ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : โรงเรียนเวทย์อัลนา
สวัสดีครับผมชื่อ นิโค สเตล่า เป็นนักรียนของโรงเรียนเวทมนต์อัลนา ซึ่งเก่าแก่และโด่งดังที่สุดในโลก แน่ละไม่ใช่โลกเดียวกับคุณผู้อ่านอยู่แน่ ที่นี่เต็มไปด้วยเวทย์มนต์มากมาย มีทั้งสัตว์ที่แปลกและไม่(ค่อย)แปลกเต็มไปหมด ดินแดนของที่นี่แบ่งเป็นห้าแคว้นมหาอำนาจ ซึ่งโรงเรียนนี้เป็นจุดรวมกันของทั้งห้าแคว้น ซึ่งแคว้นนี้ได้ล่มสลายไป และได้ถูกฟื้นฟูโดยเจ้าหลวงทั้งห้าและมหาจอมเวทย์ทั้ง 6 และได้แบ่งเป็นสามส่วน คือส่วนใน และส่วนนอกแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นในที่อยู่ติดกับส่วนในเป็นส่วนที่เอาไว้เป็นที่พักของนักปกครองและเจ้าหลวงที่เดินทางมาที่นี่
ส่วนชั้นนอกสุดคือตลาดค้าขายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเราเรียกรวมศูนย์รวมอาณาจักรแห่งนี้ว่า ‘เซติกลาส' ซึ่งในภาษาของเรามันแปลว่า ศูนย์กลาง แต่เมื่อมีจุดที่รุ่งเรืองที่สุดก็ย่อมที่จะมีจุดที่ล่มจ่มที่สุดเช่นกัน มันก็เป็นเหตุเดียวกับที่ทำให้เซติกลาสในอดีตล่มสลายลง เพียงเพราะความโลภที่ต้องการจะชิงอำนาจของจอมปีศาจได้กรีฑาทัพเปิดสงครามกับทั้ง 5 อาณาจักรและ 1 ดินแดน จากอีกฝากฝั่งของป่าเมลวู้ดดินแดนรกร้าง ศูนย์รวมของเหล่ากองกำลังคนเถื่อนและเหล่าปีศาจ พวกมันยกทัพเข้ามาล้อมทุกอาณาจักร เริ่มจากดินแดนเอลฟ์ ไล่ไปยังแดนดินแห่งภูติ อาณาจักรแห่งคนแคระ จักรวรรดิของเหล่ามนุษย์ และรังของเหล่าปักษา เหล่าปีศาจยึดดินแดนกลางเป็นฐานที่มั่น เมื่อถึงเวลานั้นแผ่นดินต่างลุกเป็นไฟ ทุกหย่อมหญ้ากลาดเกลื่อนไปด้วยซากศพ อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ว่ากันว่าสถานการณ์เลวร้ายจะสร้างวีรบุรุษ ยามนั้นกษัตริย์ จักรพรรดิและจักรพรรดินีจากทุกดินแดนต่างรวมตัวกัน จอมพรานแห่งดินแดนเอลฟ์ มหาภูติจากพงไพร ราชันแห่งคนแคระใต้ขุนเขา จักรพรรดิของเหล่ามนุษย์ ราชินีผู้ปกครองผืนฟ้าจากรังปักษา และยังมีเหล่าผู้เป็นที่รักจากเหล่าธาตุทั้ง 6 ผู้ถูกเรียกขานในภายหลังว่าเหล่ามหาจอมเวทย์ ทั้ง 9 ระดมทัพจากทุกเมือง นำทัพบุกปิดล้อมและขับไล่เหล่าปีศาจกลับไปยังดินแดนรกร้าง และหลังจากนั้นก็ไม่มีปีศาจสามารถข้ามเขตแดนแห่งป่าเมลวู้ดมาได้อีก ทุกเมือง ทุกอาณาจักรล้วนเสียหายไปจากไฟสงคราม เหล่าผู้นำต่างเห็นถึงความอ่อนแอในตัวของประชาชน เพื่อการนั้นจึงได้จัดตั้งโรงเรียนเพื่อฝึกสอนให้เหล่าเยาวชนรุ่นหลังสามารถปกป้องตัวเองได้
ผมว่าเรานอกเรื่องไปไกลแล้วล่ะ โรงเรียนและสถาบันการศึกษามากมายถูกเจ้าหลวงทั้งห้าตัดสินพระทัยว่าให้อยู่ในส่วนกลางของแคว้นนี้
