีกครั้ง

     




     

                ตึก

     

     


                ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยกระพือปีกอยู่ในช่องท้อง

     


     

                ตึก

     

     


                เหมือนกำลังมีชีวิตอยู่เพราะดวงอาทิตย์อย่างเขา

     



     

                "morning babe" สัมผัสอุ่นแตะลงบนกลีบริมฝีปากเล็ก นุ่มนวลเหมือนสายไหม ปลายจมูกของเราเฉียดกันไปมาเหมือนเย้าแหย่ หนึ่งวินาทีหลังจากนั้นเราก็หลุดยิ้มออกมา

     

     

                เขาที่เป็นเหมือนสองสิ่ง ... ในจักรวาลหรือบนโลกใบนี้

     

     

                ดวงอาทิตย์ที่หลอมละลายหัวใจใครมากมาย อบอุ่นเหมือนฤดูร้อนแม้ตอนที่กำลังหนาวเหน็บไปทั้งใจ

     

     

                 และ, ที่มากกว่านั้น

     


     

                 ผมรู้สึกเหมือนถูกรักจากพระจันทร์อย่างเขา

     

     




                "อรุณสวัสดิ์โดคยองซู"

     

     

                "อรุณสวัสดิ์คิมจงอิน" ผมตอบกลับไปด้วยความรู้สึกฟูๆในอก พอเห็นรอยยิ้มหวานเคลือบน้ำตาลของเด็กหมีทำให้ผมไม่อยากตื่นสายอีก เหตุผลของผมก็คงมีแค่อยากรีบตื่นเพื่อมาบอกอรุณสวัสดิ์เขาก่อน

     

     

                ส่วนเรื่อง morning kiss อื้อ ผมจะไม่ยอมให้เขาขโมยจูบเป็นครั้งที่สองหรอกน่า

     

     

                อ้อ ส่วนเรื่องที่จงอินมาโผล่ในห้องของผม บนเตียงของผมเวลานี้น่ะหรอ ผมจำไม่ได้แล้วว่ากี่เช้าที่ตื่นมาแล้วเจอเขา บางทีอาจจะเป็นวันศุกร์ซักวันของเดือน

     

     

                จงอินเมามาก ผมเลยตัดสินใจพากลับมาค้างที่ห้องเพราะมันดึกแล้วและที่สำคัญเด็กคนนี้ไม่ใช่นักดื่มทั่วไป เขาไม่แม้แต่โวยวายหรือทำตัวเป็นเด็กตอนที่กำลังจมอยู่กับรสขมของเหล้า ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงจัด จงอินเงียบ ยกแก้วดื่มอีกครั้งและเงียบ

     

     

                แต่ผมรับรู้ว่า ณ ตอนนั้นความเงียบไม่ได้ไร้เสียง

     

     


                มันอาจจะเป็นบางช่วงของชีวิตที่เราอยากจะตะโกนออกไปให้ใครก็ได้รับรู้ถึงรสความเจ็บปวด ความขมปร่าของน้ำตา แต่บางทีบางครั้งมันก็หนักหนาเกินกว่าจะพูดออกไป

     

     



                จงอินบอกกับผมว่า "อย่าเลยครับ อย่ารู้เลยว่าตอนนี้ผมเสียใจขนาดไหน"

     



     

                ผมพยักหน้า และไม่พูดอะไรต่ออีก ผมเข้าใจแล้ว -- ผมเลยสวมกอดเขา ไม่มีคำปลอบโยน แค่มีเพียงกอดยืนยันว่าเขาจะมีผมอยู่ตรงนี้ ผมจะรับฟังเขาอยู่เงียบๆ

     

     



                และทันทีในตอนนั้น ผมได้ยินเสียงร่ำไห้จากหัวใจ

     



     

                เขายังคิดถึงแม่ แต่ผมไม่โทษเวลาหรอกที่ไม่ช่วยอะไร เหมือนกับรัก, ไม่ว่าจะผ่านไปนานซักเท่าไหร่ เราลืมคนที่เราเคยบอกรักเขา ลืมความรู้สึกในวินาทีที่จูบกันครั้งแรกไม่ได้หรอก

     

     



