ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ANNA โรงเรียนมหาเวทย์

    ลำดับตอนที่ #1 : โรงเรียนเวทย์อัลนา

    • อัปเดตล่าสุด 23 ต.ค. 61


           สวัสดีครับผมชื่อ นิโค สเตล่า เป็นนักรียนของโรงเรียนเวทมนต์อัลนา ซึ่งเก่าแก่และโด่งดังที่สุดในโลก แน่ละไม่ใช่โลกเดียวกับคุณผู้อ่านอยู่แน่  ที่นี่เต็มไปด้วยเวทย์มนต์มากมาย มีทั้งสัตว์ที่แปลกและไม่(ค่อย)แปลกเต็มไปหมด ดินแดนของที่นี่แบ่งเป็นห้าแคว้นมหาอำนาจ ซึ่งโรงเรียนนี้เป็นจุดรวมกันของทั้งห้าแคว้น ซึ่งแคว้นนี้ได้ล่มสลายไป และได้ถูกฟื้นฟูโดยเจ้าหลวงทั้งห้าและมหาจอมเวทย์ทั้ง 6 และได้แบ่งเป็นสามส่วน คือส่วนใน และส่วนนอกแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นในที่อยู่ติดกับส่วนในเป็นส่วนที่เอาไว้เป็นที่พักของนักปกครองและเจ้าหลวงที่เดินทางมาที่นี่
    ส่วนชั้นนอกสุดคือตลาดค้าขายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเราเรียกรวมศูนย์รวมอาณาจักรแห่งนี้ว่า ‘เซติกลาส' ซึ่งในภาษาของเรามันแปลว่า ศูนย์กลาง  แต่เมื่อมีจุดที่รุ่งเรืองที่สุดก็ย่อมที่จะมีจุดที่ล่มจ่มที่สุดเช่นกัน มันก็เป็นเหตุเดียวกับที่ทำให้เซติกลาสในอดีตล่มสลายลง เพียงเพราะความโลภที่ต้องการจะชิงอำนาจของจอมปีศาจได้กรีฑาทัพเปิดสงครามกับทั้ง 5 อาณาจักรและ 1 ดินแดน จากอีกฝากฝั่งของป่าเมลวู้ดดินแดนรกร้าง ศูนย์รวมของเหล่ากองกำลังคนเถื่อนและเหล่าปีศาจ พวกมันยกทัพเข้ามาล้อมทุกอาณาจักร เริ่มจากดินแดนเอลฟ์ ไล่ไปยังแดนดินแห่งภูติ อาณาจักรแห่งคนแคระ จักรวรรดิของเหล่ามนุษย์ และรังของเหล่าปักษา  เหล่าปีศาจยึดดินแดนกลางเป็นฐานที่มั่น เมื่อถึงเวลานั้นแผ่นดินต่างลุกเป็นไฟ ทุกหย่อมหญ้ากลาดเกลื่อนไปด้วยซากศพ อากาศคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด ว่ากันว่าสถานการณ์เลวร้ายจะสร้างวีรบุรุษ ยามนั้นกษัตริย์ จักรพรรดิและจักรพรรดินีจากทุกดินแดนต่างรวมตัวกัน จอมพรานแห่งดินแดนเอลฟ์ มหาภูติจากพงไพร ราชันแห่งคนแคระใต้ขุนเขา จักรพรรดิของเหล่ามนุษย์ ราชินีผู้ปกครองผืนฟ้าจากรังปักษา และยังมีเหล่าผู้เป็นที่รักจากเหล่าธาตุทั้ง 6 ผู้ถูกเรียกขานในภายหลังว่าเหล่ามหาจอมเวทย์ ทั้ง 9 ระดมทัพจากทุกเมือง นำทัพบุกปิดล้อมและขับไล่เหล่าปีศาจกลับไปยังดินแดนรกร้าง และหลังจากนั้นก็ไม่มีปีศาจสามารถข้ามเขตแดนแห่งป่าเมลวู้ดมาได้อีก ทุกเมือง ทุกอาณาจักรล้วนเสียหายไปจากไฟสงคราม เหล่าผู้นำต่างเห็นถึงความอ่อนแอในตัวของประชาชน เพื่อการนั้นจึงได้จัดตั้งโรงเรียนเพื่อฝึกสอนให้เหล่าเยาวชนรุ่นหลังสามารถปกป้องตัวเองได้
    ผมว่าเรานอกเรื่องไปไกลแล้วล่ะ โรงเรียนและสถาบันการศึกษามากมายถูกเจ้าหลวงทั้งห้าตัดสินพระทัยว่าให้อยู่ในส่วนกลางของแคว้นนี้
      ส่วนโรงเรียนนั้นมีมากมายแต่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงมีเพียงสี่แห่งเท่านั้น คือ
    โรงเรียนอัลนาซึ่งเป็นโรงเรียนเวทย์ที่เก่าแก่ที่สุด
    โรงเรียนแกรนดยุค ซึ่งรับเฉพาะลูกหลานของเหล่าขุนนางชั้งสูงเพียงเท่านั้น
    โรงเรียนเซนต์วาเลน เป็นโรงเรียนที่สอนทางการแพทย์โดยเฉพาะ
    และ โรงเรียนกลาดิเวีย เป็นโรงเรียนที่สอนให้นักเรียนกลายเป็นทหารชั้นยอด รับเพียงทายาทของเหล่านายทหารชั้นสูงเท่านั้น
    อ้อ!! ผมลืมบอกไปว่าโรงเรียนทั้งสี่จะลอยตัวขึ้นบนฟ้าตั้งแต่ปิดเทอมจนกระทั้งจบสัปดาห์แรกของการเปิดเทอม


