ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SWEET MONSTER hunhan ft. exo

    ลำดับตอนที่ #5 : Breathe

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 60


     

     

     

     

     

     

     

     

                        “เอ่อ—สวัสดีครับ”

     

     

     

                    ลู่หานผลักประตูแก้วสีใสเดินเข้าไปด้วยความประหม่า นัยน์ตาสีน้ำตาลประกายทองกวาดมองบรรยากาศรอบๆในร้าน เขาเดินเข้าไปเรื่อยๆ กลิ่นชาพีชอ่อนๆลอยเข้ามาแตะจมูก สองข้างทางเดินมีแต่ชั้นวางหนังสือที่ถูกจัดวางอย่างมีระเบียบ มันเป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่ โอ่อ่าและหรูหรา

     

                   

                    สัตวแพทย์หน้าหวานไล่นิ้วไปตามซอกที่เต็มไปด้วยหนังสือต่างๆ ที่นี่มีหนังสือเก่าแก่มากมายเลยทีเดียว นวนิยายบางเล่มที่ร้านในเมืองบอกว่าหมดแล้วแต่ร้านหนังสือไม่มีชื่อแห่งนี้กลับมีมันเรียงรายอยู่บนชั้นวาง

     

     

     

     

                    “สายัณห์สวัสดิ์ค่ะคุณลูกค้า” เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลังทำให้ลู่หานหันกลับไปมอง

     

     

     

                    หญิงสาวในเครื่องแต่งกายของผู้หญิงสมัยอาร์ตนูโว เธอใส่ชุดเดรสยาวรัดรูปพอดีกับสรีระที่สวยงาม ไหล่ของชุดที่ตั้งตรงทำให้ผู้หญิงตรงหน้าสง่ามากขึ้นราวกับเป็นผู้ดีมีชั้นตระกูล ใบหน้าสวยคมประดุจเทพเจ้าปั้นสร้างทำให้ลู่หานจ้องเธอโดยไม่กระพริบตา

     

     

     

                    งดงามมาก เกิดมาไม่เคยเจอใครสวยเท่านี้มาก่อน

     

     

     

                    “จ้องนานขนาดนี้ฉันควรจะคิดเงินดีมั้ย” เธอว่าพลางอมยิ้มขำ

     

     

                    “คือว่า—ผมมาตามหาหนังสือในรูปนี้ครับ”  เมื่อตั้งสติได้ก็ล้วงหยิบรูปหนังสือปกสีเขียวที่ซีโคลัสให้แล้วยื่นให้เธอที่คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้านหนังสือแห่งนี้

     

     

                    “นี่เธอเป็น...ผู้ถูกเลือกเหรอ“” นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมาที่ลู่หานด้วยสายตาเคลือบแคลง เธอไม่คิดว่าผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้จะเป็นผู้ถูกเลือกได้น่ะสิ!

     

     

                    “ก็ประมาณนั้นมั้งฮ่ะๆคือผมก็ไม่รู้อะไรมากหรอกครับ ตาแก่ซีโคลัสให้ผมมาหาคำตอบจากหนังสือปกสีเขียวพิลึกนั่น—ผมเลยต้องถ่อมาที่นี่”  ผมร่ายยาวออกไปด้วยความอึดอัด ทำไมทุกคนต้องทำเหมือนว่าการเป็นผู้ถูกเลือกนั่นมันเป็นความลับขนาดนั้นด้วย

     

     

                    “อย่าน้อยใจไปเลย เดี๋ยวเธอก็จะได้รู้เรื่องทั้งหมดแล้ว” หญิงสาวตรงหน้าส่งยิ้มพร้อมกับขยิบตาขวาหนึ่งที แต่ประโยคเมื่อกี้มัน...

     

     

                    นี่เธออ่านใจผมได้เหรอ! ลู่หานทำตาโตด้วยความตกใจ

     

     

                    “อ๋อใช่ฉันลืมแนะนำตัวไปเลย—ฉัน คริสตัลหรือจะเรียกว่าซูจองก็ได้” คริสตัลยื่นมือมาตรงหน้า ลู่หานมองอย่างลังเลแต่ก็เอื้อมมือไปจับเบาๆ แต่ก็รีบดึงมือออกทันทีเพราะว่ามือเธอเย็นมากเหมือนน้ำแข็ง ร่างเล็กที่แสดงอาการทำอะไรไม่ถูกทำให้คริสตัลนึกเอ็นดูอยู่ในใจ เธอคิดว่าเขาเหมือนผ้าสีขาว ช่างบริสุทธิ์อะไรเยี่ยงนี้

     

     

                    “ผมชื่อลู่หานครับ” ลู่หานส่งยิ้มให้อย่างน่ารักจนคริสตัลอดเอื้อมมือไปดึงแก้มใสๆนั่นไม่ได้ เธอบอกให้ไปนั่งรอที่ห้องรับแขกฝั่งซ้ายก่อนเดี๋ยวจะไปหยิบหนังสือให้ ลู่หานพยักหน้ารับแล้วเดินไปที่ห้องรับแขกก่อนที่จะหันหน้าไปมองด้านหลังอีกครั้งก็พบว่าคริสตัลหายไปแล้ว

     

     

     

     

                    นอกจากจะอ่านความคิดเขาได้นี่ยังหายตัวได้อีกด้วยสินะ

     

     

     

     

                    ใช้เวลาไม่นาน คริสตัลก็กลับมาพร้อมหนังสือปกสีเขียวในมือเหมือนในรูปที่ซีโคลัสให้มา เธอย่อตัวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ แล้วส่งหนังสือปกสีเขียวที่เป็นต้นตอของทุกอย่างให้เขา มันทำให้เขาเดินทางมาที่นี่ ลู่หานค่อยๆจับมันพลิกไปมาอย่างเบามือ ตราต้นไม้แห่งชีวิตที่ติดอยู่บนปกทำให้เขารู้สึกว่า เขาคือผู้ถูกเลือกจริงๆ

     

     

                    “หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนโดยหนึ่งในผู้กล้าที่ยอมสละชีวิตของตัวเองเพื่อปกป้องเผ่าพันธุ์ของพวกไอซาริส ฉันน่ะเป็นแวมไพร์ แวมไพร์จริงๆไม่ได้เป็นเลือดผสม เผ่าพันธุ์ของฉันต่ำกว่าไอซาริส” คริสตัลพูด

     

     

     

                    “แล้วเธอมาอยู่ในป่าแห่งนี้ได้ยังไง—คือฉันรู้มาว่ามีพวกไอซาริสชนชั้นสูงๆเขาอาศัยอยู่น่ะ” เขาถาม คริสตัลคลี่ยิ้มจางๆแล้วลุกขึ้นไปหยิบกรอบรูปอันหนึ่งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะด้านหน้ามา เธอส่งมันให้กับเขาแล้วนั่งลง ลู่หานก้มมองรูปภาพในนั้นมันเป็นรูปคริสตัลถ่ายรูปกับผู้ชายคนหนึ่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของทั้งสองคนทำให้เขารู้ทันทีว่านั่นคือคนรักของคริสตัล

