ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [BTS] OS.UnTouchable #SUGAMONSTER (KIM NAM-JOON x MIN YOON-GI)

    ลำดับตอนที่ #2 : Sf. Not Drunk SUGA X MONSTER

    • อัปเดตล่าสุด 25 มิ.ย. 60


     

     

     

    หลังจากเรื่องคืนนั้นนี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วที่คนตัวเล็กหมกตัวอยู่ในห้องสตูไม่ยอมออกไปไหนมาไหนแถมยังล็อคห้องไม่ให้ใครเข้าไปอีกตังหาก ที่เขาทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าเขาตั้งใจจะหลบหน้านัมจุนหรอกนะ แต่มันจะมีคนบ้าซักกี่คนเชียวที่กล้าเดินไปไหนมาไหนทั้งๆทีมีรอยแดงเป็นจ้ำๆเต็มตัวไปหมด เขาแหละคนหนึ่งที่ไม่สู้ขอเก็บตัวอยู่แต่ในห้องสตูดีกว่า แล้วถ้าถามว่าเขาจะอยู่ไปถึงเมื่อไหร่อะหรอ ก็คงจนกว่ารอยบ้าๆพวกนี้มันจะหายไปนั่นแหละและก็จนกว่าเขาจะทำหน้าเป็นปกติกับ คิมนัมจุน ได้ละนะ

     

     

    เฮ้อ แล้วเมื่อไหร่รอยบ้าๆพวกนี้จะหายไปละเนี่ย

     

     

    ในขณะที่คนตัวเล็กเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องสตูร่างสูงก็เกิดอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัดจนเพื่อนสนิทอย่างเจโฮปต้องเดินมาตบบ่าเบาๆพร้อมกับกดตัวเขาให้นั่งลงกับโซฟา

     

     

    นั่งเฉยๆเลยนัมจุนแกเดินอ้อมสตูฉันจนฉันจะอ้วกแล้วเนี่ย

    มันนั่งเฉยๆไม่ได้นิหว่าจะให้ทำยังไงเล่า

    ไหนเล่ามา สรุปที่เป็นบ้าอยู่แบบนี้แกไปทำอะไรให้ยุนกิฮยองโกรธเอาอีก

     

     

    เจโฮปถามเขาอย่างระอาเพราะเหตุการณ์แบบนี้ถือว่าเป็นปกติมากเพราะคนอย่างคิมนัมจุนไม่ว่าจะไปที่ไหนเมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้ก็มักจะทำอะไรพังจนต้องโดนยุนกิฮยองโกรธเอาเสียทุกครั้งไปแต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะหนักกว่าทุกครั้งเพราะคนตัวเล็กนั้นถึงกับไม่ยอมออกมาจากสตูเลย อย่าว่าแต่ออกมาเลยขนาดไปเรียกถึงทีเสียงแหบต่ำของคนตัวเล็กก็ไม่มีใครได้ยิน มันก็เหมือนกับเราคุยกับห้องว่างๆนั่นแหละครับ

     

     

    ไม่รู้

    สาบานว่านายไม่รู้หน่ะนัมจุน

    เออ รู้ก็ได้ แต่มันเล่าไม่ได้โว๊ะ หงุดหงิดนี่ฉันต้องทำยังไงวะเนี่ยยุนกิถึงจะยอมออกมาจากสตู

    ผูกเองก็แก้เองเถอะโว้ย ไม่รู้ด้วยแล้ว

     

     

    เจโฮปเดินออกไปแล้วเหลือเพียงแต่นัมจุนเท่านั้นที่ยังนั่งทึ้งหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดไม่เลิก เขาก็รู้ว่าสิ่งที่เขาทำในคืนนั้นมันผิดแต่เขาก็ทำไปแล้วนิหน่ายุนกิจะไม่ฟังที่เขาอธิบายหน่อยหรือไงวะเนี่ย

     

     

    แล้วจะทำยังไงดีวะเนี่ยคิมนัมจุน

     

     

    เมื่อนั่งคิดนอนคิดจนจะตีลังกาคิดก็ยังคิดไม่ออกคนตัวสูงเลยเลิกคิดแล้วลุกขึ้นเดินไปหยุดที่หน้าสตูของคนตัวเล็กที่มีป้ายแปะไว้ว่า Genius Lab ชื่อของสตูมันก็ตรงตามตัวเจ้าของห้องแหละครับก็เพราะยุนกิหน่ะเขาอัจฉริยะนี่หน่า

     

     

    ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

     

     

    ยุนกิ...เปิดประตูหน่อยซิ

    “…”

