ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SWEET MONSTER hunhan ft. exo

    ลำดับตอนที่ #3 : the truth

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 60


     

     

     

     

    2.


     

     

         “คุณหมอจะกลับบ้านเลยมั้ยคะ ดิฉันจะได้ปิดคลีนิกเลยเพราะคุณหมอปิแอร์กับคุณหมอเชอรีน่าก็เพิ่งออกไปเมื่อสักครู่” พยาบาลลูน่าถือวิสาสะเดินเข้ามาเพราะเห็นคุณหมอปิดทิ้งไว้


     

                    “อ๋อครับเดี๋ยวหมอจะกลับเลย”


     

                                    ลู่หานส่งยิ้มน่ารักให้พยาบาลลูน่าแล้วสะพายกระเป๋าเดินออกจากคลินิกไป ดูพยากรณ์อากาศแล้วว่าพายุไม่เข้าก็เปลี่ยนจังหวะการเดินให้ช้าลง หมอร่างเล็กเดินกวาดสายตามองตึกราบ้านช่องที่อยู่ข้างทาง ความทันสมัยผสมกลิ่นอายธรรมชาติของที่นี่ทำให้เขารู้สึกไม่ผิดหวังเลยที่มาทำงานที่เมืองทรีเซอร์แห่งนี้


     

                                    ประชากรมีเพียงแค่สี่พันเกือบห้าพันทำให้จราจรไม่ติดขัดและผู้คนที่นี่ใช้ชีวิตแบบง่ายๆ ขายาวก้าวไปข้างหน้าเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน ผ่านร้านขนมปังชื่อดังที่ส่งกลิ่นหอมชักชวนผู้คนให้เข้าไปข้างๆเป็นร้านกาแฟขนาดใหญ่ที่เขามักจะมาจิบกาแฟเสมอเวลาว่างๆ เดินไปเรื่อยๆสวนกับผู้คนมากมาย ข้อดีของทรีเซอร์ที่ลู่หานชอบอย่างหนึ่งคือความใจดีและทุกคนมักมีรอยยิ้มให้กันเสมอถึงแม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม

     

                                    จนกระทั่งสองขาก็ไปหยุดอยู่หน้าร้านขายของเก่าเมื่อวาน ลู่หานยืนมองตึกแถวขนาดใหญ่ ภายนอกดูเก่า ไม่น่าสนใจเอาง่ายๆหากเดินผ่านไปโดยไม่สังเกตก็จะไม่รู้เลยว่ามีร้านขายของเก่าอยู่ที่นี่

     


                    “จะเข้าไปดีมั้ยนะ” พึมพำกับตัวเองด้วยความลังเลใจ แต่สมองก็ยังคอยคิดถึงเรื่องเล่านั่นจนสติหลุดระหว่างรักษาสัตว์หลายรอบ แถมความฝันแปลกปะหลาดเมื่อเช้านี้อีก ความรู้สึกหวั่นใจนี่มันอะไรกัน  รู้สึกจะเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเองอีก บ้าชะมัด

     

                    “ยืนขมวดคิ้วคิดไม่ตกอะไรอยู่หรือขอรับ เข้ามาสิ กระผมกำลังรอคุณหนูอยู่เลย”


     

                                    เสียงแหบคุ้นหูดังขึ้นด้วยน้ำเสียงใจดีเช่นเดิม ลู่หานสบนัยน์ตาสีเทาอมฟ้าของชายชราตรงหน้าด้วยความรู้สึกอึกอัก เขารู้สึกทำอะไรไม่ถูกเวลาอยู่ต่อหน้าชายชราคนนี้มันเหมือนกับว่าเขาอยู่ในชนชั้นที่ต่ำกว่าตาแก่หลงยุคคนนี้

     