     

     

                    “ฉันเป็นแวมไพร์มาตั้งแต่เกิดส่วนเขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เราสองคนใช้ชีวิตอยู่ในเมืองทรีเซอร์ด้วยกันประมาณ 50 ปีที่แล้วได้ ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องในเมืองเขาขอให้ฉันเปลี่ยนเขาให้เป็นแบบฉัน แต่ฉันไม่กล้าทำหรอกมันเจ็บปวดเหมือนหัวจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ” คริสตัลว่าเสียงเศร้าแล้วเล่าต่อว่า “จนกระทั่งเราทะเลาะกันเรื่องนี้หนักมาก เขาหายตัวไปแบบไร้ร่องรอย ฉันร้องไห้เสียใจตามหาเขาไปทั่วจนไปได้ยินมาว่าหมอนั่นตายแล้วแลกกับการเป็นอมตะ เขาถูกไอซาริสคนหนึ่งทำให้เป็นอมตะแต่ว่าเขาดันกลายเป็นลูเซนต์น่ะ”

     

     

     

                    พวกอัศวินปิศาจสินะ

     

     

                    “อืมใช่ เขาเป็นแบบนั้น ฉันเข้าไปในป่าเพื่อตามเขาให้กลับมาอยู่ด้วยกันรู้มั้ยสิ่งที่ฉันเจอคืออะไร” คริสตัลถามเสียงเบา

     

     

                    “อะไรเหรอ”

     

     

                    “เขาจำฉันไม่ได้ ลูเซนต์ทุกคนคือพวกเกิดใหม่ เขาลืมฉัน--ลืมเรื่องระหว่างเราไปจนหมด ลืมแม้กระทั่งตัวเองเป็นใคร ฉันขอร้องให้พวกเขาทำให้คนรักของฉันกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่มันสายไปแล้วลู่หาน—เขากลายเป็นไอซาริสอย่างเต็มตัว ฉันเลยขออนุญาตอยู่ในป่าแห่งนี้ด้วยอย่างน้อยแค่ได้อาศัยร่วมกันก็ยังดี” คริสตัลยิ้มเศร้าๆ

     

     

                    ลู่หานนั่งนิ่งเพราะไม่รู้จะปลอบคนตรงหน้ายังไง ภายนอกคริสตัลด้วยสวยงาม รอยยิ้มของเธอสว่างไสวแต่ภายใต้รอยยิ้มสวยนั่นมันคือความเศร้า เขาไม่เคยมีแฟนหรอกแต่เรื่องความรักก็ให้คำปรึกษาได้บ้าง ถึงอย่างนั้นบรรยากาศตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความเศร้าหมองอยู่ดี

     

     

                    “เขาชื่อเทาเหรอ” ลู่หานหลุดปากถามเพราะอ่านชื่อที่เขียนไว้ตัวเล็กๆตรงมุมรูปด้านขวา

     

     

                    “อืม—แต่ช่างมันเถอะ อ่า...นี่ฉันเพ้อเจ้ออะไรอีกเนี่ย ทำเธอเสียเวลาแท้ๆเลย” ลู่หานโบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร คริสตัลเป็นผู้หญิงที่สวยและดูมีตระกูลที่สุดที่เขาเจอมา กริยาที่เรียบร้อยการวางท่าที่สง่านั่น เขาเชื่อว่าสักวันเธอต้องเจอกับใครสักคนที่ตกหลุมรักความสง่างามของเธอแน่

     

     

                    “ฉันขอชาสักแก้วได้มั้ย—พอดีอยากอ่านหนังสือเล่มนี้สักหน่อย” ลู่หานยกหนังสือโบกไปมา คริสตัลพยักหน้ารับแล้วลุกหายตัวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว หมอหน้าหวานมองเหตุการณ์เมื่อกี้ด้วยความทึ่ง ตามตรงตอนนี้เขาไม่รู้สึกตกใจเท่าไหร่แล้วล่ะ แต่การที่แวบไปแวบมาได้นี่มันก็เจ๋งดีไม่หยอก

     

     

     

                                    ลู่หานค่อยๆพลิกเปิดหนังสือออกมา หน้าแรกเป็นชื่อภาษาอังกฤษเขียนสั้นๆว่า IZARIS มือเล็กพลิกหน้าต่อไปช้าๆด้วยความระมัดระวัง หน้าต่อไปเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มย่อยๆของพวกไอซาริส

     

     

     

     

     

     

    ไอซาริส

     

     

     

                    LUCENT – กลุ่มของพวกอัศวินปิศาจไร้ความทรงจำ พวกเขามีพละกำลังแข็งแรง มีจิตใจที่ป่าเถื่อนไร้ความปรานี ชอบใช้กำลัง สามารถมองเห็นอนาคตได้แต่เป็นเฉพาะลูเวนต์ที่มีพลังสูงๆเท่านั้น แปลงกายให้ใหญ่มหึมาได้

     

                    FEITHER – กลุ่มของพวกที่มีผิวซีดขาว เป็นพวกไร้ชีวิตไร้หัวใจ ไม่ค่อยสุงสิงกับมนุษย์ กินเลือดเพราะเกิดการผสมระหว่างแวมไพร์และไอซาริส เป็นพวกหูตาไวหายตัวได้ มีจิตทิพย์ เรียกดินน้ำลมไฟได้และสร้างภาพมายาเพื่อป้องกันอาณาเขตของตัวเองได้เช่นกัน

     

                    CO-HEITH – กลุ่มของพวกที่มีชนชั้นต่ำกว่าหนึ่งขั้น มีพลังเสกของได้เหมือนพ่อมดและแม่มด สามารถท่องเวลาได้ มีพลังรักษา แปลงกายเป็นสัตว์ต่างๆ พูดคุยภาษาสัตว์ได้ กลุ่มนี้เป็นพวกที่ฉลาดและเจ้าเล่ห์และสามารถสะกดจิตได้

     

     

    PS

     

    แต่ละกลุ่มจะมีบริวารของตัวเองและทุกกลุ่มจะมีหัวหน้าเพื่อจัดระเบียบให้กับกลุ่มของตนเอง

    HEITHMAID (เฮทเมด)

    MAIDCENT (เมดเซนต์)

    FEITHMAID (เฟธเมด)

     

     

     

     

                   

     

                    ลู่หานพยายามจดจำและทำความเข้าใจกับชื่อเรียกต่างๆรวมถึงพลังที่พวกไอซาริสมี คริสตัลวาร์ปตัวเองมาวางน้ำชาให้แล้วขอตัวไปจัดหนังสือต่อ ถ้ามีอะไรก็ให้เรียก ลู่หานพยักหน้ารับคำแล้วกวาดสายตาอ่านประวัตของไอซาริสต่อ สามสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาอ่านประวัติของพวกไอซาริสจบอย่างรวดเร็ว โชคดีที่ลู่หานชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆเลยติดนิสัยอ่านไวมา เขาพลิกหน้าต่อไปอย่างไม่รีรอ มันเป็นเรื่องของ สงคราม