                 เราแค่ต้องรอให้มันค่อยๆจางหาย ให้มันน้อยลง

     



                ทุกรักทิ้งร่อยรอยไว้เสมอ

     


     



                 สามวันต่อมาจงอินดีขึ้น เซฮุนบอกว่าเสียใจที่รู้ช้าไปและสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้เด็กน้อยของผมเมาเละเทะ เย็นวันนั้นจงอินวิ่งเข้ามา กอดและอุ้มผมขึ้นหมุนไปมาท่ามกลางผู้คน

     

     



                มันไม่ได้แปลว่าเขาลืมมันทั้งหมด คิมจงอินวาดรอยยิ้ม

     




                เขาบอกว่าเขาแค่จดจำไว้และตีค่าให้เป็นบทเรียนความรู้สึก มันเป็นหนึ่งในหลายพันเรื่องในชีวิตที่เขาต้องผ่านไปให้ได้ อื้อ ผมรู้สึกมีความสุขมากตอนที่เขาคิดได้อย่างนั้น

     

     



                ผมยันตัวนั่งแล้วห้อยสองขาลงจากเตียง จงอินนั่งขัดสมาธิเท้าแขนกับเตียงจ้องมาที่ผมเหมือนมีคำถาม

     

     





                "ตอนพี่ตื่นเหมือนมีนกมาทำรังบนหัวเลย"

     

     



                แล้วก็ส่งเสียงหัวเราะน่าเกลียด มีใครบนโลกที่ตื่นมาแล้วผมอยู่ทรงบ้างล่ะ! :(

     



     

                "ตอนนายตื่นก็มีคราบน้ำลายบนแก้มเหมือนกัน" จงอินเบ้าปากทำเป็นไม่สนใจ เขายกมือขวาของผมไปเล่น จับพลิกไปมาเหมือนทอดไข่ในกระทะ

     




                 "ชอบมือฉันขนาดนั้นเลยรึไง"

     



                ผมหรี่ตากลมๆของตัวเอง "ก็อยากจับมาตั้งนานแล้ว"

     

     



                เป๊ง คิมจงอิน 10 คะแนน -- มีใครได้มากกว่านี้อีกมั้ย ผมดึงมือกลับแล้วตีลงไปบนลาดไหล่กว้าง เด็กขี้แกล้งเลยใช้จังหวะนั้นขึ้นคร่อมบนตัวผมทันที

     

     




                รวดเร็วถึงใจยิ่งกว่าไม้กวาดนิมบัส 2001

     

     



                 เรือนผมเฉดสีที่ใกล้เคียงกับสีดวงตาของคนใต้อาณัติ ผมชอบสีน้ำตาลของเขามากกว่าสีเทาหรือบลอนด์สว่าง ประกายแดดสะท้อนกับกลุ่มผม แสงสีทองอาบไล้ตามกรอบใบหน้า

     



     

                ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับคนที่พร้อมจะระเบิดตัวเขาเหมือนภูเขาไฟได้ทุกเมื่อ คยองซูหัวใจเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมาเสียให้ได้

     

     



                 มือหนายกขึ้นลูบผมสีแดงหม่นเหมือนอย่างเคย ดนตรีจากลำโพงคลอเบาๆเป็นพื้นหลัง

     







     

              ผมไม่เคยอยากรักษาใครบางคนไว้มากเท่านี้มาก่อน

     

     


              I'm nothing by myself ,you and no one else

     

     


                "ถ้าไปดูดาวตกด้วยกันครั้งหน้า ผมอยากขอให้มีพี่อยู่แบบนี้ "

     


     



                 เพราะมือคู่นี้ของผมมันไม่เคยรักษาใครไว้ได้เลย แต่จงอิน ... มันเป็นเขาที่ผมรู้สึกขอบคุณอยู่เสมอ

     

     


              ขอบคุณที่อยู่กับผมมาตลอด

     

     


                "อยู่ ... ให้ผมบอกรักไปทุกวัน ให้ตื่นมาแล้วเจอพี่ ให้ได้จับมืออยู่ด้วยกันแบบนี้"

     

     


              Thankful you are my day 1

     



     

                "ผมรักพี่"  ไม่มีช่อดอกไม้ หรือของราคาแพง

     

     


                และถ้าจงอินตาไม่ฝาดไป มีหน่วยน้ำใสมากมายคลออยู่ในดวงตาคู่สวย แค่นี้มันก็พอแล้ว ... คุ้มค่าแล้วกับการรักใครซักคนไปทั้งหัวใจ

     



     

                "ฉันก็รักนาย"

     


     

                ขอบคุณจริงๆ.