                                   ถึงอย่างนั้นสองขาก็พาร่างตัวเองเข้ามาในร้านเรียบร้อยแล้ว โอเค มันจะไม่มีอะไร ลู่หานคิดดังนั้นแล้วนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมแบบเมื่อวาน ซีโคลัสกับไม้เท้าสีน้ำตาลเก่าๆเดินมานั่งตรงข้ามลู่หานพร้อมกับใบหน้าอารมณ์ดี

     


                    “คิดอะไรอยู่หรือขอรับ ใบหน้าหมองลงต่างเยอะ” คุณลีนช์ทัก


                    “อ๋อฮ่ะๆผมก็คิดนู่นนี่เรื่อยเปื่อยไม่มีอะไรหรอกครับ”


     

                    ถึงจะมีจริงๆก็เถอะ เฮ้อ


     

                    “ยังสงสัยเกี่ยวกับพวกไอซาริสอยู่มั้ยขอรับ กระผมเตรียมมาเล่าเพื่อคุณหนูโดยเฉพาะเลย” ซีโคลัสพูดแล้วยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี ลู่หานตัดสินใจไม่ถูกว่าจะถามดีมั้ยเกี่ยวกับคำถามที่เขาสงสัยเกี่ยวกับไอซาริส แต่แค่ถามก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ เขานี่มันนักย้อนแย้งสุดๆไปเลย ก่อนจะคิดได้ว่าประโยคเมื่อกี้มันแปลกๆ

     


                    เขารู้ได้ไงว่าเราจะมาวะ

     


                    “หลายคนเวลาได้ฟังเรื่องเล่าของไอซาริสมักจะหลงใหลไปกับมันเสมอ บางคนถึงขั้นเก็บไปฝันเลยนะขอรับ มันเป็นตำนานประจำทรีเซอร์เลยก็ว่าได้” ชายชราพูดต่อนั่นทำให้คุณหมอหนุ่มเอ่ยปากขอฟังต่อ ซีโคลัสกระแอมไอสองสามทีแล้วเอ่ยปากเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงแหบแก่ว่า


     

                    “สมัยช่วงที่มีการกวาดล้างเผ่าพันธุ์ของพวกไอซาริสประมาณแปดสิบปีที่แล้ว มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก ทรีเซอร์เป็นเพียงเมืองเล็กๆ กองกำลังและหน่วยต่างๆของประเทศไม่แม้แต่ส่งคนมาช่วยเหลือเพราะพวกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงเรื่องหลอกเด็กเท่านั้น ไอซาริสไม่มีอยู่จริง”

     


                    “ถึงอย่างนั้นผู้นำของเมืองทรีเซอร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ จัดกำลังพลเกณฑ์คนในหมู่บ้านไปตามฆ่าพวกมันให้หมด พวกไอซาริสพากันหนีและอพยพออกไปอย่างลับๆแต่ก็ไม่พ้นสายตาของคนของ ดร.แดเนียล แฟลต ผู้นำของคนที่นี่ จนทำให้บ้านเมืองเกือบมีสงครามระหว่างสองเผ่าพันธุ์ พวกไอซาริสไม่ยอมให้กองกำลังของแดเนียลมากำจัดคนของตนเองจึงสู้กลับ มีศพของมนุษย์และอมนุษย์เกลื่อนไปหมด”

     

                    “แล้วตอนนี้ดร.แดเนียลยังมีชีวิตอยู่มั้ยครับ” ลู่หานถาม


                    “บางคนก็บอกหมอนั่นน่ะตายไปแล้ว ฆ่าตัวตายตามลูกเมียไปแต่มันก็มีคนเห็นเขาเดินอยู่ตามถนนตอนกลางคืน หรือเขาอาจจะยังไม่ตายก็ได้อยู่ที่นี่ไม่ไปไหน” ซีโคลัสยกยิ้มมุมปาก ยกน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วเริ่มดำเนินเรื่องต่ออีกครั้ง



