คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : (SF) TIME
Title : TIME
Author : ordinawy
Paring : taecyeon X wooyoung
Rate : PG-drama
Song theme : อยากหยุดเวลา – ปาล์มมี่ (click to listening)
Warning : Do not be serious , it's just my IMAGINATION`(• ▽ •)
‘หากอาการยังทรุดตัวลงเรื่อยๆต่อไป โอกาสที่จะพ้นคืนนี้คงเหลือน้อยเต็มที ยังไงก็..อยากให้ทำใจไว้ด้วยนะครับ’
สิ้นสุดคำพูดของหมอมินฮยอน แพทย์แผนกประสาทวิทยาแห่งโรงพยาบาลใจกลางกรุงโซล ทำเอาหัวใจของคนฟังกระตุกวูบ นัยน์ตาคมฉายชัดถึงความเจ็บปวดปนไม่เข้าใจ ก่อนจะรวบรวมสติถามกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังจะหมดแรง
‘ห..หมอฉีดยาเพิ่มไม่ได้เหรอ ทำอย่างที่เคยทำทุกครั้งไง ได้โปรด.. ค่าใช้จ่ายสูงเท่าไหร่ผมก็ยอม อย่าให้เค้าจากผมไปเลย ขอร้อง’
‘คุณแทคยอนเองก็น่าจะรู้ดี กรณีของเคสนี้หมอพยายามยื้ออาการของคนไข้ไว้ให้นานที่สุดแล้ว แต่สภาพจิตใจและโรคแทรกซ้อนมันเกินเยียวยาจริงๆ ยาที่เคยฉีดเข้าไปเองก็ไม่ได้มีส่วนทำให้โรคหายขาด เพียงแต่จะช่วยประคับประคองอาการไม่ให้ทรุดหนักลงไปกว่าเดิมเท่านั้น หากยังฝืนก็ไม่ได้ต่างอะไรกับยิ่งทรมาณคนไข้ เข้าใจนะครับ ทีมแพทย์ของเราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว’
แทคยอนไม่ตอบอะไร เพียงยืนนิ่งปล่อยให้น้ำใสที่รื้นอยู่ขอบตาไหลออกมาอย่างไม่อายใคร แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าจุดจบสุดท้ายของโรคที่ไม่มีทางรักษาคือความตาย แต่มันไม่เร็วไปหน่อยหรือ กับเวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมง มันจะไม่ใจร้ายกับชีวิตของคนหนึ่งคนเกินไปหน่อยหรือ
ถ้าโลกนี้มีพรวิเศษที่ทุกคนจะขอได้เพียงหนึ่งประการ แต่พรวิเศษเหล่านี้มีข้อยกเว้นในเรื่องของความเป็นและความตาย คุณจะขออะไร
หากเป็นเมื่อก่อน แทคยอนคงจะปรารถนาให้มีพรวิเศษเพิ่มขึ้นอีกหลายข้อ พรวิเศษที่สามารถใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด
แต่ตอนนี้เพียงแค่ปรารถนาให้เวลาหยุดทำหน้าที่ของมันหนึ่งวัน ก็เกินพอแล้ว..
.............................................................................................................................................
