คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : blackwood and a dream 100%
ที่นี่มันที่ไหนกัน...
ลู่หานค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น นัยน์ตาสีน้ำตาลกลมโตกวาดมองรอบๆที่ตนเองยืนอยู่
กลิ่นความชื้นและไอความเย็นแปลกๆแผ่ปกคลุมไปทั่ว
ลำต้นสูงมากมายของต้นไม้กระจายอยู่รอบตัว โอเค
เขาค้นพบแล้วว่าที่เขายืนอยู่ตรงนี้คือป่า มีเพียงความเงียบสงัด บรรยากาศวังเวงไม่ชอบมาพากล
มันเหมือนกับที่นี้เป็นป่าลึกลับ
ประเด็นคือเขามานอนอยู่กลางป่าได้ยังไง!
“นี่ฉันฝันอยู่หรอกเหรอ”
ลู่หานพึมพำแล้วก้มมองชุดตัวเอง
เขาอยู่ในชุดนอนสีฟ้าอ่อนและสลิปเปอร์สีชมพูลายคิตตี้ของตัวเอง
ก่อนที่จะไปหยุดสายตาอยู่ที่รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ลู่หานสวมสร้อยที่ซีโคลัส
ตาแก่หลงยุคนั่นให้มาก่อนที่ล้มตัวนอนแล้วหลับไป สร้อยพาเขามาที่นี่
ลู่หานคิดแบบนั้น
แซ่กก.. สวบ.. แซ่กก....
เสียงซวบซาบของอะไรบางอย่างทำให้ลู่หานตื่นขึ้นจากภวังค์ ร่างเล็กในชุดนอนหมุนตัวไปตามจังหวะ
มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังก้าวขยับ เพียงแต่ไม่รู้ว่ามาจากทิศไหน
ท่ามกลางความเงียบที่โรยตัวอยู่ทว่ามีเสียงกระพือปีกบินของนกสีดำหลายฝูงบินอยู่เหนือหัวลู่หาน
เขาแหงนไปมองบนท้องฟ้าสีฟ้าครึ้มที่มีเหล่าหมู่นกกามากมายบินไปอย่างรวดเร็ว
ราวกับกำลังหนีอะไรบางอย่าง...
และในจังหวะนั่นที่คนตัวเล็กเหม่อมองท้องฟ้า บางอย่างได้จู่โจมจากข้างหลังอย่างรวดเร็วจนลู่หานล้มลง
เสียงคำรามในลำคอของบางสิ่งที่จู่โจมทำให้เขาหลับตาปี๋ด้วยความกลัว
เหงื่อชื้นผุดขึ้นตามไรผมเพราะความกลัวที่เกาะกุมจิตใจ
หัวใจเต้นเป็นจังหวะถี่ขึ้นเพราะลู่หานไม่รู้ไอ้สิ่งที่มันคร่อมเขาอยู่มันคืออะไรกันแน่
พระเจ้าช่วยเขาด้วย
เขาอยากตื่นจากฝันร้ายนี้เต็มที่แล้ว!
เสียงครางฮือของมันดังขึ้นพร้อมกับสัมผัสจั๊กจี๋บริเวณซอกคอขาว
เสียงฟุดฟิดของมันทำให้ร่างบางใต้อาณัติเปิดเปลือกตาขึ้นด้วยความตกใจ
ภาพตรงหน้าคือสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีคนสีเทาและเขี้ยวอันแหลมคม
ดวงตาสีแดงของมันจ้องมาราวกับอยากจะฉีกร่างของเขาเป็นชิ้นๆให้สาแก่ใจ
มันคือหมาป่า ลู่หานคิดในใจ
“แกจะไม่ฆ่าฉันหรอกใช่มั้ย
อึก..ฉะ...ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายแกนะ” ถึงจะคิดว่าเป็นโลกของความฝันแต่ภาพนี่มันชัดยิ่งกว่า
4D ซะอีก! เขายังไม่อยากตายทั้งๆที่อายุไม่ถึงสามสิบนะ ฮื่อ
เขาควรจะทำยังไงดี เจ้าหมาป่าที่คร่อมเขาอยู่ก็ไม่ขยับเลยสักนิด แววตาของมันสะท้อนความดุดันสมกับเป็นผู้ล่า
“ฉันเป็นสัตวแพทย์นะ!