                    “เพราะไม่มีฝ่ายไหนอยากสูญเสียคนของตัวเองไปจึงตกลงเจรจากันว่าจะไม่มายุ่งในเขตของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไอซาริสจะเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าไม่มาออกล่าชาวบ้านในเมืองอีก พวกไอซาริสตกลงแต่ก็ได้สร้างเงื่อนไขให้แดเนียลสองสามข้ออืม....อะไรนะ กระผมก็จำไม่ค่อยได้แล้วน่ะสิ”

     

                                ชายชราทำท่านึกแต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก ลู่หานถอนหายใจออกมาเพราะยังฟังเรื่องไอซาริสมากกว่านี้

     

                    “โธ่คุณลีนช์ อย่าเพิ่งท้อสิครับนึกให้ออก ผมอยากฟังต่อนะ” น้ำเสียงงอแงเล็กน้อยคงหมอหน้าหวานทำให้ซีโคลัสอดยิ้มออกมาไม่ได้ ทำไงได้ละ บางเรื่อง ถ้าอยากรู้ก็ต้องไปสืบหาด้วยตัวเองบ้างสิ


     

                                    จริงมั้ยขอรับ J

     


                    “กระผมก็แก่แล้วจำได้บ้างไม่ได้บ้าง เห้อแก่แล้วมันแย่อย่างงี้จริงๆสินะเฮ้อ” ซีโคลัสแสร้งทำหน้าเศร้าแต่สายตาก็เหลือบมองคนตรงข้ามที่ยอมถอดใจไม่เซ้าซี้ต่อทำให้ชายชราพอใจ แล้วเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงให้ความหวังลู่หานอีกครั้ง

     

                    “อ้อๆกระผมนึกออกแล้วขอรับ” ลู่หานฉีกยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ให้ตายเถอะเมื่อกี้รู้สึกเหมือนฟังนิทานไม่จบแล้วแม่ไล่ไปนอนเลย L


                    “มันมีหนังสือเล่มหนึ่งอยู่เกี่ยวกับไอซาริสน่ะสิขอรับ!

     

                                 ลู่หานนึกว่าซีโคลัสจะจำได้แล้วซะอีก ไหงมาพูดเกี่ยวกับหนังสืออะไรนี่อีก เซ็งชะมัด   จะเล่าก็เล่าไม่จบเสียที เขาทำหน้าน้อยใจออกไปด้วยความเคยชิน แต่ตาแก่หลงยุคก็พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นต่อว่า

     

                    “คุณหนูสนใจเรื่องไอซาริสไม่ใช่หรือขอรับ ทำไมทำหน้าไม่พอใจเยี่ยงนั้นเล่า”


                    “ผมสนใจสิครับแต่ว่าไอ้หนังสือที่คุณบอกมันจะเขียนแบบที่คุณเล่ารึเปล่า ผมอยากรู้เรื่องต่อจริงๆน้า”  คุณหมอลู่หานเบะปากด้วยความไม่พอใจ ซีโคลัสเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ลู่หานไม่ได้ถามอะไร ไม่ถึงสองนาทีชายชราที่หายเข้าไปด้านหลังก็กลับมาพร้อมรูปใบหนึ่งในมือ มือแก่ที่เหี่ยวย่นตามวันเวลาก็ยื่นให้เขาก่อนจะนั่งลงที่เดิม

     

                    



     

                   “นี่คือภาพหนังสือที่เขียนเรื่องเกี่ยวกับพวกไอซาริสแล้วก็เหตุการณ์ตอนนั้น กระผมรับรองว่าเขียนเหมือนที่กระผมเล่าให้ฟังแน่นอนขอรับ เผลอๆอาจจะชัดเจนให้อารมณ์ตื่นเต้นมากกว่านี้เสียอีกขอรับ”

     

                           ลู่หานก้มมองรูปภาพในมือแล้วฟังตามที่ซีโคลัสบอก หนังสือปกสีเขียวดูไม่เก่ามาก บนปกมีตรารูปต้นแปลกๆอยู่จึงอดถามด้วยความสงสัยไม่ได้  “แล้วตรานี้มันคืออะไรเหรอครับ”