     

     

     

    .

     

    .

     

    .

     

     

     

     

                เราเริ่มเช้าของวันง่ายๆบนชั้นดาดฟ้าของอพาร์ทเมนต์

     



     

                มันไม่ใกล้จากหอของผมมากเท่าไหร่ จงอินเลยขับรถพาผมมาที่บ้านหลังจากที่เราอาบน้ำแต่งตัวกันเรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านจัดการปลดล็อคกุญแจ เสียงกรุ๊งกริ๊งของโลหะกระทบดังในความเงียบยามเช้า

     

     


                ดวงตากลมมองไปสุดสายตา จากบนนี้รอบตัวของผมเป็นตึกสูง ยอดตึกสูงสลับกันโทนสีของมันเป็นสีน้ำตาล บ้างก็สีเงิน สีสนิมเก่าๆ มีบ้านหลังเล็กๆกระจายอยู่ประปราย หลังคาอิฐสีอ่อนไล่เรียงตามแนวถนน

     



     

                ค่อยๆหลับตาสูดลมหายใจ มันเย็นเยียบเข้าไปในปอด จนบางทีก็กระดูก ได้ยินเสียงบีบแตรและเสียงเครื่องยนต์ดังมาจากไกลๆ -- ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เหม่อมองสีท้องฟ้าที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา อย่างตอนนี้ที่เป็นพื้นสีของมันชมพูอ่อนทอสวยกับสีส้มจางๆ มันตัดกับเมฆขาวอย่างลงตัว มีหมองจางๆในอากาศ

     

     



                ผมว่าผมโชคดีที่ตื่นมาเห็นบางสิ่งที่วิเศษ วันนี้ฟ้าสวย

     




                รอบตัวของผมมันเงียบแต่ไม่สงบ

     

     

     



                "เข้ามาเร็ว ข้างนอกมันหนาวนะครับ" ผมตามเสียงของเจ้าของบ้านที่วันนี้อาสาจะจัดโต๊ะอาหารเอง ถอดรองเท้าออกแล้วเปลี่ยนเป็นใส่สลิปเปอร์ ได้ยินเสียงของมันเสียดสีกับพื้นไม้ บ้านของจงอินยังเหมือนเดิม

     

     




                โซฟาขนาดเล็ก ม่านสีครีมบ้าง เฟอร์นิเจอร์ถูกวางถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ทำให้เหลือพื้นที่ไว้เดินค่อนข้างเยอะ ไม่น่าเชื่อว่าเด็กหมีจะเนี๊ยบขนาดนี้ มีละอองฝุ่นเล็กๆจับตามขอบโต๊ะ อาจเป็นเพราะเขาไปค้างที่หอของผมราวๆสองวันได้

     

     



                พูดถึงค้าง เมทของผมเขากลับมาตอนที่ไม่อยู่และหายไปอีกครั้งอย่างไร้ร่องรอย แต่นั่นแหละเขา ไม่เคยบอกอะไรให้รู้ซักอย่าง วันเวลาที่จะกลับมาและสถานที่ที่ไป

     

     




                เขาเป็นคนประหลาดมากเชียวล่ะ บางครั้งผมแอบเห็นเขาเอาของเล่นหน้าตาพิลึกกลับมา ผมได้สร้อยที่มีจี้รูปสิงโตอยู่ตรงกลางจากการท่องเที่ยวของเขาล่าสุด แฮอินบอกว่ามันจะช่วยปกป้องผมจากอันตรายในซักวัน

     

     



                ถึงไปเที่ยวบ่อยขนาดนั้นแต่ก็ไม่เคยขาดเรียน น่าแปลก ... เราสนิทกันอยู่ประมาณหนึ่ง ความจริงผมได้ยินจากยัยยูจองว่าเขาไม่มีเพื่อน -- แต่กับผมเขาใจดีมาก บางวันผมเผลอหลับตอนอ่านหนังสือก็ช่วยจัดของให้ แถมยังแปะทริคอ่านหนังสือให้อีกต่างหาก