ฮือปะ...ปล่อยฉันไปเถอะนะ”
เล็บสวยจิกที่อุ้งมือตัวเองอย่างแรงเมื่อมันก้มจมูกมาดมที่คอเขาอีกครั้ง
และในเสี้ยววินาทีนั่นเองปากกว้างที่เต็มไปด้วยคมเขี้ยวแหลมก็พุ่งเข้ามากัดที่ซอกคอลู่หานอย่างรวดเร็ว!
“อ๊ากกกกกก!!” ลู่หานกรีดร้องเสียงดังและในที่สุดวิวตรงหน้าก็พร่าเลือนลง
ท้องฟ้าสีครื้มบัดนี้ถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีขาวจนหมด
เปลือกตาสีมุขปิดสนิทลงพร้อมกับภาพที่ขาวโพลน
สัตวแพทย์ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น
อาการตกใจจากการจู่โจมของหมาป่าขนสีเทายังไม่หายไป
นึกขึ้นได้ก็รีบเอามือลูบคอตัวเองทันที
แต่พบว่ามันไม่มีคราบเลือดหรือรอยกัดเลยแม้แต่นิดเดียว พระเจ้า
มันเป็นได้ยังไง....
ลู่หานลุกขึ้นยืน ใบหน้าเล็กซีดขาว
ในหัวมีแต่ความสงสัยปนปะหลาดใจ ให้ตายเถอะเมื่อกี้เขาเหมือนจะตายเลยจริงๆนะ...
“แล้วนี่ฉันอยู่ที่ไหนอีกเนี่ย”
ลู่หานบ่นด้วยความหงุดหงิด
เมื่อกี้ก็เกือบโดนหมาป่าฆ่าตายกลางป่าแล้วนี่... ปราสาทอะไรเนี่ย
เจ้าของสลิปเปอร์สีชมพูก้าวเข้าไปใกล้ปราสาทตรงหน้าเรื่อยๆ
เสียงกรอบแกรบของเศษใบไม้แห้งดังขึ้นทุกก้าวที่เขาเหยียบ ลมเย็นพัดถูกตัวจนขนลุกซู่เบาๆ
ปราสาทตรงหน้าดูไม่ค่อยเก่ามากแต่การตกแต่งก็เหมือนเป็นแบบยุโรปสมัยก่อน
บรรยากาศรอบข้างไม่มีอะไรเลยนอกจากด้านหลังเป็นป่าและความเงียบที่แผ่ไปทั่วถูกอาณาบริเวณ
ลู่หานเดินไปหยุดอยู่ที่กลางสะพาน
จริงๆปราสาทสวยหรูตรงหน้ามันดูไม่มีใครอาศัยอยู่เลย เรียกว่าร้างเลยดีกว่า
ทุกอย่างดูเก่าโบราณ ต้นไม้บางต้นรอบๆก็เฉาตายเกือบหมด
ในจังหวะที่ลู่หานเงยหน้าไปมองบนปราสาทก็พบกับสายตาคู่หนึ่งหลังผ้าม่านบนหน้าต่างชั้นบนสุด
มีคนอยู่ที่นี่! ใครกันน่ะ
ก้มหน้ามองเท้าตัวเองแค่เสี้ยววินาทีแต่พอช้อนสายตาขึ้นไปอีกครั้งก็พบกับความว่างเปล่า
ใครคนนั้นหายไปแล้ว!