     

                    “ตราต้นไม้แห่งชีวิตน่ะขอรับ มันเป็นต้นไม้ในตำนาน หากผู้ใดเด็ดผลของมันมาในยามพระจันทร์เต็มด้วย ผลนั้นจะกลายเป็นยาพิษหรืออาวุธที่ผู้นั้นประสงค์ขอรับ” ซีโคลัสตอบ

     

                    “แล้วถ้าเด็ดตอนอื่นล่ะจะกลายเป็นอะไร” ลู่หานในเวลานี้เหมือนเด็กช่างสงสัยไปเสียหมด เขารู้สึกเหมือนกำลังก้าวเข้าไปในโลกของผู้วิเศษยังไงอย่างงั้น


                    “ยามที่พระอาทิตย์ทรงกลดก็จะเป็นยาชั้นดีสามารถรักษาแผลให้หายภายในพริบตาเดียว แต่หากเป็นเวลาปกติก็จะออกผลให้ผู้คนที่หลงเข้าไปในป่ากินประทังชีวิตขอรับ” ลู่หานพยักหน้าอย่างเข้าใจแล้วเก็บรูปนั้นไว้ในกระเป๋ากางเกง

     

                    “ผมจะไปหาหนังสือนี่ได้จากที่ไหนครับ”  ลู่หานตัดสินใจถามออกไป จริงๆมันก็น่าสนใจอยู่ไม่ใช่เหรอ แค่ไปซื้อมาอ่านไม่น่าจะลำบากอะไร

     

                    “ในป่าแบล็ควู้ดขอรับ”  คำตอบของชายชราทำให้ลู่หานสำลักน้ำลายทันที

     


                                    ในป่าแบล็ควู้ด! ร้านหนังสือที่ไหนอยู่กลางป่าที่ไม่มีแสงสว่างอย่างนั้นกัน

     


                    “ป่าอับแสงแถมชื่อเสียงที่คนที่นี่บอกว่าอันตรายไม่สิ—ป่าต้องห้ามของทรีเซอร์”  ลู่หานพูดขึ้นเสียงดัง เขาแค่ไม่เข้าใจว่ามันจะมีร้านหนังสืออยู่กลางป่าอันตรายอย่างนั้นได้ยังไง เฮ้! คนทั่วไปยังไม่กล้าเข้าไปเฉียดด้วยซ้ำ

     


                    “ขอรับแต่คุณหนูใจเย็นก่อน.... บางทีในนั้นอาจจะมีแสงสว่างก็ได้นะขอรับ กระผมได้ยินมาว่าเป็นป่าที่พวกไอซาริสอยู่เลยนา คุณหนูไม่สนใจหรอกหรือ” ชายชราจ้องหน้าเขาและพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นราวกับบอกว่าให้เขาเข้าไปในนั้น



                    “แล้วถ้าผมไม่รอดกลับมาล่ะ นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยนะคุณตา!” คนตัวเล็กเผลอหลุดสรรพนามแปลกใหม่ทำให้ซีโคลัสหัวเราะออกมาเสียงดังจนคนฟังทำหน้าเหลอหลาอย่างไม่เข้าใจ



                    “คุณหนูเป็นคนดี รักสัตว์แถมยังจิตใจดีอีก สัตว์ป่าในนั้นไม่ทำอะไรคุณแน่นอนขอรับ” ซีโคลัสฉีกยิ้มให้เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลู่หานแต่ไม่ว่ายังไงเขาต้องคิดให้รอบคอบก่อนว่าจะไปหรือไม่ไปดี



                    “ครับ ผมจะเก็บไปคิดดูอีกที”ลู่หานตอบ


     

