ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SWEET MONSTER hunhan ft. exo

    ลำดับตอนที่ #2 : blackwood and a dream 100%

    • อัปเดตล่าสุด 28 ก.ย. 60


     

     

     

     

     

     

     


    ที่นี่มันที่ไหนกัน...

     

     

                       ลู่หานค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตกวาดมองรอบๆที่ตนเองยืนอยู่ กลิ่นความชื้นและไอความเย็นแปลกๆแผ่ปกคลุมไปทั่ว ลำต้นสูงมากมายของต้นไม้กระจายอยู่รอบตัว โอเค เขาค้นพบแล้วว่าที่เขายืนอยู่ตรงนี้คือป่า มีเพียงความเงียบสงัด บรรยากาศวังเวงไม่ชอบมาพากล มันเหมือนกับที่นี้เป็นป่าลึกลับ

     

     

     

                            ประเด็นคือเขามานอนอยู่กลางป่าได้ยังไง!

     

     

     

              “นี่ฉันฝันอยู่หรอกเหรอลู่หานพึมพำแล้วก้มมองชุดตัวเอง เขาอยู่ในชุดนอนสีฟ้าอ่อนและสลิปเปอร์สีชมพูลายคิตตี้ของตัวเอง ก่อนที่จะไปหยุดสายตาอยู่ที่รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ลู่หานสวมสร้อยที่ซีโคลัส ตาแก่หลงยุคนั่นให้มาก่อนที่ล้มตัวนอนแล้วหลับไป สร้อยพาเขามาที่นี่ ลู่หานคิดแบบนั้น

     

     

     

    แซ่กก.. สวบ.. แซ่กก....

     

     

     

                            เสียงซวบซาบของอะไรบางอย่างทำให้ลู่หานตื่นขึ้นจากภวังค์  ร่างเล็กในชุดนอนหมุนตัวไปตามจังหวะ มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังก้าวขยับ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน ท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวอยู่ทว่ามีเสียงกระพือปีกบินของนกสีดำหลายฝูงบินอยู่เหนือหัวลู่หาน เขาแหงนไปมองบนท้องฟ้าสีฟ้าครึ้มที่มีเหล่าหมู่นกกามากมายบินไปอย่างรวดเร็ว

     

     

     

                            ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง...

     

     

     

                            และในจังหวะนั่นที่คนตัวเล็กเหม่อมองท้องฟ้า บางอย่างได้จู่โจมจากข้างหลังอย่างรวดเร็วจนลู่หานล้มลง เสียงคำรามในลำคอของบางสิ่งที่จู่โจมทำให้เขาหลับตาปี๋ด้วยความกลัว เหงื่อชื้นผุดขึ้นตามไรผมเพราะความกลัวที่เกาะกุมจิตใจ หัวใจเต้นเป็นจังหวะถี่ขึ้นเพราะลู่หานไม่รู้ไอ้สิ่งที่มันคร่อมเขาอยู่มันคืออะไรกันแน่

     

     

     

                            พระเจ้าช่วยเขาด้วย เขาอยากตื่นจากฝันร้ายนี้เต็มที่แล้ว!

     

     

     

                            เสียงครางฮือของมันดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสจั๊กจี๋บริเวณซอกคอขาว เสียงฟุดฟิดของมันทำให้ร่างบางใต้อาณัติเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความตกใจ ภาพตรงหน้าคือสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีคนสีเทาและเขี้ยวอันแหลมคม ดวงตาสีแดงของมันจ้องมาราวกับอยากจะฉีกร่างของเขาเป็นชิ้นๆให้สาแก่ใจ

     

     

     

     

     

                            มันคือหมาป่า  ลู่หานคิดในใจ

     

     

     

     

     

                “แกจะไม่ฆ่าฉันหรอกใช่มั้ย อึก..ฉะ...ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายแกนะถึงจะคิดว่าเป็นโลกของความฝันแต่ภาพนี่มันชัดยิ่งกว่า 4D ซะอีก! เขายังไม่อยากตายทั้งๆที่อายุไม่ถึงสามสิบนะ ฮื่อ เขาควรจะทำยังไงดี เจ้าหมาป่าที่คร่อมเขาอยู่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด แววตาของมันสะท้อนความดุดันสมกับเป็นผู้ล่า