สมองสั่งการให้ก้าวเท้าออกไปอย่างรวดเร็วแต่พอเหยียบลงไปก็พบกับหลุมสีดำขนาดใหญ่ตรงหน้า
ไม่ทันเสียแล้วเขาตกลงไปในหลุมเรียบร้อย ลู่หานโวยวายเสียงดังด้วยความตกใจ
ไม่รู้ว่าหลุมนี่มันลึกเท่าไหร่แต่ข้างล่างนั่นมันต้องมีอะไรที่แย่มากแน่ๆ
เสียงในหัวเขาบอกแบบนั้นดังนั้นร่างเล็กในชุดนอนหลับปี๋พร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวเพื่อเตรียมรับกับความเจ็บปวดทันทีที่ลงไปถึง
จู่ๆแสงสีขาวก็จ้าขึ้นมาและทำให้ตัวของหมอสัตว์หน้าหวานตกลงไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
ถ้าหากนี่เป็นเพียงแค่ความฝัน ขอให้เขาตื่นจากความฝันนี้ด้วยเถอะ!
เขาไม่ไหวแล้ว
ภาพในหัวฉายถึงครอบครัวของเขาที่นั่งอยู่ในสวนอย่างมีความสุข
เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของบุพการีทำใจของลู่หานเจ็บปวด ความกลัวตายแล่นอยู่ในจิตใจ
จนสุดท้ายความมืดก็กลืนกินแสงสว่างนั่นจนหมดสิ้น
“เฮือก!”
คนตัวเล็กสะดุ้งขึ้นจากเตียงอย่างแรง
เสียงหอบหายใจและเหงื่อที่เต็มใบหน้าและฝ่ามือขาวบ่งบอกถึงฝันร้ายเมื่อครู่ อ่า
นี่เขาแค่ฝันไปสินะ
ลู่หานหันไปมองนาฬิกาข้างเตียงพบว่าหกโมงเช้าแล้ว โอเคเขายังมีเวลาอาบน้ำกินข้าวเช้าประมาณหนึ่งชั่วโมง
ร่างเล็กหย่อนเท้าลงจากเตียงเพื่อสวมสลิปเปอร์และเขาพบว่าสีชมพูสะอาดของมันบัดนี้เต็มไปด้วยคราบดินและเศษใบไม้
“ไม่น่า
มันเป็นแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง”
พยายามนึกถึงหลักความจริงแล้วสะบัดหัวไล่ความเพ้อเจ้อออกไปก่อนจะลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ
เอื้อมมือไปหยิบยาสีฟันเตรียมบีบยาสีฟัน แต่เมื่อลู่หานเงยหน้าไปส่องกระจกก็พบว่า
ชุดนอนสุดรักที่ซักอย่างดีตอนนี้เต็มไปด้วยคราบดิน
เศษใบไม้ติดอยู่เต็มไปหมด ความชื้นแฉะแปลกๆบริเวณหัวไหล่ทำให้เขาเลื่อนมือไปแตะ พอสัมผัสแล้วก็รู้สึกความเหนียวเหนอะหนะ
ตัดสินใจเอามาดมก็ถึงกลับต้องชักมือออกทันที
“เชี่ย...น้ำลาย”
กลิ่นคาวและกลิ่นสาบแปลกๆติดอยู่ทั่วร่างกาย
นั่นทำให้ลู่หานฉุกคิดถึงความฝันแปลกๆเมื่อคืนตอนที่โดนหมาป่าครอมตัวแถมมันยังจะกัดเขาอีกต่างหาก
ถ้าจำไม่ผิดแขนเสื้อตรงที่เลอะก็ตรงกับข้างที่มันมาดมตอนแรก
ใครก็ได้ช่วยเขาที
เพราะความฝันเมื่อคืนมันใกล้เคียงกับความจริงเสียเหลือเกินจนใจหายว่าตัวเองเข้าไปในป่ามาจริงๆ
ลู่หานคิดพลางแปรงฟันไปด้วย ใบหน้าสวยที่มักจะสดใสอยู่เสมอตอนนี้กลับหมองลงอย่างเห็นได้ชัด
บ้วนน้ำทิ้งแล้วกวักน้ำล้างหน้าเพื่อไล่ความรู้สึกพิศวงในใจออกไป
ลู่หานเหลือบมองตัวเองในกระจกอีกครั้งแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความกังวล
ใช่
เขากลัวว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง เขากำลังเจอกับอะไรกันแน่...