แสงแดดอ่อนๆยามเช้า ส่องผ่านผ้าม่านบางสีขาวเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ แม้จะไม่ได้ร้อนมากนัก แต่แสงที่ลอดเข้ามาก็รบกวนคนนี่นอนพักอยู่บนเตียงไม่น้อย
อูยองพลิกตัวเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมา ดวงตาเรียวกระพริบปริบๆเพื่อปรับแสง คิ้วขมวดเนื่องจากยังไม่คุ้นชินกับแสงภายในห้อง
‘ตื่นแล้วเหรอเรา’ เอ่ยทักทายคนป่วยด้วยรอยยิ้มเหมือนเช่นทุกวัน
‘ฮื่อ เมื่อกี้ออกไปไหนมา’
‘พอดีคุณหมอเรียกไปคุยนิดหน่อยน่ะ พี่เปิดประตูเสียงดังไปรึเปล่า’
‘เรื่องอาการของผมอีกแล้วใช่มั้ย..’ ถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เรื่องที่คุณหมอเรียกแทคยอนไปคุยยังไงก็คงหนีไม่พ้นเรืองของเขาแน่ๆ อูยองรับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับอาการของตัวเอง เขารู้ว่าโรคที่เขาเป็นไม่มีทางรักษาให้หาย ทุกวันที่อยู่ในโรงพยาบาลก็ไม่ต่างอะไรจากนอนรอความตายเท่านั้น
‘ใครบอกล่ะ เรื่องค่าใช้จ่ายตังหาก’ แทคยอนโกหก
‘พี่แทคยอน ถ้ามันลำบาก .. ไม่ต้องช่วยผมก็ได้ ยังไงมันก็ไม่หายอยู่ดี ยื้อไปก็เท่านั้น’
‘พี่บอกว่าไม่ให้พูดแบบนี้ไงอูยอง’ เอ่ยเสียงเรียบพร้อมทั้งส่งสายตาปรามให้อีกฝ่ายเลิกล้มความคิดเช่นนั้น
‘พี่เต็มใจ ไม่เคยลำบากหรือคิดว่าเราเป็นภาระเลยซักครั้ง เข้าใจมั้ย แล้วเราน่ะต้องหาย..อีกไม่นานหรอก’
คนป่วยบนเตียงพยักหน้า ก่อนจะใช้มือค่อยๆดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
แทคยอนลอบมองการกระทำของอูยองอยู่เงียบๆ เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าความเจ็บปวดที่อีกฝ่ายต้องแบกรับนั้นหนักหนาเพียงไหน หึ.. คิดแล้วก็เจ็บใจตัวเองเหลือเกิน ได้แต่ทำตัวไร้ประโยชน์มองคนรักทรมาณอยู่ทุกวัน
แทคยอนไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของอูยอง ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คราบน้ำตาและเสียงสะอื้นเข้ามาแทนที่เสียงหัวเราะในชีวิตของทั้งคู่
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไปจริงๆ..
อูยองป่วยเป็นโรค spinocerebellar ataxia หรือเซลล์สมองส่วนท้ายหดตัวลง ทำให้สูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกาย .. เกือบทุกอย่าง อูยองไม่สามารถควบคุมร่างกายให้เคลื่อนไหวได้ตามต้องการ ระบบประสาทไม่สามารถสั่งการให้ร่างการขยับแบบซับซ้อนได้ ..
ระยะแรกที่อูยองถูกส่งตัวเข้ามารักษาในโรงพยาบาล นับว่าเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของทั้งสองคนเลยก็ว่าได้ สภาพจิตใจของอูยองย่ำแย่มาก การวินิจฉัยและการบำบัดค่อนข้างยากลำบาก เนื่องจากเป็นโรคร้ายแรงที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับคนทั่วไปสักเท่าไหร่ ทั้งการทำอิเล็กโทรไมโอแกรม การเจาะน้ำในไขสันหลัง
แทคยอนเองก็ท้อไปหลายครั้ง แต่เพราะรัก เขาจึงทิ้งให้อูยองเจ็บปวดคนเดียวไม่ได้ หากไม่มีเขาแล้ว อูยองก็ไม่เหลือใครเช่นกัน ค่าใช้จ่ายตั้งแต่เริ่มเข้าโรงพยาบาลแทคยอนจึงเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด
แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก .. เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา คุณหมอมินฮยอนตรวจพบโรคหัวใจ ซึ่งเป็นอาการแทรกซ้อนในโรค spinocerebellar ataxia จากอาการที่ทรงตัวของอูยองกลับกลายเป็นทรุดหนักลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นหมดทางเยียวยารักษา มีเพียงการฉีดยาเพื่อประคองอาการไม่ให้โคม่าเท่านั้น
แทคยอนสูดลมหายใจลึกๆเฮือกใหญ่ เพื่อไม่ให้น้ำตาไหลออกมา เขาจะอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็นไม่ได้ เท่านี้สถานการณ์ก็ย่ำแย่มากพออยู่แล้ว
‘อยากทำอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า’ ถามด้วยน้ำเสียงปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘ไม่รู้สิ เดี๋ยวตอนบ่ายๆผมก็ต้องไปทำกายภาพบำบัดแล้ว พี่แทคก็รู้นี่’
‘เดี๋ยวบอกอี้ฝานว่างดกายภาพเราวันนึงก็ได้’
‘พรุ่งนี้ได้รึเปล่า ผมยังคิดไม่ออกว่าอยากทำอะไร’ พูดพลางถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย
‘พรุ่งนี้เรามีตรวจอีกเยอะเลยไม่ใช่รึไง ’
‘จะต้องวันนี้ให้ได้เลยใช่มั้ยเนี่ย เอาแต่ใจเป็นเด็กๆไปได้ ทำอย่างกับพรุ่งนี้ผมจะไม่อยู่ด้วยแล้วอย่างนั้นแหละ’
‘เผื่อพรุ่งนี้ พี่อาจจะไม่ว่างไง ’ พูดพลางส่งยิ้มฝืนๆให้อีกฝ่าย นั่นสินะ พูดอย่างกับว่าอูยองจะไม่อยู่กับเขาแล้วงั้นแหละ หึ .. มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ อูยองจะต้องหาย อูยองจะเป็นปกติ
‘ผมอยากวาดรูป แต่คงทำไม่ได้แล้วล่ะ แค่จะบังคับมือตัวเองให้นิ่งยังเป็นเรื่องยากเลย ’
‘จะลองดูมั้ย ดีกว่าอยู่เฉยๆนะ’
‘อย่าเลยครับ อะไรที่มันไม่ไหว ฝืนไปก็เสียเวลาเปล่า’ ปฏิเสธเป็นเชิงสมเพชตัวเองเล็กๆ หลายครั้งที่อูยองนึกน้อยใจในโชคชะตา อูยองไม่เข้าใจว่าทำไมโรคนี้ต้องเลือกเขา ทั้งๆที่บนโลกนี้มีคนอีกหลายล้านคน ทำไมในช่วงเวลาที่ชีวิตเขาเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างต้องเกิดเรื่องเลวร้ายเช่นนี้เกิดขึ้น ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
‘แล้วตอนนี้เรายังไหวอยู่รึเปล่า .. อูยองยังไหวอยู่ใช่รึเปล่า’ แทคยอนถามด้วยเสียงสั่นเครือ ราวกับจะขาดใจ
‘บางทีผมอาจจะเหนื่อยเกินกว่าจะเดินต่อจริงๆก็ได้ .. ’ อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เขาเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยกับการต่อสู้ที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะชนะ เหนื่อยกับการคิดว่าตัวเองไม่เป็นอะไร ยิ่งนานวันเข้าร่างกายก็ยิ่งทรุดลงเรื่อยๆ ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว
แทคยอนทำได้เพียงเช็ดน้ำตาให้คนบนเตียงเงียบๆ ไม่มีแม้แต่คำปลอบโยน มีเพียงเสียงสะอื้นและเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ยังคงดังเป็นจังหวะอยู่ในห้อง
‘อูยองจะต้องไม่เป็นอะไร’
เวลามักจะทำหน้าที่ของมันได้ดีเกินคาดเสมอ ..
.............................................................................................................................................