     

     

     

     

                “ฉันเป็นสัตวแพทย์นะ! ฮือปะ...ปล่อยฉันไปเถอะนะ

     

     

                เล็บสวยจิกที่อุ้งมือตัวเองอย่างแรงเมื่อมันก้มจมูกมาดมที่คอเขาอีกครั้ง และในเสี้ยววินาทีนั่นเองปากกว้างที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวแหลมก็พุ่งเข้ามากัดที่ซอกคอลู่หานอย่างรวดเร็ว!

     

     

     

                “อ๊ากกกกกก!!ลู่หานกรีดร้องเสียงดังและในที่สุดวิวตรงหน้าก็พร่าเลือนลง ท้องฟ้าสีครื้มบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวจนหมด เปลือกตาสีมุขปิดสนิทลงพร้อมกับภาพที่ขาวโพลน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                         

     

     

     

             สัตวแพทย์ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น อาการตกใจจากการจู่โจมของหมาป่าขนสีเทายังไม่หายไป นึกขึ้นได้ก็รีบเอามือลูบคอตัวเองทันที แต่พบว่ามันไม่มีคราบเลือดหรือรอยกัดเลยแม้แต่นิดเดียว พระเจ้า มันเป็นได้ยังไง....

     

     

     

                ลู่หานลุกขึ้นยืน ใบหน้าเล็กซีดขาว ในหัวมีแต่ความสงสัยปนปะหลาดใจ ให้ตายเถอะเมื่อกี้เขาเหมือนจะตายเลยจริงๆนะ...

     

     

     

                “แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนอีกเนี่ยลู่หานบ่นด้วยความหงุดหงิด เมื่อกี้ก็เกือบโดนหมาป่าฆ่าตายกลางป่าแล้วนี่... ปราสาทอะไรเนี่ย เจ้าของสลิปเปอร์สีชมพูก้าวเข้าไปใกล้ปราสาทตรงหน้าเรื่อยๆ เสียงกรอบแกรบของเศษใบไม้แห้งดังขึ้นทุกก้าวที่เขาเหยียบ  ลมเย็นพัดถูกตัวจนขนลุกซู่เบาๆ ปราสาทตรงหน้าดูไม่ค่อยเก่ามากแต่การตกแต่งก็เหมือนเป็นแบบยุโรปสมัยก่อน บรรยากาศรอบข้างไม่มีอะไรเลยนอกจากด้านหลังเป็นป่าและความเงียบที่แผ่ไปทั่วถูกอาณาบริเวณ

     

     

     

                            ลู่หานเดินไปหยุดอยู่ที่กลางสะพาน จริงๆปราสาทสวยหรูตรงหน้ามันดูไม่มีใครอาศัยอยู่เลย เรียกว่าร้างเลยดีกว่า ทุกอย่างดูเก่าโบราณ ต้นไม้บางต้นรอบๆก็เฉาตายเกือบหมด ในจังหวะที่ลู่หานเงยหน้าไปมองบนปราสาทก็พบกับสายตาคู่หนึ่งหลังผ้าม่านบนหน้าต่างชั้นบนสุด

     

     

     

                มีคนอยู่ที่นี่! ใครกันน่ะ ก้มหน้ามองเท้าตัวเองแค่เสี้ยววินาทีแต่พอช้อนสายตาขึ้นไปอีกครั้งก็พบกับความว่างเปล่า ใครคนนั้นหายไปแล้ว! สมองสั่งการให้ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วแต่พอเหยียบลงไปก็พบกับหลุมสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า

     

     

     