ลู่หานจัดการอาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว
แล้วลงไปกินข้าวเช้าทันทีที่ถึงโต๊ะก็เจอน้องสาวตัวแสบนั่งอยู่ก่อนแล้ว
เขาเดินเข้าไปในสบายๆ ข้าวเช้าวันนี้เป็นซีเรียลรูปดาวกับนม
แล้วก็แซนวิชทูน่าฝีมือยัยเด็กที่นั่งเคี้ยวเสียงดังอยู่ข้างๆ
“เมื่อวานทำไมกลับบ้านเย็นอะพี่”
ลู่เฟิงทนรอไม่ไหวเลยหาอะไรกินแล้วเข้านอนทันทีด้วยความเพลีย
“ฝนตกหนักน่ะสิเลยหาที่หลบก่อนกว่าจะซาลง”
พูดไปเคี้ยวซีเรียลไปในปาก
หญิงสาวคนเดียวในบ้านพยักหน้าก่อนจะเหลือบตาไปเจอสร้อยที่อยู่บนคอของพี่ชายสายเลือดเดียวกับเธอ
“แล้วไปเจอสร้อยนี่ได้ยังไง”
โทนเสียงที่จริงจังมากขึ้นทำให้ลู่หานมองใบหน้าของลู่เฟิงด้วยความสงสัย
“ก็มันสวยดีอะพี่ ซื้อที่ไหนอ่ะ”
ถึงจะรู้สึกแปลกๆแต่คุณหมอหน้าหวานก็ตอบไปด้วยน้ำเสียงปกติ
“มีคนให้ฉันมาเป็นคุณตาที่ให้หลบฝนในร้านแกน่ะ”
พูดเสร็จก็คว้าแซนวิชมากินต่อเพราะจัดการซีเรียลในชามหมดแล้ว
“คุณตาเหรอ? แก่มากมั้ยแล้วแกได้บอกอะไรกับพี่อีกรึเปล่า”
ลู่เฟิงวางช้อนลงแล้วถามพี่ชายตัวเองอย่างจริงจัง
สบตากับนัยน์ตาสีน้ำตาลที่ทอแสงเป็นประกายของผู้ชายที่นั่งตรงข้าม
ตาแก่นั่นต้องพูดอะไรแน่ๆ เธอคิด
“ก็...แก่มากแล้วชอบพูดจาเหมือนคนสมัยก่อนถามทำไม
แกรู้จักเหรอ” ลู่หานจ้องมองใบหน้าที่ดูคมและโดดเด่นของน้องสาว
เธอกระแอมไอนิดหน่อยแล้วพูดต่อ “ไม่รู้จักอะถามเฉยๆสร้อยสวยดีนะเก็บไว้ดีๆอย่าให้หาย”
ลู่เฟิงพูดอย่างรวดเร็วแล้วเอาชามไปเก็บที่ซิงค์ล้างจาน
ประโยคเมื่อกี้ทำให้ลู่หานสงสัยว่าทำไมลู่เฟิงถึงพูดเหมือนกับรู้อะไรด้วย
แต่จะว่าไปตั้งแต่ใส่สร้อยนี่ทุกอย่างรอบตัวก็ดูแปลกปะหลาดไปซะหมดไม่เว้นแม้แต่น้องสาวของเขา
ลู่หานยกมือขึ้นลูบสร้อยที่คอเบาๆ หรือว่าสร้อยนี่มันมีอะไร
ดึงตัวเองออกจากความคิดเมื่อถึงเวลาต้องไปทำงานแล้ว