    นายเป็นอะไรของนายเนี่ยยุนกิ

     

     

     

    เสียงของคนตัวสูงที่เคาะประตูหน้าห้องของเขาอยู่กำลังพูดคุยกับกำแพงด้วยเสียงตัดพ้อจนคนที่ฟังอยู่ข้างในเกือบจะใจอ่อนเดินไปเปิดประตูให้อยู่แล้วเชียวแต่ก็นึกขึ้นมาได้ทันว่ารอยแดงๆที่คอของเขามันยังไม่หายไปถ้าให้ออกไปเจอหน้านัมจุนตอนนี้หละก็หมอนั่นจะต้องถามแน่ๆแล้วจะให้เขาตอบว่าไงหล่ะ จะให้บอกว่ารอยนี้ก็มาจากนายงั้นหรอ ฮึ้ย! ไม่เอาหรอกก็คืนนั้นหมอนั่นคิดว่าเขาคือยุนจีนี่หน่า ปล่อยไปอย่างงี้แหละดีแล้วเดี๋ยวเหนื่อยก็คงเลิกตะโกนไปเอง

     

     

    จะไม่พูดด้วยจริงๆหรอมินยุกิ

    “…”

    เฮ้ออออ

     

     

    และแล้วความพยายามของร่างสูงก็ศูนย์เปล่าเพราะไม่มีแม้เพียงเสียงของคนตัวเล็กตอบกลับมาแม้แต่เสียงใดๆที่จะยืนยันว่ามีคนอยู่ในห้องนั่นมันก็ใม่มี นัมจุนเดินคอตกกลับห้องตัวเองไปหงอยๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้แล้วหยิบรูปถ่ายใบเล็กๆที่เขามักจะซ่อนมันไว้ข้างลำโพงออกมาดู มันคือรูปถ่ายของเขากับมินยุกิเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว เพราะอะไรกันนะที่ทำให้เขาเลือกที่จะทำแบบนี้ เขาผิดหรือไงที่อยากเป็นเจ้าของคนตัวเล็ก เขาผิดหรือไงที่อยากจะรู้ใจของมินยุกิ

     

     

    เพราะยัยยุนจีคนเดียวแท้ๆ ยัยเด็กบ้า

     

     

    เมื่อนึกถึงตัวการของแผนทั้งหมดได้เขาก็ตัดสินใจโทรเรียกให้ยุนจีมาหาที่บริษัททันทีเพราะถ้าจะให้เขาออกไปข้างนอกตอนนี้ก็คงจะไม่ได้หรอกเพราะกลัวว่าถ้าเกิดเขาออกไปแล้วกลับเข้ามาคนตัวเล็กนั่นจะหนีเขาไปหน่ะซิ ถ้าเขาเดินไปบอกคนตัวเล็กตรงๆจะยอมฟังเรื่องแผนบ้าๆทั้งหมดนี่ไหมละเนี้ย โอ้ยยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ร่างสูงเอนตัวลงนอนไปกับพนักพิงของเก้าอี้ก่อนจะยกรูปถ่ายของเขาและคนตัวเล็กขึ้นมาดู

     

     

    นี่ผมตกหลุมรักคุณจริงหรอ

    สายตาของผมมันบ่งบอก

    สายตาของผมที่มองไปยังคุณ

    ผมไม่สามารถซ่อนมันไว้ได้เลย

     

     

    ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่านานแค่ไหน ที่เขาตกหลุมรักคนตัวเล็กนั่นมันอาจจะพึ่งแค่ไม่กี่เดือนหรือไม่ก็อาจจะตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาเจอคนตัวเล็กเลยก็ได้ แต่เพราะคำว่าเพื่อนมันค้ำคออยู่เลยทำให้เขาไม่กล้าจะก้าวผ่านเส้นบางๆนั่นไปจนมินยุจี น้องสาวตัวแสบของยุนกินั่นแหละที่เป็นคนช่วยเขาคิดแผนบ้าๆพวกนี้ขึ้นมา ใช่ทั้งหมดมันคือแผน เขากับยุนจีไม่ได้คบกัน เพียงแค่หลอกยุนกิเพื่อจะดูปฏิกิริยาของคนตัวเล็กเท่านั้นแต่ก็ดูจะไม่รุ่งเท่าไหร่เพราะคนตัวเล็กไม่เคยแสดงออกอะไรออกมาเลย

     

     

    ว่าไงค่ะพี่เขย

    ยัยตัวแสบ ไม่ต้องมาทำหน้าระรื่นเลยนะเรา

    อะ...อ่าว ไหงทำหน้าแบบนั้นอะ

    ก็เพราะแผนใครละ ยุนกิขังตัวเองอยู่ในห้องสตูมา3วันแล้วยังไม่ยอมออกมาเลยแถมล็อคห้องไม่ให้เข้าไปอีกนี่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้วเนี่ย