                            ไม่ทันเสียแล้วเขาตกลงไปในหลุมเรียบร้อย ลู่หานโวยวายเสียงดังด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่าหลุมนี่มันลึกเท่าไหร่แต่ข้างล่างนั่นมันต้องมีอะไรที่แย่มากแน่ๆ เสียงในหัวเขาบอกแบบนั้นดังนั้นร่างเล็กในชุดนอนหลับปี๋พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวเพื่อเตรียมรับกับความเจ็บปวดทันทีที่ลงไปถึง จู่ๆแสงสีขาวก็จ้าขึ้นมาและทำให้ตัวของหมอสัตว์หน้าหวานตกลงไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น

     

     

     

     

     

                ถ้าหากนี่เป็นเพียงแค่ความฝัน ขอให้เขาตื่นจากความฝันนี้ด้วยเถอะ!

     

               เขาไม่ไหวแล้ว ภาพในหัวฉายถึงครอบครัวของเขาที่นั่งอยู่ในสวนอย่างมีความสุข เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของบุพการีทำใจของลู่หานเจ็บปวด ความกลัวตายแล่นอยู่ในจิตใจ จนสุดท้ายความมืดก็กลืนกินแสงสว่างนั่นจนหมดสิ้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                        

                          “เฮือก!

     

     

     

     

     

                            คนตัวเล็กสะดุ้งขึ้นจากเตียงอย่างแรง เสียงหอบหายใจและเหงื่อที่เต็มใบหน้าและฝ่ามือขาวบ่งบอกถึงฝันร้ายเมื่อครู่ อ่า นี่เขาแค่ฝันไปสินะ

     

     

     

                            ลู่หานหันไปมองนาฬิกาข้างเตียงพบว่าหกโมงเช้าแล้ว โอเคเขายังมีเวลาอาบน้ำกินข้าวเช้าประมาณหนึ่งชั่วโมง ร่างเล็กหย่อนเท้าลงจากเตียงเพื่อสวมสลิปเปอร์และเขาพบว่าสีชมพูสะอาดของมันบัดนี้เต็มไปด้วยคราบดินและเศษใบไม้

     

     

     

                “ไม่น่า มันเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง”  พยายามนึกถึงหลักความจริงแล้วสะบัดหัวไล่ความเพ้อเจ้อออกไปก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ เอื้อมมือไปหยิบยาสีฟันเตรียมบีบยาสีฟัน แต่เมื่อลู่หานเงยหน้าไปส่องกระจกก็พบว่า

     

     

     

                            ชุดนอนสุดรักที่ซักอย่างดีตอนนี้เต็มไปด้วยคราบดิน เศษใบไม้ติดอยู่เต็มไปหมด ความชื้นแฉะแปลกๆบริเวณหัวไหล่ทำให้เขาเลื่อนมือไปแตะ พอสัมผัสแล้วก็รู้สึกความเหนียวเหนอะหนะ ตัดสินใจเอามาดมก็ถึงกลับต้องชักมือออกทันที

     

     

     

                “เชี่ย...น้ำลายกลิ่นคาวและกลิ่นสาบแปลกๆติดอยู่ทั่วร่างกาย นั่นทำให้ลู่หานฉุกคิดถึงความฝันแปลกๆเมื่อคืนตอนที่โดนหมาป่าครอมตัวแถมมันยังจะกัดเขาอีกต่างหาก ถ้าจำไม่ผิดแขนเสื้อตรงที่เลอะก็ตรงกับข้างที่มันมาดมตอนแรก

     

     

     

     

     

                            ใครก็ได้ช่วยเขาที เพราะความฝันเมื่อคืนมันใกล้เคียงกับความจริงเสียเหลือเกินจนใจหายว่าตัวเองเข้าไปในป่ามาจริงๆ ลู่หานคิดพลางแปรงฟันไปด้วย ใบหน้าสวยที่มักจะสดใสอยู่เสมอตอนนี้กลับหมองลงอย่างเห็นได้ชัด

     

     

     

                            บ้วนน้ำทิ้งแล้วกวักน้ำล้างหน้าเพื่อไล่ความรู้สึกพิศวงในใจออกไป ลู่หานเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล

     

     

     

     

     

                ใช่ เขากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขากำลังเจอกับอะไรกันแน่...