เขาลุกจากกระเป๋าสะพายกระเป๋าแล้วเตรียมใส่รองเท้าคู่เก่งเพื่อไปทำงานแต่เสียงคุ้นหูของลู่เฟิงดังขึ้นข้างหลังชะงักมือขาวที่จะเปิดประตูออกจากบ้านไป
“แม่ส่งของมาให้อยู่ในตู้จดหมายหน้าบ้านนะ”
ของเหรอ? ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนแปลกจังแฮะ
ร่างเล็กในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดกับกางเกงสแลคสีดำเดินออกจากบ้านไปหยุดอยู่ที่ตู้จดหมายสีแดง
มือเรียวหยิบซองพัสดุออกมา เขย่าไปมาแต่ก็ไม่ได้เสียงอะไร
ค่อยไปเปิดที่คลินิกละกัน
เอาซองใส่กระเป๋าแล้วขายาวก็รีบก้าวไปที่ทำงานทันที ลู่หานเป็นสัตวแพทย์อายุ 26 ปี
เรียนจบจากมหาลัยที่ปักกิ่งก่อนจะย้ายมาทำงานที่เมืองทรีเซอร์กับน้องสาวที่มาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี้
บ้านของลู่หานเป็นบ้านสองชั้นไม่ใหญ่นักรอบข้างเป็นทะเลสาบและสวนสาธารณะทรีเซอร์ซิตี้
ปกติเขามักจะเดินไปที่ทำงานเพราะอยู่ไม่ไกลมากแต่ถ้าวันไหนตื่นสายก็จะปั่นจักรยานไป
ระหว่างเดินไปลมเย็นๆสัมผัสผิวทำให้หมอขี้หนาวเร่งฝีเท้าขึ้นอีก ทรีเซอร์เป็นเมืองเล็กๆอากาศดี
ส่วนใหญ่จะหนาวตลอดทั้งปี
สองขาก้าวเข้าไปในคลินิกสัตว์
ริมฝีปากสีเชอร์รี่แจกยิ้มให้กับผู้คนที่พาสัตว์เลี้ยงเข้ามารอ
สุนัขรวมถึงสัตว์อื่นๆจ้องมองเขาตาใสแป๋ว
พยาบาลที่เขาเดินผ่านก้มหัวทักทายให้อย่างสุภาพทำให้หมอหน้าหวานที่โด่งดังของที่นี่ต้องรีบโค้งกลับให้แทบไม่ทัน
“สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณหมอลู่หาน
นี่เคสแรกของวันนี้” พยาบาลลูน่ายื่นชาร์ตให้ด้วยรอยยิ้มสดใส
เธอดูแลผมได้ดีเสมอเลยตั้งแต่มาทำงานที่นี่
ลู่หานนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนขยับเสื้อกาวน์ให้เรียบร้อย
“อืมซนจนขาหักสินะ...ไปพาเข้ามาเลยหมอพร้อมล่ะ
J”
สงสัยวันนี้ไม่ได้พักแน่ๆ
คิดในใจแล้วส่งยิ้มน่ารักให้กับคุณยายที่มาพร้อมกับเจ้าหมาโกลเด้นตัวใหญ่
หมอร่างเล็กลืมไปเลยว่ามีบางสิ่งรอให้เขาเปิดอยู่ในกระเป๋า
ปัง!