     

     

     

                    ใช่สงครามที่ซีโคลัสเล่าให้เขาฟังรึเปล่านะ“

     

     

                    คิม คิบอม คนเขียนหนังสือเล่มนี้เขียนไว้ตามที่ซีโคลัสเล่าทุกประการว่าดร.แดเนียล หรือผู้นำของเมืองทรีเซอร์สมัยนั้นได้ตามล่าหัวของพวกไอซาริสทุกคน เขาฆ่าไอซาริสอย่างโหดร้ายและน่ากลัว คิบอมเขียนเหตุผลไว้ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับไอซาริสคนหนึ่งกับภรรยาของดร.แดเนียล ผู้นำเข้าใจว่าไอซาริสฆ่าลูกเมียของตัวเองไป ด้วยความโกรธแค้นเลยจัดการตั้งกองกำลังตามฆ่าพวกไอซาริสให้หมด แท้จริงแล้วสาเหตุที่แท้จริงคือภรรยาของเขาพยายามฆ่าไอซาริสคนนั้น แต่เพื่อป้องกันตัวเลยพลั้งมือฆ่าภรรยาสาวที่ตั้งครรภ์อยู่ แดเนียลไม่ฟังเหตุผลนั้นเขาคิดว่าพวกไอซาริสเป็นพวกกระหายเลือดและน่ากลัว

     

     

                    “ที่แท้เขาก็แค่คนไร้เหตุผลเท่านั้นเอง” ลุ่หานพึมพำเบาๆแล้วอ่านต่อ เขาอ่านไปถึงเงื่อนไขสามข้อที่พวกไอซาริสตั้งขึ้นนั้นก็คือ

     

     

                    “ข้อแรก ห้ามให้กองกำลังของแดเนียลล่าและล้ำเข้ามาในเขตป่าแบล็ควู้ด—ข้อสอง ห้ามเปิดเผยตัวตนและที่อยู่ของไอซาริสมิฉะนั้นจะเป็นการละเมิดเงื่อนไขและข้อสาม เราจะไม่สร้างสงครามต่อกันต่างฝ่ายต่างอยู่ในอาณาเขตของตนเอง”

     

     

                    บทลงโทษของการละเมิดเงื่อนไขคือผู้นำของทั้งสองฝ่าย จะถูกตัดหัว และลู่หานคิดว่าการสูญเสียของทั้งสองฝ่ายในเหตุการณ์ตอนนั้นคงแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่มีใครชนะเพราะต่างฝ่ายต่างบาดเจ็บทั้งคู่ เขาอ่านไปเรื่อยๆไปไปหยุดสายตาที่คำว่า คำทำนายของแม่ทัพใหญ่ลูเซนต์ เขียนเล่าอย่างไม่ค่อยละเอียดหนักว่าในอนาคตไอซาริสจะมีสงครามกับแอนโซ่ และผู้ถูกเลือกจะเป็นผู้หยุดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของไอซาริสได้ ลูเซนต์คนนั้นบรรยายถึงเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นก็คือไอซาริสจะสูยเสียพวกชนชั้นสูงไป เผ่าพันธุ์ถูกโจมตี ป่าแบล็ควู้ดจะถูกเผาจนวอดวาย ไอซาริสที่เหลืออยู่จะกลายเป็นทาสของพวกแอนโซ่

     

     

     

     

                    “ไอซาริสจะแพ้งั้นสินะ” ลู่หานเงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือแล้วใช้ความคิด นี่มันหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าหมอตัวเล็กๆของเขาจะรับไหว แอนโซ่คือกลุ่มใดมีพลังแค่ไหนคิบอมก็เขียนไว้แค่ว่าเกิดจากการปรุงยาและผสมพันธุ์ที่ผิดเพี้ยนไป คนของกลุ่มแอนโซ่จะมีพลังคล้ายๆกับไอซาริสเพียงแค่ไม่มีกลุ่มแยกย่อย พวกมันหยาบช้ากว่าและไม่มีจิตสำนึกของความเป็นมนุษย์อยู่อีกเลย

     

     

                    “แล้วเขาจะเอาอะไรไปสู้กับแอนโซ่ล่ะเนี่ย”

     

     

     

     

     

     

                                    ฟุ่บ!

     

     

     

     

     

                    คริสตัลโผล่มานั่งข้างๆอย่างรวดเร็วจนร่างบางสะดุ้งด้วยความตกใจ เธอจ้องมองเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ลู่หานปิดหนังสือลงอย่างรวดเร็วแล้วยกชาขึ้นมาจิบ สักพักคริสตัลก็หยุดมองแล้วทำหน้ากังวล เธอพึมพำอะไรบางอย่างแล้วเขยิบตัวเข้ามาใกล้เขาอย่างรวดเร็ว!

     

                    “คริสตัล! เธอจะทำอะไร” ร่างบางพูดขึ้นเสียงดังแต่ใบหน้าสวยก็ยังไม่เคลื่อนที่ออกไป คริสตัลเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงลมหายใจ ลู่หานหลับตาปี๋ทันทีแต่ไม่กี่นาทีเธอก็เด้งตัวกลับไปนั่งสวยๆเหมือนเดิม

     

     

                    “ฉันมองไม่เห็นพลังของเธอเลย” คริสตัลยู่ปากแล้วใช้ความคิด เธอพยายามมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่เหมือนจะมีอะไรของชายร่างเล็กตรงหน้าแต่ทุกอย่างกลับมืดสนิท

     

     

                    “ก็ฉันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆน่ะสิ! ฉันไม่ใช่พวกไอซาริส หมาป่าหรือว่าแวมไพร์อย่างเธอนะ” ลู่หานตอบ

     

     

                    “นี่เธอไปรู้จักกับพวกหมาป่าด้วยเหรอ O_Oช่างน่าประหลาดใจ คริสตัลคิด คนทั่วไปอย่างน้อยเห็นตัวตนจริงๆแค่ไม่กี่เผ่าพันธุ์แต่ลู่หานดันเห็นมันเกือบทั้งหมด

     

     

                    “ก็น้องสาวฉันเป็นนี่ พ่อฉันก็เป็นโคเฮธนะ” เขาก็มีอะไรดีนะฮึ่ย  -____-  ถึงแม้ว่าตัวเองจะไม่มีอะไรก็เถอะ อย่างน้อยต้นตระกูลเขาก็เป็นเชื้อสายไอซาริสนะ

     

     

                    “โอ้ นั่นยิ่งแปลกไปอีก เธอเป็นผู้ถูกเลือกแต่กลับไม่มีพลังที่จะไปต่อสู้กับพวกแอนโซ่ได้เลย”

     

     

                    นั่นนะสิ แบบนี้เขาจะช่วยหยุดยั้งสงครามที่จะเกิดขึ้นได้ยังไง...