     

     

     

     

     

     

     

                 ลู่หานจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แล้วลงไปกินข้าวเช้าทันทีที่ถึงโต๊ะก็เจอน้องสาวตัวแสบนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาเดินเข้าไปในสบายๆ ข้าวเช้าวันนี้เป็นซีเรียลรูปดาวกับนม แล้วก็แซนวิชทูน่าฝีมือยัยเด็กที่นั่งเคี้ยวเสียงดังอยู่ข้างๆ

     

     

     

     

     

                “เมื่อวานทำไมกลับบ้านเย็นอะพี่ลู่เฟิงทนรอไม่ไหวเลยหาอะไรกินแล้วเข้านอนทันทีด้วยความเพลีย

     

     

     

                “ฝนตกหนักน่ะสิเลยหาที่หลบก่อนกว่าจะซาลงพูดไปเคี้ยวซีเรียลไปในปาก หญิงสาวคนเดียวในบ้านพยักหน้าก่อนจะเหลือบตาไปเจอสร้อยที่อยู่บนคอของพี่ชายสายเลือดเดียวกับเธอ

     

     

     

                “แล้วไปเจอสร้อยนี่ได้ยังไงโทนเสียงที่จริงจังมากขึ้นทำให้ลู่หานมองใบหน้าของลู่เฟิงด้วยความสงสัย ก็มันสวยดีอะพี่ ซื้อที่ไหนอ่ะ

     

     

     

                 ถึงจะรู้สึกแปลกๆแต่คุณหมอหน้าหวานก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ

     

     

     

                “มีคนให้ฉันมาเป็นคุณตาที่ให้หลบฝนในร้านแกน่ะพูดเสร็จก็คว้าแซนวิชมากินต่อเพราะจัดการซีเรียลในชามหมดแล้ว

     

     

     

                “คุณตาเหรอ? แก่มากมั้ยแล้วแกได้บอกอะไรกับพี่อีกรึเปล่า

     

     

     

                            ลู่เฟิงวางช้อนลงแล้วถามพี่ชายตัวเองอย่างจริงจัง สบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ทอแสงเป็นประกายของผู้ชายที่นั่งตรงข้าม ตาแก่นั่นต้องพูดอะไรแน่ๆ เธอคิด

     

     

     

                “ก็...แก่มากแล้วชอบพูดจาเหมือนคนสมัยก่อนถามทำไม แกรู้จักเหรอลู่หานจ้องมองใบหน้าที่ดูคมและโดดเด่นของน้องสาว เธอกระแอมไอนิดหน่อยแล้วพูดต่อ ไม่รู้จักอะถามเฉยๆสร้อยสวยดีนะเก็บไว้ดีๆอย่าให้หาย

     

     

     

                            ลู่เฟิงพูดอย่างรวดเร็วแล้วเอาชามไปเก็บที่ซิงค์ล้างจาน ประโยคเมื่อกี้ทำให้ลู่หานสงสัยว่าทำไมลู่เฟิงถึงพูดเหมือนกับรู้อะไรด้วย แต่จะว่าไปตั้งแต่ใส่สร้อยนี่ทุกอย่างรอบตัวก็ดูแปลกปะหลาดไปซะหมดไม่เว้นแม้แต่น้องสาวของเขา

     

     

     

                            ลู่หานยกมือขึ้นลูบสร้อยที่คอเบาๆ หรือว่าสร้อยนี่มันมีอะไร ดึงตัวเองออกจากความคิดเมื่อถึงเวลาต้องไปทำงานแล้ว เขาลุกจากกระเป๋าสะพายกระเป๋าแล้วเตรียมใส่รองเท้าคู่เก่งเพื่อไปทำงานแต่เสียงคุ้นหูของลู่เฟิงดังขึ้นข้างหลังชะงักมือขาวที่จะเปิดประตูออกจากบ้านไป

     

     

     

                “แม่ส่งของมาให้อยู่ในตู้จดหมายหน้าบ้านนะ

     

     

     