                    “คุณจะไปที่นั่นอย่างแน่นอน เอาล่ะจะหกโมงแล้วกระผมว่าคุณหนูควรกลับบ้านได้แล้ว” ชายชราว่าแล้วลุกขึ้นผายมือไปทางประตูร้าน ลู่หานลุกขึ้นแล้วเตรียมตัวเดินออกไปแต่สายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่นอนอยู่บนพรมสีแดงข้างหลัง เขาเดินไปก่อนจะก้มหยิบขึ้นมาดู มันคือกริชสีเงินที่มีลวดลายสวยงามเหมือนกับเถาวัลย์เล็กๆ มันถูกสลักด้วยความประณีตและเขารู้สึกชอบมันอย่างปะหลาด


     

     

     

                    

                   “ซีโคลัส กริชนี้ของคุณเหรอ” ร่างเล็กเอ่ยถาม ชายชรารีบเดินเข้ามาแล้วหยิบไปจากมือลู่หานด้วยความตกใจปนทึ่ง เขาลูบมันอย่างทะนุถนอมเหมือนกับว่าเป็นสิ่งสำคัญ สุดๆ

     

                    “พระเจ้า ไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นอีกสงสัยจะถึงเวลาแล้วจริงๆ”


     

                        ซีโคลัสพึมพำเสียงเบาจนฟังไม่ได้ศัพท์ เขาลูบมันอยู่สักพักแล้วยื่นให้ลู่หานอีกครั้ง มือสวยรับกริชสีเงินมาไว้ในมือ เขาจ้องมองด้วยความรู้สึกหลงใหล กริชนี้มันงดงามทว่าแข็งแกร่ง หากใครใช้อย่างไม่ระวัง ผลร้ายอาจจะเข้าสู่ตนเอง จิตใต้สำนึกลู่หานบอกแบบนั้น

     

                    “มันเป็นของคุณขอรับ และจะเป็นของคุณตลอดไป” ลู่หานขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ


     

                         ของเขา?


     

                    “ใช่ขอรับ คุณหนูรักษาดีๆมันจะปกป้องคุณจากอันตราย” ซีโคลัสยิ้มให้เขาด้วยความนัยบางอย่าง โอเคกริชนี้เป็นของเขาแล้วใบหน้ากับคำพูดที่โคตรปะหลาดแบบนั้นคืออะไร หลงมาจากศตวรรษที่เท่าไหร่เนี่ยคุณตา!

                   


                          ลู่หานถือกริชเดินออกไปจากร้านขายของเก่าด้วยความรู้สึกว่างเปล่าแต่คำพูดสุดท้ายก่อนที่ชายชราหลงยุคคนนั้นจะปิดประตูไปทำเขาคิดไม่ตก ประโยคธรรมดาที่เหมือนกับแฝงไปด้วยเวทมนต์แบบนั้นมันกวนใจเขาไม่เลิก ลู่หานเดินกลับบ้านด้วยอารมณ์ล่องลอย

     


                                    “จงตามหาร้านหนังสือไม่มีชื่อ เจ้าจักเจอสิ่งตามหา”

     


                    “ขนลุกว่ะ ซีโคลัสตาแก่หลงยุคเอ๊ย” ลู่หานบ่นไล่ประโยคชวนขนลุกออกจากสมองแล้วเดินเข้าบ้านทันที เขาวางกระเป๋าทำงานลงบนโต๊ะหน้าทีวี  เสียงตึกตักจากด้านบนทำให้เขารู้ทันทีว่าลู่เฟิงกำลังลงมาจากชั้นสอง

     


                    “กลับมาแล้วเหรอพี่ ฉันทำสเต็กเนื้อให้อยู่บนโต๊ะอ่ะ” ลู่เฟิงในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นโผล่ออกมาจากบันไดอย่างรวดเร็ว


                    “ขอบใจ พรุ่งนี้มีเรียนตอนเช้าใช่มั้ย” ลู่หานถามพลางเดินไปหาจานสเต็กที่ห้องครัว ร่างบางทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ที่ประจำแล้วลงมาจัดการอาหารเห็นตรงหน้าทันทีด้วยความหิว