ความมืดเริ่มปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิทไปทั่ว เป็นอีกหนึ่งคืนที่ไม่มีแม้แต่แสงสว่างของดวงดาว ราวกับท้องฟ้าเปิดกว้าง รอต้อนรับบางชีวิตให้กลับคืนสู่ที่ที่เคยจากมา
‘หิวรึยัง ให้พยาบาลเอาอาหารมาเลยมั้ย’ ถามคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง
อูยองพยักหน้าแทนคำตอบ ตาเรียวเล็กที่บวมช้ำเนื่องจากการร้องไห้เหม่อมองไปข้างนอก ก่อนจะหันกลับมาพูดกับแทคยอน
‘มื้อนี้กินพร้อมกันได้รึเปล่า’
‘ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ไม่เห็นต้องขอเลยนี่นา’ แทคยอนส่งยิ้มบางๆให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินไปหยิบอาหารมาจัดแจงไว้บนโต๊ะสำหรับผู้ป่วย
‘ก็ปกติจะรอให้ผมกินหมดก่อนทุกที ตั้งแต่มาอยู่ที่โรงพยาบาลก็ไม่ค่อยได้กินพร้อมกันซักเท่าไหร่’
‘กลัวเราไม่อิ่มนี่นา ผอมลงไปเยอะเหมือนกันนะ ’
‘ขอบคุณนะครับ ขอบคุณที่ไม่ทิ้งผมไปเหมือนคนอื่น’ เอ่ยขึ้นมาเสียดื้อๆ แต่อูยองต้องการจะขอบคุณแทคยอนจริงๆ
‘บอกกี่ครั้งแล้วว่าพี่เต็มใจ แล้วเวลากินข้าว ห้ามร้องไห้นะ’ รีบตัดบทก่อนที่ใครบางคนจะปล่อยโฮ ถ้าได้เห็นน้ำตาอูยองอีกรอบเขาคงจะรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ แถมอีกอย่างแทคยอนอยากให้วันนี้เป็นวันที่มีความสุข ไม่ใช่มีแต่น้ำตา
มื้อเย็นเมื่อครูเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างที่แทคยอนตั้งใจไว้ แม้จะมีบางครั้งที่ดูเหมือนจะสะกิดบ่อน้ำตาของอูยองไปบ้าง แต่แทคยอนก็หาเรื่องพูดขึ้นมาเพื่อแก้ไขสถานการณ์จนได้ การได้เห็นรอยยิ้มของอูยองอีกครั้งนับว่าเป็นความสุขมากจริงๆ
จากนั้นพยาบาลก็เข้ามาเช็ดตัวและจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้อูยอง ก่อนจะกล่าวกับแทคยอนเป็นนัยๆว่าหากมีปัญหาฉุกเฉินอะไรให้กดปุ่มเรียกได้ทันที
‘ดึกแล้ว ยังไม่ง่วงอีกเหรอ’ ถามขึ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายนั่งทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่บนเตียง
‘ฮื่อ ยังไม่ง่วง’
‘โกหกอะไรให้มันเนียนๆหน่อยสิ ตาลืมไม่ขึ้นขนาดนี้ยังบอกไม่ง่วง’
‘ผมยังไม่อยากนอน’ พูดด้วยเสียงในลำคอจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง
‘เป็นอะไรรึเปล่า ทำไมไม่อยากนอน’
‘ผมกลัว กลัวว่าถ้าหลับไปแล้วจะไม่ตื่นขึ้นมา กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่อีก’ อูยองพูดขึ้นพร้อมกับปล่อยโฮอย่างอดไม่ได้ เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าชีวิตเขาจะไม่มีวันพรุ่งนี้ หวังอย่างเดียวว่าเรื่องวันนี้ไม่ใช่ความฝัน เขายังอยากอยู่กับแทคยอนต่อไป ยังไม่อยากจากไปง่ายๆแบบนี้