                                        ของเหรอ? ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนแปลกจังแฮะ ร่างเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดกับกางเกงสแลคสีดำเดินออกจากบ้านไปหยุดอยู่ที่ตู้จดหมายสีแดง มือเรียวหยิบซองพัสดุออกมา เขย่าไปมาแต่ก็ไม่ได้เสียงอะไร

     

     

     

              ค่อยไปเปิดที่คลินิกละกัน เอาซองใส่กระเป๋าแล้วขายาวก็รีบก้าวไปที่ทำงานทันที ลู่หานเป็นสัตวแพทย์อายุ 26 ปี เรียนจบจากมหาลัยที่ปักกิ่งก่อนจะย้ายมาทำงานที่เมืองทรีเซอร์กับน้องสาวที่มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี้

     

     

     

                            บ้านของลู่หานเป็นบ้านสองชั้นไม่ใหญ่นักรอบข้างเป็นทะเลสาบและสวนสาธารณะทรีเซอร์ซิตี้ ปกติเขามักจะเดินไปที่ทำงานเพราะอยู่ไม่ไกลมากแต่ถ้าวันไหนตื่นสายก็จะปั่นจักรยานไป ระหว่างเดินไปลมเย็นๆสัมผัสผิวทำให้หมอขี้หนาวเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ทรีเซอร์เป็นเมืองเล็กๆอากาศดี ส่วนใหญ่จะหนาวตลอดทั้งปี

     

     

     

                            สองขาก้าวเข้าไปในคลินิกสัตว์ ริมฝีปากสีเชอร์รี่แจกยิ้มให้กับผู้คนที่พาสัตว์เลี้ยงเข้ามารอ สุนัขรวมถึงสัตว์อื่นๆจ้องมองเขาตาใสแป๋ว พยาบาลที่เขาเดินผ่านก้มหัวทักทายให้อย่างสุภาพทำให้หมอหน้าหวานที่โด่งดังของที่นี่ต้องรีบโค้งกลับให้แทบไม่ทัน

     

     

     

                “สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณหมอลู่หาน นี่เคสแรกของวันนี้พยาบาลลูน่ายื่นชาร์ตให้ด้วยรอยยิ้มสดใส เธอดูแลผมได้ดีเสมอเลยตั้งแต่มาทำงานที่นี่ ลู่หานนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนขยับเสื้อกาวน์ให้เรียบร้อย

     

     

     

     

     

                “อืมซนจนขาหักสินะ...ไปพาเข้ามาเลยหมอพร้อมล่ะ J”

     

     

     

     

     

                สงสัยวันนี้ไม่ได้พักแน่ๆ คิดในใจแล้วส่งยิ้มน่ารักให้กับคุณยายที่มาพร้อมกับเจ้าหมาโกลเด้นตัวใหญ่ หมอร่างเล็กลืมไปเลยว่ามีบางสิ่งรอให้เขาเปิดอยู่ในกระเป๋า

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                            ปัง!

     

     

     

                            เสียงประตูห้องโถงที่ถูกปิดลงโดยฝีมือคนในห้องทำให้เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กก่อนหน้านี้เงียบลงทันที ร่างสูงในชุดองครักษ์เจ้าของผิวแทนและใบหน้าดิบเถื่อนลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาที่ไม่สามารถเดาได้ว่ารู้สึกอย่างไร เดินไปถึงหัวโต๊ะก็เริ่มกล่าวรายงานความเคลื่อนไหวเมื่อคืนนี้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

     

     

     

                “กูเฝ้าทั้งคืนไม่มีหมาตัวไหนย่างก้าวเข้ามาในเขตปราสาทแน่นอนเขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเพราะคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองตาเขาด้วยซ้ำ เดี๋ยวพ่อก็ฉีกให้ร่างขาดเป็นสองท่อนเลย ช่างน่ารำคาญ -__-

     

     

     