เสียงประตูห้องโถงที่ถูกปิดลงโดยฝีมือคนในห้องทำให้เสียงพูดคุยจ้อกแจ้กก่อนหน้านี้เงียบลงทันที
ร่างสูงในชุดองครักษ์เจ้าของผิวแทนและใบหน้าดิบเถื่อนลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปหาชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาที่ไม่สามารถเดาได้ว่ารู้สึกอย่างไร
เดินไปถึงหัวโต๊ะก็เริ่มกล่าวรายงานความเคลื่อนไหวเมื่อคืนนี้ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“กูเฝ้าทั้งคืนไม่มีหมาตัวไหนย่างก้าวเข้ามาในเขตปราสาทแน่นอน”
เขาถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเพราะคนตรงหน้าไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองตาเขาด้วยซ้ำ
เดี๋ยวพ่อก็ฉีกให้ร่างขาดเป็นสองท่อนเลย ช่างน่ารำคาญ -__-
“อ่ะเฮ้ไอ้คนที่มึงจะฉีกเป็นสองท่อนน่ะมันได้ยินเสียงความคิดมึงนะ
คิมจงอิน” เสียงติดเล่นของเจ้าของสีผมดาร์กช็อคทำให้ลูเซนต์หนุ่มหัวเสียหนักกว่าเดิม
“เสือกไรอี้ฟาน”
ดวงตาสีเทาหม่นสบตาเฟธเธอร์ที่อ่านใจคนอื่นได้
ใบหน้าคมคายถอนสายตาออกจากนัยน์ตาสีม่วงทมิฬแล้วกลับไปนั่งที่ตัวเองเหมือนเดิม
“แล้วนายแน่ใจแล้วเหรอ
โอเซฮุน ว่าเห็นมนุษย์เข้ามาในเขตของเราเมื่อคืน” คิมจงแด ลูเซนต์อีกคนถามเจ้าของใบหน้าหล่อติดเย็นชาที่มีศักดิ์เป็นท่านชายของเหล่าเฟธเธอร์
“ฉันเห็นเขาเมื่อคืน”
เสียงทุ้มดังขึ้นภายในห้องโถงใหญ่ที่เอาไว้ประชุมเวลามีเรื่องอะไร
เช่นตอนนี้เซฮุนเห็นมนุษย์เข้ามาในเขตปราสาทแต่พอหายตัวลงมาก็พบว่าเขาหายไปแล้ว
เดือดร้อนถึงแม่ทัพลูเซนต์อย่างจงอิน
เมื่อคืนเป็นเวรดูแลปราสาทของเขาซึ่งมั่นใจว่าไม่มีใครหรือหมาตัวไหนเหยียบมาที่นี่แน่นอน
“จะให้กูย้อนเวลาไปดูให้มั้ยล่ะจะได้ชัวร์”
ประธานกลุ่มโคเฮทอย่าง บยอน แบคฮยอน
ก็ตัดสินใจช่วยท่านชายไร้ชีวิตที่โคตรน่าเบื่อเพื่อจะให้เรื่องนี้จบๆไปเสียที
“นายฝันรึเปล่าเซฮุน
ช่วงนี้ขาดเลือดเหรอฉันไปหามาให้เอามั้ย”
เสียงหวานที่เจือความเป็นห่วงของ ไอรีน หรือ เบจูฮยอน นายหญิงของเฟธเธอร์พูดขึ้นก่อนส่งสายตาไปให้ท่านชายที่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการอะไรเลย
จนกระทั่งเซฮุนปริปากออกมาถามวันนี้วันที่เท่าไหร่
พอไอรีนตอบก็หายตัวไปด้วยความรวดเร็ว
ทำให้เหล่าไอซาริสทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความไม่เข้าใจอารมณ์ของท่านชายที่ไร้หัวใจคนนั้น
“ฉันว่าหมอนี่อาการหนักนะเฮ้อ
ขอตัว”
ร่างเพรียวของ
เจนนี่
องครักษ์หญิงของลูเซนต์ก็สะบัดขนเฟอร์สีทองของเธอแล้วเดินออกไปจากห้องโถง