     

     

                    “เธอมีมันนะลู่หาน”

     

     

                    “มีอะไรเหรอ” คริสตัลส่งยิ้มให้แล้วเอ่ยปากว่า

     

     

                    “พลังน่ะ—แต่ฉันคิดว่ามันแค่ยังไม่ถึงเวลาที่มันจะแสดงออกมา—มันต้องมีสักวันนะลู่หานฉันเชื่อ” ลู่หานยิ้มให้กับความใจดีของคริสตัล ทั้งสองคนพูดคุยเล่นกันสักพักจนสนิทสนมกันในที่สุด คริสตัลพบว่าลู่หานเป็นสัตวแพทย์และนิสัยดีมาก ภาพลักษณ์ที่ใสซื่อและความใจดีทำให้เธอรู้สึกสบายใจอย่างประหลาด เขามีความนอบน้อมและมีมารยาทแบบที่ไม่ต้องพยายามเลย

     

     

     

                    “ฉันคิดว่าฉันคงต้องเดินทางต่อ”

     

     

     

                    ลู่หานว่าเสียงเครียดเพราะเมื่อเขาเปิดหนังสืออีกครั้ง ทุกตัวอักษรหายไปเหลือเพียงแค่คำว่า ‘CASTLE’ และเขาคิดว่าเขาคงต้องเดินทางต่อไปตามหาปราสาทอะไรเทือกนั้น ซึ่งคริสตัลก็ค้านหัวชนฝาว่าตอนนี้มันมืดแล้วและเป็นเวลาออกล่าของพวกไอซาริส แต่มันเป็นไปไม่ได้! ก็ตอนที่เขาออกมามันเป็นตอนเช้าเลยนี่นา ถ้ามาคิดๆดูแล้วตอนนี้อาจจะประมาณสิบโมงเช้าได้

     

                    “ป่านี่กับข้างนอกมันคนละโลกเข้าใจมั้ยห๊ะ เวลามันไม่เหมือนกันตอนนี้ก็ทุ่มนึงได้แล้ว”

     

     

                    บ้าหน่าทุ่มนึง! นี่สินะถึงเป็นฉายาป่าอับแสงเพราะเวลาคนเข้ามาก็มักจะเข้ามาตอนกลางวัน มันเลยไม่มีแสง แหงล่ะใครจะกล้าเข้าป่าตอนกลางคืนกัน

     

     

                    “แล้วเธอจะให้ฉันพักที่นี่น่ะนะ” คริสตัลพยักหน้ารัวๆ เธอดีใจมากที่ได้เพื่อนใหม่หลังจากตัดขาดกับโลกภายนอกมานานพอสมควร มีไปเดินบ้างแต่ก็นะ คืนนี้เธอจะได้ไม่นอนเหงาอยู่คนเดียว

     

     

                    “ใช่ หรือเธอรังเกียจบ้านฉัน”

     

     

                    คริสตัลหรี่ตาลง ลู่หานส่ายหน้าทันที เขาไม่เคยนึกรังเกียจที่นี่เลย มันหรูหรากว่าบ้านเขาด้วยซ้ำไป เมิ่อเห็นแบบนั้นเธอจึงลุกขึ้นพาเขาขึ้นไปพักบนชั้นสอง คริสตัลเดินนำขึ้นบันไดไปเรื่อยๆด้วยท่าทีสง่างาม

     

     

                    เธอดูเหมือนท่านหญิงอะไรทำนองนี้เลยแฮะ

     

     

     

                    “ฉันมีศักดิ์สูงที่สุดในบรรดาพวกแวมไพร์ผู้หญิงน่ะ—เป็นเจ้าหญิงไง สุดยอดไปเลยใช่มั้ยล่ะ” คริสตัลบอกพลางเดินไปเรื่อยๆ ผ่านห้องแล้วห้องเล่าที่ดูเหมือนเป็นห้องเก็บหนังสือต่างๆ มีเป็นยุคๆเลย! เหลือเชื่อเป็นบ้า

     

     

                    “เจ้าหญิงเหรอ—แล้วฉันควรจะแทนตัวเองว่ากระหม่อมดีมั้ยจะได้ดูสุภาพกว่า” ลู่หานว่า คริสตัลหยุดเดินแล้วชี้นิ้วส่ายไปมาเพื่อบอกว่าไม่ต้องทำแบบนั้น ก่อนจะผายมือให้เขาเข้าไปในห้องนอน มันเป็นห้องเรียบๆ ตกแต่งแบบโมเดิร์น ซึ่งเขาชอบมาก เตียงนอนที่ดูหรูหราและโคมไฟระย้าบนเพดานมัน

     

                    ช่างวิเศษอะไรแบบนี้...

     

     

                    “แม่ฉันบอกให้ตกแต่งและทำความสะอาดห้องนี้อยู่เสมอ—เธอบอกว่าสักวันจะมีคนมาใช้ ไม่อยากเชื่อว่าการมาของนายแม่ฉันจะรู้ด้วย—บุคคลสำคัญที่สุดเลยนะเนี่ย”

     

     

                    ลู่หานวางกระเป๋าเป้ลงบนเตียงนุ่ม เขารู้สึกเขินแปลกๆเวลาได้ยินว่าเป็นคนสำคัญ ถ้าพวกแวมไพร์รู้ถึงการมาของเขาและพวกไอซาริสล่ะ จะรู้สึกถึงเขาบ้างมั้ยนะ“

     

     

                    “ฉันไม่ได้สำคัญขนาดนั้นหรอกคริสตัล” ทำไมเขาต้องน้อยใจนะไม่เข้าใจตัวเองจริงๆเลย ลู่หานเอ๊ย!