     

     

    เด็กผู้หญิงร่างเล็กที่มีใบหน้าหวานเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดเพี้ยนกำลังนั่งทำหน้าคิดหนักอยู่เพราะว่าแผนที่เธออุตส่าห์คิดมันน่าจะได้ผลแล้วนิหน่าแต่ทำไมมันถึงกลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้กันหล่ะเนี่ย จริงๆแล้วเธอรู้ว่าพี่ชายของเธอแอบชอบเพื่อนสนิทตัวเองมาโดยตลอดแล้วก็ดันมาได้ยินเรื่องที่โอป้านัมจุนคุยกับใครซักคนเรื่องของพี่ชายเธอพอดีเลยที่ยัยเด็กตัวเล็กไซต์มินิเลยเสนอตัวเข้ามาช่วยอย่างไม่ลังเลและเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่ทำกันมานี่ก็เพียงเพื่อที่จะให้พี่ชายจอมนิ่งของเธอพูดคำว่ารักออกมาก็เท่านั้นเอง

     

     

    ไหนๆก็ไหนๆแล้วอะนี่

     

     

    เสียงกระทบกันของโลหะดังขึ้นอยู่ตรงหน้าของร่างสูงเขาเงยหน้าขึ้นมามองยัยเด็กแสบตรงหน้าก็เห็นว่ายัยเด็กนั่นยื่นกุญแจดอกสีเงินวาววับมาจออยู่ตรงหน้าเขา กุญแจอะไร แล้วเอามาให้เขาทำไม คำถามมากมายที่ตีกันอยู่ในหัวของเขามันทำให้เจ้าของความคิดคิ้วขมวดผูกโบว์ไปด้วยความสงสัยจนสาวน้อยตัวเล็กถึงกับลอบถอนหายใจก่อนจะจับเจ้ากุญแจนั่นยัดใส่มือของคนตรงหน้าซะ

     

     

    กุญแจห้องสตูของโอป้ายุนกิ โอป้าเคยให้ยุนจีไว้นานแล้วถ้ายังไม่ได้เปลี่ยนลูกบิดก็น่าจะไขได้

    เห้ย จริงดิ

    อื้อ แล้วก็คุยๆกันให้มันรู้เรื่องซะที่นะคะน้องคนนี้เบื่อจะลุ้นแล้ว งั้นยุนจีกลับบ้านก่อนนะ

     

     

    แล้วยัยเด็กตัวแสบก็เดินยิ้มหน้าระรื่นออกไปจากห้องสตูของเขาเหลือทิ้งไว้เพียงกุญแจสีเงินที่อยู่ในมือเขา มันคือความหวังเดียวของเขาซินะ พึ่งจะรู้นะเนี่ยว่ายัยเด็กแสบนั่นมีกุญแจห้องสตูของยุนกิด้วยขนาดเขาเองยังไม่มีเลย เมื่อใจกลับมาฮึดสู้อีกครั้งร่างสูงก็กำกุญแจในเมือเอาไว้แน่นก่อนจะเดินไปยังห้องที่เป็นจุดหมายของเขา

     

     

    แกร๊ก!

     

     

    ไขได้จริงดิ

     

     

    ร่างสูงแปลกใจนิดหน่อยที่กุญแจดอกนี้ไขได้จริงๆ แต่ถ้ามันเป็นกุญแจห้องนี้จริงๆมันจะไขได้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่เพราะปกติห้องนี้ไม่เคยล็อคอยู่แล้วมันจึงไม่เคยเปลี่ยนลูกบิดและคนเข้าๆออกๆเป็นว่าเล่นก็จะมีแต่เขากับเจ้าของห้องเท่านั้นแหละส่วนคนอื่นๆหน่ะหรอไม่กล้าเข้ามาหรอก พอก้าวขาเข้ามาภายในห้องก็เห็นว่าร่างเล็กที่คุ้นตากำลังนอนหลับขดตัวอยู่บนโซฟาหนังสีดำอย่างน่ารักน่าทะนุทะหนอมท่านอนขดตัวที่เอาสองมือไปสอดเอาไว้ใต้เข่าแบบนั้นแหละคือมินยุนกิตัวจริงเสียงจริง แต่เมื่อเห็นร่างเล็กหลับสบายขนาดนั้นเขาก็ไม่อยากจะกวนให้ตื่นมาเคลียกันตอนนี้หรอกนะ เพราะเขารู้ดีเลยว่าการนอนของคนตัวเล็กสำคัญขนาดไหน งั้นเขาก็จะนั่งมองหน้ายุนกิตอนหลับอยู่แบบนี้แหละ