              “อ่ะเฮ้ไอ้คนที่มึงจะฉีกเป็นสองท่อนน่ะมันได้ยินเสียงความคิดมึงนะ คิมจงอินเสียงติดเล่นของเจ้าของสีผมดาร์กช็อคทำให้ลูเซนต์หนุ่มหัวเสียหนักกว่าเดิม

     

     

     

                “เสือกไรอี้ฟานดวงตาสีเทาหม่นสบตาเฟธเธอร์ที่อ่านใจคนอื่นได้ ใบหน้าคมคายถอนสายตาออกจากนัยน์ตาสีม่วงทมิฬแล้วกลับไปนั่งที่ตัวเองเหมือนเดิม

     

     

     

                “แล้วนายแน่ใจแล้วเหรอ โอเซฮุน ว่าเห็นมนุษย์เข้ามาในเขตของเราเมื่อคืน คิมจงแด ลูเซนต์อีกคนถามเจ้าของใบหน้าหล่อติดเย็นชาที่มีศักดิ์เป็นท่านชายของเหล่าเฟธเธอร์

     

     

     

                “ฉันเห็นเขาเมื่อคืนเสียงทุ้มดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ที่เอาไว้ประชุมเวลามีเรื่องอะไร เช่นตอนนี้เซฮุนเห็นมนุษย์เข้ามาในเขตปราสาทแต่พอหายตัวลงมาก็พบว่าเขาหายไปแล้ว เดือดร้อนถึงแม่ทัพลูเซนต์อย่างจงอิน เมื่อคืนเป็นเวรดูแลปราสาทของเขาซึ่งมั่นใจว่าไม่มีใครหรือหมาตัวไหนเหยียบมาที่นี่แน่นอน

     

     

     

                “จะให้กูย้อนเวลาไปดูให้มั้ยล่ะจะได้ชัวร์ประธานกลุ่มโคเฮทอย่าง บยอน แบคฮยอน ก็ตัดสินใจช่วยท่านชายไร้ชีวิตที่โคตรน่าเบื่อเพื่อจะให้เรื่องนี้จบๆไปเสียที

     

     

                “นายฝันรึเปล่าเซฮุน ช่วงนี้ขาดเลือดเหรอฉันไปหามาให้เอามั้ย

     

     

     

     

     

                  เสียงหวานที่เจือความเป็นห่วงของ ไอรีน หรือ เบจูฮยอน นายหญิงของเฟธเธอร์พูดขึ้นก่อนส่งสายตาไปให้ท่านชายที่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการอะไรเลย  จนกระทั่งเซฮุนปริปากออกมาถามวันนี้วันที่เท่าไหร่ พอไอรีนตอบก็หายตัวไปด้วยความรวดเร็ว ทำให้เหล่าไอซาริสทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความไม่เข้าใจอารมณ์ของท่านชายที่ไร้หัวใจคนนั้น

     

     

     

     

     

                “ฉันว่าหมอนี่อาการหนักนะเฮ้อ ขอตัว

     

     

     

                        ร่างเพรียวของ เจนนี่ องครักษ์หญิงของลูเซนต์ก็สะบัดขนเฟอร์สีทองของเธอแล้วเดินออกไปจากห้องโถง ตามด้วยเมดเซนต์    แบคฮยอนก็ลุกตามออกไปหางตาก็หันไปมองเฮทเมดให้เดินตามมาเป็นขบวน  เหลือเพียงไอซาริสแค่ไม่กี่คนเท่านั้น

     

     

     

                “คิดว่ามันจะเกี่ยวกับคำทำนายของพ่อจงอินรึเปล่าจงแดเอ่ยขึ้น หัวข้อนี้ทำให้คนที่เหลือหันมามองเป็นตาเดียว

     

     

     

                “พ่อฉันทำไม ยุ่งไรกับพ่อฉัน -___-^” ลูเซนต์จอมโมโหอย่างจงอินทำให้อี้ฟานกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย มันจะมีสักวันที่ไอ้เวรนี่มันไม่หงุดหงิดน่ะ สงสัยคงจะยากพอๆกับเซฮุนออกจากห้องนั้นแหละ  อ่า...ลืมไปเรามีไอ้เด็กโคเฮทตาโตอยู่นิหว่า