     

     

                    “พวกก็อบลิน เอลฟ์ สัตว์ต่างๆรวมถึงเหล่าเทพในป่านี่ก็รู้ถึงความสำคัญของนาย—ไม่งั้นเขาไม่นำทางนายมาถึงร้านหนังสือไม่มีชื่อของฉันหรอก” คริสตัลพูดแล้วหย่อนตัวนั่งลงบนตัวและตบมันเบาๆให้เขานั่งลงด้วย ลู่หานนั่งขัดสมาธิตรงข้ามเธอแล้วค้นหาแฮมเบอร์เกอร์ในกระเป๋าเพราะเสียงร้องน่าเกลียดที่ค่อยๆดังขึ้นเรื่อยๆ

     

     

     

                    “กินสิฉันไม่ถือหรอก” ลู่หานค่อยๆงับแฮมเบอร์เกอร์ในมือด้วยความหิวก่อนจะเคี้ยวให้หมดแล้วถามคริสตัลต่อว่า

     

     

                    “แล้วพวกเขาจะนำทางฉันมาหาเธอทำไมล่ะ ฉันไม่ได้มีประโยชน์ต่อพวกเขาซะหน่อยงั่มๆ”

     

     

                    “ก็คำทำนายน่ะสิ!—ทุกคนรู้ถึงคำนายที่แสนโด่งดังนี่— ป่าแบล็ควู้ดจะถูกเผาทำลาย แล้วนายคิดว่าพวกเขาจะไปอาศัยอยู่ที่ไหนล่ะ? ก็ตายหมดน่ะสิ คนที่จะเข้ามาลึกขนาดนี้ได้มันต้องมีอะไรดีหัดใช้สมองบ้างสิคุณหมอ” คริสตัลถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ลู่หานยกยิ้มโง่ๆแล้วกินแฮมเบอร์เกอร์ที่เหลืออยู่จนหมด

     

     

                    “ฉันไม่กวนนายแล้ว—ทำตัวตามสบายมีอะไรก็เรียกแล้วกัน ขอตัว” คริสตัลลุกขึ้นออกจากเตียงไปด้วยความรวดเร็ว เหลือไว้เพียงความเงียบในห้องสี่เหลี่ยมสีขาว

     

     

     

     

                    ถ้าคำทำนายมันโด่งดังขนาดนั้น มันก็ต้องมีไอซาริสสักคนโผล่หน้ามาให้เขาเห็นบ้างเซ่!

     

     

     

     

     

     

     

     

    /.____.\

     

     

     

     

     

     

     

                    “นายเห็นอะไรในนิมิต เล่ามาให้หมด” ทันทีที่จงอินขึ้นมาถึงในห้อง เซฮุนก็เค้นความทันที

     

     

                    “ก็...ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งมันเหมือนกับว่าเขากำลังจะมาที่นี่เร็วๆนี้—และอย่างสุดท้ายแกกับเขาก็รักกัน” จงอินพูดถึงว่าที่ท่านหญิงในอนาคต นั่นทำให้เซฮุนนั่งไม่ติดเก้าอี้

     

     

                    “ผู้ชายคนนั้นผมสีน้ำตาลออกหม่นๆรึเปล่า” เซฮุนไม่คิดเลยว่าเนื้อคู่ของเขากำลังจะมาในเร็ววัน เขาไม่เคยสนใจใคร หรือรักใครแต่การมาครั้งนี้ของใครบางคนนั้นทำเอาท่านชายอย่างเขานอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว เซฮุนมักจะฝันถึงเรือนผมสีน้ำตาลประกายหม่นของคนนั้นที่พลิ้วไหวไปตามลม บางครั้งก็ได้ยินเสียงเหมือนเขาอยู่ในห้องนี้ จนวันนั้นที่เขาเห็นจริงๆว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ในเขตปราสาท

     

     

                    แต่เขาหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย

     

     

                    “อ่าห๊ะประมาณนั้น—นี่แกสนใจเขาหรอกเหรอ” คิมจงอินไม่อยากจะเชื่อว่าในชีวิตนี้ไอ้ตายด้านตรงหน้าเขามันเกิดอยากจะรักใครขึ้นมา บอกเลยมันต้องเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงสุดๆแน่

     

                    “ไม่—แต่บางอย่างในตัวฉันมันกำลังคำราม”

     

                    นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีทีเดียวที่เขาพูดยาวขนาดนี้ ปกติเซฮุนไม่ชอบคุยกับใครหรอกมันไม่รู้สึกทำให้เขาสบายใจหรือว่ามีความสุขจริงๆ เขาชอบวาดรูป ชอบอ่านหนังสือที่ผู้คนเขียนเล่าเรื่องราวความรักของตัวเอง

     

     

                    ใช่ ท่านชายอย่างเขาน่ะอ่านนิยายรักโรแมนติก

     

     

                    “นี่แกรู้สึกอยากจะเอ่อ—ผสมพันธุ์หรือไงวะ” จงอินค่อยๆพูดช้าๆ เพราะไม่อยากเชื่อแค่ไม่กี่วันท่านชายที่ดูสุขุม วางท่าตลอดจะเกิดอาการอย่างว่าขึ้นมา

     

     

                    “หยุดคิดเรื่องทุเรศๆในหัวนายซะจงอิน ฉันแค่รู้สึกว่าข้างในนี้ของฉันมันกำลังเรียกร้องหาเขา” เซฮุนไม่เคยบอกความรู้สึกของตัวเองกับใครแบบนี้มาก่อน แต่จงอินคือเพื่อนที่เขาสนิทที่สุด ไว้ใจที่สุดตั้งแต่เด็กๆ รองมาก็คงเป็นแบคฮยอน รายนั้นทำให้ยิ้มได้มากกว่าใครคนอื่น

     

                    “มันอาจจะเป็นผลพ่วงจากการที่แกตัวคนเดียวมาตลอดก็ได้นะเซฮุน—แกโดดเดี่ยวมาตลอดหลายศตวรรษแล้วนะ”

     

     

                    คำพูดของจงอินทำให้ก้อนเนื้อในอกซ้ายบีบรัดด้วยความรู้สึกว้าเหว่แปลกๆ หัวใจของเขาหยุดเต้นตั้งแต่กลายร่างเป็นเฟธเธอร์ ทุกอย่างบนโลกดูไร้สีสันไปหมด มันเหมือนกับเป็นสีเทา

     

                    “ฉันอยู่คนเดียวมาเป็นศตวรรษแล้ว—และฉันคิดว่าอีกร้อยๆปีต่อไปฉันก็อยู่ได้” ตัดจบด้วยใบหน้านิ่งสนิท จงอินส่ายหน้าเบาๆให้กับความเย็นชาของเพื่อนสนิท

     

     

                    “แล้ววันนั้นที่ไปเยี่ยมเสด็จลุงเป็นไงบ้าง” จงอินหมายถึงพ่อของเขา วันนั้นที่เขาประชุมกับจงอินเสร็จเรื่องที่เขาเห็นผู้ชายคนนั้นเข้ามาในเขตปราสาท มันพอดีกับวันที่เขาต้องไปเยี่ยมพ่อที่วังพอดี

     

     

                    “ก็ไม่ไง—ท่านพูดถึงคำทำนาย”

     

     

                    ทุกอย่างตกสู่ความเงียบ เซฮุน จงอินรวมถึงแบคฮยอนรู้ดีว่ามันต้องเกิดขึ้น สักวันไอซาริสจะต้องสูญสลายเหลือไว้เพียงตำนานหรือเรื่องเล่าหลอกเด็ก ในวันนั้นพ่อบอกแค่ว่าให้เตรียมตัวไว้ให้ดี เขาคนนั้นเป็นคนสำคัญสำหรับไอซาริสทุกคนและหัวใจของเขาเอง

     

     