ส่วนโรงเรียนนั้นมีมากมายแต่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมีเพียงสี่แห่งเท่านั้น คือ
โรงเรียนอัลนาซึ่งเป็นโรงเรียนเวทย์ที่เก่าแก่ที่สุด
โรงเรียนแกรนดยุค ซึ่งรับเฉพาะลูกหลานของเหล่าขุนนางชั้งสูงเพียงเท่านั้น
โรงเรียนเซนต์วาเลน เป็นโรงเรียนที่สอนทางการแพทย์โดยเฉพาะ
และ โรงเรียนกลาดิเวีย เป็นโรงเรียนที่สอนให้นักเรียนกลายเป็นทหารชั้นยอด รับเพียงทายาทของเหล่านายทหารชั้นสูงเท่านั้น
อ้อ!! ผมลืมบอกไปว่าโรงเรียนทั้งสี่จะลอยตัวขึ้นบนฟ้าตั้งแต่ปิดเทอมจนกระทั้งจบสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม
"ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"แม่ของผมพูดขึ้นหลังจากลงมาจกรถม้า
"แม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ" ผมพูดขึ้นบ้าง
"ก็เราน่ะซุ่มซ่าม กลัวจะไปทำโรงเรียนเค้าพังน่ะสิไม่ว่า" พ่อผมพูดหลังจากจอดรถม้าเสร็จ
"ผมคงคิดถึงทุกๆคนแน่เลย"
"นั่นสิ พี่ก็คงคิดถึงนายแน่เลย" พี่เฟียส พี่ชายคนรองของผมพูดขึ้น
"ช่ายย คงไม่มีใครให้เถียงแน่เลย เถียงกับเฟียสที มันก็แพ้ ไม่มันส์เท่าตอนเถียงกับนายเลย" พี่มิล่า พี่สาวคนโตของบ้านพูดขึ้น
"ก็แน่ล่ะใครจะสู้ฝีปากพี่ได้ดีเท่าผม"
"ไปได้แล้วลูก ตั้งใจเรียนล่ะ"แม่พูดขึ้นหลังจากเริ่มเห็นลางว่าพายุฝีปากกำลังก่อตัว
"ครับแม่" หลังจากนั้นผมก็เดินไปที่ม้าสองตัวข้างหน้ารถม้าของผม
"ผมไปแล้วนะคิง ควีน ฝากดูแลปริ้นเซสด้วยนะ" ผมบอกลาม้าทั้งสองตัว
ทั้งสองตัวเป็นม้าเวทย์
ตัวนึงมีสีดำปลอดทั้งตัว มีอักขระเวทย์รอบคอแสดงให้รู้ว่าเป็นสัตว์เวทย์มนต์
อีกตัวนึงมีสีขาว และมีอักขระเวทย์เหมือนตัวแรก
ตัวผู้สีดำชื่อ'คิง' ตัวเมียสีขาวชื่อ'ควีน' ทั้งสองตัวเป็นม้าชั้นเลิศที่ถูกดูแลอย่างดี(นิโค:มันเลิศเพราะผมเป็นคนเลี้ยงเองแหละครับ)
ส่วน'ปริ้นเซส' คือลูกสาวของทั้งสองตัวนี้
เป็นม้าสีเทาราวกับกมอกควันทั่วทั้งตัว
ผมเป็นคนที่ช่วยทำคลอดปริ้นเซส และเลี้ยงมันมาจนโตมาด้วยกัน
หลังจากผมบอกลา ม้าทั้งสองตัวนี้ก็โค้งคำนับให้ผม
จากนั้นผมก็เดินเข้าโรงเรียนไป
ผมหันหลังกลับมาโบกมือลาทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย
ผมเดินเข้าโรงเรียนไปตามทางเดินแม้ตอนนี้โรงเรียนจะอยู่บนฟ้าแต่เราก็ต้องนั่งเกวียนไป
เมื่อผมเดินเข้าไปก็เห็นเกวียน ซึ่งน่าจะเป็นคันสุดท้าย
"นี่!! เธอน่ะ รีบขึ้นเกวียนมาเลยนะเดี๋ยวสายหรอก" เสียงของสารถีดังเรียกผม
"ครับๆ" ผมพูดพร้อมกระโดขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็ว
พอผมขึ้นเกวียนมาผมก็ตะลึง เมื่อกี๊ลืมสังเกตว่าเกวียนนี้เทียมด้วยเสือเวทย์!!!