ตามด้วยเมดเซนต์ แบคฮยอนก็ลุกตามออกไปหางตาก็หันไปมองเฮทเมดให้เดินตามมาเป็นขบวน เหลือเพียงไอซาริสแค่ไม่กี่คนเท่านั้น
“คิดว่ามันจะเกี่ยวกับคำทำนายของพ่อจงอินรึเปล่า”
จงแดเอ่ยขึ้น หัวข้อนี้ทำให้คนที่เหลือหันมามองเป็นตาเดียว
“พ่อฉันทำไม
ยุ่งไรกับพ่อฉัน -___-^” ลูเซนต์จอมโมโหอย่างจงอินทำให้อี้ฟานกลอกตาด้วยความเบื่อหน่าย
มันจะมีสักวันที่ไอ้เวรนี่มันไม่หงุดหงิดน่ะ
สงสัยคงจะยากพอๆกับเซฮุนออกจากห้องนั้นแหละ
อ่า...ลืมไปเรามีไอ้เด็กโคเฮทตาโตอยู่นิหว่า
“ที่บอกว่าไอซาริสจะมีสงครามกับพวกแอนโซ่น่ะนะ”
ดีโอ หรือโดคยองซู โคเฮทหนุ่มตาโตพูดพลางหยิกแขนคนที่ทำหน้าเป็นหมีกินผึ้งอยู่ข้างๆ
จงอินหันหน้ามาเบะปากใส่เขาก่อนจะหันไปทำหน้าโหดใส่คนอื่นเหมือนเดิม
“เชื่อครึ่งไม่ใช่ครึ่ง
ถึงเราจะทำนายอนาคตได้แต่เวลามันเดินอยู่ตลอดไม่มีอะไรแน่นอน” หวงจื่อเทา รองแม่ทัพลูเซนต์
เจ้าของนัยน์ตาสีเทาเข้มที่นั่งเคี้ยวแอปเปิ้ลเขียวกร้วมๆ คนอื่นๆกำลังใช้ความคิด
โคเฮทตัวเล็กที่มักมีคำตอบให้เสมออย่าง ซิ่วหมิน
ก็นั่งเงียบไม่พูดอะไรเลย
“บางทีภาพมายาและเกราะกำบังคนที่ฉันสร้างไว้อาจจะเสื่อมลง
ฉันไปดูให้ก็แล้วกัน” ซูโฮ
เฟธเธอร์หนุ่มเจ้าของสีผมมะฮ็อกกานีอย่างผู้ดีสมัยก่อนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้หายตัวไปพร้อมกับเหล่าเฟธเมดผิวซีด
“หรือบางทีมันอาจจะเป็นสัญญาณบางอย่างให้พวกเราตื่นตัวไว้
อย่าวางใจกันนัก” น้ำเสียงที่เปลี่ยนไปของจงอินทำให้บรรยากาศในห้องโถงนี่ตึงเครียดมากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
จงอินไม่รู้ว่าคำทำนายของพ่อเขาจะเกิดขึ้นจริงรึไม่แต่หากไอซาริสจะมีสงครามกับไอ้สวะสารเลวอย่างแอนโซ่ล่ะก็... เขาจะฆ่ามันให้หมดไม่เหลือซาก เผ่าพันธุ์ของพวกเขาจะต้องคงอยู่ต่อไป พวกเขาใช้ชีวิตและแฝงตัวอยู่กับพวกมนุษย์อย่างลับๆมาหลายศตวรรษ แน่นอน มนุษย์ไม่มีทางรู้
ไอซาริสเหมือนกับมนุษย์ทั่วไปทุกอย่าง
หากแต่พวกเขามีพลัง
มนุษย์ที่เคยฟังเรื่องราวของพวกเขามาบ้าง
อาจนิยามพวกเขาเป็นพวกผีดิบ แวมไพร์ ปิศาจ หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่นั่นเป็นสิ่งที่ไอซาริสทุกคนเลือกไม่ได้
โชคชะตากำหนดให้เราเกิดเป็นพวกเหนือมนุษย์ กลุ่มที่เข้าข่ายคำว่าแวมไพร์อย่างเฟธเธอร์
มีอายุเป็นอมตะ ใช้ชีวิตจ้องมองคนที่รักจากไปทีละคน
ภายใต้ความเย็นชาที่พวกเฟธเธอร์แสดงออก
แท้จริงแล้วพวกเขามีความเจ็บปวดและผ่านการสูญเสียมานับไม่ถ้วน
และมนุษย์ไม่สามารถมองเห็นด้านอ่อนแอของพวกเขาได้