     

     

     

                “ที่บอกว่าไอซาริสจะมีสงครามกับพวกแอนโซ่น่ะนะดีโอ หรือโดคยองซู โคเฮทหนุ่มตาโตพูดพลางหยิกแขนคนที่ทำหน้าเป็นหมีกินผึ้งอยู่ข้างๆ จงอินหันหน้ามาเบะปากใส่เขาก่อนจะหันไปทำหน้าโหดใส่คนอื่นเหมือนเดิม

     

     

     

                “เชื่อครึ่งไม่ใช่ครึ่ง ถึงเราจะทำนายอนาคตได้แต่เวลามันเดินอยู่ตลอดไม่มีอะไรแน่นอนหวงจื่อเทา รองแม่ทัพลูเซนต์ เจ้าของนัยน์ตาสีเทาเข้มที่นั่งเคี้ยวแอปเปิ้ลเขียวกร้วมๆ คนอื่นๆกำลังใช้ความคิด โคเฮทตัวเล็กที่มักมีคำตอบให้เสมออย่าง ซิ่วหมิน ก็นั่งเงียบไม่พูดอะไรเลย

     

     

     

                “บางทีภาพมายาและเกราะกำบังคนที่ฉันสร้างไว้อาจจะเสื่อมลง ฉันไปดูให้ก็แล้วกันซูโฮ เฟธเธอร์หนุ่มเจ้าของสีผมมะฮ็อกกานีอย่างผู้ดีสมัยก่อนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หายตัวไปพร้อมกับเหล่าเฟธเมดผิวซีด

     

     

     

                “หรือบางทีมันอาจจะเป็นสัญญาณบางอย่างให้พวกเราตื่นตัวไว้ อย่าวางใจกันนักน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของจงอินทำให้บรรยากาศในห้องโถงนี่ตึงเครียดมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว

     

     

     

     

              จงอินไม่รู้ว่าคำทำนายของพ่อเขาจะเกิดขึ้นจริงรึไม่แต่หากไอซาริสจะมีสงครามกับไอ้สวะสารเลวอย่างแอนโซ่ล่ะก็... เขาจะฆ่ามันให้หมดไม่เหลือซาก  เผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะต้องคงอยู่ต่อไป พวกเขาใช้ชีวิตและแฝงตัวอยู่กับพวกมนุษย์อย่างลับๆมาหลายศตวรรษ แน่นอน มนุษย์ไม่มีทางรู้

     


                            ไอซาริสเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปทุกอย่าง หากแต่พวกเขามีพลัง

     

     

                มนุษย์ที่เคยฟังเรื่องราวของพวกเขามาบ้าง อาจนิยามพวกเขาเป็นพวกผีดิบ แวมไพร์ ปิศาจ หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ไอซาริสทุกคนเลือกไม่ได้ โชคชะตากำหนดให้เราเกิดเป็นพวกเหนือมนุษย์ กลุ่มที่เข้าข่ายคำว่าแวมไพร์อย่างเฟธเธอร์ มีอายุเป็นอมตะ ใช้ชีวิตจ้องมองคนที่รักจากไปทีละคน ภายใต้ความเย็นชาที่พวกเฟธเธอร์แสดงออก แท้จริงแล้วพวกเขามีความเจ็บปวดและผ่านการสูญเสียมานับไม่ถ้วน

     


                และมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นด้านอ่อนแอของพวกเขาได้

     


                แอนโซ่เป็นกลุ่มมนุษย์ที่ต้องการครอบครองพลังและเป็นอมตะเหมือนพวกเขา



     

                ความโลภและอยากกระหายในอำนาจสูงสุดเฉกเช่นกับเป็นนักล่าเหนือห่วงโซ่อาหาร พวกมันต้องการทำลายไอซาริสทิ้งซะ แต่ตระกูลที่พวกมันต้องการตัวมากที่สุดคือครอบครัวของพวกเขา ดินแดนฝั่งยุโรปตอนเหนือมีอำนาจมากในเผ่าพันธุ์ไอซาริส