                    “ถ้ามันใกล้ถึงวันนั้นจริง—เราต้องรวมรวมกำลังพลจากทุกส่วนของโลกให้มาที่นี่” แม่ทัพใหญ่จงอินต้องเตรียมพร้อมสำหรับสงครามในอนาคตระหว่างพวกเขากับสวะแอนโซ่

     

     

                    “แอนโซ่จะเป็นฝ่ายชนะ—นายรู้เรื่องนี้ดีที่สุดนะจงอิน” เซฮุนมองไปที่จงอินด้วยสายตาที่เหนื่อยล้า เขาเป็นประมุขของเฟธเธอร์และมีศักดิ์ที่สูงกว่าทุกคนที่นี่ เอาง่ายๆเขาเป็นผู้นำ เป็นกำลังใจสำคัญของทุกคน เขาจะปกป้องทุกคนยังไงให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุด

     

     

                    “แต่เรามีผู้ถูกเลือกและเราจะทำทุกวิถีทางให้ไอซาริสชนะ”

     

     

                    จงอินเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มโหดแล้วเดินออกจากห้องไปทิ้งเซฮุนไว้ให้อยู่ในความเงียบ เขาอยากจะทำอะไรให้ได้มากกว่านี้ ผู้ถูกเลือกมาช้ากว่าที่คิดเขาต้องทำอะไรสักอย่าง... เราจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว

     

     

     

     

     

    /.__.\

     

     

     

     

     

     

                    ลู่หานอยู่ในชุดนอนแล้วก็ใส่เสื้อหนาวทับอีกที เพราะอากาศที่หนาวเย็นห้องนี้ไม่มีฮีทเตอร์อีกด้วย เขาไม่กล้าบอกคริสตัลเพราะแค่ขอมาค้างแค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว เขาค่อยๆล้มตัวนอนแล้วเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียง ร่างบางในความมืดพยายามข่มตาหลับแต่ไอเย็นที่ค่อยๆแผ่เข้ามาในห้องทำให้ใจรู้สึกวูบแปลกๆ

     

     

     

                    มันเหมือนกับว่าบางอย่าง...กำลังจะเข้ามา

     

     

     

                    เพล้ง! พรึ่บ! พรึ่บ! ฟุ่บ!

     

     

     

                    เสียงของแตกด้านนอกทำให้ลู่หานเด้งตัวลุกจากดที่นอนทันทีไฟที่เคยสว่างด้านนอกบัดนี้กลับดับลง ใช่เขารู้สึกว่าไฟมันดับทั้งบ้าน คนตัวเล็กในชุดนอนค่อยๆก้าวลงวจากเตียงแล้วรูดซิบกระเป๋าให้เปิดออกอย่างเบาที่สุด หัวใจสูบฉีดเร็วขึ้นเพราะสัญชาตญาณบอกว่าข้างนอกนั่นกำลังเกิดเรื่องอันตราย

     

     

                    ลู่หานหยิบกริชสีเงินออกมา มันวาวโรจน์ในความมืดเขากำมันแน่นแล้วค่อยๆก้าวเท้าออกไปด้วยความรู้สึกกลัวและเสียวสันหลังตลอดเวลา เท้าเล้กไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูแล้วค่อยๆเอาหูแนบไปกับประตูเพื่อฟังเสียงจากด้านหนัง

     

     


     

                    ครืดด... ตึก ตึก

     

     

                    เสียงคนเดิน?  ลู่หานคิดในใจ เสียงเหมือนคนเดินอยู่รอบๆทำให้ลู่หานใจไม่ดีและเป็นห่วงคริสตัล ถึงเธอจะเป็นแวมไพร์แต่เธอก็เป็นผู้หญิง ทำยังไงดีล่ะ“ เขาต้องทำยังไง โผล่ออกไปช่วยคริสตัลตอนนี้ดีมั้ย แต่เสียงฝีเท้ามาใกล้มากเหมือนเดินอยู่หน้าห้องเขานี่เอง

     

     

     

     

                    ฟุ่บ!

     

     

                    “ลู่หาน! นายเป็นไงบ้าง” ลู่หานแทบส่งเสียงร้องออกมา คริสตัลหายตัวมายืนอยู่ข้างหลัง ใบหน้าซีดขาวบัดนี้กลับซีดลงไปอีก เหงื่อชื้นเกาะอยู่ตามกรอบใบหน้า อุณหภูมิในห้องเย็นลงเรื่อยๆแต่ไม่ช่วยให้ใจของเขาหยุดเต้นเร็วได้เลย และใบหน้าซีดเซียวของคริสตัลเป็นสิ่งที่อธิบายเหตุการณ์ตอนนี้ได้ดีว่าข้างนอกนั่น มันไม่ปกติ

     

     

     

                    “ฉันโอเค—นี่มันเกิดอะไรขึ้น” เราคุยกันผ่านด้วยน้ำเสียงที่เบาที่สุด เธอจูงมือเขาไปนั่งลงที่เตียงแล้วกระซิบที่หูว่า

     

     

                    “พวกแอนโซ่— มันอยู่ที่นี่—กับเรา

     

                    คำตอบของคริสตัลทำให้ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยความหวาดกลัว พวกแอนโซ่มันตามเขามา! มันกำลังตามล่าเขาและมันไม่ดีแน่ๆหากคริสตัลจะเป็นอะไรเพราะเขา คนที่มันต้องการคือเขาคนนี้

     

     

                    “อย่า...แม้แต่จะคิดเชียวนะลู่หาน—ฉันต้องปกป้องนายเข้าใจมั้ย” หญิงสาวในชุดผ้าคลุมสีดำกัดฟันพูดช้าๆ ลู่หานเป็นคนสำคัญที่สุด เขามีค่ามากกว่าชีวิตของเธอ

     

     

                    “แต่เธอจะตายเพราะฉันไม่ได้นะคริสตัล!” ลู่หานขึ้นเสียงด้วยความลืมตัว คริสตัลเขยิบหน้าเข้ามาอีกแล้วบอกเสียงเบาว่า

     

     

                    “ห้องนี้มันถูกลงคาถาไว้—พวกนั้นจะบุกเข้ามาตอนนี้ไม่ได้แน่แต่อีกไม่นานประตูนั้นจะถูกพังลงมาถ้าหากไอ้พวกสารเลวนั่นมันแก้คาถาเสร็จ” คริสตัลพูดถึงคาถาที่แม่กับพ่อเธอลงเอาไว้เพื่อป้องกันยามฉุกเฉิน เมื่อกี้เธอกำลังจัดชุดเตรียมไว้สำหรับพรุ่งนี้แต่สัมผัสได้ถึงการมาของใครสักคน เธอเห็นพวกแอนโซ่สามคนถือวิสาสะบุกเข้ามา เลยรีบแวบเข้ามาในห้องของลู่หานอย่างรวดเร็ว

     

     

                    “คาถาอะไร—มันจะป้องกันเราได้อีกนานแค่ไหน”

     

     

                    “อย่างเก่งก็ประมาณ 20 นาที แต่ฉันมั่นใจพวกนี้ต้องมีฝีมือพอสมควรไม่งั้นมันไม่เข้ามาถึงตัวบ้านของฉันแน่ๆ—เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” คริสตัลบอกแล้วลุกขึ้นทำอะไรบางอย่าง กำแพงสีขาวๆค่อยกลายรูปกลายเป็นหน้าต่างบานใหญ่

     

     

     

                    กึ่ก! ตุ้บ! เพล้ง! เพล้ง! 