เป็นเสือสีขาวมีลายสีพาดเล็กน้อย ที่คอมีอักขระเวทย์สีทอง
เกวียนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แสดงว่าพวกเขาต้องเลี้ยงเสือพวกนี้ดีแน่ๆถึงได้เร็วขนาดนี้
"นี่ๆ นายน่ะ ชื่ออะไรเหรอ" ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามผมถามขึ้น
"ผมชื่อนิโค นายล่ะ" ผมถามกลับ
"เราชื่อโทนี่ คนนี้ อลัน คนนั้น เวนาส คนโน้น ดีน่า และคนนี้ กิซา" เขาแนะนำเสร็จสรรพ
พอคุยกันไปสักพัก เราก็คุยกันได้ถูกคอทีเดียว
สักพักเกวียนก็หยุดในอุโมงค์
"ทำไมเกวียนมาหยุดในอุโมงค์ล่ะ" โทนี่ถาม
ยังไม่ทันที่ใครจะตอบ
ก็เกิดสายพลังขึ้นล้อมเกวียนเราแล้วก็เกิดแสงสว่าง จนเราต้องปิดตา
พอเราเปิดตา เราก็พบว่าเราอยู่ในโถงทางเดินของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
โถงทางเดินที่กว้างขนาดโรงเลี้ยงม้าได้สัก 100 ตัว เพดานโถงถูกค้ำยันไว้ด้วยเสาหินสลักที่แผ่กลิ่นอายเวทย์ออกมา
เพดานถูกฉาบไปด้วยความมืดแต่กลับมีแสงระยิบระยับราวกับหมู่ดาวล่องลอยอยู่
"นั่นน่ะ คือเพดานมอร์ดูลัส มันจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของโรงเรียนน่ะ" เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลังของผม
"เอ่อ หมายความว่ายังไงเหรอครับ" ผมอดที่จะถามไปไม่ได้
"ก็สมกับเด็กใหม่ล่ะนะ เดี๋ยวรุ่นพี่คนนี้จะบอกให้ฟังเอง" นางพูดขึ้นพร้อมยืดอกอย่างมีภูมิ
'บอกสักทีเหอะเจ๊ อย่าเล่นตัวเลยน่า' ผมคิดในใจ
"ที่เพดานเป็นสีดำเพราะอาจารย์ใหญ่ที่อยู่ในโรงเรียนวันนี้คืออาจารย์ดาร์กูลไงล่ะ"
"อาจารย์ดาร์กูล ดีโรนัส มหาจอมเวทย์แห่งความมืดน่ะเหรอครับ" ผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เลยเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่เป็นดั่งตำนาน
"ใช่แล้วล่ะ คนนั้นแหละ แล้วที่เห็นดาวลอยอยู่ ก็คือตัวแทนของนักเรียนที่จะมาเข้าเรียนในปีนี้ยังไงล่ะ" พี่สาวคนนึ้พูดจบก็ยิ้มอย่างมีปริศนา
"เอาล่ะ นายเนี่ยทำฉันเสียเวลา ไปๆ ปีหนึ่งเตรียมไปเข้าร่วมพิธีได้แล้ว" พี่สาวคนนี้อยู่ๆก็พูดไล่ผมไปรวมตรงทางเดินไปยังที่ต่อไป
"พี่สาวครับ! พี่ชื่ออะไรเหรอครับ" ผมตะโกนถามก่อนที่จะถูกดันให้รวมกับเพื่อนด้านหน้า
"โดราสกูล ดีโรนัสบุตรีแห่งมหาจอมเวทย์แห่งรัตติกาลยินดีที่ได้รู้จัก" เสียงนั้นลอยมาตามลมเพียงแผ่วเบาราวกับต้องการให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว
ผมหันกลับไปเห็นนางยิ้มให้แล้วอยู่ๆร่างบางก็ค่อยๆจมลงสู่เงาใต้พื้นแล้วหายไป
'นี่เจอของจริงตั้งแต่ยังไม่ได้เรียนเลยเหรอเนี่ยเรา' ผมได้แต่คิดแล้วเร่งเดินตามเพื่อนๆไป
"เขาเป็นเช่นไรบ้าง" เสียงทุ้มนุ่มนวลดังถามผู้ที่พึ่งปรากฏกายมา
"เขายังไม่พร้อมเจ้าค่ะ" เสียงหวานตอบกลับ
"แน่ล่ะ แต่เมื่อยามถึงวันที่อาทิตย์ดับ แสงสีทองจากดอร์กูดูลสาดส่อง ยามนั้นเขาต้องพร้อม"
"หน้าที่เตรียมเขาให้พร้อมเราจะช่วยเอง" เสียงเสนาะอีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับละอองแสงดาว
"ท่านหญิง!" ชายเพียงหนึ่งเดียวในห้องหันไปแล้วจำต้องคำนับต่อผู้มาเยือนรายใหม่
"อย่าห่วงไปเลยผู้เป็นที่รักแห่งความมืด เราทุกคนจะช่วยกันเตรียมพร้อมเมื่อถึงวันพิพากษา" เสียงเสนาะพูดพร้อมยิ้มแย้มออกมา
"พักผ่อนเสียบ้างนะบุตรแห่งรัตติกาล นางนั้นเป็นห่วงเจ้าไม่แพ้ที่เจ้าห่วงนางเลยนะ" เสียงนั้นย้ำอีกครั้ง
"เราจะคอยเฝ้าดูให้" เสียงนั้นหายไปเหลือเพียงดอกเดลิไซน์สีขาวสะอาดไว้เบื้องหน้า
"ขอนางจงปลอดภัย" เสียงนั้นแฝงไปด้วยความคนึงหาสุดหยั่งถึง เมื่อเห็นเช่นนั้นผู้ที่อยู่ในห้องจึงจางหายไปอย่างเงียบๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น