     



                “ความปลอดภัยของพวกเราน้อยลงทุกวัน”

     

                “มนุษย์อยากรู้มากเกินไป เรื่องของพวกเราสมควรเป็นเพียงนิทานปรัมปราเท่านั้น”

     



                เป็นจงแดกับซิ่วหมินที่พูดขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียด หลายวันมานี้ที่จงแดออกไปล่าตระเวนในป่า มีมนุษย์พยายามเข้ามาในเขตของพวกเขา ทุกอย่างเริ่มต้นจากคำบอกเล่า ส่งผ่านต่อมา ต่อมา และมนุษย์บางคนจิตใจโหดเหี้ยม

     


                ชีวิตของไอซาริสบางตนถูกจับฆ่าด้วยความสนุกสนาน

     


                “เราต้องฆ่าพวกมันบ้าง” เพื่อแสดงให้เห็นว่าไอซาริสไม่ใช่ผู้มีพลังกระจอกๆ เทาเอ่ย

     

                “ไม่ได้ พวกเราไม่ทำแบบนั้นถ้าไม่จำเป็น”

     


                แม้จะมีพลังมากกว่า แต่ไอซาริสไม่เคยบุกรุกและทำร้ายมนุษย์นอกเสียจากพวกมนุษย์เหล่านั้นเริ่มก่อน คิมจงอินมองจื่อเทาที่เป็นศักดิ์ต่ำกว่าด้วยสายตาปรามๆ เทามักแก้ปัญหาโดยการใช้พลังเสมอ 

     


                “เหอะ แล้วแบบนั้นพวกมนุษย์หน้าโง่พวกนั้นก็จะตราหน้าไอซาริสว่าเป็นพวกไร้น้ำยา”

     


                “หุบปาก” ลูเซนต์ชาวจีนถอนหายใจหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้น โค้งลวกๆแล้วเดินออกจากห้องไป

     

                จงอินมองหน้าอี้ฟานที่พยายามสื่อให้เขามองข้ามเรื่องนี้ไป เจ้าของผิมแทนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์นัก

     


                “ไม่มีใครทำร้ายครอบครัวของเราได้หรอกจงอิน”


                “คำทำนายของพ่อเหมือนจะเป็นจริงขึ้นทุกที” น้ำเสียงเข้มดูอ่อนแรงกว่าทุกครั้ง




                ดีโอเอื้อมมือไปแตะมือหนาของแม่ทัพหนุ่ม แย้มรอยยิ้มรูปหัวใจหวังให้อีกคนผ่อนคลายกว่านี้ ยามนี้พวกเขาต้องเชื่อใจกันให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นครอบครัวสำคัญที่สุด นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทุกคนได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เป็นเด็ก

     



                “ครอบครัวจะไม่ทิ้งกันคิมจงอิน”

     

                “แด่ไอซาริส” อี้ฟานที่ไม่รู้จะไปเอาแชมเปญมาตั้งแต่เมื่อไหร่ จัดการเทให้ไอซาริสที่เหลือที่ยังนั่งอยู่ในห้องโถง แล้วเคลื่อนทีกลับมานั่งประจำที่ตัวเองอย่างรวดเร็ว นิ้วเรียวสวยโคลงแก้วไปมาก่อนจะชูขึ้น



                ทุกคนหยิบแก้วทรงสวย เอ่ยพร้อมกัน ห้องโถงใหญ่สะท้อนก้องด้วยน้ำเสียงทรงพลัง

     


                “แด่ไอซาริส”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     


     

     

                                                                                 


     

     

     


    TBC


     

    Edit – 28-09-2017

     

    แวะมารีไรท์ใหม่ค่า จะอ่านใหม่ก็ได้น้าเรามาเพิ่มแค่ช่วงท้ายๆเน้อ

     

    ยังไงฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจเราด้วยนะ จาสู้!

     

    #fichsweet

     

     

     

     

     

     

     
    O W E N TM.
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×