    "ดูแลตัวเองด้วยนะลูก"แม่ของผมพูดขึ้นหลังจากลงมาจกรถม้า
    "แม่ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ" ผมพูดขึ้นบ้าง
    "ก็เราน่ะซุ่มซ่าม กลัวจะไปทำโรงเรียนเค้าพังน่ะสิไม่ว่า" พ่อผมพูดหลังจากจอดรถม้าเสร็จ
    "ผมคงคิดถึงทุกๆคนแน่เลย"
    "นั่นสิ พี่ก็คงคิดถึงนายแน่เลย" พี่เฟียส พี่ชายคนรองของผมพูดขึ้น
    "ช่ายย คงไม่มีใครให้เถียงแน่เลย เถียงกับเฟียสที มันก็แพ้ ไม่มันส์เท่าตอนเถียงกับนายเลย" พี่มิล่า พี่สาวคนโตของบ้านพูดขึ้น
    "ก็แน่ล่ะใครจะสู้ฝีปากพี่ได้ดีเท่าผม"
    "ไปได้แล้วลูก ตั้งใจเรียนล่ะ"แม่พูดขึ้นหลังจากเริ่มเห็นลางว่าพายุฝีปากกำลังก่อตัว
    "ครับแม่" หลังจากนั้นผมก็เดินไปที่ม้าสองตัวข้างหน้ารถม้าของผม
    "ผมไปแล้วนะคิง ควีน ฝากดูแลปริ้นเซสด้วยนะ" ผมบอกลาม้าทั้งสองตัว
    ทั้งสองตัวเป็นม้าเวทย์
    ตัวนึงมีสีดำปลอดทั้งตัว มีอักขระเวทย์รอบคอแสดงให้รู้ว่าเป็นสัตว์เวทย์มนต์
    อีกตัวนึงมีสีขาว และมีอักขระเวทย์เหมือนตัวแรก
    ตัวผู้สีดำชื่อ'คิง' ตัวเมียสีขาวชื่อ'ควีน' ทั้งสองตัวเป็นม้าชั้นเลิศที่ถูกดูแลอย่างดี(นิโค:มันเลิศเพราะผมเป็นคนเลี้ยงเองแหละครับ)
    ส่วน'ปริ้นเซส' คือลูกสาวของทั้งสองตัวนี้
    เป็นม้าสีเทาราวกับกมอกควันทั่วทั้งตัว
    ผมเป็นคนที่ช่วยทำคลอดปริ้นเซส และเลี้ยงมันมาจนโตมาด้วยกัน
    หลังจากผมบอกลา ม้าทั้งสองตัวนี้ก็โค้งคำนับให้ผม
    จากนั้นผมก็เดินเข้าโรงเรียนไป
    ผมหันหลังกลับมาโบกมือลาทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย




      ผมเดินเข้าโรงเรียนไปตามทางเดินแม้ตอนนี้โรงเรียนจะอยู่บนฟ้าแต่เราก็ต้องนั่งเกวียนไป
    เมื่อผมเดินเข้าไปก็เห็นเกวียน ซึ่งน่าจะเป็นคันสุดท้าย
    "นี่!! เธอน่ะ รีบขึ้นเกวียนมาเลยนะเดี๋ยวสายหรอก" เสียงของสารถีดังเรียกผม
    "ครับๆ" ผมพูดพร้อมกระโดขึ้นเกวียนอย่างรวดเร็ว
    พอผมขึ้นเกวียนมาผมก็ตะลึง เมื่อกี๊ลืมสังเกตว่าเกวียนนี้เทียมด้วยเสือเวทย์!!!
    เป็นเสือสีขาวมีลายสีพาดเล็กน้อย ที่คอมีอักขระเวทย์สีทอง
    เกวียนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว แสดงว่าพวกเขาต้องเลี้ยงเสือพวกนี้ดีแน่ๆถึงได้เร็วขนาดนี้
    "นี่ๆ นายน่ะ ชื่ออะไรเหรอ" ผู้ชายที่อยู่ตรงข้ามผมถามขึ้น
    "ผมชื่อนิโค นายล่ะ" ผมถามกลับ
    "เราชื่อโทนี่ คนนี้ อลัน คนนั้น เวนาส คนโน้น ดีน่า และคนนี้ กิซา" เขาแนะนำเสร็จสรรพ
    พอคุยกันไปสักพัก เราก็คุยกันได้ถูกคอทีเดียว
    สักพักเกวียนก็หยุดในอุโมงค์
    "ทำไมเกวียนมาหยุดในอุโมงค์ล่ะ" โทนี่ถาม
    ยังไม่ทันที่ใครจะตอบ
    ก็เกิดสายพลังขึ้นล้อมเกวียนเราแล้วก็เกิดแสงสว่าง จนเราต้องปิดตา
    พอเราเปิดตา เราก็พบว่าเราอยู่ในโถงทางเดินของโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
    โถงทางเดินที่กว้างขนาดโรงเลี้ยงม้าได้สัก 100 ตัว เพดานโถงถูกค้ำยันไว้ด้วยเสาหินสลักที่แผ่กลิ่นอายเวทย์ออกมา
    เพดานถูกฉาบไปด้วยความมืดแต่กลับมีแสงระยิบระยับราวกับหมู่ดาวล่องลอยอยู่
    "นั่นน่ะ คือเพดานมอร์ดูลัส มันจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ของโรงเรียนน่ะ" เสียงหวานใสดังขึ้นด้านหลังของผม
    "เอ่อ หมายความว่ายังไงเหรอครับ" ผมอดที่จะถามไปไม่ได้
    "ก็สมกับเด็กใหม่ล่ะนะ เดี๋ยวรุ่นพี่คนนี้จะบอกให้ฟังเอง" นางพูดขึ้นพร้อมยืดอกอย่างมีภูมิ
    'บอกสักทีเหอะเจ๊ อย่าเล่นตัวเลยน่า' ผมคิดในใจ
    "ที่เพดานเป็นสีดำเพราะอาจารย์ใหญ่ที่อยู่ในโรงเรียนวันนี้คืออาจารย์ดาร์กูลไงล่ะ"
    "อาจารย์ดาร์กูล ดีโรนัส มหาจอมเวทย์แห่งความมืดน่ะเหรอครับ" ผมอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้เลยเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่เป็นดั่งตำนาน
    "ใช่แล้วล่ะ คนนั้นแหละ แล้วที่เห็นดาวลอยอยู่ ก็คือตัวแทนของนักเรียนที่จะมาเข้าเรียนในปีนี้ยังไงล่ะ" พี่สาวคนนึ้พูดจบก็ยิ้มอย่างมีปริศนา
    "เอาล่ะ นายเนี่ยทำฉันเสียเวลา ไปๆ ปีหนึ่งเตรียมไปเข้าร่วมพิธีได้แล้ว" พี่สาวคนนี้อยู่ๆก็พูดไล่ผมไปรวมตรงทางเดินไปยังที่ต่อไป
    "พี่สาวครับ! พี่ชื่ออะไรเหรอครับ" ผมตะโกนถามก่อนที่จะถูกดันให้รวมกับเพื่อนด้านหน้า
    "โดราสกูล ดีโรนัสบุตรีแห่งมหาจอมเวทย์แห่งรัตติกาลยินดีที่ได้รู้จัก" เสียงนั้นลอยมาตามลมเพียงแผ่วเบาราวกับต้องการให้ผมได้ยินเพียงคนเดียว 
    ผมหันกลับไปเห็นนางยิ้มให้แล้วอยู่ๆร่างบางก็ค่อยๆจมลงสู่เงาใต้พื้นแล้วหายไป
    'นี่เจอของจริงตั้งแต่ยังไม่ได้เรียนเลยเหรอเนี่ยเรา' ผมได้แต่คิดแล้วเร่งเดินตามเพื่อนๆไป

    "เขาเป็นเช่นไรบ้าง" เสียงทุ้มนุ่มนวลดังถามผู้ที่พึ่งปรากฏกายมา
    "เขายังไม่พร้อมเจ้าค่ะ" เสียงหวานตอบกลับ
    "แน่ล่ะ แต่เมื่อยามถึงวันที่อาทิตย์ดับ แสงสีทองจากดอร์กูดูลสาดส่อง ยามนั้นเขาต้องพร้อม"
    "หน้าที่เตรียมเขาให้พร้อมเราจะช่วยเอง" เสียงเสนาะอีกเสียงดังขึ้นพร้อมกับละอองแสงดาว
    "ท่านหญิง!" ชายเพียงหนึ่งเดียวในห้องหันไปแล้วจำต้องคำนับต่อผู้มาเยือนรายใหม่
    "อย่าห่วงไปเลยผู้เป็นที่รักแห่งความมืด เราทุกคนจะช่วยกันเตรียมพร้อมเมื่อถึงวันพิพากษา" เสียงเสนาะพูดพร้อมยิ้มแย้มออกมา
    "พักผ่อนเสียบ้างนะบุตรแห่งรัตติกาล นางนั้นเป็นห่วงเจ้าไม่แพ้ที่เจ้าห่วงนางเลยนะ" เสียงนั้นย้ำอีกครั้ง
    "เราจะคอยเฝ้าดูให้" เสียงนั้นหายไปเหลือเพียงดอกเดลิไซน์สีขาวสะอาดไว้เบื้องหน้า
    "ขอนางจงปลอดภัย" เสียงนั้นแฝงไปด้วยความคนึงหาสุดหยั่งถึง เมื่อเห็นเช่นนั้นผู้ที่อยู่ในห้องจึงจางหายไปอย่างเงียบๆ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×