     



     

                "คิดอะไรอยู่น่ะ" จงอินถาม ผมเห็นแผ่นหลังของเขาวุ่นวายกับอะไรซักอย่างในครัว

     

     



                "ไม่มีอะไรหรอก"

     



     

                แล้วผมก็เดินผ่านตู้ที่เก็บสะสมถ้วยรางวัล เด็กคนนั้นได้รางวัลคัดลายมือ -- ได้ที่หนึ่งเลยแฮะ ผมอมยิ้มเพราะเห็นว่าเขาก็ไม่ได้เกเรขนาดนั้น

     



     

                ถัดออกไปไม่ไกลด้านขวาของผมบนโต๊ะกระจกตัวเล็กมีกรอบรูปเล็กๆตั้งอยู่ อ่า ผมว่าผมเจอขุมทรัพย์เข้าให้แล้วล่ะ

     



     

                คิมจงอินในชุดนักเรียนมัธยมปลายยืนถือช่อดอกสเตติสสีม่วงแซมด้วยดอกไม้สีขาวเล็กๆ ข้างๆเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งหน้าตาคล้ายคลึงกับเขา อืมมผมคิดว่าน่าจะเป็นน้องชายคนละแม่ของเขา

     

     



                ทั้งสองคนยิ้มกว้าง กอดคอกันอย่างมีความสุข

     




                เป็นเรื่องจริงที่เขาไม่คู่ควรกับน้ำตา แววตาของจงอินในนั้นบริสุทธิ์ จนผมอดยิ้มออกมาไม่ได้

     

     



     

                RRrrrrrrr

     

     



                เสียงสั่นครืดบนโต๊ะหน้าทีวีดังขึ้น ผมเลยอาสาไปรับให้เพราะเห็นว่าจงอินยังสู้อยู่กับไข่ดาวในกระทะ หยิบขึ้นมาเห็นชื่อ แทมินหล่อที่สุดในโลก ปรากฏบนหน้าจอ

               

     



                ดูๆแล้วสองพี่น้องนี่พอกันเลยว่ามั้ย

     

     




                เลื่อนรับทันทีก่อนจะกรอกเสียงตามลงไป

     



                "ฮัลโหล"

     



                (ใครครับ) น้ำเสียงทุ้มคล้ายกับจงอิน เผลอกลืนน้ำลายลงคอเพราะความตื่นเต้น

     

     



                แต่ก็พยายามตอบกลับไปให้นิ่งที่สุด "พี่ชื่อคยองซูน่ะ"

     

     





                ผมไม่เคยรู้จักครอบครัวจงอินนี่เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกับ คิมแทมิน ปลายลากเสียงยาวตามด้วยเสียงหัวเราะ

     

     




                (ยินดีที่ได้คุยนะฮะ ฮยองเล่าเรื่องพี่ให้ฟังเยอะเลย)

     

               



                "เด็กคนนั้นแอบเอาพี่ไปนินทาน่ะสิ"

     

     




                (บอกว่าน่ารักอย่างนู้นอย่างนี้)   ริมฝีปากรูปหัวใจค่อยๆคลี่เป็นรอยยิ้ม แทมินค่อยๆเล่าออกมาเรื่อยๆ บอกว่าจงอินชมผมแล้วก็หลงมากแค่ไหน ให้ตายสิ ตระกูลนี้เก่งเรื่องทำให้คนอื่นเขินจริงๆนะ

     

     



                ยังไม่ทันที่จะบอกขอบคุณ แขนยาวของใครบางคนก็โอบรัดเอวผมจากด้านหลัง กลิ่นน้ำหอมแบบเด็กผู้ชายลอยอยู่แถวปลายจมูก เด็กตัวสูงเอาคางมาเกยไว้ที่ไหล่เล็ก--เป็นธรรมชาติจนผมตกใจ

     



     

                เราถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เฮ้ เด็กนี่ฉวยโอกาสผมนี่

     

     



                "นี่นาย--"

     



     