                   พลั่ก! แกร่ก

     

                    “พวกมันกำลังทำลายข้าวของ” ลู่หานพูดเสียงสั่น คริสตัลโผล่มายืนอยู่ข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เธอค่อยๆจุมพิตที่หน้าผากของลู่หาน รอยยิ้มสวยปรากฏอยู่บนใบหน้า เธอกำลังปลอบเขาอยู่เพื่อบอกว่าทุกอย่างจะโอเค ลู่หานกำลังเอ่ยปากขอบคุณแต่ทว่า

     

           

     

                    เสียงทุบประตูจากด้านนอกทำให้ร่างบางสะดุ้งด้วยความผวา พวกมันรู้ที่ซ่อนของเราแล้ว คาถาที่ปิดไว้หลายชั้นมันกำลังพังลง ถ้ามนต์เสื่อมเมื่อไหร่พวกมันจะเห็นประตูดังนั้นเธอและเขาต้องรีบออกจากที่นี่ ตอนนี้!

     

                    “ลู่หาน โดดลงไปเดี๋ยวนี้!” คริสตัลชี้ให้เขาโดดลงไปจากหน้าต่าง ลู่หานมองลงไปข้างล่างพบว่าเป็นหญ้าทึบ มันเป็นหญ้าสีดำ

     

     

                    “แต่เธอจะอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้!” กลายเป็นว่าเราสองคนตะโกนคุยกัน เสียงกุกกักและคนโวยวายจะข้างนอกเหมือนกับระเบิดเวลา เสียงของตกแตกรวมถึงเสียงขู่ฮือที่ดังลั่นทำให้ลู่หานหวาดกลัว ร่างบางสั่นด้วยความกังวล มือเล็กเย็นเฉียบ

     

     

                    มันกำลังจะพังเข้ามา!!!

     

     

                    ลู่หานวิ่งเข้าหาคริสตัลแล้วสวมกอดอย่างรวดเร็ว หยดน้ำตาใสค่อยๆไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง ไหล่สั่นกระตุกด้วยแรงสะอื้น เขากลัวไปหมด เขากลัวคริสตัลจะตาย กลัวตัวเองจะไม่รอดกลับไปหาน้องสาว หาพ่อกับแม่ กลัวว่าจะไม่ได้ช่วยไอซาริส...

     

     

     

                    “ฮ..ฮึก คริสตัล—ฮึก เราไปด้วยกันไม่ได้เหรอ..ฮ..ฮือ” ลู่หานพูดออกมาไม่เป็นภาษา คริสตัลลูบหัวเบาๆ เธอก็ไม่อยากจะอยู่คนเดียวแต่เธอก็ไม่อยากยอมแพ้เหมือนกัน คริสตัลเอ็นดูลู่หานมาก เขาใสซื่อและบอบบางเกินกว่าจะรับกับภัยอันตรายต่างๆไหว แต่ภาระหน้าที่ที่เขาต้องทำนั่นมันช่างเสี่ยงต่อชีวิตเหลือเกิน

     

                    “นายฟังฉันนะ—ฉันเป็นเจ้าหญิงเข้าใจมั้ยฉันจะรอด— นายแค่ต้องโดดลงไปตอนนี้ เพื่อฉันและไอซาริสทุกคน” สิ้นเสียวงของหญิงสาว ร่างบางก็สะอื้นหนักกว่าเดิม เขาจะต้องเข้มแข็งและผ่านวันนี้ไปให้ได้

     

                    ฉันไม่อยากทิ้งเธอเลยนะคริสตัล...

     

                    “เฮ้ย!เห็นประตูแล้ว” เสียงดังลั่นจากข้างนอกเป็นสัญญาณบอกว่าการล่ำลาต้องสิ้นสุดลงแล้ว

     

                    คริสตัลพยักหน้าเข้าใจที่เขาสื่อสาร เธอพยักหน้าช้าๆแล้วปล่อยให้หยดน้ำตาไหลกระทบลงสู่พื้น ลู่หานมองภาพใบหน้าเพื่อนอีกครั้ง ความทรงจำเมื่อตอนเย็นไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งรู้จักเธอไม่ถึงวันเลยนะ ลู่หานสะดุ้งอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูกระแทกแรงขึ้น และทันใดนั้นเอง

     

     

                    ขอโทษ

     

     

                    คริสตัลขยับปากแบบไม่มีเสียงแล้วจับลู่หานเหวี่ยงออกนอกต่างอย่างแรง ลู่หานพยายามคว้าข้อมือไว้แต่สายไปแล้ว ร่างของเขาตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเล็กนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด คริสตัลเหวี่ยงเขาออกมาไกลจากร้านหนังสือไม่มากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดแผ่ไปทั่วแผ่นหลัง ลู่หานค่อยๆยันตัวขึ้นอย่างทุลักทุเลเพราะอาการเจ็บช่วงหลัง

     

     

                    “กรี๊ดดดดดดดดด”  เสียงกรีดร้องดังขึ้นไปทั่วอาณาบริเวณ ลู่หานหันไปมองทางต้นเสียงทันที ใช่... มันคือเสียงคริสตัล

     

     

                    “ฮึกก..ขอโทษ—ฮือ...ฉันขอ..โทษ” ลู่หานร้องไห้ฟูมฟายเสียงดังแล้วทรุดตัวนั่งลงกับพื้น กริชสีเงินที่คริสตัลแอบหยิบใส่มาในกระเป๋าเสื้อหนาวหล่นลงพื้น แสงสีเงินของมันวาวโรจน์ออกมาราวกับจะบอกว่ามันถึงเวลาให้เขาใช้

     

     

                    “มันอยู่ตรงนั้น!— ไปฆ่ามัน” เสียงใหญ่โหดดังขึ้น ลู่หานเช็ดน้ำตาอย่างลวกๆ ดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยม่านน้ำตา มองไปรอบตัว ก่อนจะก้มหยิบกริชวิ่งออกไปตรงนี้อย่างรวดเร็ว

     

     

     

                                    อย่าตามเขามา ! ได้โปรด อย่าตามมา

     

     

     