     

     

     

    รู้ไหมว่าคิดถึงมากนะ มินยุกิ

     

     

    ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ที่คนตัวสูงยังคงนั่งเฝ้ามองใบหน้าขาวซีดนั่นอยู่อย่างนั้นไม่ขยับไปไหนเหมือนกับกลัวว่าถ้าเขาขยับแม้เพียงนิดเดียวคนตัวเล็กตรงหน้าของเขาก็จะหายไปในพริบตา ส่วนคนตัวเล็กที่หลับๆอยู่ก็เหมือนจะรู้สึกแปลกๆเหมือนมีใครมาจ้องหน้าเขาอยู่อย่างนั้นแหละทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาอยู่ในห้องนี้คนเดียวไม่น่าจะมีใครเข้ามาได้ด้วยซ้ำเพราะเขาล็อคห้องไว้แต่เขาก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆนิหน่า จนในที่สุดคนตัวเล็กก็ลืมตามขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุยทำเอาคนตัวสูงที่นั่งมองหน้าเพลินๆถึงกับตกใจ

     

     

    นัมจุน นายเข้ามาได้ไง

    เออ...คือ...แบบว่า คือ

    จะคืออีกนานไหม คิมนัมจุน

     

     

    คนตัวเล็กที่ตกใจไม่ต่างกับคนตัวสูงเท่าไหร่ที่อยู่ดีๆลืมตาขึ้นมาแล้วเจอหน้านัมจุนอยู่ตรงหน้าแถมระยะมันก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่เลยแต่ในความตกใจมันมีความสงสัยมากกกว่าว่าไอ้ผู้ชายตรงหน้าของเขาเนี่ยเข้ามาในห้องเขาได้ยังไงเพราะเขามั่นใจว่าไม่มีใครในวงมีกุญแจห้องสตูของเขาแน่นอนรวมทั้งคนตรงหน้าของเขาด้วย

     

     

    เรื่องนั้นมันไม่สำคัญหรอกน่า ฉันอยากรู้ว่านายหลบหน้าฉันทำไม

    อะไร ใครหลบหน้านาย

    ก็นายไงมินยุนกิ นายหลบหน้าฉันแล้วขังตัวเองอยู่ในห้องนี้มา 3 วันแล้วนะ

     

     

    คนตัวเล็กได้แต่มองร่างสูงตรงหน้าอย่างงงๆเพราะนอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามเรื่องที่เขาเข้ามาในนี้ได้ยังไงแล้วก็ยังหาเรื่องมาโมโหใส่เขาได้อีก นี่สรุปเขาผิดหรอ ผิดใช่ไหมเนี่ย

     

     

    ฉันไม่ได้หลบ

    จะไม่ได้หลบได้ยังไง เรื่องคืนนั้นมันทำให้นายไม่อยากมองหน้าฉันขนาดนั้นเลยหรือไงยุนกิ

    เรื่องคืนนั้น? …นี่นาย...รู้งั้นหรอ

     

     

    คนตัวเล็กมีท่าทีตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆคนตัวสูงก็พูดถึงเรื่องคืนนั้นออกมาอย่างเต็มปากเต็มคำ เขาจำได้งั้นหรอ คิมนัมจุนรู้งั้นหรอว่าคืนนั้นเป็นเขาไม่ใช่ยุนจี แล้วทำไมเขาถึงทำ...ถึงทำแบบนั้นเล่า บ้าเอ้ย

     

     

     

    ใช่ ฉันรู้ว่าเป็นนายเพราะทั้งหมดมันคือแผน

    แผน? แผนอะไร

    แผนของฉันกับยุนจี ฉันแค่อยากรู้ใจนายว่านายคิดอะไรกันแน่ บางทีนายก็ทำเหมือนหวงฉัน บางทีนายก็ไม่สนใจฉัน พูดมาเลยดีกว่าว่าจะเอายังไงกันแน่

    “…”

    อย่าปล่อยให้ฉันต้องเดาว่านายรักฉันเหมือนกันได้ไหม

     

     

    ห๊ะ! นี่มันอะไรกันล่ะเนี่ย เขางงไปหมดแล้วนะ นี่นัมจุนรักเขางั้นหรอ แล้วที่คบกับยุนจีล่ะคืออะไร สมองของคนตัวเล็กกำลังทำงานอย่างหนักเมื่อได้รับรู้ถึงเรื่องราวที่ช็อคโลกแบบนั้นจากคนตรงหน้า เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าตัวเขาเองนั่นก็รักนัมจุนเหมือนกันแต่เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้มองเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนสนิทคนนึงเท่านั้นเขาเลยพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกทุกอย่างเอาไว้ในใจตลอดมา