                "ชู่ว" เสียงนุ่มกระซิบลอดออกมาใกล้ๆใบหู หางตาเหลือบเห็นสันจมูกโด่งและผิวสีบรอนซ์อยู่ใกล้เพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตร เอาล่ะผมคิดว่าวันนี้เขามันนายทหารเก่งกล้า

     

     




                การกระทำชวนใจเต้นทำเอาคนตัวเล็กเหมือนจะถูกดูดลงไปในหลุมอวกาศเสียแล้ว และดูเหมือนคนที่วางแผนในหัวอย่างดิบดีก็พอใจในผลลัพธ์ไม่น้อยเลยเผลอยกยิ้มมุมปาก

     



     

                วันนี้ผมจะมีชีวิตอยู่ถึงตอนเย็นรึเปล่า จงอินไปเรียนรู้การกระทำแบบนี้มาจากใครนะ ผมจะตีให้ตายเลย -- นี่มันเหนือความคาดหมายชัดๆ เด็กน้อยขี้อายของผมหายไปไหนแล้ว ฮือ

     

     



                ร่างสูงช่วงชิงโทรศัพท์ในมือคนตัวเล็กไป แต่อีกมือก็ยังโอบเอวบางอยู่อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย แล้วกดสปีคเกอร์โฟนให้คยองซูให้ได้ยินด้วย

     

     



                "ว่าไง"

     

     



                (ฮยอง! ย่าห์! หายไปไหนมา ผมกับยายเป็นห่วงกลัวว่าพี่จะตายคาห้องไปแล้ว)  พอรู้ว่าเป็นใครแทมินก็กลับมาเต็มชุด ได้ยินคิมจงอินหัวเราะแทนคำตอบ

     

     



                "ฉันสบายดี ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า"

     



     

                "อย่าพูดอะไรเป็นลางสิ!"

     

     



                (นั่นเสียงพี่สะใภ้ผมใช่มั้ย ผมบอกไปว่าฮยองหลงพี่คยองซู โคตร ๆ เลย)

     

     



                พ.. พี่สะใภ้ อ่าจริงๆเลย! แค่นี่ผมก็ไม่รู้จะเอาหน้าซุกไว้ที่ไหนแล้ว ดูเหมือนเด็กหมีจอมร้ายกาจก็รู้ใจผมดีนัก เลยจับผมหน้ามาแล้วซุกกับแผ่นอกแกร่งของตัวเอง

     




     

                จงอินตัวหนามาก เทียบกับผมแล้วกลายเป็นไอ้แห้งไปเลย

     

     



                ว่าแต่ผมคิดอะไรอยู่เนี่ย :(

     

     



                "รู้ดี ว่าแต่แกมีอะไร"

     



     

                (กำลังจะไปหาฮยองไง เนี่ยอยู่ในลิฟท์พอดียากฝากกิมจิกับกับข้าวมาให้ เสบียงกันตาย)

     

     

     



                โอ้ แทมินอยู่ที่นี่! นัยน์ตากลมเบิกกว้างเล็กน้อยเพราะว่าจะได้เจอคนในครอบครัวของจงอินโดยไม่ทันตั้งตัว ทำยังไงดีละวันนี้ผมใส่แค่เสื้อยืดทับด้วยสเว็ตเตอร์สีเทาตัวโปรด -- เรียบง่ายแต่เจอกันครั้งแรกมันควรจะดีกว่านี้ซี

     

     



                "หน้าพี่เต็มไปด้วยเครื่องหมายตกใจ"

     

     



                "ถึงหนึ่งร้อยตัวรึยัง" ริมฝีปากเล็กเผยอออกเล็กน้อย ใบหน้าแสร้งทำหน้าร้องไห้เหมือนเด็ก

     




     

                (วันนี้ไม่มีเรียนใช่มั้ย ดีเลยผมจะได้อยู่กับฮยองนาน ๆ)

     

     



                จงอินแค่นหัวเราะ "ฉันควรจะได้อยู่กับคนพิเศษของฉันสิวะ"

     

     



                แต่คำตอบของคิมคนน้องน่ะเหรอ

     

     




                (ผมไง คนๆนั้นคือนายาน้า)

     

     