แทคยอนรีบดึงอูยองเข้ามากอดปลอบทันที นิ้วเรียวเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาเรียวเล็กทั้งสองข้าง พยายามสรรหาคำปลอบประโลมเพื่อให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
‘ไม่เป็นไร อูยองจะต้องไม่เป็นอะไร พรุ่งนี้อูยองจะตื่นมาเจอพี่ เราจะนั่งคุยกันเหมือนเดิม ไม่เป็นไรนะ เชื่อพี่ มันจะไม่เป็นอะไร’
ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่เขากอดปลอบอูยองอยู่อย่างนั้น รู้ตัวอีกทีคนในอ้อมแขนก็พล็อยหลับไปเสียแล้ว แทคยอนได้แต่ภาวนาให้ผ่านคืนนี้ไปโดยที่อูยองไม่เป็นอะไร
‘พี่รักอูยองนะ อย่าพึ่งรีบทิ้งพี่ไปล่ะ’ ค่อยๆวางหัวอีกคนบนหมอน จัดแจงห่มผ้าจนเรียบร้อยดี จากนั้นจึงค่อยเดินกลับไปที่โซฟาหวังจะพักผ่อนบ้าง
หากแต่คืนนั้นทั้งคืน อาการของอูยองเริ่มทรุดลงเรื่อยๆ แม้แต่ยาที่เคยฉีดให้ครั้งก่อนก็ไม่สามารถประคองอาการให้ทรงตัวได้ พยาบาลพิเศษผลัดเปลี่ยนกันมาดูแลไม่ขาดสาย แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นแม้แต่นิด จนสุดท้ายคุณหมอมินฮยอนจำต้องสั่งระงับการให้ยาและรอดูอาการต่อไป หากดีขึ้นการให้ยาก็จะดำเนินต่อ แต่หากแย่ลงการรักษาทั้งหมดจะหยุดทันที
‘อูยอง ตื่นขึ้นมาคุยกันก่อนสิ ไหนว่าอยากตื่นขึ้นมาเจอพี่ไง พี่อยู่นี่แล้ว ตื่นสิอูยอง’ แทคยอนได้แต่เรียกชื่ออูยองซ้ำๆราวกับคนเสียสติ ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างไม่อายใครอีกครั้ง
‘ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่ได้ทำเลยนะ ตื่นขึ้นมาเถอะ อูยอง ได้โปรด’
‘คุณแทคยอนครับ ผมเสียใจด้วย คนไข้ไปสบายแล้วครับ ’ มินฮยอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาเองเห็นการสูญเสียเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็อดที่จะเศร้าใจไปด้วยไม่ได้ แต่การพบก็ย่อมมีการจากลาเป็นธรรมดา
แทคยอนยังคงประคองร่างที่แน่นิ่งของอูยองไว้ในอ้อมกอด เสียงร้องไห้ดังและเสียงการอ้อนวอนดังระงมไม่หยุด อูยองจากเขาไปแล้ว .. พรุ่งนี้สำหรับอูยอง ไม่มีอีกแล้ว ..
‘เวลาเพียงแค่ทำหน้าที่ของมันเท่านั้น ความตายตังหากที่พรากทุกสิ่งจากเราไป .. จากไปตลอดกาล’
เราเอ่ยคำทักทายแรกที่โรงพยาบาล และกล่าวคำบอกลาสุดท้ายที่โรงพยาบาล ..
//หลบระเบิด
กร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก กลับมาก็เอาดราม่ามาให้เลย
นี่พยายามแต่งไห้ดราม่าแล้วนะ
แต่รู้สึกยังไม่ค่อยไปเท่าไหร่เลย ฮืออออ
สงสารน้องสุดติ่ง
ฮืออออออ คือโรคที่น้องเป็นนี่มีจริงๆนะคะ
เพียงแต่หวาปรับเปลี่ยนอาการนิดหน่อย
คือถ้าเป็นเคสของน้องในชีวิตจริงแล้วจะต้องพูดไม่ได้ค่ะ
แต่ว่าเนื่องจากมันเป็นฟิค
จะให้น้องมาจิ้มตัวอักษรก็คงแปลกๆเนาะ
ยังไงก็ enjoy reading น้าา
ps. ผลกระทบจาการดูหนังและฟังเพลงเศร้ามากเกินไปสินะ OTL
ps.2 วันที่ 8 นี้ใครไปคอนบ้างคะ? ถ้าเจอกันก็ทักกันได้เน้ออ
ความคิดเห็น