     

     

    มะ...หมายความว่าไง ฉันงงไปหมดแล้ว

    จะงงอะไรอีกเล่าไอ้คนซึน นี่คนเขามาบอกรักอยู่นะเว้ย

     

     

    ห๊ะ เอาจริงดิ นี่เขาโดนคนที่ตัวเองแอบชอบบอกรักอยู่จริงดิ คนตัวเล็กทำหน้าเหวอออกมาอย่างเห็นได้ชัดปากเล็กๆนั่นกำลังอ้ากว้างขึ้นอย่างตกใจจนคนตัวสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าอดหมั่นเขี้ยวกับอาการที่โคตรจะน่ารักของคนตัวเล็กไม่ได้เลยเอาหน้าเข้าไปจุ๊บปากเบาๆทีนึงแล้วก็ผละออกมา

     

     

     

    จุ๊บ!

     

     

    ยะ...อย่า คิมนัมจุน

    รักนะ รักนายนะมินยุกิ

    อะ...ไอ้บ้า เอาหน้าออกไปห่างๆเลยนะเว้ย

     

     

    คนตัวโตที่แอบเนียนเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้คนตัวเล็กเข้าไปทุกทีก็โดนมือเล็กๆดันออกอย่างไม่ปราณี แต่ก็อย่างว่าแหละแรงของคนตัวเล็กหน่ะมันทำอะไรเขาไม่ได้เลยซักนิดเดียว ร่างสูงจับมือของคนตัวเล็กออกจากใบหน้าตัวเองก่อนจะบังคับให้คนตัวเล็กกลับลงไปนอนบนโซฟาตามเดิมแต่ที่เพิ่มเติมคือเขาขึ้นมาคล่อมทับร่างเล็กนั่นไว้พร้อมกับกดข้อมือเล็กให้จมหายลงไปกับเบาะหนังสีดำนั่น

     

     

    Babe I’m falling in love

    ความปรารถนาของผมมีเพียงหนึ่งเดียว

    สำคัญกว่าการรวมกันของเกาหลีอีกล่ะ

    นั่นคือผมรักคุณ

     

     

    นัมจุนรักยุนกินะ แล้วยุนกิหล่ะ

    ฉันทะ...ทำไม

    รักนัมจุนรึป่าว

     

    คำถามของคนตัวสูงที่อยู่บนร่างทำเอาคนตัวเล็กถึงกับไปไม่เป็นจนหน้าเห่อแดงขึ้นมาอย่างกระทันหันแต่ก็กลั้นใจพยักหน้าตอบคำถามนั้นไปเพราะถ้าจะให้คนอย่างเขาพูดคำว่ารักออกมาคงต้องรอให้ปลาวาฬพูดภาษาเกาหลีได้ก่อนละมั้ง ถึงจะเป็นเพียงการพยักหน้าให้เบาๆแต่ร่างสูงกลับดีใจมากจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่ก้มลงหอมแก้มแดงๆซ้ายขวาของคนตัวเล็กอย่างไม่ทันตั้งตัว ในที่สุด  เขากับมินยุนกิก็ใจตรงกันซักที รักที่เขาแอบปลูกมันไว้วันละเล็กละน้อยโดยที่ไม่รู้ตัวใส่ปุ๋ยพรวนดินรดน้ำจนในที่สุดมันก็ผลิบาน ดอกรักของคิมนัมจุนกับมินยุกิ

     

     

     

    ไหนๆก็ใจตรงกันแล้วงั้นขอทำแบบคืนนั้นอีกซักรอบแล้วกันนะ ยุนกิ


    #นัมกินกิ


    ------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    พาสสั้นๆเป็นบทสรุปของ "เรื่องคืนนั้น" มาต่อกันให้จนจบแล้วนะคะ แรงบรรดาลใจส่วนมากของ Sf.สั้นๆจะมาจากเพลงซะส่วนใหญ่นะคะ เรื่องนี้ก็เหมือนกัน เพลงที่เราเอามาใช้คือ VROMANCE - Am I in love (사랑에 빠진 걸까요) (Feat. O Broject) อ่านจบแล้วติดแทคมาเม้าท์กันในทวิตได้นะคะ ^^

    คำแปลเนื้อเพลง : https://www.youtube.com/watch?v=06cUCF5NbAs

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×