                ผมหลุดหัวเราะออกมาเพราะความน่ารักของแทมิน โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาไม่พอใจส่งมาอยู่เนืองๆ จงอินเบ้ปาก อะไรกันแบบนี้คยองซูต้องชอบแทมินมากแน่ๆ

     





                "แกกลับไปเลยนะ"

     





                (ฮ่าๆๆ เตรียมเปิดประตูให้ผมด้วยล่ะ)

     

     






                จงอินด่าต่อสองสามคำก่อนจะวางสายไป ผมเงยหน้าขึ้นพอดีกับองศาใบหน้าคมที่ก้มลงมา หมีตัวโตครางขู่เหมือนไม่พอใจอะไรซักอย่าง ผมส่งยิ้มตาหยีให้เขา หลังจากนั้นจงอินก็เอามือมากอบกุมแก้มสองข้างของผม บีบจนปากผมกลายเป็นเป็ด

     

     




                ร่างเล็กตีหน้านิ่งพร้อมกับกรอกตาขึ้น "ทำไม"

     

     




                น้ำเสียงอู้อี้กวนประสาทแถมยกคิ้วข้างเดียวให้สองที เราเป็นธรรมชาติกันมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นตัวเอง อย่างเช่น ผมที่ไม่ใช่คนพูดน้อยหรือโลกส่วนตัวสูงเท่าเอเวอร์เรสต์เหมือนที่ใครๆบอก

     

     



                จงอินเลยทำแบบที่ผมทำ "ทำไม"

     

     


                "ก็แล้วทำไมละ"

     

     

                "ทำไม"

     

     

                "ย่าห์นาย"

     




     

                คนตัวเล็กบึนปากด้วยความไม่พอใจจนเหมือนลูกเป็ดมากกว่าเดิม จบลงที่ผมบีบปากเขากลับบ้างและมันโคตรจะเหมือนลูกหมีปากยู่

     



     

                ทั้งผมและเขาต่างหัวเราะออกมาเพราะความปัญญาอ่อนของตัวเอง

     





     

                "หน้านายตลกชะมัด"

     

     

                "พี่ก็เหมือนกันแหละ เป็ดเตี้ย"

     

     

                "ย่าห์!!"

     

     




                มื้อเช้าที่บ้านตระกูลคิมก็ดีเหมือนกันนะ.

     

     




    .

     

     

    .

     

    .

     

                คืนนี้ผมจะกลับไปจดลงในไดอารี่หน้าของจงอินว่าเด็กหมีทำกับข้าวสู้ผมไม่ได้จริงๆ

     

     

                "เบค่อนเกือบไหม้เลยนะฮยอง" เป็นเสียงของแทมินที่นั่งอยู่ด้านขวาของผม

     

     

                "เออ"

     

     

                "ต้องขอบคุณพระเจ้ามั้ยที่ฮยองไม่ปิ้งขนมปังไหม้"

     

     

                "แกควรจะขอบคุณฉัน -__- " ผมกลั้นยิ้มเมื่อเห็นสองพี่น้องปะทะคารมกันยามเช้า อยากรู้จริงๆว่าตอนที่อยู่บ้านพวกเขาเถียงกันแบบนี้เป็นประจำเลยรึเปล่านะ

     

     



                มื้อเช้าที่คิมคนพี่อาสาจัดการให้ไม่แย่อย่างที่คิด มันเป็นมื้อเช้าแบบตะวันตก ขนมปังปิ้งกับแยม -- ขวดแยมสองสีตั้งอยู่ตรงกลางโต๊ะ มันคือแยมส้มกับแยมสัปปะรด ผมเลือกแยมส้มเพราะมันอร่อยกว่า

     




     

                ถึงจงอินจะบอกว่ารสชาติมันห่วยแตกมากก็ตาม แต่รสชาติมันดีจริงๆนะ ผมขอค้าน เขามันหลงแต่รสชาติน้ำมันของไส้กรอกกับเบค่อน (เกือบไหม้) เท่านั้นแหละ

     




     

                "พี่คยองซูชอบฮยองได้ยังไงเนี่ย"

     



     

                มือสองข้างชะงักเพราะคำถามตรงไปตรงมาของเด็กผู้ชายไร้เดียงสา เหลือบตาเห็นจงอินทำท่าเหมือนอยากจะทาแยมบนหน้าของแทมินไม่ให้เหลือซักหยด