แอนโซ่เป็นกลุ่มมนุษย์ที่ต้องการครอบครองพลังและเป็นอมตะเหมือนพวกเขา
ความโลภและอยากกระหายในอำนาจสูงสุดเฉกเช่นกับเป็นนักล่าเหนือห่วงโซ่อาหาร
พวกมันต้องการทำลายไอซาริสทิ้งซะ
แต่ตระกูลที่พวกมันต้องการตัวมากที่สุดคือครอบครัวของพวกเขา
ดินแดนฝั่งยุโรปตอนเหนือมีอำนาจมากในเผ่าพันธุ์ไอซาริส
“ความปลอดภัยของพวกเราน้อยลงทุกวัน”
“มนุษย์อยากรู้มากเกินไป
เรื่องของพวกเราสมควรเป็นเพียงนิทานปรัมปราเท่านั้น”
เป็นจงแดกับซิ่วหมินที่พูดขึ้นทำลายบรรยากาศตึงเครียด
หลายวันมานี้ที่จงแดออกไปล่าตระเวนในป่า มีมนุษย์พยายามเข้ามาในเขตของพวกเขา
ทุกอย่างเริ่มต้นจากคำบอกเล่า ส่งผ่านต่อมา ต่อมา และมนุษย์บางคนจิตใจโหดเหี้ยม
ชีวิตของไอซาริสบางตนถูกจับฆ่าด้วยความสนุกสนาน
“เราต้องฆ่าพวกมันบ้าง”
เพื่อแสดงให้เห็นว่าไอซาริสไม่ใช่ผู้มีพลังกระจอกๆ เทาเอ่ย
“ไม่ได้
พวกเราไม่ทำแบบนั้นถ้าไม่จำเป็น”
แม้จะมีพลังมากกว่า
แต่ไอซาริสไม่เคยบุกรุกและทำร้ายมนุษย์นอกเสียจากพวกมนุษย์เหล่านั้นเริ่มก่อน
คิมจงอินมองจื่อเทาที่เป็นศักดิ์ต่ำกว่าด้วยสายตาปรามๆ
เทามักแก้ปัญหาโดยการใช้พลังเสมอ
“เหอะ
แล้วแบบนั้นพวกมนุษย์หน้าโง่พวกนั้นก็จะตราหน้าไอซาริสว่าเป็นพวกไร้น้ำยา”
“หุบปาก”
ลูเซนต์ชาวจีนถอนหายใจหงุดหงิด ก่อนจะลุกขึ้น โค้งลวกๆแล้วเดินออกจากห้องไป
จงอินมองหน้าอี้ฟานที่พยายามสื่อให้เขามองข้ามเรื่องนี้ไป
เจ้าของผิมแทนเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์นัก
“ไม่มีใครทำร้ายครอบครัวของเราได้หรอกจงอิน”
“คำทำนายของพ่อเหมือนจะเป็นจริงขึ้นทุกที”
น้ำเสียงเข้มดูอ่อนแรงกว่าทุกครั้ง
ดีโอเอื้อมมือไปแตะมือหนาของแม่ทัพหนุ่ม
แย้มรอยยิ้มรูปหัวใจหวังให้อีกคนผ่อนคลายกว่านี้ ยามนี้พวกเขาต้องเชื่อใจกันให้ได้มากที่สุด
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นครอบครัวสำคัญที่สุด
นั่นคือสิ่งที่พวกเขาทุกคนได้รับการปลูกฝังมาตั้งแต่เป็นเด็ก
“ครอบครัวจะไม่ทิ้งกันคิมจงอิน”
“แด่ไอซาริส”
อี้ฟานที่ไม่รู้จะไปเอาแชมเปญมาตั้งแต่เมื่อไหร่
จัดการเทให้ไอซาริสที่เหลือที่ยังนั่งอยู่ในห้องโถง
แล้วเคลื่อนทีกลับมานั่งประจำที่ตัวเองอย่างรวดเร็ว
นิ้วเรียวสวยโคลงแก้วไปมาก่อนจะชูขึ้น
ทุกคนหยิบแก้วทรงสวย เอ่ยพร้อมกัน ห้องโถงใหญ่สะท้อนก้องด้วยน้ำเสียงทรงพลัง
“แด่ไอซาริส”
TBC
Edit – 28-09-2017
แวะมารีไรท์ใหม่ค่า
จะอ่านใหม่ก็ได้น้าเรามาเพิ่มแค่ช่วงท้ายๆเน้อ
ยังไงฝากคอมเมนท์ให้กำลังใจเราด้วยนะ
จาสู้!
#fichsweet
ความคิดเห็น