                    สองเท้าเปล่าวิ่งไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดพัก เขาเห็นเงาดำๆคอยตามหลังอยู่ตลอด เศษหินตำเท้าจนแสบไปหมดแต่ก็กัดปากวิ่งต่อไป เสียงหอบเหนื่อยเป็นเสียงที่เขาได้ยินอยู่ตอนนี้ ลู่หานไม่รู้ว่าเขากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ไหน แต่สองข้างทางมันมืดไปหมด ริมฝีปากเล็กพยายามเม้มลงเพื่อกลั้นเสียงสะอื้น เขากำลังจะไม่ไหวแล้ว

     

     

     

                    “จะหนีไปไหนจ๊ะคนสวย”

     

     

                    ใครบางคนในชุดสีดำทั้งตัว เขาสวมผ้าคลุมสีดำ ลู่หานหยุดวิ่งแล้วจ้องมองไปที่มัน เขาภาวนาในใจให้ใครสักคนมาช่วยแต่มือเล็กก็กำกริชในมือแน่นแล้วยื่นไปข้างหน้า

     

                    “โว้วๆ ใจเย็นๆสิ หน้าหวานซะเปล่าทำไมเล่นแรงแบบนี้ล่ะหื้ม“” น้ำเสียงทุ้มกวนประสาททำให้ร่างบางสั่นด้วยความกลัวปนกับความโมโห ลู่หานมองเห็นหน้าไม่ชัดเพราะความมืดบวกกับผ้าคลุม นั่นทำให้หัวเสียยิ่งกว่าเก่า

     

     

                    “แก...ต้องการอะไร”

     

     

                    “อย่าโง่สิคนดี ก็ความตายของแกไงที่ฉันต้องการ!

     

     

                    แอ่ก!

     

                    พูดไม่ทันขาดคำบุคคลปริศนาก็พุ่งใส่เขาอย่างแรงจนกระเด็น ศีรษะเล็กกระแทกเข้ากับโขดหินใหญ่จนรู้สึกปวดหัว เลือดข้นๆไหลเข้าตาจนภาพตรงหน้าเริ่มพร่าเลือน แต่ลู่หานก็ไม่ยอมแพ้เอื้อมมือควานหากริชสีเงินท่ามกลางความมืด ภาพคนตัวเล็กที่คลานหากริชทำให้ชายชุดดำหัวเราะออกมาด้วยความสมเพช

     

     

                    “นี่เหรอ ผู้ถูกเลือก –ให้ตายสิ ใครเป็นคนใจร้ายเลือกแกกันนะหนูน้อย” คำพูดเจ็บแสบทิ่มแทงใจลู่หาน แต่เขาก็ยังพยายามหากริชต่อไป ให้ตายสิ มันอยู่ไหนวะเนี่ย“!!

     

     

                    ใครก็ได้ ได้โปรด ช่วยเขาด้วย!

     

     

                    “อ๊ะ!” ลู่หานร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อถูกร่างสูงตรงหน้าพุ่งเข้ามาบีบคออย่างแรง ริมฝีปากเล็กเผยอออกเพราะกำลังขาดอากาศหายใจ แรงบีบที่มากขึ้นทำให้สติที่มีอยู่น้อยนิดใกล้หมดลงไปทุกที สองเท้าถีบอากาศไปมาเพราะสู้แรงอีกคนไม่ไหว น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดที่แล่นไปทั่วร่างกาย

     

     

                                    เขายังไม่อยากตาย! ไม่ มันต้องไม่ใช่วันนี้!

     

     

     

                    ตุ้บ!

     

     

     

     

                    ร่างของลู่หานตกลงพื้นอย่างแรงจนสำลัก เขาโกยอากาศเข้าปอดอย่างรวดเร็ว ในวินาทีนั้นทีแสงสีเงินของบางสิ่งที่คุ้นตาฉายชัดในดวงตา มือเล็กพุ่งเข้าไปหยิบกริชทันที เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขากำลังเล่นตุกติกเลยเตรียมจะจู่โจมอีกครั้ง ลู่หานหันปลายมืดมาทางที่อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว คมมีดแทงทะลุท้องจนร่างชายในชุดดำค่อยๆล้มลง นัยน์ตาสีน้ำตาลก้มดูสองมือของตัวเองด้วยอาการช็อกสุดขีด

     

                    เขาฆ่าคน...

     

     

                    “มะ...ไม่ ฉันไม่ได้ฆ่าเขา อึก—”

     

     

     

     

                    ภาพตรงหน้าพร่าเลือนจนสองขาล้มลงนอนราบไปกับพื้น กลิ่นคาวเลือดที่คละคลุ้งอยู่ในจมูกทำให้เขาอยากจะอาเจียนออกมา ความเจ็บปวดของบาดแผลทำให้ลู่หานนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เลือดสีแดงข้นที่ไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆทำให้ลมหายใจติดขัด สองมือพยายามตะเกียกตะกายคลานออกไปแต่ไร้ผล

     

     

     

                    ขอโทษนะพ่อ  ขอโทษที่เขาเป็นลูกที่ไม่เอาไหน ขอโทษที่ไม่สามารถอยู่ต่อทำหน้าที่นั่นได้ ขอโทษนะครับ..

     

     

     

                    ลู่หานคิดถึงภาพใบหน้าของพ่อ แม่แล้วก็น้องสาว อ่า...เสี้ยววินาทีตอนจะตายมันทรมานแบบนี้เองสินะ เขาคิดถึงบ้านเหลือเกิน เขารู้สึกผิดต่อพวกไอซาริสและคริสตัล รู้สึกผิดต่อซีโคลัสและทุกคนที่หวังในตัวเขา วันนี้ลู่หานทำได้เพียงเท่านี้ เขามาไกลได้แค่เพียงแค่นี้

     

     

     

                    “ฮึก...ขอโทษนะครับ”  ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยหยดน้ำตาและคราบเลือด เปลือกตาสีมุขค่อยๆปิดลงช้าๆแต่ในวินาทีนั้นเอง ภาพของรองเท้าหนังสีดำเงาคู่หนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิทลง

     

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

     

     

     

    *อัพเดตเรื่องเวลาและอายุของเซฮุน

    สวัสดีค่ะทุกคนน เรามาแล้ว

    เป็นอย่างไงกันบ้างตอนนี้ เละเทะมั้ย คอมเม้นเป็นกำลังเราใจได้นะคะ

    เราอ่านทุกคอมเม้นเลยน้า ใครที่งงๆกับเหล่าฮีๆทั้งหลายเราใส่ไปในตอนนี้ละนะคะ

    ไม่อยากอัพช้าค่ะแต่คอมเสีย แงๆ ;-;

    สำหรับใครที่งงว่าใครอยู่กลุ่มไหนอะไรยังไงเดี๋ยวเรามาเพิ่มไว้ให้อีกทีนะคะ

    สุดท้ายติชมเม้นให้ด้วยนะเคิ้ปป

    #fichhsweet สกรีมคุยกันโล้ดดด

     

    ด้วยรัก.

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×