     




     

                ส่งยิ้มแฉ่งน่ารัก แทมินรู้สึกว่าจงอินโชคดี

     

     



                เพราะนอกจากพี่คยองซูจะน่ารักแถมเป็นกันเองมากๆยังทำให้พี่ชายของเขาดูดีมากกว่าเดิมนิดหน่อย

     





     

                "เราเหมือนกันหลายๆเรื่องแต่ก็แตกต่างเหมือนกัน"

     

     

                "..." เจ้าของผิวบรอนซ์ยังคงเคี้ยวไส้กรอกไปเรื่อยๆแต่ดูเหมือนจะมีหูเล็กๆงอกออกมาเพราะความอยากรู้ ผมเลยพูดต่อ

     

     

                "ตอนแรกฉันคิดว่าตัวเองเป็นน้ำมัน ฉันไม่เคยชอบใครด้วยซ้ำ -- เข้ากับใครไม่ได้ ประมาณนี้แต่เขาเข้าใจ"

     




                สองพี่น้องจ้องมองมาที่ผมตาใสแป๋ว ยิ่งเฉพาะคนพี่ถึงกับเผลอยิ้มออกมาจนเกือบสำลักไส้กรอกของโปรด

     

     



                "ไม่รู้สิ เฮ้ มองกันแบบนี้ไข่ดาวฉันระเหยหมดแล้ว"

     

     

                "อ้อขอโทษครับ" ฟู่ว ขอบคุณที่ไม่ซักอะไรผมต่อ

     

     



                เรากลับไปจัดการมื้อเช้าตรงหน้าต่ออีกครั้ง แต่เสียงโทรศัพท์ก็แผดเสียงดังขึ้น ครั้งนี้เป็นของผม ชื่อที่ปรากฏบนใบหน้าเล่นเอาผมอดประหลาดใจไม่น้อย

     

     



                และคิมจงอินไวเสมอ "ใครเหรอครับ"

     



     

                ล่าสุดผมกับคนๆนี้เจอกันที่ร้านกาแฟ เจ้าของความลับมากมาย อื้อ ลู่หานเขาโทรมา

     



     

                มีอะไรรึเปล่านะ

     

     



                "พี่"

     

     

                (ฉันมีปัญหาใหญ่แล้วล่ะ)

     



     

                เสียงที่ตอบกลับมาถูกกลบด้วยเสียงอื่น คิ้วเรียวขมวดหนักเพราะเริ่มรู้สึกไม่ดี

     


     

                "พี่ลู่หานอยู่ไหน"

     


     

                (อย่าเพิ่งถามอะไรมาช่วยฉันที)  ดวงตากลมสั่นระริกไปมา คิมจงอินเห็นท่าทางแปลกๆเลยเอื้อมมากุมมือเล็ก ทั้งโต๊ะตกอยู่ในความเงียบ มื้อเช้าไม่สำคัญอีกต่อไป แม้แต่แทมินเตรียมดื่มน้ำในแก้วจนหมด

     

     

                "ที่ไหนครับ พี่อยู่ไหน”

     



                อย่าให้มีอะไรร้ายๆเกิดขึ้นเลย

     

     



                นานเกือบสิบวินาทีกว่ารุ่นพี่หมอจะตอบกลับมา

     

     





                (สวนสนุก)

     

     




                ติ้ด

     



                แล้วสายก็ถูกตัดไป

     





    (1/2)





    TBC







    มาไคซูมาหวานกันหมดขึ้นตอนแรก เพราะที่เหลือจะเป็นฮุนฮานและชานแบคคับผม

     

    ไคซูรักกันดีอย่างกับตอนจบ 5555555555555555 สวีทกันตอนนี้ตอนหลังไม่รู้นะคะ /ยิ้มร้าย

     

    ก็ใครที่ยังรออ่านอยู่นุ้งขอบคุณมากๆ ได้รับกำลังใจน่ารักๆเสมอเลย

     

    ฝากคอมเมนท์ไม่ก็กดให้กำลังใจกันด้วยนะฮับ!

     

    #ficdearyouks ขอให้คุณมีรักที่ดี




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×