                    “อ่าห๊ะเออว่าแต่พี่เปิดของที่แม่ส่งให้ยัง”  

     

                                    ลู่เฟิงถามเพราะเธออยากรู้ว่าของที่แม่ส่งให้มันคืออะไร คุณนายถึงกำชับหนักหนาว่าให้พี่ชายเธอเป็นคนแกะดูเท่านั้น ถึงจะพอเดาได้แต่ก็... ลึกๆก็แอบกังวลอยู่ไม่น้อย เธอกลัวว่าพี่ชายที่บริสุทธิ์อย่างลู่หานจะต้องตกอยู่ในอันตราย

     


                    “ยังเลย แกไปเอามาดิ๊อยู่ในกระเป๋า” ลู่หานใช้ก่อนจะบ่นน้องสาวตัวดีอีกว่า “นี่แกเอาเนื้อวัวดิบให้พี่กินเหรอห๊ะ! ทำไมมันคาวขนาดนี้” ยู่ปากเล็กด้วยความไม่พอใจแต่ก็ยอมกินต่ออยู่ดี



                    เขาเพิ่งสังเกตนะว่าลู่เฟิงชอบกินของดิบๆ ชอบกินเนื้อ ผักนี่เรียกว่าขยาดสุด      -____- เป็นหมาป่ารึไง คิดใจใจเล่นๆแต่ก็ทำให้สองมือที่กำลังหั่นชิ้นเนื้อชะงักทันที นี่ช่วงนี้เขาเป็นอะไรกับเรื่องพรรค์มากนักนะ เพ้อเจ้อไปใหญ่แล้วเรา

     


                    “อ่ะพี่” ลู่เฟิงยื่นซองพัสดุที่ส่งตรงมาจากปักกิ่งพร้อมกับ

     


                                    กริชสีเงินที่วาวโรจน์อยู่ข้างๆกระเป๋า เธอไม่รู้ว่าพี่ชายสุดรักไปเอามาจากไหนแต่พอได้ถือก็รู้สึก หนัก แล้วก็ ร้อนๆหนาวๆแปลกชะมัด  ลู่หานวางส้อมกับมีดลงแล้วค่อยๆฉีกพัสดุด้วยอารมณ์ปกติต่างจากลู่เฟิงที่หัวใจสูบฉีดเร็วขึ้นตามรอยฉีกเรื่อยๆ มือสวยหยิบบางสิ่ง ที่อยู่ในนั้นออกมา

     


                    มันคือล็อคเก็ตสีทองคุ้นตา ใช่ มันคือของแม่ ตอนเด็กๆแม่เคยบอกว่าสักวันเขาจะได้พกมันเมื่อถึงเวลา เปิดออกช้าๆก็เจอรูปครอบครัว ใบหน้าสวยหวานและรอยยิ้มสุขุมของพ่อกับแม่ทำให้ลู่หานเผลอยิ้มออกมา ท่านทั้งสองคนกอดกันด้วยความรัก เขารู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก แต่จดหมายสีขาวที่แม่แนบมาด้วยดึงสายตาลู่หานออกมา

     


                    “แม่เขียนว่าไรๆอ่านเลยดิอ่านดังๆเลยนะ” หญิงสาวจอมจุ้นโผล่หน้าเข้ามาใกล้ ลู่หานผลักหัวน้องสาวออกไปแล้วแกะเปิดอ่านออกเสียง ลายมือที่คุ้นตาบอกเลยว่าเป็นของพ่อเขาไม่ผิดเพี้ยน

     

     

     

                                    ถึง ลูกชายของพ่อ


     

                    หากได้รับจดหมายนี้ก็ให้จำสิ่งที่พ่อจะบอกให้ดี มันคงถึงเวลาแล้วที่ลูกต้องทำหน้าที่ของตัวเองเสียที หน้าที่และเรื่องราวต่างๆลูกจะรู้ในไม่ช้า จงทำมันให้ดีเพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติของตระกูลเรา ความดีและจิตใจที่อ่อนโยนของลูกจะปกป้องและทำให้เรื่องทุกอย่างมันคลี่คลายลงด้วยดี อย่าหลงไปกับความโลภ มีสติและนึกถึงพ่อกับแม่เสมอยามคับขันแล้วลูกจะปลอดภัย


                    ตอนที่อ่านลูกคงสับสนและไม่เข้าใจ แต่ถ้าลูกไปพบกับใครบางคนมาและเขาบอกให้ลูกไปทำสิ่งใด จงทำและอย่าลืมเคารพนอบน้อมผู้อื่นอยู่เสมอ พ่อและแม่จะคอยดูแลลูกอยู่เสมอ อย่าหวาดกลัว ความกล้าในจิตใจเท่านั้นจะเอาชนะทุกอย่างได้

     

     

    รักลูกเสมอ

    พ่อ

     

                                    ลู่หานอ่านเนื้อความในกระดาษด้วยความไม่เข้าใจ ผิดกลับลู่เฟิงที่ตีหน้านิ่งและถอนหายใจอย่างเงียบๆ เธอรู้ว่าพี่ชายของตัวเองเป็น ผู้ถูกเลือก เพื่อหยุดยั้งความโหดร้ายของผู้คนบางกลุ่ม ความบริสุทธิ์ จิตใจที่อ่อนโยนและความแข็งแกร่งที่ลู่หานมี ลู่เฟิงเชื่อว่าเขาจะทำมันได้

     


                    “พี่ไม่เข้าใจเลย ทำไม...” พูดออกไปแบบนั้นแต่ในหัวกลับนึกถึงเรื่องไอซาริสอยู่ตลอด พ่อรู้ได้ยังไงว่าเขาไปพบกับซีโคลัสมา  เรื่องนี้มันชักแปลกขึ้นทุกทีจนเขาเริ่มกลัวขึ้นมาจริงๆ

     

                    “พี่ชาย ฉันรู้ว่ามันยากแล้วก็น่ากลัวแต่มันเกิดมาพร้อมกับพี่ ถึงพี่จะไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันอธิบายตอนนี้มันคงทำใจยากแต่ว่าตระกูลเรามีเชื้อสายจากพวกไอซาริส”


                    “...!!


                    “พ่อเป็นโคเฮท ส่วนฉันเป็นหมาป่า เราไม่มีทางรู้เลยว่าจะเป็นอะไรถึงจะสายเลือดเดียวกันแต่ย่อมแตกต่างกันได้ ส่วนพี่น่ะไม่มีอะไรเลย ไม่มีพลังสักนิด” ลู่เฟิงถึงได้คอยกังวลอยู่แบบนี้ไงล่ะ

     

                      ทุกอย่างตอนนี้คือความจริงไม่ใช่ความฝันแต่ทำไมเรื่องเล่านั้นถึงกลายเป็นจริงได้ แล้วครอบครัวของเขาก็ยังเป็นอีก ให้ตายสิแล้วเขาเป็นตัวอะไรกันแน่....

     

     

     

     

     

     

    TBC

     

     

     

     

    เป็นไงบ้างง มีใครพอเดาออกมั้ยน้า ลู่หานเป็นแค่มนุษย์ที่ถูกเลือก ว่าแต่เลือกไปทำอะไรต้องติดตามนะคั๊บ

    แชปหน้าเข้าป่าแล้วค่ะทุกคน เซฮุนออกเยอะแน่นอนเรยเลิ้ป

    อ่านแล้วเม้นกันหน่อยนะคะเลาอยากอ่านความเห็นของทุกคนเลย ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

    สกรีมแท็ก #fichhsweet คุยกันนะคุณ J

     

    ด้วยรัก.

     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×